Skip to content

Outside Of Time 1097


บทที่ 1097 ผลเก็บเกี่ยวมหาศาล

ระบบดาวที่ 5 ณ พื้นที่ที่ไม่รู้จัก ภายในเหมืองวิญญาณ

บนท้องฟ้า ฝาครอบที่อยู่ที่นี่ยังคงปกคลุมทั่วทุกทิศ สกัดกั้นภายในและภายนอก ทำให้ระลอกคลื่นทั้งหมดที่นี่ โลกภายนอกยากจะรับรู้ได้

ในหนองน้ำบนพื้นดินเต็มไปด้วยหลุมลึก นั่นคือร่องรอยการต่อสู้ระหว่างสวี่ชิงกับผู้บำเพ็ญระดับเจ้าเหนือหัว

นอกเหนือจากนั้น ก็เป็นโลกใบเล็กฟองอากาศนับไม่ถ้วนที่กำลังแตกสลาย

ส่วนสวี่ชิง เขายืนอยู่กลางอากาศ ตอนนี้สีหน้าซีดเผือด ทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยเลือดเนื้อเละเทะเหวอะหวะ

แต่เขาก็ไม่ได้สนใจสิ่งเหล่านี้ ในตอนนี้สิ่งที่สายตาเขามองไปคือบริเวณที่ผู้บำเพ็ญระดับเจ้าเหนือหัวผู้นั้นร่างและศีรษะแยกจากกัน

ขณะเดียวกัน มือข้างหนึ่งก็ประสานปางมือ ไม่ลดความระมัดระวังลง เตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์อื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้น

ขอเพียงมีความผิดปกติแม้แต่น้อย เขาก็จะฟันดาบอีกครั้ง

จนกระทั่งเห็น ผู้บำเพ็ญระดับเจ้าเหนือหัวคนนี้ไร้ซึ่งลมหายใจโดยสิ้นเชิง ภายใต้การทำลายล้างของปราณกระบี่ ศพก็สลายไปอย่างรวดเร็ว

สุดท้ายก็ดับสูญไปโดยสมบูรณ์ สวี่ชิงในใจถึงค่อยรู้สึกสงบ

การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ง่ายเลย

อาจเป็นเพราะระบบดาวและประวัติการเติบโตที่แตกต่างกัน สวี่ชิงสามารถสัมผัสได้ว่าผู้บำเพ็ญระดับเจ้าเหนือหัวที่ต่อสู้กับเขาเมื่อครู่นั้น ด้านกำลังรบและวิธีการ เหนือกว่าผู้บำเพ็ญระดับเจ้าเหนือหัวที่เขาเคยเห็นในแดนศักดิ์สิทธิ์

“มีความเป็นไปได้ 3 อย่าง”

“1 คือ คนที่ข้าพบเจอคนนี้เป็นกรณีพิเศษ”

“2 คือ สภาพแวดล้อมของระบบดาวที่ 5 นี้ อันตรายกว่าที่ข้าคิดเอาไว้ ดังนั้นจึงทำให้ผู้บำเพ็ญระดับเจ้าเหนือหัวที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดก็ไม่ธรรมดาทั้งนั้น”

“3 คือ ผู้บำเพ็ญระดับเจ้าเหนือหัวในแดนศักดิ์สิทธิ์ อยู่อย่างสุขสบายมานาน จึงทำให้ด้านกำลังรบไม่เพียงพอ”

ความไม่รู้เกี่ยวกับ ระบบดาวที่ 5 ทำให้สวี่ชิงในตอนนี้ยากที่จะตัดสินได้อย่างแม่นยำ แต่ดวงตาของเขาก็ยังคงสงบนิ่ง รังสีอำมหิตบนร่างของเขาจากการต่อสู้ครั้งนี้ก็ยิ่งเข้มข้นขึ้น

ในตอนนี้กลางท้องฟ้า สายตาของเขากวาดสายตามองไปรอบทิศ เพียงก้าวเดียวก็มาถึงจุดที่ร่างของผู้บำเพ็ญระดับเจ้าเหนือหัวผู้นั้นสลายไป

ตรงนั้นมีถุงเก็บของอยู่ใบหนึ่ง

สวี่ชิงคว้ามันมาถือไว้ จากนั้นก็ไหววูบหายไปอีกครั้ง เมื่อปรากฏตัวขึ้นก็มาอยู่แถวๆ โล่และประตูผี

วิชาประตูผีคือพลังวิเศษ และจากการที่ผู้บำเพ็ญระดับเจ้าเหนือหัวตายไป ประตูผีบานนั้นก็พังทลายหายไปแล้ว

สวี่ชิงมองอยู่ครู่หนึ่ง เก็บโล่ลงไป เพียงก้าวเดียวก็มาถึงบริเวณธูปคร่าชีวิต

ธูปดอกนี้เพิ่งจะเผาไหม้ไปเล็กน้อย ก่อนหน้านี้ถูกกรรไกรมหาจักรพรรดิของสวี่ชิงตัดขาดซึ่งผลกรรมเวร ทำให้มอดดับลง

“ของสิ่งนี้ไม่เลวเลย”

สวี่ชิงยกมือคว้า ธูปดอกนั้นก็ลอยมาอย่างรวดเร็ว เขาถือไว้ในมือ ลบตราประทับทุกอย่างทิ้งไป เหลือไว้เพียงตราประทับของตนเอง จากนั้นก็เงยหน้ามองไปยังเจ้าเงา

ร่างของเจ้าเงาและต้นไม้วิเศษกระจกแก้วยังคงต่อสู้กันอยู่

เดิมทีเจ้าเงาตกเป็นรอง ยากลำบากอย่างยิ่ง หากไม่ใช่เพราะความแปลกประหลาดและการฟื้นตัวของมันเอง เกรงว่าคงจะดับสูญไปนานแล้ว

จนกระทั่ง ผู้บำเพ็ญระดับเจ้าเหนือหัวตาย ต้นไม้วิเศษกระจกแก้วสั่นสะเทือน ราวกับขาดการสนับสนุน เจ้าเงาคว้าโอกาสโต้กลับ

ในตอนนี้ ท่ามกลางเสียงระเบิดกึกก้อง สวี่ชิงมองไปยังเจ้าเงาและต้นไม้วิเศษที่แปลงร่างออกมาซึ่งเหมือนกับตนเองทุกประการ แล้วเอ่ยอย่างราบเรียบ “เจ้าน่าจะมีสติปัญญาอยู่ในระดับหนึ่ง ดังนั้น…เลือกเอาว่าให้ข้าทำลายเจ้า หรือจะศิโรราบ”

เสียงของสวี่ชิงส่งผ่านเข้าไปยังจุดต่อสู้ เจ้าเงาก็ฮึกเหิม แผ่ระลอกคลื่นอารมณ์ออกมาทันทีเช่นกัน ช่วยสวี่ชิงข่มขู่

ต้นไม้วิเศษกระจกแก้วสั่นสะท้าน เงาร่างที่แปลงออกมาร่างนั้นก็สัมผัสได้ถึงความน่ากลัวของสวี่ชิง ดังนั้นหลังจากเงียบนิ่งไปชั่วครู่ เงาร่างนี้ก็ก้มศีรษะโค้งคารวะสวี่ชิง จากนั้นก็สลายไป

ส่วนร่างจริงของต้นไม้วิเศษกระจกแก้วหลังจากที่ส่องประกายแสงสว่างวาบ 2-3 ครั้งแล้วก็หมองหม่นลง ไม่ลงมืออีก

เมื่อสวี่ชิงเห็นเช่นนี้ ก็ยกมือขึ้นคว้ากลางอากาศ

ทันใดนั้นต้นไม้วิเศษก็ไม่มีการขัดขืนใดๆ พุ่งตรงมาหาสวี่ชิง ปล่อยให้สวี่ชิงลบตราประทับบนตัวมัน และประทับตราประทับใหม่ลงไป

เจ้าเงาในขณะนี้ก็กลับมาเช่นกัน แสดงถึงความเหนื่อยล้าอย่างมากออกมา

“ทำได้ไม่เลว” สวี่ชิงเอ่ยชม 1 ประโยค

เจ้าเงาฮึกเหิมขึ้นมา การได้รับคำชมจากสวี่ชิง ดูเหมือนว่าสำหรับมันแล้วจะมีความหมายอย่างยิ่ง ดังนั้นระลอกคลื่นอารมณ์จึงพลันร่าเริงขึ้นมาทันที “นาย…ข้ามี…ประโยชน์…”

สวี่ชิงพยักหน้า สายตาจับจ้องไปที่ต้นไม้วิเศษกระจกแก้ว

ต้นไม้นี้มีพลังไม่ธรรมดา โดยเฉพาะวิธีการดูดซับกลิ่นอายของศัตรูและร่องรอยพลังวิเศษ ดังนั้นวิชาที่หล่อเลี้ยงเงาร่างก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน

หากใช้ร่วมกับธูปคร่าชีวิตแล้ว เว้นเสียแต่ว่าอีกฝ่ายจะมีวิชาที่ถ่วงดุลคล้ายคลึงกับตนเอง มิฉะนั้นก็นับว่าเป็นไพ่ตาย ได้เลย

“ผลเก็บเกี่ยวจากการต่อสู้ครั้งนี้ ไม่น้อยเลย นอกจากของวิเศษ 2 ชิ้นนี้แล้ว…”

สวี่ชิงมองไปยังถุงเก็บของของผู้บำเพ็ญระดับเจ้าเหนือหัวที่ได้มา

ในใจเขาเกิดความคาดหวังผุดขึ้น

“แต่ก่อนที่จะสำรวจถุงเก็บของ ยังมีเรื่องเล็กน้อยที่ต้องจัดการก่อน”

สวี่ชิงเงยหน้าขึ้น มองไปยังที่ไกล แล้วเอ่ยอย่างราบเรียบ

“ภายใน 3 อึดใจ หากเจ้ายังคงเลือกที่จะซ่อนตัวและไม่ออกมา เช่นนั้นข้าจะทำให้เจ้าซ่อนตัวไปตลอดกาลเสียเลย”

เสียงของสวี่ชิงดังก้องในเหมืองวิญญาณแห่งนี้ 2 อึดใจต่อมา บนหนองน้ำที่อยู่ไกลออกไป มิติบิดเบี้ยว เงาร่างหนึ่งก็พลันปรากฏขึ้นจากสภาพโปร่งใสอย่างรวดเร็ว

นี่คือชายหนุ่มที่หน้าซีดเผือด ดวงตาฉายความหวาดกลัวอย่างรุนแรง ในชั่วขณะที่ปรากฏตัวขึ้น เขาก็ไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย คุกเข่าลงดังตุบคารวะต่อหน้าสวี่ชิงทันที

เม็ดเหงื่อเม็ดใหญ่ไหลลงมาจากหน้าผากของเขา ทั่วทั้งร่างตอนนี้เหงื่อไหลย้อยดุจสายฝน

เขาเป็นผู้ติดตามของผู้บำเพ็ญระดับเจ้าเหนือหัวที่สวี่ชิงสังหารไปเมื่อครู่

พลังบำเพ็ญเป็นเพียงแค่ระดับสมบัติวิญญาณเท่านั้น

เดิมที การได้เป็นผู้ติดตามของผู้บำเพ็ญระดับเจ้าเหนือหัวเขาก็พึงพอใจแล้ว อีกทั้งเมื่อครู่เมื่อเห็นผู้บำเพ็ญระดับเจ้าเหนือหัวลงมือ สวี่ชิงก็ทุกย่างก้าวล้วนอยู่ในอันตราย ในใจของเขานั้นก็ยังคงรู้สึกเย็นชาและดูถูก

แต่สถานการณ์กลับพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นผู้บำเพ็ญระดับเจ้าเหนือหัวตายด้วยตาตัวเอง เขาก็ตื่นตะลึงจนสับสันงงงัน จากนั้นก็หวาดกลัว จิตใจมีสายฟ้าฟาดผ่ากึกก้องไปนานแล้ว

ดังนั้นจึงไม่กล้าขยับเขยื้อน คิดจะอาศัยยันต์ที่ผู้บำเพ็ญระดับเจ้าเหนือหัวมอบให้ ลองพยายามซ่อนตัว แม้จะรู้ว่าความเป็นไปได้ไม่มากนัก แต่ในช่วงเวลาวิกฤติเป็นตายเมื่อครู่ เขาก็ทำได้เพียงภาวนาให้รอดพ้นผ่านไปได้

ตอนนี้เมื่อสวี่ชิงเอ่ยออกมา ชายหนุ่มคนนี้ก็ตัวสั่นอย่างไม่อาจควบคุมได้ คุกเข่าอยู่ตรงนั้น โขกศีรษะไม่หยุด

หลังจากสายตากวาดมองชายคนนี้ สวี่ชิงก็ไม่ได้สังหารเขา อันที่จริงในตอนสู้กับผู้บำเพ็ญระดับเจ้าเหนือหัวเมื่อก่อนหน้านี้ เขาก็ได้สังเกตเห็นอีกฝ่ายแล้ว และการเก็บเขาไว้ในตอนนี้ก็มีประโยชน์อื่น

ดังนั้น เขาจึงเก็บสายตากลับคืนมา จิตเทพของสวี่ชิงแผ่ออกไป หลอมรวมไปในถุงเก็บของในมือ เมื่อสำรวจดู เขาก็เลิกคิ้วขึ้น

ของภายในนั้นอัดแน่นล้นหลาม

เพียงแค่หินวิญญาณก็ทำให้สวี่ชิงประหลาดใจไม่น้อยแล้ว

มีจำนวนมากมาย กองเป็นภูเขา

แสงผลึกส่องประกาย เจิดจ้าพร่างพราย

อีกทั้งไม่นานนักสวี่ชิงก็พบว่า หินวิญญาณเหล่านี้แตกต่างจากหินวิญญาณในแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ ภายในแต่ละก้อน ล้วนแฝงไว้ซึ่งพลังแห่งกฎเกณฑ์บางส่วน

“ได้ออกมาจากการหลอมเทพอย่างนั้นหรือ ดังนั้นจึงแฝงไว้ด้วยกฎเกณฑ์แห่งฟ้าดินหรือ”

สวี่ชิงนำออกมา 1 ก้อน ถือไว้ในมือตรวจสอบ

นอกจากนี้แล้ว ในถุงเก็บของยังมีของมีค่ากว่าหินวิญญาณ นั่นคือหยกเซียน

รวมตัวกันเป็นแม่น้ำพลังเซียนสายยาว ไหลเวียนอยู่ในถุงเก็บของ

สวี่ชิงเห็นแล้วจิตใจสั่นสะท้าน

หลังจากสัมผัสอย่างละเอียด เขาก็พบว่ากฎเกณฑ์ที่แฝงอยู่ในหยกเซียนเหล่านี้เข้มข้นกว่าหินวิญญาณ กระทั่งว่าจากการสัมผัสของสวี่ชิง เขายังพบว่าหยกเซียนที่นี่ มีความรู้สึกคล้ายกับพลังต้นกำเนิดแรกเริ่มที่เขาดูดซับเมื่อครั้งอธิษฐานตอนนั้น

เพียงแต่ค่อนข้างเบาบางกว่าเท่านั้น

แต่ทำได้ถึงจุดนี้ ก็นับว่าน่าทึ่งแล้ว

“วัตถุเช่นนี้ แสดงให้เห็นว่าระบบดาวที่ 5 ไม่ธรรมดายิ่งกว่าที่ข้าจินตนาการเอาไว้เสียอีก”

“คนคนนี้ช่างมั่งคั่งเสียจริง”

สวี่ชิงพึมพำในใจ แม้แต่เขาเองที่ผ่านการสังหารผู้คนช่วงชิงสมบัติมาหลายครั้ง แต่ในตอนนี้ก็ยังต้องตกตะลึงกับถุงเก็บของใบนี้

ดังนั้น ความคาดหวังในใจเขาก็ยิ่งเพิ่มขึ้น จิตเทพของเขาก็พลันเคลื่อนย้ายออกจากหินวิญญาณและหยกเซียนเหล่านั้นอย่างรวดเร็ว สัมผัสรับรู้สิ่งของอื่นๆ ในถุงเก็บของใบนี้

ไม่นานนัก เขาก็เห็นขวดและกระปุกมากมาย ภายในล้วนเป็นยาลูกกลอน

มีหลายระดับ

และจำนวนหลายชนิดในนั้น ด้วยความรู้ด้านยาของสวี่ชิงก็วิเคราะห์เบื้องต้นได้ว่าเป็นลูกกลอนที่มีประสิทธิภาพไม่น้อยเลย และมีบางชนิดที่อยู่นอกเหนือขอบเขตความรู้ของเขา

หลังจากสำรวจดูง่ายๆ แล้ว จิตใจของสวี่ชิงก็ยังคงปั่นป่วนอย่างต่อเนื่องไปด้วยวัตถุในถุงเก็บของใบนี้ ตอนนี้จิตเทพแผ่ออกไปเป็นวงกว้าง เพื่อค้นหาตำราแผ่นหยกและของวิเศษเวท

แต่น่าเสียดาย แม้จะมีของวิเศษเวท แต่ระดับก็แตกต่างกันมาก

นี่ก็สามารถเข้าใจได้ เพราะในการต่อสู้ก่อนหน้านี้ ของวิเศษเวทที่ใช้ได้ ด้วยนิสัยที่สุขุมรอบคอบของผู้บำเพ็ญระดับเจ้าเหนือหัวคนนั้นก็ได้นำออกมาใช้หมดแล้ว

เช่น ธูปและต้นไม้วิเศษกระจกแก้ว

แต่ก็ยังมีของ 2 ชิ้นที่ดึงความสนใจจากจิตเทพของสวี่ชิง

ไม่นานนัก หนังสัตว์ที่ส่องประกายแสงสีดำม้วนหนึ่ง และป้ายแผ่นหนึ่งก็ลอยออกมาจากถุงเก็บของ ลอยอยู่ข้างหน้าสวี่ชิง

สิ่งที่เขาสำรวจก่อนคือหนังสัตว์

หนังสัตว์นี้มีขนาดเท่าฝ่ามือเท่านั้น ในประกายแสงสีดำ จะเห็นตราประทับนับไม่ถ้วน ต่างส่องประกายและเคลื่อนที่สลับกันไปมา ราวกับสิ่งมีชีวิต

หลังจากมองดู สวี่ชิงก็คิดๆ ประสาทสัมผัสเทพของเขาก็พลันพุ่งเข้าไปในหนังสัตว์นั้น กวาดผ่านตราประทับเหล่านั้นอย่าง สัมผัสอย่างละเอียด

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง สวี่ชิงจิตใจหวั่นไหว

“ค่ายกลผนึก 49(อ่านว่าสี่เก้านะครับ)!”

ที่มาของหนังสัตว์นี้ไม่แน่ชัด สิ่งที่บันทึกอยู่ในนั้นคือวิชาพลังศักดิ์สิทธิ์ ชื่อว่าค่ายกลผนึก 49

สิ่งนี้ทำให้สวี่ชิงนึกถึงค่ายกลผนึก 33 ของผู้บำเพ็ญระดับเจ้าเหนือหัววัยกลางคน

และค่ายกลผนึกนี้มีพลังมหาศาล สามารถรวบรวมพลังกฎเกณฑ์ฟ้าดิน ปะทุค่ายกลผนึกนับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็นการสังหารหรือการผนึกล้วนไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง

แต่ข้อเสียคือทุกครั้งที่ใช้ล้วนต้องสะสมพลังล่วงหน้า

ส่วนข้อดี…คือการใช้วิชานี้ หลังจากเอ่ย 49 คำแล้ว ก็จะปะทุขึ้นได้โดยไร้รูปร่าง ไม่สามารถป้องกันได้เลย

อีกทั้ง พลังวิเศษนี้จากการศึกษาและฝึกฝน ก็สามารถลดจำนวนคำที่พูดได้

ผู้บำเพ็ญระดับเจ้าเหนือหัวผู้ตายไปนั้น เห็นได้ชัดว่าฝึกฝนจนถึงระดับ 33 แล้ว

และตามคำอธิบายในหนังสัตว์ หากสามารถฝึกฝนจนถึงขั้นสุดท้าย การปะทุของค่ายกลผนึก สามารถลดลงเหลือเพียง 2 คำใดก็ได้ อีกทั้งไม่จำกัดเฉพาะตนเอง แม้แต่ศัตรูพูดก็ได้เช่นกัน

เหตุผลที่เป็น 2 คำเพราะค่ายกลแบ่งเป็นหยินหยาง การผนึกแบ่งเป็น เป็น-ตาย ไม่อาจมีเพียงหนึ่งเดียวได้

ตอนนี้ถือหนังสัตว์อยู่ สวี่ชิงสมองมีภาพฉากมากมายที่ผู้บำเพ็ญระดับเจ้าเหนือหัวสำแดงค่ายกลผนึกก่อนหน้านี้ผุดขึ้น ในใจพลันมีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมา

“พลังวิเศษนี้ช่างน่าสนใจนัก สามารถผนวกรวมเข้ากับคำพูดได้ เช่นนั้น หาก 2 คำสุดท้ายที่ลดลงของพลังวิเศษนี้เป็นชื่อของข้าเล่า?”

“ขอเพียงมีคนเรียกชื่อข้า ภายใต้เสี้ยวความคิดข้า ค่ายกลผนึกปะทุ เช่นนี้…ก็จะยิ่งไร้รูปร่าง”

สวี่ชิงหลังจากครุ่นคิดก็รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้

หากผนวกรวมเข้ากับชื่อจริงๆ เช่นนั้นก็จะทำให้ผู้คนไม่สามารถป้องกันได้จริงๆ

ยกตัวอย่างเช่น เมื่อศัตรูด่าทอตนเอง เมื่อคำพูดหลุดออกมา ค่ายกลผนึกก็พลันสำแดง

หรือเมื่อพบคนที่ถามชื่อตนเองด้วยเจตนาร้าย ทันทีที่ตนเองตอบ ค่ายกลสังหารก็จะพลันสำแดงทันที

“หากใช้ให้ถูกวิธี ก็เป็นไพ่ตายได้เช่นกัน!”

ดวงตาของสวี่ชิงฉายแววประหลาด คิดครู่หนึ่ง จากนั้นก็เก็บหนังสัตว์ลงไป เขาคิดว่าจากนี้การจะฝึกฝนพลังวิเศษนี้ และรวมไว้ในการฝึกฝนประจำวันด้วย

จากนั้นสายตาก็ไปหยุดที่ป้ายแผ่นนั้น

ป้ายนี้แปลกประหลาด อีกทั้งจิตสังหารรุนแรงเป็นอย่างยิ่ง กระทั่งว่าตอนนี้ที่ลอยอยู่กลางอากาศ ก็ยังทำให้อุณหภูมิรอบข้างต่ำลง

สีของมันแดงก่ำ ราวกับย้อมด้วยเลือดสดๆ

ด้านหลังว่างเปล่า ส่วนด้านหน้าเป็น รูปปั้นดวงตาข้างหนึ่ง

สวี่ชิงมองดู ป้ายแผ่นนี้พูดได้ว่าเป็นวัตถุที่พิเศษที่สุดที่เขาเจอในถุงเก็บของของผู้บำเพ็ญระดับเจ้าเหนือหัวคนนั้น

ดังนั้น จึงไม่ได้สัมผัสมัน แต่หลังจากสำรวจดู เขาก็พลันหันไปมองยังชายหนุ่มที่คุกเข่าอยู่ไม่ไกล ไม่กล้าจากไปไหนทางนั้น เอ่ยอย่างราบเรียบ “ความเป็นความตายของเจ้า ขึ้นอยู่กับคุณค่าของเจ้า”

“บอกข้ามาว่า สิ่งนี้คืออะไร”

เสียงของสวี่ชิงดังขึ้นในหูของชายหนุ่มคนนั้น ชายหนุ่มคนนี้ฝืนสะกดความกลัวต่อความเป็นตาย เงยหน้ามองป้าย ตอบด้วยเสียงสั่นเครือ “ผู้อาวุโส นี่คือ…ป้ายอนุมัติเมืองเซียน”

สีหน้าของสวี่ชิงเป็นปกติ แต่เมื่อได้ยินคำว่าเมืองเซียน 2 คำนี้ จิตใจเขาก็พลันมุ่งมั่น “พูดต่อไป”

ชายหนุ่มคนนั้นสูดหายใจเข้าลึก เผชิญหน้ากับผู้ที่สามารถสังหารเจ้านายของตนได้ เขาก็ไม่กล้าปกปิดแม้แต่น้อย แม้จะรู้ดีว่าอีกฝ่ายต้องการสืบข้อมูลเกี่ยวกับระบบดาวที่ตนอยู่ แต่เขาก็ไม่สนใจอะไรมากนักแล้ว

ดังนั้น เขาจึงเล่าทุกสิ่งทุกอย่างอย่างละเอียด กระทั่งว่าเพื่ออธิบายป้ายอนุมัติเมืองเซียน เพื่อให้สวี่ชิงพึงพอใจ เขาก็ยังเล่าประวัติของระบบดาวที่ 5 ออกมาด้วย

สวี่ชิงฟังไปเรื่อยๆ ความคิดก็ค่อยๆ ชัดเจนขึ้น

ประการแรก ที่นี่คือ ระบบดาวที่ 5 จริงๆ และก็มีสถานที่ที่เรียกว่าเมืองเซียนจริงๆ

และระบบดาวที่ 5 ในอดีต เทพเจ้ามีมากมาย จนกระทั่งเมืองเซียนผงาดขึ้น สยบเทพเจ้า ทำลายทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเทพเจ้า

ยิ่งไปกว่านั้น ภายใต้การลงมือของราชาเซียนสูงสุดในเมืองเซียน ได้ถมห้วงอวกาศราบเรียบ ทำให้เมืองเซียนตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางของระบบดาวที่ 5

นับแต่นั้นเป็นต้นมาก็ศักดิ์สิทธิ์อย่างยิ่ง

และรอบๆ เมืองเซียน จักรวาลที่ถูกถมจนราบเรียบทั้งหมด นับจากนี้ก็ไม่มีแนวคิดเรื่องห้วงอวกาศอีกต่อไป แต่กลับกลายเป็นพื้นดิน กลายเป็นที่อยู่อาศัยของผู้บำเพ็ญ

เมื่อเวลาผ่านไป จำนวนผู้บำเพ็ญที่นี่ก็ไปถึงระดับที่น่าตกใจ มีสำนักมากมาย ตระกูลมากมาย

อีกทั้งผู้บำเพ็ญเกือบจะทั้งหมด ในใจต่างก็มีความฝันหนึ่งกันทั้งนั้น

นั่นคือ การได้บินทะยานขึ้นสู่เมืองเซียน!

เมื่อทำได้สำเร็จ ก็ราวกับปลาที่กระโดดข้ามประตูมังกร นับแต่นั้นเป็นต้นไป สถานะและตำแหน่งตลอดจนอนาคตก็จะแตกต่างไปโดยสิ้นเชิง

ผู้คนแห่งเมืองเซียน ถึงจะเป็นนายแห่งระบบดาวที่ 5 แห่งนี้

เพียงแต่ เมืองเซียนนั้นอยู่สูงส่ง ตัดขาดจากโลกภายนอก

“ทุกคน ต่างก็ต้องการบินทะยานขึ้นสู่เมืองเซียนกันทั้งนั้น และวิธีการที่จะบินทะยานขึ้นสู่เมืองเซียน ก็คือการแย่งชิง!”

ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเบา เมื่อพูดถึงเมืองเซียน ดวงตาของเขาก็พลันฉายแววปรารถนาออกมาโดยสัญชาตญาณ

“เหตุผลที่ต้องแย่งชิง ก็เพราะว่าในทุกช่วงเวลาหนึ่ง เมืองเซียนจะเปิดมหกรรมล่าเหยื่อขึ้น!”

“เมืองเซียน จะแจกจ่ายป้ายอนุมัติ 10,000 แผ่น ให้ผู้บำเพ็ญหลายร้อยล้านคนทั่วระบบดาวที่ 5 ไปแย่งชิง”

“ขั้นตอนโหดร้ายอย่างยิ่ง การสังหารก็ยิ่งน่าครั่นคร้าม”

“เพราะป้ายอนุมัติ 10,000 แผ่นนี้ ผู้ถือครองแค่มีคุณสมบัติเท่านั้น ส่วนจำนวนสุดท้ายที่เมืองเซียนอนุญาตให้ทะยานขึ้น เข้าเมืองจะขึ้นอยู่กับอันดับ ในตอนที่มีมากก็ประมาณ 1,000 อันดับแรก หากมีน้อยก็เพียงแค่ 100 อันดับแรกเท่านั้น!”

“ผู้อาวุโส ป้ายที่อยู่ในมือของท่านนี้ คือป้ายอนุมัติเมืองเซียนขอรับ!”

(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)

ACAC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version