Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 694

ตอนที่ 694

เขามาแล้ว!

เมิ่งฮ่าวโผล่ออกมาจากถ้ำกำเนิดใหม่

ทันใดนั้นเอง พื้นฐานฝึกตนของเขาก็ระเบิดขึ้น ทำให้คล้ายกับเป็นกระบี่ที่หลุดออกมาจากฝัก ซึ่งกระจายปราณกระบี่อันน่ากลัวออกมาอย่างแท้จริง รังสีสังหารกระจายออกไป ทำให้อากาศในบริเวณนั้นเยือกเย็นลง

เกล็ดน้ำแข็งกระจายออกไปทั่วทั้งพื้นดิน ปกคลุมก้อนศิลาในผืนป่าศิลาที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงด้วยแผ่นผืนของน้ำแข็ง ขณะที่เขาเดินตรงไป สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ก็กระจายออกไป จนกระทั่งไปพบกับเงาร่างที่คุ้นเคย กำลังยืนอยู่ที่ด้านนอกของถ้ำกำเนิดใหม่ มองมาด้วยความกระวนกระวายใจ

“เจ้าอ้วน…” เมิ่งฮ่าวคิด เขาเปลี่ยนทิศทาง และไม่นานหลังจากนั้น ก็ไปปรากฏกายขึ้นใหม่อยู่ข้างกายเจ้าอ้วน

“นั่นใคร!?!?” เจ้าอ้วนร้องออกมา เห็นได้ชัดว่ามันมีความหวาดกลัวแทบตาย และกำลังจะหลบหนีจากไป มันถอยไปด้านหลังด้วยความวิตกกังวล และเสียงปะทุก็ได้ยินมา ขณะที่อาวุธเวทมากกว่าสิบชิ้นทันใดนั้นก็ปรากฏขึ้น

เมื่อมันมองเห็นเมิ่งฮ่าว ก็จ้องมองไปด้วยความตกตะลึง จากนั้นก็เริ่มแหกปากตะโกนออกมาสุดเสียง “เมิ่งฮ่าว! เมิ่งฮ่าว!!”

รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่ใบหน้าเมิ่งฮ่าว เป็นเวลาหลายปีแล้ว ตั้งแต่เขาแยกจากเจ้าอ้วนไป แต่ในตอนนี้ เขาก็รับรู้ได้อย่างชัดเจนถึงความรู้สึกแห่งมิตรภาพที่มีอยู่ในจิตใจของเจ้าอ้วน คนทั้งสองไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก พวกเขาก้าวตรงไปและสวมกอดกันฉันสหาย

จิตใจเจ้าอ้วนเต็มไปด้วยความยินดีโดยสิ้นเชิง มันมองไปยังเมิ่งฮ่าว และจากนั้นก็คิดย้อนกลับไปยังทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในสำนักเอกะเทวะ ทันใดนั้น มันก็นึกขึ้นได้ถึงสวี่ชิง และสีหน้ามันก็สลดลง “เจ้าต้องไปช่วยศิษย์พี่หญิงสวี่!!”

เมื่อเมิ่งฮ่าวได้ยินเช่นนี้ ดวงตาก็แวบขึ้น “เกิดอะไรขึ้น?”

เจ้าอ้วนลังเลอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็ส่ายหน้า “มะ-ไม่มีอะไร…”

ดูเหมือนว่ามันไม่ต้องการจะอธิบายออกมา

เมิ่งฮ่าวเงียบไปสักพัก เขาไม่ถามมากไปกว่านั้น แต่บินขึ้นไปในอากาศ อันที่จริงเขาไม่จำเป็นต้องถามอะไรอีก สิ่งที่เขาต้องทำก็คือไปยังสำนักชิงหลัว และจะได้รับคำตอบที่ต้องการเอง

เจ้าอ้วนเข้าใจเมิ่งฮ่าวเป็นอย่างดี ดังนั้นจึงมองเขาบินจากไปเช่นนั้น ไม่ใช่เรื่องยากที่จะคาดเดาได้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ เจ้าอ้วนกัดฟันแน่นและจากนั้นก็ตะโกนออกไป “เมิ่งฮ่าว ไปช่วยศิษย์พี่หญิงสวี่ให้ได้ เพราะนางไปนำเม็ดยามาให้เจ้า ตอนนี้นางถูกขังอยู่ที่ชั้นใต้ดินของสำนักชิงหลัว ทั่วทั้งสำนักกำลังจะลบล้างชีวิตของนางไป!!”

เมิ่งฮ่าวหยุดชะงักนิ่งอยู่กลางอากาศ ดวงตากลายเป็นสีแดงก่ำในทันที “เจ้าว่าอะไรนะ?”

โทสะที่ไม่ธรรมดาและความต้องการสังหารส่งเสียงดังกระหึ่ม ร่างเขาสั่นสะท้านและอากาศรอบๆ ตัวก็สั่นกระเพื่อมไปมา ราวกับว่ามันกำลังจะแตกกระจายออกไป

เจ้าอ้วนกัดฟันแน่น เมื่อพูดขึ้นมาแล้ว มันก็ตัดสินใจที่จะอธิบายทุกสิ่งทุกอย่าง “รีบไปช่วยนาง! ก่อนที่มันจะ…สายไปกว่านี้!”

“ข่าวคราวได้แพร่กระจายออกมาว่า นางเป็นคนแรกในรอบหลายปีมานี้ ที่โผล่ออกมาจากถ้ำกำเนิดใหม่! นางยอมเสี่ยงทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อที่จะขโมยเม็ดยานั่นมา และนางก็เชื่อถือข้า ให้ข้านำมันมายังที่แห่งนี้”

“สุดท้ายสำนักชิงหลัวก็จับกุมนางไว้ พวกมันกล่าวว่าเพราะนางมีชีวิตออกมาจากถ้ำกำเนิดใหม่ ร่างกายนางจึงมีกลิ่นอายของถ้ำนั้นติดอยู่ ปรมาจารย์สำนักชิงหลัวต้องการที่จะกลั่นสกัดนางให้กลายเป็นเม็ดยาวิเศษ ซึ่งพวกมันหวังว่าจะกลืนกินลงไป และจะได้ครอบครองกลิ่นอายแห่งการเกิดใหม่”

เสียงกระหึ่มในจิตใจเมิ่งฮ่าวราวกับเป็นเสียงฟ้าผ่านับล้าน ราวกับมีสายฟ้าทั้งหมดฟาดลงมาและระเบิดขึ้นในเวลาเดียวกัน สวรรค์และปฐพีสั่นสะท้าน และรู้สึกราวกับว่าจิตใจกำลังจะระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ

รังสีสังหารของเมิ่งฮ่าวระเบิดออกมาด้วยความรุนแรงอย่างไร้ที่เปรียบ เขาคิดย้อนกลับไปในตอนที่มองเห็นสวี่ชิงส่งมอบพลังชีวิตมาให้ คิดเกี่ยวกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในบ้านเกิดของคนทั้งสอง, อดีตแคว้นจ้าว คิดเกี่ยวกับหลุมฝังศพที่นางขุดและป้ายศิลาหลุมฝังศพ

เขาคิดไปถึงความมุ่งมั่นในดวงตานาง เมื่อนางมองมาที่เขาและพึมพำว่า “ท่านอยู่ ข้าอยู่, ท่านตาย ข้าตาย!”

ไม่มีหญิงสาวคนใดจะเคยปฏิบัติต่อเขาเช่นนี้มาก่อน ไม่มีหญิงสาวคนไหนจะให้ความสนใจต่อชีวิตของเขามากมายเช่นนี้ ไม่มี…

เมิ่งฮ่าวเงยหน้าขึ้น และส่งเสียงกู่ร้องด้วยความโศกเศร้าเสียใจออกมา ทำให้สวรรค์สิ้นสีปฐพีสิ้นแสง กลุ่มเมฆและสายลมพลุ่งพล่านปั่นป่วน และพลังพื้นฐานฝึกตนของเขาก็ระเบิดออกมา เกิดเป็นลมพายุพุ่งขึ้น ม้วนกวาดออกไปทั่วทุกทิศทาง อากาศในบริเวณนั้นดูเหมือนกำลังจะพังทลายลงไป

“สำนักชิงหลัว!!”

“ถ้าพวกเจ้ากล้าที่จะทำร้ายเส้นผมนางแม้แต่เส้นเดียว ข้า, เมิ่งฮ่าว จะฉีกร่างพวกเจ้าออกเป็นชิ้นๆ และบดขยี้กระดูกพวกเจ้าให้กลายเป็นผุยผง! ข้าจะไม่หยุดจนกว่าพวกเจ้าจะถูกกำจัดไปจนหมดสิ้น!!” เขาโบกสะบัดมือขวา และตบไปที่ถุงสมบัติ ทำให้รถศึกปรากฏขึ้น เขาก้าวเท้าเข้าไปด้านใน เซียนชี้ทางได้ฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิมเช่นเดียวกัน เขาโคจรหมุนวนมัน และส่งปราณเซียนออกไป ทันใดนั้นรถศึกก็หายไป

เจ้าอ้วนมองเขาจากไป และจากนั้นก็พึมพำ “เมิ่งฮ่าว หลังจากที่สวี่ชิงกระทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อเจ้า ถ้าเจ้าทำให้นางต้องเสียใจ…มันก็คงเป็นความอยุติธรรมที่ยากจะรับได้!”

ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายด้วยความชั่วร้ายอย่างน่ากลัว โทสะและความบ้าคลั่งหลอมรวมเข้าไปในรังสีสังหาร ซึ่งระเบิดออกมาอย่างรุนแรง “สวี่ชิง รอข้าก่อน ข้ากำลังจะไปช่วยท่าน”

“สวี่ชิง อดทนไว้ ข้ากำลังไป ข้ากำลังไปแล้ว!!”

พื้นฐานฝึกตนของเขาอยู่ที่ขั้นการตัดครั้งที่สอง และเขาก็อยู่ในอาณาจักรแห่งความเป็นนิรันดร์ เขาเป็นบุคคลอันดับหนึ่งรองลงมาจากค้นหาเต๋า!

เขาสามารถจะทำอะไรก็ได้ตามที่เขาปรารถนา และเขาก็มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะต่อสู้กับทั้งสำนัก!

ถึงแม้ว่ามันจะเป็นสำนักชิงหลัวก็ตามที!

ถึงแม้ว่ามันจะมีวิญญาณไร้ร่างมากมายนับไม่ถ้วน ซึ่งคงอยู่ในส่วนลึกของพื้นดินก็ตามที!

ถึงแม้ว่ามันจะเป็นสำนักใหญ่แห่งดินแดนด้านใต้, สำนักชิงหลัวก็ตามที!

เมิ่งฮ่าวไม่ได้สนใจสิ่งเหล่านั้น พวกมันไม่มีค่าแม้แต่จะไปขบคิด ในสถานการณ์เช่นนี้ ถ้าบุรุษมัวแต่คอยกังวลใจถึงผลได้ผลเสีย กังวลใจต่อชีวิตของตนเอง ถ้าเช่นนั้นมันก็คง…ไม่อาจจะเป็นได้แม้แต่มนุษย์!

รถศึกพุ่งไปอย่างรวดเร็ว ส่งเสียงแหลมเล็กแหวกฝ่าอากาศ สายลมดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความทรงจำ เมิ่งฮ่าวมองเห็นเหตุการณ์ที่เขาต้าชิง มองเห็นสำนักเอกะเทวะ มองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในดินแดนสงบสุข มองเห็นสำนักชิงหลัวและถ้ำกำเนิดใหม่

เขามองเห็นช่วงเวลาทั้งหมดที่เขาและสวี่ชิงอยู่ร่วมกัน ภาพที่ลอยอยู่ในสายลมตรงหน้าเขา เขามองเห็นความอ่อนโยนของสวี่ชิง, ความเรียบง่ายของนาง, ความมุ่งมั่นของนาง

สิ่งเหล่านั้นทั้งหมดได้หยั่งรากฝังลึกลงไปในจิตใจเมิ่งฮ่าวแล้วในตอนนี้

การกระทำที่ยิ่งใหญ่มากที่สุดก็คือการที่นางยอมเสียสละพลังชีวิตของตนเองเพื่อเขา ทำให้จิตใจเมิ่งฮ่าวเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ในตอนนี้รังสีสังหารที่เขารู้สึก รุนแรงมากกว่าครั้งใดๆ ในชั่วชีวิตของเขา

“สวี่ชิง ถ้าท่านสามารถเสียสละชีวิตเพื่อข้าได้ ข้าก็จะกระทำเช่นเดียวกับท่าน!”

“นับจากวันนี้ไป ท่านก็คือคนรักของข้า ฟ้าดินจงเป็นพยาน ท่านอยู่ ข้าอยู่, ท่านตาย ข้าตาย!”

สำหนักชิงหลัวเป็นสำนักที่มีสถานที่กว้างใหญ่ มีร้อยหนึ่งพันภูเขากระจายอยู่รอบๆ ช่วยขับเน้นให้เก้าสิบเก้าขุนเขาเด่นขึ้นมาอยู่ตรงกลาง เหนือเก้าสิบเก้าขุนเขามีภูเขาแรกลอยกลับหัวอยู่ ทำให้กลายเป็นสิ่งที่แทบจะคล้ายกับทวีป ที่ด้านล่างของมัน มีต้นหลิวห้อยย้อยลงมา บ้างก็ยาวสิบกว่าจ้าง บ้างก็ยาวนับร้อยจ้าง กลุ่มเมฆม้วนตัวไปมาอยู่รอบๆ ดินแดนที่กว้างใหญ่นี้ ทำให้เกิดความรู้สึกราวกับเป็นดินแดนแห่งเทพเซียนที่แท้จริง

อาคารบ้านเรือนถูกตกแต่งอย่างหรูหรา เจดีย์และอารามปกคลุมไปทั่ว ด้านล่างของมัน เก้าสิบเก้าขุนเขาเชื่อมต่อเข้าด้วยกันด้วยสะพานโค้งมากสีสัน ดูงดงามไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง

เสียงน้ำไหลตกลงไปบนก้อนศิลาที่อยู่ด้านล่างของภูเขาที่ลอยอยู่ ทำให้ทั้งสำนักเป็นสถานที่ที่สวยงามอย่างที่ยากจะอธิบายออกมาได้ เสียงของระฆังดังออกมาอย่างเลือนลางเต็มอยู่ในอากาศ ทำให้เกิดเป็นบรรยากาศที่เงียบสงบอย่างน่าเหลือเชื่อ

ตอนนี้ทั่วทั้งสำนักชิงหลัวถูกปกคลุมด้วยกลุ่มหมอกสีดำอย่างแน่นหนา ที่ด้านนอกกลุ่มหมอกสีดำเป็นค่ายกลเวทของสำนักชิงหลัว ค่ายกลทั้งหมดหมุนวนอย่างเต็มกำลัง ทำให้เกิดเป็นระลอกคลื่นกระจายออกมาเป็นระยะ เต็มไปทั่วด้วยพลังบดขยี้ที่ก่อตัวขึ้นมาเป็นรูปร่างของดอกบัว

ดอกบัวนั้นมีกลีบทั้งหมดเก้าสิบเก้ากลีบ แต่ละกลีบถูกสร้างขึ้นมาจากดอกบัวเก้าสิบเก้าดอก ทั้งหมดนั้นก่อตัวขึ้นมาเป็นดอกบัวที่มีขนาดใหญ่อย่างน่าตกใจ

ภายในค่ายกลเป็นศิษย์สำนักชิงหลัว กำลังนั่งขัดสมาธิเข้าฌาณ ถ้ามองลงมาจากท้องฟ้าที่ด้านบน ก็บอกได้ว่านี่เป็นศิษย์หนึ่งแสนคนของเก้าสิบเก้าขุนเขา ศิษย์ทั้งหมดกำลังฝึกฝนอยู่ในฌาณ ซึ่งขึ้นกับระดับพื้นฐานฝึกตนของพวกมัน

สำหรับเก้าสิบเก้าขุนเขาเอง พวกมันได้ก่อตัวเป็นค่ายกลเวทร่วมกัน ซึ่งอยู่ภายในค่ายกลเวทที่มีขนาดใหญ่กว่า พวกมันก็กำลังโคจรหมุนเวียนด้วยเช่นกัน รวมพลังเข้าด้วยกันกับผู้ฝึกตนนับแสน และทรัพยากรทั้งหมดของสำนักชิงหลัว เพื่อไหลเข้าไปในภูเขาแรก…เข้าไปในมรดกของวิเศษอันล้ำค่าของสำนัก

มันก็คือกระถางธูปขนาดยักษ์ที่อยู่ตรงชั้นบนสุดของภูเขาแรก ซึ่งมีความสูงมากจนดูเหมือนจะเชื่อมต่อกับสวรรค์ กระถางธูปยักษ์นี้เป็นสิ่งของแห่งการบูชาและความเสียสละที่สืบต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ภายในกระถางมีธูปขนาดใหญ่อยู่สามดอกที่เผาไหม้อยู่ชั่วนิรันดร์ และกลุ่มควันของมันก็พุ่งขึ้นไปในท้องฟ้า ถูกโชยพัดโดยสายลมจนกลายเป็นกลุ่มควันที่ดูคล้ายกับเป็นกิ่งก้านของต้นหลิว ราวกับว่าภายในเส้นใยของกลุ่มควันเหล่านี้ สามารถมองเห็นภาพของสิ่งมีชีวิตที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาในช่วงสั้นๆ ซึ่งเป็นของวิญญาณที่มาจากปรโลก

ที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่รอบๆ กระถางธูปเป็นสามชายชรา แต่ละคนมีรูปร่างหน้าตาที่เก่าแก่โบราณ และแทบไม่เคยจะก้าวเท้าออกมาจากสำนักชิงหลัวแม้แต่เพียงครึ่งก้าว สำหรับพื้นฐานฝึกตนของพวกมัน ทั้งหมดต่างก็อยู่ในขั้นตัดวิญญาณ

บุคคลเหล่านี้ก็คือ กองหนุนเต๋าแห่งสำนักชิงหลัว เป็นรากฐานของสำนัก

ที่แข็งแกร่งมากที่สุดในคนทั้งสามเป็นชายชราหน้าแดงก่ำ ที่นั่งอยู่ในตำแหน่งตรงกลาง, มู่หรงตั๋ว พื้นฐานฝึกตนของมันอยู่ในขั้นตัดครั้งที่สาม

สำหรับอีกสองคน หนึ่งอยู่ในขั้นตัดครั้งที่สอง, อีกคนตัดครั้งแรก

บุคคลเหล่านี้ก็คือปรมาจารย์แห่งสำนักชิงหลัว!

พวกมันนั่งขัดสมาธิ ใช้พลังของค่ายกลเวท และพลังของผู้ฝึกตนทั้งหมดในสำนัก เพื่อกระตุ้นให้ของวิเศษล้ำค่าของสำนักทำงาน และกลั่นสกัดบุคคลที่อยู่ด้านในให้กลายเป็นเม็ดยา!

นี่ก็คือวิชาเวทที่รู้จักกันในนามว่า กลั่นสกัดกำเนิดใหม่แห่งฟ้าดิน ซึ่งบุคคลที่อยู่ภายในจะละลายไปในช่วงเวลาสี่สิบเก้าวัน ไม่มีใครสามารถทนได้นานไปกว่านั้น ในที่สุดบุคคลผู้นั้นก็จะละลายกลายเป็นโลหิต ซึ่งจากนั้นก็จะแข็งตัวจนกลายเป็นเม็ดยา

มองเห็นเงาร่างอันเลือนลางอยู่ภายในกระถางธูป บอกได้แต่เพียงว่าเป็นหญิงสาว มองเห็นใบหน้านางได้ไม่ชัดเจน และร่างกายนางก็ถูกปกคลุมเต็มไปด้วยสัญลักษณ์เวทมากมายนับไม่ถ้วน สัญลักษณ์เหล่านั้นฝังแน่นลึกลงไปในเลือดเนื้อของนาง และกระจายแสงเจิดจ้าขณะที่พวกมันค่อยๆ ทำการละลายนางไปอย่างช้าๆ

หญิงสาวกำลังสั่นสะท้าน กัดฟันแน่นขณะที่นางเฝ้าอดทนต่อไป ดูเหมือนว่าร่างนางจะถูกละลายไปจนหมดได้ทุกเมื่อ

กลิ่นอายแห่งถ้ำกำเนิดใหม่ไหลออกมาจากร่างนางเป็นระยะ ทุกครั้งที่เป็นเช่นนั้น มันก็จะถูกดูดซับโดยกระถางธูป ซึ่งจากนั้นก็ถูกเผาไหม้ด้วยความร้อน และเกิดเป็นแสงสีแดงอย่างน่าตกใจขึ้นมา

สามชายชราเริ่มพูดคุยกัน

“นางสามารถอดทนได้นานถึงสามสิบเจ็ดวัน!”

“สวี่ชิงผู้นี้ช่างมีความมุ่งมั่นที่แน่วแน่นัก ช่างน่าเศร้าที่ร่างนางติดกลิ่นอายมาจากถ้ำกำเนิดใหม่ นางเป็นคนแรกในรอบหลายปีที่มีชีวิตรอดออกมาจากถ้ำกำเนิดใหม่…”

“ด้วยเช่นนั้น นางจึงถูกลิขิตให้ต้องถูกกลั่นสกัดเป็นเม็ดยากำเนิดใหม่ ด้วยเม็ดยาเช่นนั้น…บรรพบุรุษที่หลับใหลอยู่ของสำนักชิงหลัวก็จะมีโอกาสได้ถือกำเนิดขึ้นมาใหม่!”

“ช่างน่าเสียดายจริงๆ ที่นางมีวิญญาณของเฟิ่งจู่ต้าเหรินอยู่ภายในร่าง โชคร้ายที่เต๋าแห่งการหลุดพ้นจะสูญหายไป ไม่อาจจะถูกส่งต่อมาได้อีก แต่การเสียสละนางและต้องสูญเสียมรดกเพียงแค่ชิ้นเดียว เพื่อช่วยทำให้ทั้งสำนักดีขึ้น ก็หมายความว่า การตายของนางก็เป็นเรื่องที่คุ้มค่า!”

“เรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งที่จะถูกทำได้โดยสำนักชิงหยางเท่านั้น แต่ต้องใช้สำนักหลัวยินด้วยเช่นกัน นอกจากนี้บรรพบุรุษของพวกเราก็คือราชันของพวกท่าน!”

สามชายชรามองไปยังกระถางธูป และดวงตาพวกมันก็ลุกโชนด้วยความปรารถนา

ในเวลาเดียวกันนั้น เงาร่างที่กำลังสั่นสะท้านดูเลือนลางอยู่ด้านในของกระถางธูป ก็พึมพำด้วยเสียงสั่นเครือออกมา

“เมิ่งฮ่าว ท่านยังดีอยู่หรือไม่…? ถ้าท่านสามารถกำเนิดใหม่ ในตอนที่ท่านออกมา มันก็คงจะสายเกินไปแล้ว…เป็นข้าเองที่ไม่อาจจะรักษาคำสัญญาไว้ได้ ท่านอย่าได้ตำหนิตนเองไป…”

“ถ้าท่านไม่อาจจะกำเนิดใหม่ได้ ถ้าเช่นนั้น…ข้าก็กำลังจะไปเป็นเพื่อนท่านในไม่ช้า”

“เหมือนที่พวกเราได้กล่าวไว้ ท่านอยู่ ข้าอยู่, ท่านตาย ข้าตาย…”

ในช่วงเวลานั้น…

เสียงระเบิดอย่างน่าเหลือเชื่อก็ได้ยินมาจากด้านนอกของค่ายกลเวทสำนักชิงหลัว เป็นเสียงที่น่าตกใจยิ่งกว่าเสียงของฟ้าผ่า รถศึกโบราณปรากฏขึ้น กระจายรังสีสังหารและความบ้าคลั่งออกมา อากาศแตกกระจายไปขณะที่มันปรากฏขึ้น!

เมิ่งฮ่าวยืนอยู่ในรถศึก สวมใส่ชุดยาวสีเขียว ถือธวัชสามแฉกอยู่ในมือขวา โบกสะบัดไปมาอยู่ที่เบื้องหน้า ทำให้ธวัชผืนนั้นยืดยาวออกไป กลายเป็นภาพสีดำ ที่ดูเหมือนจะสามารถบดบังไปทั่วทั้งท้องฟ้า ในเวลาเดียวกันนั้น ดวงตาเมิ่งฮ่าวก็แวบขึ้นด้วยความต้องการสังหารอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

เขามาแล้ว!

เขามาเพื่อรักษาคำสัญญา!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version