Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1572

ตอนที่ 1572

การมาถึงของมาร

อาณาจักรเทพสั่นสะท้านอย่างต่อเนื่องภายใต้แนวรบของผู้ฝึกตนแห่งชางหมางพ่าย ท้องฟ้าลุกเป็นไฟ และพื้นดินก็แตกกระจาย รอยแตกร้าวเลื้อยออกไปทั่วทั้งดินแดนกว้างใหญ่ ราวกับมีมังกรมากมายกำลังพลิกตัวไปมาอยู่ใต้พื้นดิน ทำให้ภูเขาต้องพังทลายลงมา

ราวกับเป็นวันสิ้นโลก

แต่ก็ดูเหมือนว่าผู้คนแห่งอาณาจักรเซียนจะไม่ให้ความใส่ใจแม้แต่น้อย ถึงแม้ว่าพวกมันจะต่อสู้กลับมา แต่ก็เหมือนกับว่ากำลังงุนงงต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ราวกับว่าพวกมันไร้ความรู้สึกใดๆ

ถ้าเมิ่งฮ่าวลดพื้นฐานฝึกตนลงไปจนถึงระดับเก้าแก่นแท้ ก็จะมองเห็นสิ่งที่แตกต่างกันออกไปเป็นอย่างมาก ผู้ฝึกตนที่ดูเหมือนว่าจะงุนงงและไร้ความรู้สึกในตอนนี้ กลับดูเหมือนว่าจะเต็มไปด้วยโทสะและเจ็บปวดใจ

เมิ่งฮ่าวดึงสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมา และมองไปยังบุรุษร่างกำยำสูงใหญ่ในชุดขององค์ชาย ที่นั่งอยู่

ในท่ามกลางแคว้นมนุษย์ธรรมดา เขาเดินขึ้นไปและนั่งลงที่เบื้องหน้ามัน

พยักหน้าให้และกล่าวว่า “ช่างแปลกจริงๆ”

บุรุษร่างกำยำยิ้มและดื่มสุราลงไปอึกใหญ่ ดูเหมือนว่าดวงตาจะแวบประกายขึ้นด้วยความทรงจำเมื่อนานมาแล้ว “ในอดีตที่ผ่านมาดินแดนกว้างใหญ่แห่งนี้เคยมีอีกนามหนึ่ง มันถูกเรียกว่า…เซียนกัง (ดาวเซียน)” (仙罡 – 罡 กังเป็นชื่อดาวดวงหนึ่งอยู่ตรงส่วนหางในกลุ่มดาวไถหรือกลุ่มดาวนายพราน)

“จากระดับพื้นฐานฝึกตนของท่าน ก็น่าจะพบเห็นร่องรอยบ้างแล้ว เหตุผลที่ข้าไม่มีเส้นใยวิญญาณบัดซบจากเจตจำนงแห่งความว่างเปล่าไร้ขอบเขตเหล่านั้นก็เป็นเพราะว่า…เจตจำนงนั้นไม่อาจจะค้นพบการคงอยู่ของข้าได้”

“เนื่องจากเช่นนั้น ไม่ว่ามันจะไปเปลี่ยนแปลงการไหลของกาลเวลา สร้างบางสิ่งขึ้นมาจากความว่างเปล่า เพื่อนำผู้ฝึกตนเหล่านั้นให้ย้อนกลับไปยังความทรงจำในส่วนลึกของพวกมัน ก็ยังไม่อาจจะทำอะไรกับข้าได้ คนอื่นๆ ที่เหมือนกับข้า ตัดสินใจทิ้งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ไว้บางส่วน เพราะไม่อาจจะทนเป็นส่วนหนึ่งของสถานที่แห่งนี้ได้” มันโยนขวดน้ำเต้าสุราไปทางด้านข้าง และลุกขึ้นมายืน เมื่อทำเช่นนี้พลังอันแข็งแกร่งก็เริ่มพุ่งขึ้นมาจากภายในร่าง

กลายเป็นสายลมอันปั่นป่วนวุ่นวายที่ม้วนกวาดออกไปทั่วทุกทิศทาง ถึงแม้ว่าเมิ่งฮ่าวจะยืนอยู่ตรงหน้ามัน แต่สายลมนั้นก็ไม่อาจจะทำให้เส้นผมของเขาต้องลอยขึ้นไปได้แม้แต่เส้นเดียว

เวลาเดียวกันนั้นสายลมอีกเจ็ดแห่ง ก็พุ่งขึ้นมาจากสถานที่ที่แตกต่างกันออกไปบนดินแดนกว้าง

ใหญ่ สีสันแวบขึ้นไปในท้องฟ้าที่ด้านบน และทุกสิ่งทุกอย่างก็สั่นสะเทือนไปมา

เมิ่งฮ่าวส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ม้วนกวาดออกไปสังเกตดูสายลมอื่นๆ รวมทั้งบุรุษร่างกำยำสูงใหญ่ที่เบื้องหน้า มีทั้งหมดแปดคน บ้างก็เป็นบุรุษ บ้างก็เป็นสตรี คนทั้งหมดเริ่มพุ่งขึ้นไปในอากาศ ด้วยสีหน้าโหยหา เห็นได้ชัดว่าพวกมันไม่ต้องการจะจากสถานที่ที่ตนเองรักไป

“ดินแดนกว้างใหญ่แห่งนี้ เคยถูกทำลายไปแล้วครั้งหนึ่งเมื่อในอดีต ผู้คนมากมายตกตายไป…กลุ่มคนที่รอดชีวิตก็จากท้องฟ้าซึ่งเต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งความว่างเปล่าไร้ขอบเขตนี้ไป สิ่งที่ยังคงเหลืออยู่…ไม่ใช่ของจริง”

“พวกเรากำลังรอคอยให้ใครบางคนมากวาดล้างสถานที่แห่งนี้ไป มาลบล้างความทรงจำของพวกเราไป”

“ขอบคุณมาก ข้ามีความรู้สึกว่าพวกเราอาจจะได้พบกันอีกสักวันหนึ่ง ก่อนจากไป ข้าขอมอบสิ่งของบางอย่างให้กับท่าน

บางทีมันอาจจะช่วยให้ไม่ต้องสังหารมากนัก และเกิดการบาดเจ็บล้มตายน้อยลง” บุรุษร่างกำยำมองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยสายตาลึกซึ้งชั่วขณะ จากนั้นก็หันหลังพุ่งขึ้นไปในท้องฟ้า เข้าร่วมกับอีกเจ็ดเงาร่าง คนทั้งแปดบินขึ้นไปในท้องฟ้าที่อยู่สูงมากที่สุด จากนั้นร่างกายของพวกมันก็เริ่มบิดเบี้ยวไปมา กลายเป็นกระแสน้ำวน เวลาเดียวกันนั้นค่ายกลเวทที่อยู่รอบๆ สมาชิกของตระกูลหวังก็ถูกกระตุ้นให้ทำงานขึ้นมาอย่างสมบูรณ์ ตระกูลหวังหายเข้าไปในกระแสน้ำวน เห็นได้ชัดว่าคนทั้งแปดกำลังนำตระกูลหวังไปพร้อมกับพวกมัน ยังสถานที่ไหนสักแห่งที่พวกมันกำลังไป

ขณะที่กระแสน้ำวนจางหายไป ปราณและโลหิตที่ถูกสร้างขึ้นมาเป็นร่างกายของคนทั้งแปดก็กระจัดกระจายออกไป กลายเป็นทะเลขนาดใหญ่ จากนั้นทะเลโลหิตเหล่านั้นก็เริ่มตกลงมาบนดินแดนกว้างใหญ่ที่เบื้องล่าง

ขณะที่พิรุณโลหิตพร่างพรมลงไป ผู้ฝึกตนแห่งอาณาจักรเทพก็เริ่มแผดร้องออกมา ขณะที่ร่างกายพวกมันหลอมละลายไป เวลาเดียวกันนั้นอาคารบ้านเรือนที่กระจายเต็มไปทั่วพื้นดินก็เริ่มเน่าเปื่อยไปในทันที ราวกับว่าอายุขัยของพวกมันหมดลงแล้ว

สิ่งมีชีวิตทั้งหมดหลอมละลายไปภายใต้พิรุณโลหิตที่กำลังพร่างพรมลงมา กระจายเต็มไปทั่วทั้งอาณาจักรเทพ เพียงแค่ไม่กี่อึดใจก่อนที่ทุกสิ่งทุกอย่างจะเงียบกริบลง

เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นอย่างไร้วี่แววล่วงหน้ามาก่อน ทำให้ผู้ฝึกตนแห่งกองกำลังชางหมางพ่ายที่อยู่ในท่ามกลางการต่อสู้ต้องตกตะลึงไป ที่จู่ๆ ศัตรูของพวกมันก็หลอมละลายกลายเป็นโลหิตไหลนองไปทั่วพื้นด้านล่าง

เมิ่งฮ่าวยืนอยู่ที่นั่นมองไปยังสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ มองไปขณะที่กลุ่มหมอกสีดำอันไร้ขอบเขตโผล่ออกมาจากกลุ่มคนที่ตายไป ไหลเข้าไปในเก้ารูปปั้นที่ตั้งอยู่แต่ละจุดบนดินแดนกว้างใหญ่

ในที่สุดรูปปั้นทั้งหมดก็กลายเป็นสีดำสนิท และกระจายเป็นเสียงแตกร้าวออกมา จากนั้นก็เริ่มพังทลายลงไป ขณะที่เศษชิ้นส่วนเหล่านั้นตกลงมา ส่วนของรูปปั้นที่ยังเหลืออยู่ก็ยิ่งเป็นสีดำเข้มมากขึ้นกว่าเดิม

ในที่สุดแปดรูปปั้นก็พังทลายกลายเป็นเศษซากปรักหักพัง และรูปปั้นที่อยู่ตรงจุดศูนย์กลาง ซึ่งดูน่าตกใจมากที่สุดในท่ามกลางพวกมันทั้งหมด ก็มีสีดำสนิทไปโดยสิ้นเชิง ชั่วขณะต่อมากลุ่มหมอกสีดำก็ระเบิดออก ปกคลุมไปทั่วทั้งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวโดยสิ้นเชิง

และเจตจำนงอันน่าตกใจก็โผล่ออกมาจากภายในรูปปั้นด้วยเช่นกัน

รูปปั้นเปลี่ยนแปลงไป ไม่ได้ดูดุร้ายน่ากลัวจนสามารถจะสังเกตเห็นได้อย่างง่ายดายอีกต่อไป ไม่ได้เหมือนกับผู้อยู่เหนือสูงสุดจากสมัยโบราณ เป็นแค่รูปร่างที่ถูกสร้างขึ้นมาจากเจตจำนงแห่งหลัวเทียนเท่านั้น

ช่วงเวลาเดียวกันนั้นเองที่ดวงตาของรูปปั้นได้ลืมขึ้นมาในทันที ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มสั่นสะเทือน และกลุ่มหมอกสีดำก็พลุ่งพล่านปั่นป่วน ขณะที่กลิ่นอายอันน่าตกใจปะทุออกมา

ทันใดนั้นศีรษะอันดุร้ายนับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้นจากภายในกลุ่มหมอก ยิ้มอย่างชั่วร้ายขณะที่เริ่มพุ่งตรงไปยังผู้ฝึกตนแห่งชางหมางพ่าย เมิ่งฮ่าวเดินตรงไปข้างหน้าในทันที ไปปรากฏกายขึ้นที่เบื้องหน้ารูปปั้นขนาดใหญ่ ยกมือขวาขึ้นมาโบกสะบัดชายแขนเสื้อออกไป แผ่พุ่งพลังเหนือสูงสุดให้ระเบิดออกไป ทำให้กฎธรรมชาติในที่แห่งนั้นเปลี่ยนแปลงไป กลายเป็นพลังทำลายล้าง ขับไล่ศีรษะอันดุร้ายให้กระจัดกระจายหายไป พร้อมกับเสียงกรีดร้องที่ดังก้องอยู่ตลอดเวลา

ในตอนนี้เองที่ท้องฟ้าซึ่งเต็มไปด้วยหมู่ดาวในที่ห่างไกลออกไป เริ่มบิดเบี้ยวเป็นระลอกคลื่น ขณะที่ดินแดนขนาดใหญ่อีกแห่งปรากฏขึ้น ซึ่งก็คือ…อาณาจักรมารนั่นเอง

“ข้าจัดการที่นี่เอง” เมิ่งฮ่าวกล่าวเสียงราบเรียบ เจ้าสำนักสูดหายใจเข้าลึกๆ ขณะที่มองไปยังการสังหารหมู่ที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้น มองไปยังกลุ่มหมอกสีดำและรูปปั้น พยักหน้าให้และจากนั้นก็ถอยไปทางด้านหลัง

ในที่สุดกองกำลังแห่งชางหมางพ่ายก็มุ่งหน้าตรงไปยังผู้ฝึกตนนับไม่ถ้วนแห่งอาณาจักรมาร

การสังหารยังไม่จบสิ้นลง ศัตรูเปลี่ยนไป การต่อสู้ยังคงดำเนินไปเหมือนก่อนหน้านี้ แต่เกิดขึ้นที่สนามรบอีกแห่งเท่านั้น

ย้อนกลับไปยังอาณาจักรเทพ เมิ่งฮ่าวยืนอยู่ที่เบื้องหน้ารูปปั้น ซึ่งกำลังจ้องมองลงมายังตนเอง ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยแสงสีดำ ทันใดนั้นรูปปั้นก็ก้าวเดินตรงมา มือที่ประสานอยู่ด้านหลังของมัน พุ่งออกมาในทันที พร้อมกับนิ้วที่ชี้ตรงมา

ทันใดนั้นกลุ่มหมอกสีดำที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นก็เริ่มพุ่งตรงไปยังดรรชนีข้างนั้น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version