Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 705

ตอนที่ 705

ทดสอบ!

ท้องฟ้ากระจ่างสดใส และมีผู้ฝึกตนอยู่เนื่องแน่นในสำนักเซี่ยเยา อันที่จริงก็มีบรรยากาศของสำนักอยู่บ้าง ถึงแม้ว่าผู้คนส่วนใหญ่จะทำการต่อสู้กันอย่างดุร้าย เสียงของการเข่นฆ่าซึ่งกันและกันดังก้องออกมาอย่างเข้มข้น และแสงของโลหิตก็เปล่งประกายขึ้น

ถ้าศิษย์จากสำนักใหญ่อื่นๆ ในดินแดนด้านใต้มายังที่แห่งนี้ พวกมันก็คงไม่อาจจะปรับตัวเข้ากับที่นี่ได้ แต่เท่าที่เมิ่งฮ่าวคิด มันก็คล้ายกับสำนักเอกะเทวะ ดังนั้นเขาจึงรู้สึกค่อนข้างจะคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดี

เขาขลุกตัวอยู่ในมุมที่ห่างไกลของสำนัก ไม่สนใจคนทั้งหมด และไม่มีใครสนใจมาหาเขาด้วยเช่นกัน ราวกับว่าพวกมันไม่แม้แต่จะสังเกตเห็นว่ามีเขาอยู่ จากประสบการณ์ของเมิ่งฮ่าว เพียงมองแค่แวบเดียว ก็ทำให้เขาเข้าใจได้อย่างลึกซึ้ง ถึงความรู้สึกที่อยู่ภายใต้สีหน้าอันเย็นชา และแววตาที่ดูถูกของพวกมัน

“เช่นนั้นก็ดี” เมิ่งฮ่าวคิดด้วยสีหน้าสงบนิ่ง เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยเป็นอันธพาลเกเร เขาไม่สนใจต่อยอดเขาและการต่อสู้เพื่อแย่งชิงสิ่งของ เขามีความสุขที่ได้ฝึกฝนตามลำพังอย่างมีอิสระและสงบเงียบ

ในช่วงเที่ยง เมิ่งฮ่าวลุกขึ้นมายืน เขาตัดต้นไม้ในบริเวณนั้นและสร้างกระท่อมขึ้นมา เป็นธรรมดาที่ผู้คนจะสังเกตเห็นเรื่องนี้ และคนทั้งหมดต่างก็จ้องมองไปด้วยความตกตะลึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้คนที่รู้สึกเป็นปรปักษ์ต่อเขาอย่างรุนแรง

“มันกำลังสร้างกระท่อมไม้ขึ้นมาจริงๆ?”

“ดูเหมือนว่ามันได้ตัดสินใจที่จะจมอยู่ในการฝึกฝนจริงๆ แต่มันคิดว่าการกระทำเช่นนั้นจะช่วยให้มันแยกตัวออกมาจากเรื่องราวในสำนักได้จริงๆ?!”

ด้านบนของภูเขาโลหิตเหล็ก บุรุษวัยกลางคนฉางอี่มองเห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้ และขมวดคิ้ว

ในตอนนี้เมิ่งฮ่าวได้ลืมตาขึ้นมา และมองออกไปจากกระท่อมไม้ เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาอย่างช้าๆ เป็นบุรุษวัยกลางคนที่ค่อนข้างจะผอมแห้ง ร่างมันกระจายความเก่าแก่ของกาลเวลาออกมา และมีท่าทางโหดเหี้ยม ซึ่งในตอนนี้ดูเหมือนจะถูกแทนที่ด้วยอารมณ์อันซับซ้อน

ระลอกคลื่นของผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้งกระจายออกมาจากร่างมัน และเมื่อเมิ่งฮ่าวมองไปยังมัน ความรู้สึกที่แตกต่างกันอย่างมากมายก็เต็มอยู่ในจิตใจ ตามมาด้วยการระลึกถึงความทรงจำเก่าๆ

ขณะที่มันเดินมาอย่างช้าๆ การปรากฏกายขึ้นของมันได้ทำให้ศิษย์ที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นมากมายต่างก็ตกตะลึง

“นั่นคือศิษย์พี่หวังโหย่วฉาย!”

“ศิษย์พี่หวังกำลังมาทำอะไรที่นี่?”

“ไม่ถูกต้อง, เจ้าดูสีหน้าของศิษย์พี่ มีบางอย่างที่แปลกไป”

กลุ่มคนทั้งหลายมองมา ขณะที่หวังโหย่วฉายเดินไปยังเมิ่งฮ่าว และมองมาที่เขาอย่างเงียบๆ เห็นได้ชัดว่ามันกำลังระลึกถึงเหตุการณ์เมื่อในอดีต

มันไม่ได้พูดอะไรออกมา เช่นเดียวกับเมิ่งฮ่าว ขณะที่คนทั้งสองมองดูซึ่งกันและกัน ก็ดูเหมือนว่าทั้งคู่กำลังหวนรำลึกถึงภูเขาต้าชิง

นั่นเป็นสถานที่ซึ่งคนทั้งสองเริ่มเดินไปบนเส้นทางแห่งการฝึกตน และก็เป็นสถานที่…ที่เมิ่งฮ่าวและสวี่ชิงได้พบกัน

หลังจากเวลานานผ่านไป หวังโหย่วฉายก็กัดฟันแน่น ราวกับว่ามีความเจ็บปวดอยู่ภายในใจบางอย่าง

“ท่านดื่มหรือไม่?” มันถาม ด้วยเช่นนั้น มันก็นั่งลงขัดสมาธิ และโยนขวดน้ำเต้าสุราให้กับเมิ่งฮ่าว

เมิ่งฮ่าวคว้าขวดน้ำเต้าไว้ และดื่มลงไปอึกใหญ่ในทันที สุราเริ่มเผาไหม้ขณะที่มันไหลลงไปในลำคอ รู้สึกแทบจะราวกับว่ามีคมมีดกำลังกรีดแทงเข้าไปในกระเพาะของเขา

“หลี่ฟูกุ้ยบอกข้าเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับศิษย์พี่หญิงสวี่” หวังโหย่วฉายกล่าว ด้วยเสียงแผ่วเบา

เมิ่งฮ่าวพยักหน้าและดื่มลงไปอีกคำ ความทรงจำก่อนหน้านี้ในโลกแห่งการฝึกตนของเขา ประกอบด้วยกลุ่มคนที่มาจากภูเขาต้าชิง หวังโหย่วฉาย, เจ้าอ้วน และต๋งหู่

กลุ่มคนทั้งสี่ซึ่งรวมทั้งเมิ่งฮ่าว ถูกนำตัวไปยังสำนักเอกะเทวะโดยสวี่ชิง ต่อมาต๋งหู่และหวังโหย่วฉายก็ทะเลาะกัน และหวังโหย่วฉายก็หายตัวไป เนื่องมาจากต๋งหู่ ทำให้นิสัยมันได้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง สำหรับเจ้าอ้วน…จากกลุ่มคนทั้งสี่ ดูเหมือนว่ามันจะมีความสุขมากกว่าใครๆ

หวังโหย่วฉายและเมิ่งฮ่าว นั่งดื่มด้วยกันอย่างเงียบๆ ต่างคนต่างก็ถูกปกคลุมด้วยความทรงจำที่หลากหลาย แน่นอนว่ามีอยู่สิ่งหนึ่งที่คงอยู่ในความทรงจำของคนทั้งสองเช่นเดียวกัน และนั่นก็คือภูเขาต้าชิง

“ท่านเคยพบกับต๋งหู่อีกหรือไม่?” จู่ๆ หวังโหย่วฉายก็ถามขึ้น

“หลังจากที่ข้าออกมาจากแคว้นจ้าวก็ไม่เคยพบเห็นมันอีกเลย” เมิ่งฮ่าวกล่าวตอบ มองไปยังหวังโหย่วฉาย ลังเลอยู่ชั่วขณะ จากนั้นก็ถามว่า “ในตอนนั้น พวกท่านทั้งสอง…?”

“ร่างกายมันอ่อนแอ ดังนั้นข้าจึงถือว่ามันเป็นเหมือนกับน้องชาย” หวังโหย่วฉายตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้ามักจะช่วยมันตอนที่ต้องไปแบกน้ำ และถ้ามีใครมาหาเรื่องมัน ข้าก็จะช่วยจัดการให้ สุดท้าย…มันผลักข้าลงไปจากหน้าผาเพราะไข่มุกลูกหนึ่ง”

เมิ่งฮ่าวไม่กล่าวตอบ เขาหยิบเอาขวดน้ำเต้าสุราขึ้นมา และดื่มลงไปคำใหญ่

“ระวังฉางอี่ด้วย” หวังโหย่วฉายกล่าวต่อ “อันที่จริง ก็ให้ระวังคนทั้งหมดในสำนักเซี่ยเยานี้…ไม่มีความไว้เนื้อเชื่อใจกันในที่แห่งนี้ มีแต่ใครจะโหดเหี้ยมกว่ากันเท่านั้น!” พร้อมกับเสียงถอนหายใจ มันลุกขึ้นมายืน และเตรียมตัวจะจากไป

“ท่านไม่ควรจะมา” เมิ่งฮ่าวกล่าว มองขึ้นไปยังมัน

หวังโหย่วฉายไม่กล่าวตอบ มันรู้ว่าสิ่งที่เมิ่งฮ่าวกล่าวเป็นความจริง มันไม่ควรจะมา ทั่วทั้งสำนักในตอนนี้มองว่าเมิ่งฮ่าวเป็นศัตรู ซึ่งหมายความว่าหลังจากที่มันจากไป ก็แทบจะต้องพบกับความยุ่งยากอย่างแน่นอน แต่มันก็ยังคงมาอยู่ดี

จริงๆ แล้ว แทบจะในทันทีที่หวังโหย่วฉายลุกขึ้นจากไป ฉางอี่ซึ่งยืนอยู่บนยอดเขาแรก ก็มีรอยยิ้มอันโหดเหี้ยมอยู่บนริมฝีปากของมัน

“พวกมันรู้จักกัน!” มันโบกสะบัดชายแขนเสื้อ และบินขึ้นไปในอากาศ “ตามข้ามา ศิษย์น้อง!” ทันใดนั้น สิบเก้าลำแสงก็พุ่งขึ้นไปในอากาศ จากภูเขาโลหิตเหล็ก และเคลื่อนย้ายทางไกลย่อยลงไปยังเชิงเขา “เจ้าไม่ต้องทำอะไร, เมิ่งฮ่าว” มันคิด “เจ้าสามารถนั่งอยู่ที่นั่น และไม่ต้องไปหาเรื่องใคร แต่ตอนนี้ ก็ถึงเวลาที่จะได้เห็นแล้วว่า เจ้ามีความสามารถอันน่าประหลาดใจอย่างไรบ้าง และทำไมเจ้าถึงได้ถูกแต่งตั้งให้เป็นเจ้าสำนักน้อย”

“ข้าจะทดสอบเพื่อดูความลึกล้ำของเจ้า ถ้าเจ้าไม่ยอมต่อสู้กลับมา ข้าก็จะกดดันต่อไปจนกระทั่งเจ้าบรรลุถึงจุดเดือด นอกจากนี้ข้ายังมีวิธีจัดการเจ้าอีกมากมาย ถ้าเจ้าต่อสู้กลับมา…นั่นก็เป็นสิ่งที่ข้ากำลังรออยู่”

“หวังว่า เจ้าจะสังหารใครบางคนไป และจากนั้นอาจารย์ของข้าก็จะมีสิทธิ์ในการจับเจ้าโยนเข้าไปในห้องลงทัณฑ์!”

ขณะที่หวังโหย่วฉายออกไปจากกระท่อมไม้ของเมิ่งฮ่าว ยี่สิบลำแสง รวมทั้งฉางอี่ ก็พุ่งตรงไปยังบริเวณนั้นในทันที

การปรากฏกายขึ้นของพวกมัน ทำให้ศิษย์สำนักเซี่ยเยาที่อยู่ในบริเวณผืนป่านั้นเกิดความสนใจขึ้นมาในทันใด สีหน้าพวกมันเริ่มมีชีวิตชีวาขึ้น พวกมันรู้ว่าละครที่สนุกสนานกำลังจะเปิดการแสดงขึ้นแล้ว

ในเวลาเดียวกันนั้น ย้อนกลับไปบนยอดเขาที่สอง เจ็ดศิษย์แห่งเฒ่าอสูรตัดวิญญาณ ต่างก็ให้ความสนใจอย่างใกล้ชิด แสงอันโหดเหี้ยมสาดประกายอย่างเจิดจ้าอยู่ในแววตาพวกมัน

“ตอนนี้พวกเราจะได้เห็นแล้วว่าเมิ่งฮ่าวผู้นี้ มีความลึกล้ำมากน้อยเท่าใด!”

“เจ้าฉางอี่ผู้นั้นมีโทสะอย่างง่ายดายนัก ผ่านไปแค่ไม่ถึงวัน มันก็ทนไม่ได้แล้ว!”

“ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมมันถึงเป็นเช่นนั้น นี่เป็นโอกาสดีที่จะได้ทดสอบเมิ่งฮ่าว พวกเราก็สามารถเรียนรู้เกี่ยวกับตัวมันได้สักเล็กน้อย ด้วยการจับตาดูว่าจะมีผลลัพธ์ออกมาเป็นเช่นใด”

บนยอดเขาที่สี่ สามเงาร่างนั่งล้อมวงอยู่รอบกองไฟ มองอย่างเย็นชาไปยังด้านนอกถ้ำแห่งเซียน ศิษย์ของยอดเขาสี่ต่างก็มองออกไปเช่นเดียวกัน มีสีหน้าเยาะเย้ยอย่างเห็นได้ชัด

ท่ามกลางกลุ่มคนเหล่านั้นเป็นบุรุษหนุ่มที่ถือพัดเวทอยู่ในมือ กระจายบรรยากาศอันเย็นชาออกมา ขณะที่ริมฝีปากของมันบิดขึ้นเป็นรอยยิ้ม

“ฉางอี่ไม่อาจจะอดทนได้นานนัก” มันกล่าว “นั่นก็ดี นี่เป็นการทดสอบเท่านั้น คิดว่าคงจะไม่ปั่นป่วนวุ่นวายนัก คงต้องบอกว่าเจ้าฉางอี่นั่นค่อนข้างจะโง่เขลาไม่น้อย”

“เพียงแค่วันเดียวเท่านั้น และเมิ่งฮ่าวก็ถูกแต่งตั้งโดยตรงจากท่านปรมาจารย์ ถ้ามีใครบางคนพยายามที่จะกำราบมันไปจริงๆ ท่านปรมาจารย์ก็คงจะสอดมือเข้ามาอย่างแน่นอน แย่ยิ่งนักที่ทำให้โอกาสดีๆ เช่นนั้นต้องสูญเสียไป”

บนยอดเขาห้า หญิงสาวเยาว์วัยที่ดูน่ารัก จ้องนิ่งไปยังภาพที่เกิดขึ้น และนางเริ่มรู้สึกตื่นเต้น ขณะที่ชายชราหลังค่อม มองไปด้วยสายตาที่เรียบเฉย

“ท่านอาจารย์ ท่านคิดว่าถ้าเมิ่งฮ่าวผู้นี้จะถูกกำราบลงไป จะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นมาหรือไม่?” ดวงตานางแวบแสงอันดุร้ายขึ้นมา

“เรื่องใหญ่?” ชายชรากล่าว น้ำเสียงเต็มไปด้วยความแก่ชราและมากประสบการณ์ “ไม่มีทาง เป็นแค่เรื่องเล็กๆ เท่านั้น อย่างเลวร้ายที่สุด ก็อาจจะแตกหักกันแค่ชั่วคราว เจ้าฝึกฝนวิถีเซียนมาแค่ช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น แต่อาจารย์มีชีวิตอยู่มาอย่างยาวนาน และได้เห็นเรื่องราวต่างๆ มามากมาย ข้าเคยเห็นเรื่องราวเช่นนี้มาแล้วหลายครั้ง”

“เจ้าแค่มองดูไป ข้อพิพาทที่เกี่ยวข้องกับการที่เมิ่งฮ่าวได้เป็นเจ้าสำนักน้อยเพิ่งจะเริ่มขึ้น คงต้องใช้เวลาสักพักก่อนที่จะได้ข้อสรุป…”

บนภูเขาอสูรโลหิต ปรมาจารย์อสูรโลหิตนั่งอยู่ในสระโลหิต ลืมตาขึ้นมา และมองไปยังสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น

“มัน…จะทำเช่นไร?”

หลี่ซือฉีก็กำลังให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดด้วยเช่นกัน และแววตาอันลึกล้ำก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของนาง

กลุ่มคนทั้งหมดทั่วทั้งสำนักเซี่ยเยา กำลังมองไปยังทิศทางของเมิ่งฮ่าว พวกมันทั้งหมดรู้ว่านี่ก็คือครั้งแรกของเขา ที่ได้ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างเปิดเผยในสำนัก คนทั้งหมดต่างก็ต้องการดูว่าเขาจะตอบสนองต่อการทดสอบนี้อย่างไร

แน่นอนว่า นี่เป็นแค่การทดสอบเท่านั้น…

ใบหน้าเมิ่งฮ่าวสงบนิ่งขณะที่มองไปยังยี่สิบลำแสงจากภูเขาโลหิตเหล็กที่ใกล้เข้ามา ไม่สำคัญว่าฉางอี่จะอยู่ที่ด้านหน้า หรือคนอื่นๆ อีกสิบเก้าคนเป็นผู้ติดตาม พวกมันทั้งหมดไม่แตกต่างกันในสายตาของเมิ่งฮ่าว

ในสิบเก้าคนนั้น แปดคนเป็นผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้ง และสิบเอ็ดคนอยู่ในขั้นวงจรอันยิ่งใหญ่สร้างแกนลมปราณ สำหรับฉางอี่ มันเป็นผู้ที่มีพื้นฐานฝึกตนสูงมากที่สุด อยู่ในขั้นสูงสุดของวิญญาณแรกก่อตั้ง

“หวังโหย่วฉาย!” ใครบางคนจากกลุ่มนั้นร้องตะโกนออกมา เสียงนั้นคล้ายกับเป็นเสียงฟ้าผ่าในฤดูใบไม้ผลิ ดังก้องออกไปทั่วทุกทิศทาง

พวกมันไม่ยอมแม้แต่จะหาข้ออ้างใดๆ ทันทีที่เสียงนั้นดังก้องออกมา คนที่พูดก็กลายเป็นลำแสงสีแดงพุ่งออกมาจากกลุ่มคนตรงไปยังหวังโหย่วฉาย เต็มไปด้วยรังสีสังหาร อาวุธเวทสีโลหิตลอยออกมาด้วยเช่นกัน ส่งเสียงแหลมเล็กแหวกฝ่าอากาศ สามในผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้ง พุ่งตรงมายังหวังโหย่วฉายในทันที

สำหรับคนอื่นๆ พวกมันห้อมล้อมอยู่ในอากาศ ดวงตาเต็มไปด้วยความเย็นชา และเยาะเย้ย ขณะที่มองไปยังเมิ่งฮ่าว

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฉางอี่ ซึ่งมีสายตาอันน่ากลัวและเย็นชา ขณะที่มันลอยตัวอยู่กลางอากาศ สองมือประสานอยู่ด้านหลัง มองไปยังเมิ่งฮ่าว รอดูว่าเขาจะตัดสินใจทำอย่างไร ถ้าเมิ่งฮ่าวไม่ขยับตัวเคลื่อนไหว นั่นก็หมายความว่าจะปล่อยให้หวังโหย่วฉายต้องได้รับบาดเจ็บสาหัส ถ้าเมิ่งฮ่าวเคลื่อนไหว นั่นก็…เป็นสิ่งที่ฉางอี่กำลังเฝ้ารออยู่พอดี!

เสียงกระหึ่มดังก้องออกมา ทำให้สีหน้าของหวังโหย่วฉายกลายเป็นเคร่งขรึมดูน่ากลัว มันเคลื่อนย้ายทางไกลตรงไปเพื่อจะหลบหนีในทันที และในเวลาเดียวกันนั้นก็ส่งข้อความไปให้เมิ่งฮ่าวอย่างเร่งด่วนด้วยเช่นกัน

“อย่าได้ทำอะไร! นี่คือฉางอี่ อาจารย์ของมันเป็นผู้ควบคุมห้องลงทัณฑ์ และท่านต้องไม่ปล่อยให้พวกมันมีเหตุผลที่จะสะกดข่มท่านลงได้ ไม่ต้องกังวลข้า” ขณะที่หวังโหย่วฉายเคลื่อนย้ายทางไกลตรงไป ฉางอี่ก็หัวเราะอย่างเย็นชา และโบกสะบัดมือขวา ธงเล็กๆ เจ็ดผืนลอยออกมา จากนั้นก็ขยายขนาดใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็วในกลางอากาศ เพื่อก่อตัวเป็นผนึกบังคับให้หวังโหย่วฉายต้องย้อนกลับไปบนพื้น สีหน้าหวังโหย่วฉายเปลี่ยนไป ขณะที่สามผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้งเข้ามาใกล้ ใบหน้าพวกมันเต็มไปด้วยรังสีสังหารอันดุร้าย

ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นในชั่วพริบตา เสียงระเบิดดังก้องออกไป และโลหิตก็ไหลออกมาจากมุมปากของหวังโหย่วฉาย มันล่าถอยไป ขยับมือร่ายเวททำให้ความสามารถศักดิ์สิทธิ์ปรากฏขึ้น ในเวลาเดียวกันนั้น ก็ร้องตะโกนออกมา “ศิษย์พี่ฉางอี่ ข้าเป็นศิษย์ของยอดเขาสอง ท่านกล้ามาโจมตีข้าจริงๆ?!”

“ยอดเขาสอง?” ฉางอี่กล่าวตอบ หัวเราะออกมา มีสีหน้าหยิ่งยโสขณะที่มองไปยังภูเขาที่อยู่ใกล้

ทันใดนั้น ก็มีเสียงดังก้องออกมาจากยอดเขาสอง “โดยปกติแล้ว พวกเราจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องราวของห้องลงทัณฑ์ ศิษย์พี่ฉาง, ถ้าหวังโหย่วฉายละเมิดกฎใดๆ ท่านสามารถทำอะไรก็ได้ตามที่ต้องการ แต่ถ้ามันไม่ได้ละเมิดกฎอันใด ท่านก็ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของท่าน”

สีหน้าหวังโหย่วฉายเริ่มเคร่งเครียดมากขึ้น ขณะที่มองไปยังผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้งอันดุร้ายที่ใกล้เข้ามา กัดฟันแน่น และกำลังจะใช้วิชาต้องห้ามของสำนัก เพื่อกระตุ้นปราณและโลหิตของมัน แต่ทันใดนั้นเมิ่งฮ่าวก็ยืนขึ้นมา สีหน้าสงบนิ่งขณะที่เข้าไปใกล้หวังโหย่วฉายด้วยการเดินไปเพียงแค่ก้าวเดียว และคว้าจับไปที่ไหล่ของมัน

ในตอนที่เขาปรากฏกายขึ้น สายตาทุกคู่ทันใดนั้นก็จ้องนิ่งไปที่เขา คนทั้งหมดจากห้ายอดเขาต่างก็มองมา

โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับฉางอี่ ซึ่งกำลังแอบรู้สึกดีใจอย่างที่สุด

“เจ้าสำนักน้อย” มันกล่าวเสียงราบเรียบ “นี่หมายความว่าอย่างไร? อย่าบอกข้านะว่าท่านกำลังสอดมือเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องของห้องลงทัณฑ์?” ทันใดนั้นมันก็จ้องมองไปยังผู้ฝึกตนภูเขาโลหิตเหล็ก ซึ่งมีท่าทางลังเลด้วยความโกรธ “ทำไมพวกเจ้าถึงยังไม่จับมันไป?!”

ผู้ฝึกตนเหล่านั้นกัดฟันแน่น ไม่สนใจเมิ่งฮ่าว พวกมันก้าวไปหาหวังโหย่วฉาย รังสีสังหารกระจายออกมาอย่างเข้มข้น

ในตอนนี้เองที่ความเย็นชาอันน่าตกใจ จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นในดวงตาที่เรียบเฉยของเมิ่งฮ่าว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version