Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 683

ตอนที่ 683

นับจากนี้ไป

มันยินดีที่จะจมลงไปในความชั่วร้าย!

ทั้งหมดนี้ก็เพื่อการกลายเป็นเซียน!

ทั้งหมดนี้ก็เพื่อการหลีกเลี่ยงจากความตาย!

หยดน้ำตาไหลลงมาจากใบหน้าของปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวัง มันกู่ร้องออกมา และดวงตาก็กลายเป็นสีแดงก่ำโดยสิ้นเชิง มันไม่มีแม้แต่จิตใจอีกต่อไป แต่ก็ยังคงรู้สึกถึงความเป็นตระกูล และพันธะแห่งเครือญาติต่อสมาชิกร่วมตระกูล แต่ตอนนี้…ก็สายเกินไปแล้วที่จะหันหลังย้อนกลับ

มันไม่ยินดีที่จะต้องตายไป โดยเฉพาะหลังจากที่ได้ครอบครองพื้นฐานเต๋าสมบูรณ์ และร่างกายมันก็เต็มไปด้วยปราณเซียน มีเพียงสิ่งเดียวที่มันสามารถทำได้ก็คือ จมลึกลงไปอีก

เสียใจ? มันไม่รู้ถึงความหมายของคำนี้ มันได้แต่กลืนกินเท่านั้น กลืนกินวิญญาณของสายโลหิตของมันเอง มีแต่วิญญาณเหล่านั้นเท่านั้นถึงจะสามารถช่วยชีวิตมันได้

นี่ก็คือ…สิ่งเดียวเท่านั้นที่มันสามารถทำได้!

ทั้งหมดนี้ก็เพียงแต่การกลายเป็นเซียนเท่านั้น!

ปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวังส่งเสียงกู่ร้องอันแหบแห้ง ขณะที่สติสัมปชัญญะของมันเริ่มเลือนลางลง เริ่มบ้าคลั่งมากขึ้นกว่าเดิม ฆ่า! ฆ่า! ฆ่า!

มันไม่รู้ว่าได้สังหารผู้คนไปมากมายเท่าใด และไม่รู้ว่ามันได้กลืนกินวิญญาณของคนในตระกูลไปเท่าใด เพียงคืนเดียว สมาชิกทั้งหมดแห่งตระกูลหวัง ในเมืองที่สาม…ตกตายไปจนหมดสิ้น

ปรมาจารย์ที่ถูกฝังอยู่ในเทือกเขาต่างๆ ถูกทำลายไปในท่ามกลางเสียงระเบิดดังกึกก้อง เจ็ดปรมาจารย์ต่างก็มีพื้นฐานฝึกตนอันน่าเหลือเชื่อ แต่ปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวังในตอนนี้ ได้ครอบครองปราณเซียน รวมทั้งพื้นฐานเต๋าสมบูรณ์ พวกมันจึงไม่อาจจะเทียบกับมันได้ และไม่อาจจะต่อสู้ด้วยได้แม้แต่น้อย

ทีละคน ทีละคน พวกมันทั้งหมดตกตายไป!

ภูเขาพังทลาย และทุกสิ่งทุกอย่างก็สั่นสะเทือน เพียงคืนเดียว พื้นฐานทั้งหมดของตระกูลหวังที่อยู่ในดินแดนแห่งดาวหนานเทียน…ถูกขุดรากถอนโคนไปจนหมดสิ้น นี่ก็คือการทำลายล้างเผ่าพันธุ์!

มันเป็นปรมาจารย์รุ่นที่สิบ ซึ่งมีชีวิตอยู่มาอย่างยาวนานในดินแดนแห่งดาวหนานเทียน มันเป็นปรมาจารย์ที่มีพื้นฐานฝึกตนสูงมากที่สุดในตระกูล เป็นบุคคลที่สมาชิกของตระกูลเทิดทูนราวกับเป็นเทพยดา

แต่ในวันนี้ เทพได้กลายเป็นมาร และการสังหารหมู่ก็ปกคลุมไปทั่ว ตลอดช่วงเวลาของการเข่นฆ่านั้น มันได้สติกลับคืนมาสามครั้ง

ครั้งแรกตอนที่มันสังหารน้องชายของมันเอง ปรมาจารย์รุ่นสิบเอ็ดแห่งตระกูลหวัง ซึ่งเคยยืนหยัดเคียงข้างมันมาตลอดหลายปีนับไม่ถ้วน มันฉีกวิญญาณของน้องชายออกมา หยดน้ำตาไหลลงมาบนใบหน้า หัวเราะอย่างบ้าคลั่งและกลืนกินวิญญาณนั้นลงไป

ครั้งที่สองเป็นตอนที่มันสังหารสมาชิกรุ่นเยาว์ของตระกูลที่มันรักมากที่สุด บุรุษผู้นั้นร้องขอชีวิตจากมัน มันบดขยี้หัวกระโหลกของบุรุษผู้นั้น มือที่ยังคงเต็มไปด้วยโลหิตและสมอง คว้าจับไปที่วิญญาณและกลืนลงไป

ครั้งที่สามเมื่อทั้งโลกตกอยู่ในความเงียบโดยสิ้นเชิง ใต้เท้าของมันไม่มีอะไรนอกไปจากซากปรักหักพังและซากศพ ไร้บุคคลใดๆ ที่ยังคงมีชีวิตอยู่ ในตอนนั้น มันได้สติกลับคืนมาอย่างชัดเจน

อย่างไรก็ตาม สติที่แจ่มใสนี้ก็คงอยู่เพียงแค่ไม่กี่อึดใจเท่านั้น จากนั้นมันก็กลับเข้าไปในความบ้าคลั่งอีกครั้ง ในตอนนี้ ร่างกายมันไม่ได้บาดเจ็บอีกต่อไป มันฟื้นฟูกลับคืนมา แต่วิญญาณที่หายไปของมัน…ก็ยังคงสูญหายตลอดไป สองจิตสามวิญญาณได้หายไปตลอดกาล

ตอนนี้มันมีเพียงแค่หนึ่งจิตสี่วิญญาณเท่านั้น

นี่เป็นผลลัพธ์ที่แลกมาด้วยชีวิตทั้งหมดของสมาชิกตระกูลหวังในดินแดนแห่งดาวหนานเทียน วิญญาณของมันไม่ได้กระจายไปและมันก็ไม่ได้ตายไป อย่างไรก็ตาม…ด้วยการมีแค่หนึ่งจิตสี่วิญญาณ ใครจะไปรู้ว่ามันจะได้สติกลับคืนมาอีกเมื่อไหร่

ส่วนใหญ่แล้ว มันจะตกอยู่ในความบ้าคลั่งและการสังหารหมู่ ก่อนที่มันจะจมกลับลงไปในความชั่วร้ายโดยสิ้นเชิง มันกวาดเช็ดคราบน้ำตา ซึ่งหยดลงไปบนซากปรักหักพังของตระกูลหวัง บางทีอีกหลายปีต่อมา อาจจะมีท้องทุ่งแห่งบุปผาสีโลหิตบานสะพรั่งอยู่ในที่แห่งนี้…

มันเงยหน้าขึ้น ส่งเสียงหัวเราะอย่างขมขื่นและโศกเศร้าออกมา จากนั้นก็กลายเป็นลำแสงเจิดจ้า พุ่งออกไปยังที่ห่างไกล

“เซียนอมตะ!”

“ข้าจะกลายเป็นเซียน!”

มันจากไป พร้อมกับความบ้าคลั่งตลอดกาล

นับจากนี้ไป ไม่มีตระกูลหวังอยู่ในดินแดนแห่งดาวหนานเทียนอีกต่อไป ในสถานที่แห่งนั้น มีคนวิกลจริตผู้หนึ่งที่พูดเพ้อพร่ำเกี่ยวกับเซียนอมตะอยู่ตลอดเวลา แน่นอนว่า น้อยคนนักที่จะกล้าไปตอแยหาเรื่องกับคนวิกลจริตผู้นั้น

นั่นเป็นเพราะว่า…มันอยู่ห่างจากการกลายเป็นเซียนเพียงแค่ครึ่งทางเท่านั้น มันได้ครอบครองปราณเซียน และจำเป็นต้องผ่านทัณฑ์เซียน ก่อนที่จะกลายเป็นเซียนที่แท้จริง!

โชคร้ายที่วิญญาณของมันไม่สมบูรณ์ และมันก็จมอยู่ในความชั่วร้ายไปตลอดกาล มันไม่มีทางที่จะได้พบเจอกับวันแห่งทัณฑ์เซียนไปชั่วนิรันดร์

ในส่วนลึกของวงแหวนที่สองแห่งทะเลเทียนเหอ ดอกปี่อ้านขนาดใหญ่ ส่ายไหวไปมาอยู่ในน้ำ ยากที่จะมองเห็นจำนวนสีของมัน แต่สิ่งที่สามารถมองเห็นได้ก็คือ เงาร่างของสตรีกำลังนั่งอยู่บนดอกไม้ แทบจะดูเหมือนว่านางกำลังทำให้กลีบดอกส่ายไหวไปมาตามการขยับตัวของนาง

“ไม่มีพื้นฐานเต๋า มันคงจะตายไปแล้ว…”

“ในพันธมิตรแห่งผู้ผนึกอสูร รุ่นที่เก้าคือสูงสุด ดูเหมือนว่าพันธมิตร…ได้ถูกทำลายลงไปแล้ว”

ด้านนอกของวงแหวนที่สี่แห่งทะเลเทียนเหอ มีเกาะแห่งหนึ่งกำลังพุ่งผ่านไปตามพื้นผิวของน้ำทะเล ทันใดนั้น แรงสั่นสะเทือนก็วิ่งผ่านมันไป และมันก็หยุดชะงักนิ่ง หลังจากที่ผ่านไปนาน นานสักพัก ศีรษะขนาดใหญ่ก็โผล่ขึ้นมาจากน้ำทะเล และมองออกไปยังที่ห่างไกล

“กลิ่นอายของมัน…หายไปแล้ว…”

“เจ้าสารเลวน้อยเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมและชั่วร้ายราวปีศาจ มันตายไปแล้ว? ดี! เยี่ยม! สุด…เดี๋ยวนะ มันตายแล้ว?!?!” ศีรษะนั้นสั่นสะท้านขึ้นเล็กน้อย ปรมาจารย์เอกะเทวะต้องการจะรู้สึกมีความสุข แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ทำให้มันไม่อาจจะรู้สึกเช่นนั้นได้

“ตายไปแล้ว…บัดซบ ใครสังหารมัน? มันเป็นศิษย์สายในเพียงคนเดียวของเหลาจู่! เจ้าสารเลวน้อยมีเล่ห์เหลี่ยมอย่างที่ไม่มีวันใช้หมดสิ้น แล้วมันจะตายไปได้อย่างไร?!?!”

บนเกาะนั้น ดูเหมือนว่ากู๋อี่ติงซานอวี่ก็รับรู้ได้ถึงบางอย่างด้วยเช่นเดียวกัน และใบหน้านางก็ซีดขาว นางยืนพิงไปที่ฉวนหลิงผู้ชรา แววตาเต็มไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจ

“ท่านไม่ใช่สัญญากับข้าว่า จะช่วยให้ข้ากลายเป็นทะเล…? ท่านกลับมาทำลายคำสัญญาของตนเองไป…”

ในดินแดนด้านใต้ ในสำนักจื่อยิ่น ตานกุ่ยกำลังยิ้มอยู่ขณะที่ทำการปรุงเม็ดยาให้กับเมิ่งฮ่าวโดยเฉพาะ เมื่อเร็วๆ นี้ ท่านรู้สึกว่าอาจารย์และศิษย์คงจะได้พบกันอีกในไม่ช้า

ท่านต้องการจะปรุงยาพิเศษนี้ให้เสร็จ ก่อนที่คนทั้งสองจะได้พบกัน อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้เองที่กระถางปรุงยาจู่ๆ ก็ระเบิดออก ทันใดนั้นก็ดูเหมือนว่าตานกุ่ยจะแก่ชราลงไปนับร้อยปี ท่านมองออกไปยังที่ห่างไกลอย่างเงียบๆ เป็นเวลานาน, นานมากๆ

ฉู่อวี้เยียนกำลังนั่งขัดสมาธิเข้าฌาณ ฝึกฝนวิถีเซียนอยู่ในถ้ำแห่งเซียนของนาง จากนั้นด้วยเหตุผลบางอย่าง จิตใจนางจู่ๆ ก็รู้สึกสับสนเป็นทุกข์ นางลืมตาขึ้นมา และมองขึ้นไปบนท้องฟ้ายามราตรี ดาวตกแวบขึ้นมา

“เมื่อข้ายังเยาว์ ท่านพ่อมักจะพูดว่าเมื่อมองเห็นดาวตก ก็หมายความว่ามีใครบางคนเพิ่งจะตกตายไป”

ในสำนักชิงหลัว, สวี่ชิงนั่งหลับตาอยู่ กำลังค้นหาความรู้แจ้งแห่งเวทเต๋าที่นางได้มาจากในสำนักเซียนอสูร ทันใดนั้นแรงสั่นสะเทือนก็วิ่งผ่านร่างกาย และนางก็ลืมตาขึ้นมา ใบหน้าซีดขาวอย่างน่ากลัว และนางก็ยกมือขึ้นมาทาบไปที่หน้าอก

ความรู้สึกไม่สบายใจอย่างรุนแรง ทำให้นางต้องหยุดการฝึกฝนในทันที เดินออกไปจากถ้ำแห่งเซียน ใบหน้าเริ่มซีดขาวมากขึ้นกว่าเดิม

“ความเจ็บปวด นี่เป็นครั้งที่สองที่ข้ารู้สึกเจ็บปวดเช่นนี้…ครั้งแรกคือตอนอยู่ที่ถ้ำกำเนิดใหม่”

“เมิ่งฮ่าว ใช่ท่านหรือไม่? เกิด…อะไรขึ้น? ทำไมจู่ๆ ข้าถึงรู้สึกตกใจเช่นนี้?” สวี่ชิงไม่รู้ว่าทำไม แต่ทันใดนั้นนางก็พบว่าตนเองกำลังร้องไห้ออกมา นางไม่กล้าที่จะคิดให้มากไปกว่านี้เกี่ยวกับลางสังหรณ์ที่เกิดขึ้นมาในทันใด นางสั่นไปทั้งร่างบินขึ้นไปในท้องฟ้า

ถึงแม้ว่านางจะไม่รู้ถึงต้นเหตุของความรู้สึกนี้ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ทำให้นางมองตรงไปยังทะเลเทียนเหอ และจากนั้นก็เริ่มบินไป

ในวันนั้น เจ้าอ้วนรู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างยิ่ง มันรู้สึกหงุดหงิดอยู่ตลอดเวลาในสำนักจินหาน ถึงแม้จะไม่รู้ว่าทำไมก็ตามที

ในวันนั้น เฉินฝานได้สังหารผู้คนไป ถึงแม้ว่ามันจะมีท่าทางเยือกเย็น แต่ลึกลงไปในจิตใจ กลับมีความต้องการสังหารอยู่มากมายนับไม่ถ้วน มันบินออกไปจากสำนัก และสังหารผู้ฝึกตนที่ชั่วร้ายไปมากมาย

ในวันนั้น ในสำนักเซี่ยเยา หวังโหย่วฉายสามารถทำให้พื้นฐานฝึกตนทะลวงผ่านเข้าไปในขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่ได้รู้สึกยินดี มันมองไปในทิศทางที่แคว้นจ้าวเคยตั้งอยู่ และครุ่นคิดไปถึงช่วงเยาว์วัย และสหายเก่าๆ ของมัน

ในวันนั้น ในดินแดนทางเหนือ ผู้ฝึกตนโลหิตมีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมา ด้วยตัวมันเพียงลำพัง ได้สังหารผู้ฝึกตนในสำนักขนาดเล็กไปทั้งหมด จากนั้นก็ยึดครองสถานที่แห่งนั้นไว้ มันอายุยังเยาว์ แต่ก็ไร้ความรู้สึกและเลือดเย็น ในมือที่ชุ่มไปด้วยโลหิตของมัน ถือของวิเศษที่เป็นไข่มุกอยู่หนึ่งลูก บุรุษผู้นั้นมีนามว่า ต๋งหู่

ในวันนั้น ในต้าถังแห่งดินแดนตะวันออก ในหอคอยที่สูงใหญ่ สามีและภรรยาได้โต้เถียงกันอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ในที่สุดสตรีนางนั้นก็พุ่งออกไป ดวงตาเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา บุรุษมองไปอย่างเงียบๆ จากที่ห่างไกล ไม่มีใครมองเห็น แต่ก็มีหยดน้ำตาไหลลงมาบนใบหน้ามันเช่นเดียวกัน

เวลาค่อยๆ เลื่อนผ่านไปอย่างช้าๆ

สวี่ชิงมาถึงทะเลเทียนเหอ แต่ไม่ว่านางจะค้นหาอย่างไร ก็ไม่พบเห็นอันใด ผ่านไปหกสิบปีเต็ม ก่อนที่นางจะเลือกบริเวณเขตชายแดนของดินแดนด้านใต้นั่งลงเข้าฌาณอย่างเงียบๆ ทุกๆ วันนางจะมองออกไปยังทะเลเทียนเหอ นางรู้สึกว่าที่นั่นซึ่งอยู่ห่างออกไปบางแห่งก็คือเมิ่งฮ่าว

มันเป็นแค่ความรู้สึกเท่านั้น แต่นางก็เชื่อในความรู้สึกนั้น

สำหรับคู่สามีภรรยาที่โต้เถียงกัน สตรีก็มาค้นหาที่ทะเลเทียนเหอด้วยเช่นกัน หยดน้ำตาไหลลงมาจากแก้มนาง ขณะที่ตรงไปยังวงแหวนที่สาม, ไปยังวงแหวนที่สอง, ไปยังทุกหนทุกแห่ง แต่นางก็ไม่พบเห็นอันใด นางค้นหาและค้นหา และยังได้ต่อสู้กับเซียนรุ่งอรุณในวงแหวนที่สองอีกด้วย

การต่อสู้นั้นทำให้สวรรค์สะท้านปฐพีสะเทือน ปีศาจทะเลทั้งหมดที่อยู่ในวงแหวนที่สองถูกสังหารไป และน้ำทะเลสีดำก็กระจายออกไปปกคลุมทั่วทั้งวงแหวนที่สาม สวรรค์และปฐพีเริ่มมืดสลัวดูเลือนลาง แต่ใครจะเป็นผู้ชนะ และใครเป็นผู้แพ้ ไม่มีใครรู้ได้

หนึ่งร้อยปีผ่านไป…

ในวงแหวนชั้นในแห่งทะเลเทียนเหอ น้ำทะเลเป็นสีแดง เรือรบโบราณลอยผ่านพื้นผิวของน้ำทะเล ตรงหัวเรือนั่งไว้ด้วยชายชราในชุดเกราะนักรบ มันนั่งขัดสมาธิอยู่ที่นั่น มองออกไปยังที่ห่างไกล ยากที่จะบอกได้ว่ามันกำลังมองดูอะไรอยู่

ด้านข้างชายชรานอนไว้ด้วยร่างๆ หนึ่ง เป็นบุรุษที่ไม่มีผมหรือขนคิ้ว ร่างกายแห้งเหี่ยวโดยสิ้นเชิง ริ้วรอยเหี่ยวย่นปกคลุมไปทั่วทั้งผิวหนัง ดูราวกับว่ามันเพิ่งจะคลานออกมาจากหลุมฝังศพ ทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยกลิ่นเน่าเหม็น

มันไม่มีแขนขวา และมองเห็นรูขนาดใหญ่อยู่ที่หน้าอก ซึ่งเป็นตำแหน่งของหัวใจ…แต่ตอนนี้ไม่มีอีกแล้ว

เปลวไฟลุกไหม้อยู่เหนือร่างมัน ทำให้แสงอันอบอุ่นปกคลุมไปทั่วทั้งร่างกายมัน ขณะที่แสงนั้นเปล่งประกายออกมา ก็กลายเป็นจุดแสงระยิบระยับ แต่ละจุดแสงนั้นมองเห็นสัญลักษณ์เวทที่ยากจะเข้าใจได้แวบขึ้น อย่างช้าๆ จุดแสงเหล่านั้นได้ซึมเข้าไปในรูตรงหน้าอกเมิ่งฮ่าว

ภายในหน้าอกของเมิ่งฮ่าว เลือดเนื้อเริ่มบิดเบี้ยวไปมา ราวกับว่ามันค่อยๆ เริ่มเติบโตขึ้นอย่างช้าๆ

หลายปีที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าพวกเขาจะดำเนินไปเช่นนี้ตลอดกาล และเนื่องจากว่าพวกเขาอยู่ในวงแหวนชั้นในแห่งทะเลเทียนเหอ จึงไม่มีใครสามารถค้นหาเรือโบราณนี้หรือเมิ่งฮ่าวได้

ในวันหนึ่ง ชายชราในชุดเกราะได้ลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ ที่ซุกซ่อนอยู่ภายในดวงตาคู่นั้นเป็นดวงตะวัน, จันทรา และดวงดาว เวลาที่ผ่านไปโดยไม่รู้จบได้ไหลซึมเข้าไปในดวงตาคู่นี้ ราวกับว่าชายชราสามารถมองเห็นความลึกล้ำอย่างไร้จุดสิ้นสุดของพวกมันได้

มันหันหน้าไป และสายตาอันลึกซึ้งก็ตกกระทบไปบนร่างเมิ่งฮ่าว

เมื่อเป็นเช่นนั้น ร่างเมิ่งฮ่าวก็ดูเหมือนจะเผชิญหน้ากับเวลาที่ผ่านไปหลายพันปี เปลวไฟลุกไหม้อย่างรุนแรง กระจายจุดแสงระยิบระยับมากขึ้น หลอมรวมเข้าไปในรูบนหน้าอกเขา เลือดเนื้อเริ่มดิ้นไปมามากขึ้น และในที่สุดขั้นตอนการรักษาก็สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า หัวใจดวงใหม่ถูกสร้างขึ้นมา และบาดแผลก็ถูกรักษา แม้แต่กระดูกและกล้ามเนื้อของแขนขวาก็ค่อยๆ เริ่มงอกออกมาอย่างช้าๆ

ดูเหมือนว่าภายในชั่วพริบตา เมิ่งฮ่าวก็ฟื้นคืนกลับมาโดยสมบูรณ์ มองไม่เห็นร่องรอยบาดแผลอยู่บนร่างเขาอีก อย่างไรก็ตาม…เส้นผมของเขาก็ยังเป็นสีขาวโพลน และดูแก่ชราเป็นอย่างยิ่ง ราวกับว่าเขาก็คือชายแก่ผู้หนึ่ง

ความอ่อนแอกระจายออกมาจากร่าง ขณะที่เขาลืมตาขึ้นมา

ดวงตาเขาเต็มไปด้วยความสับสน เขานอนครุ่นคิดอยู่ที่นั่นเป็นเวลานาน ก่อนที่ความทรงจำจะเริ่มไหลเข้าไปในสมองอย่างช้าๆ เขาคิดไปถึงปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวัง และการที่เขาเลือกจะแตกดับไปพร้อมกับมัน แทนที่จะยอมละทิ้งอิสรภาพ สุดท้ายเขาก็ทำให้กระบี่ระเบิดไปที่จิตวิญญาณของปรมาจารย์ตระกูลหวัง!

“พื้นฐานฝึกตนของข้า…” เขาหลับตาลง และกระจายสัมผัสอยู่ภายใน หลังจากนั้นสักพัก เขาก็ค่อยๆ ลุกขึ้นมานั่งอย่างช้าๆ และมองไปยังชายชราในชุดเกราะ ซึ่งนั่งหันหลังให้กับเขา ดูเหมือนว่าชายชราจะนั่งอยู่บนเรือลำนี้ไปชั่วนิจนิรันดร์ ขณะที่เรือสัญจรไปมาจนทั่ว

เมิ่งฮ่าวประสานมือและโค้งตัวลงต่ำ “ผู้อาวุโส ขอบคุณสำหรับความเมตตาช่วยชีวิตข้า!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version