ตอนที่ 721
เจ้าน่าจะรู้จักหลิวจื่อช้วน
ผู้ฝึกตนนับแสนที่อยู่ในเขตด้านนอกของทะเลสาบเต๋าโบราณ กำลังจะเป็นสักขีพยานในเหตุการณ์ที่ยากจะพบเห็นและน่าตกใจนี้!
“กระบี่ยาวนั่น…ยาวถึงเจ็ดฉื่อ (เจ็ดฟุต) กระบี่อีกเก้าเล่มต่างก็ยาวถึงสามฉื่อ ดูแสงเจิดจ้าและสายฟ้านั่น! มันแทบจะคล้ายกับเป็นสายฟ้าลงทัณฑ์! เป็นไปได้หรือไม่ว่า…กระบี่นั่นก็คือกระบี่ซานจิ่วเจี๋ยในตำนาน?!?!?” (กระบี่สามเก้าโจร)
“ทำไมกลองศึกนั่นถึงได้ดูแทบจะเหมือนกับกลองเหยียนกู่เจินหลิง (วิญญาณเดิมแท้แห่งบรรพกาล) ที่ข้าเคยอ่านมาจากในบันทึกโบราณ…? และหุ่นเชิดที่อยู่ด้านข้างมัน…แค่มองไปข้าก็รู้สึกหนาวนัก!”
“นั่นเป็นต้นไม้อะไร?! มันดูแปลกเป็นอย่างยิ่ง และยังออกผลมาสามผลอีกด้วย!!”
“ดูกรงเล็บอสูรนั่น! ช่างน่ากลัวนัก! ใช่หรือไม่ว่ามันเป็นของวิเศษขั้นค้นหาเต๋า?!”
“นั่น…นั่นคือมังกรดำ!? มันเป็นมังกรที่มีชีวิตจริงๆ!! ดูค่อนข้างจะตัวเล็ก แต่ร่างมันต้องเป็นของวิเศษอย่างแน่นอน!!”
ผู้ฝึกตนตัดวิญญาณนับสิบเริ่มมารวมตัวกัน เหนือทะเลสาบหลักหมื่นจ้างในทันที ขณะที่สิ่งของชิ้นแล้วชิ้นเล่าปรากฏขึ้นท่ามกลางการปะทุของน้ำในทะเลสาบ
ตูม!
ถึงจะมีอาวุธเวทอยู่มากมาย แต่การต่อสู้อย่างดุร้ายก็เกิดขึ้นในชั่วพริบตา!
“ไสหัวไป!”
“เหล่าฟูจะเอาชิ้นนั้น!”
“นี่เป็นของข้า ใครบังอาจมาแย่งชิงมันต้องตาย!!”
เสียงระเบิดเริ่มดังก้องออกมา ขณะที่ผู้แข็งแกร่งตัดวิญญาณพุ่งตรงไปยังของวิเศษที่พวกมันอยากได้ เสียงกระหึ่มอย่างน่าตกใจดังเต็มอยู่ในอากาศ สวรรค์เปลี่ยนสีปฐพีสิ้นแสงไปในทันใด
ที่น่าสนใจมากที่สุดก็คือเด็กหนุ่มจากสำนักอีเจี้ยน จากนั้นก็เป็นหุ่นเชิดแห่งสำนักจินหาน ทั้งคู่ต่างก็กระจายกลิ่นอายค้นหาเต๋าออกมา ที่แปลกมากที่สุดก็คือสามบุรุษจากดินแดนทางเหนือ พวกมันบินไปมาอยู่ในสามทิศทางที่แตกต่างกัน ทำให้อากาศในบริเวณนั้นแตกกระจายไปรอบๆ ในทุกที่ที่พวกมันพุ่งผ่านไป
ภาพที่ปรากฏขึ้นอย่างฉับพลันของพวกมัน กลายเป็นสัญญาณเตือนภัยสำหรับผู้ฝึกตนดินแดนด้านใต้ แต่ก็ไม่มีเวลาที่จะไปค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับต้นสังกัดและภูมิหลังของพวกมัน คนทั้งหมดต่างก็พุ่งตรงไปยังของวิเศษที่ตนเองต้องการ
เด็กหนุ่มแห่งสำนักอีเจี้ยน บินตรงไปยังกระบี่ที่ยาวเจ็ดฉื่ออย่างรวดเร็ว ในชั่วพริบตามือของมันก็คว้าจับไปที่ด้ามกระบี่
หุ่นเชิดขนาดใหญ่แห่งสำนักจินหาน ระเบิดกลิ่นอายตัดวิญญาณออกมา ขณะที่มันมุ่งหน้าตรงไปยังหุ่นเชิดที่อยู่ด้านข้างกลองศึก กระแทกเข้าไปยังผู้ฝึกตนตัดวิญญาณแห่งสำนักอีเจี้ยนที่อยู่ในบริเวณนั้น
ปรมาจารย์ตระกูลซ่งบินตรงไปด้วยความรวดเร็วสูงสุด ร่างมันกระจายกลิ่นอายที่ดูเหมือนจะประกอบไปด้วย พลังอันไร้ที่เปรียบของพลังปราณแห่งสวรรค์และปฐพีออกมาเป็นระยะ ทุกที่ที่มันพุ่งผ่านไป ใบมีดภาพลวงตาอันน่าตกใจก็จะลอยไปมา เป้าหมายของมันเป็นแผ่นหยกที่เรืองแสงสีม่วงออกมา
ปรมาจารย์รุ่นสิบเก้าตระกูลหลี่ พุ่งตรงไปยังมังกรดำอย่างดุร้าย
สำนักจื่อยิ่นมีเพียงผู้อาวุโสเต๋าเหี่ยวแห้งเท่านั้นที่ปรากฏกาย มุ่งหน้าตรงไปยังต้นไม้สีแดง ซึ่งมีใบสีดำ ดอกสีน้ำเงิน และมีผลสีขาวสามลูก!
สำหรับคนเถื่อนที่มีรูปร่างสูงใหญ่ ตี้เหยี่ยแห่งดินแดนทางเหนือ เขี้ยวสุนัขป่าขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นในมือมัน กลิ่นอายอันป่าเถื่อนดุร้ายระเบิดออกมา จนบรรลุถึงความน่ากลัวสูงสุดในชั่วพริบตา มันกวัดแกว่งเขี้ยวสุนัขป่าไปมา ทำให้อากาศรอบๆ บริเวณนั้นแตกกระจายไป ขณะที่มันพุ่งตรงไปยังเป้าหมาย กรงเล็บสีดำที่มีความยาวหนึ่งร้อยจ้าง
“กรงเล็บนี้เป็นของข้า, ตี้เหยี่ย!”
เต้าจื่อโจวเฉินแห่งสำนักหลิงไถ ก็มาจากดินแดนทางเหนือด้วยเช่นเดียวกัน แต่ก็มีท่าทางอ่อนโยนราวกับเป็นหญิงสาว อากาศรอบๆ ตัวมันไม่ได้แตกกระจายไป แต่บิดเบี้ยวไปมาอยู่รอบๆ ร่างมัน ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่มันพุ่งผ่านไปเหี่ยวแห้งลง
มันมีสีหน้าเย็นชาขณะที่พุ่งตรงไปยังวงแหวนสีทองขนาดใหญ่ ซึ่งกระจายพลังแห่งการผนึกออกมาเป็นระยะ
สุดท้ายก็คือหนึ่งในสี่ดาวรุ่งแห่งดาวหนานเทียน อันดับแรกรองลงมาจากค้นหาเต๋าแห่งดินแดนทางเหนือ ลู่ปั๋วแห่งสำนักตี้จง ซึ่งสามารถจะต่อสู้กับค้นหาเต๋าได้ ถึงแม้ว่ามันจะอยู่ในขั้นตัดวิญญาณก็ตามที!
ขณะที่มันลอยตัวอยู่กลางอากาศ ทะเลสาบเต๋าที่กำลังปะทุอยู่ก็เดือดพล่านอยู่รอบๆ ร่างมัน แทบจะดูเหมือนว่ามันกำลังอยู่ในช่วงเวลาและสถานที่ที่แตกต่างกันออกไป ราวกับว่ามันสามารถเดินทางไปได้ทั่วทุกที่ในช่องว่างแห่งกาลเวลาตามที่ต้องการ
มันชำเลืองมองไปยังสิ่งของต่างๆ ในบริเวณนั้น จนกระทั่งสายตาไปหยุดนิ่งอยู่ที่ซากศพของมังกรดำขนาดใหญ่ เมื่อเป็นเช่นนั้น แสงแปลกๆ ก็เริ่มสาดประกายอยู่ในดวงตามัน
ทันใดนั้นมันก็มุ่งหน้าตรงไปยังทิศทางของมังกรดำ และตรงไปยังปรมาจารย์รุ่นสิบเก้าตระกูลหลี่ ซึ่งเห็นได้ชัดว่ากำลังจะมาแย่งชิงของสิ่งนี้ด้วยเช่นกัน
ทุกคนต่างก็มีจุดประสงค์และเป้าหมายของตนเอง บางคนก็มีเป้าหมายเดียวกับคนอื่นๆ บางคนก็แตกต่างกันออกไป นอกจากนี้ก็ยังมีผู้แข็งแกร่งตัดวิญญาณจากสำนักและตระกูลอื่นๆ ที่มุ่งหน้าตรงไปยังสิ่งของที่พวกมันต้องการด้วยเช่นเดียวกัน
หกผู้เฒ่าสำนักเซี่ยเยา กระจายตัวกัน มุ่งหน้าตรงไปยังสิ่งของต่างๆ ที่พวกมันสนใจ
การต่อสู้กันนั้นดูเหมือนจะปั่นป่วนวุ่นวาย แต่จริงๆ แล้วก็ค่อนข้างจะตรงกันข้าม มีแต่ผู้แข็งแกร่งที่ทรงพลังมากที่สุดเท่านั้น ถึงจะต่อสู้เพื่อแย่งชิงสิ่งของที่พิเศษดูไม่ธรรมดา คนอื่นๆ ไม่มีคุณสมบัติที่จะกระทำเช่นนั้น
“บัดซบ! นั่นเป็นของข้า!”
“ไม่มีใครเป็นเจ้าของทะเลสาบ! ของวิเศษจะอยู่กับผู้ที่โชคดี และเจ้าก็ไร้โชควาสนา! ไสหัวไป!”
“ตาย!”
เสียงระเบิดดังก้องออกมา และในชั่วพริบตา พวกมันก็ตกอยู่ในเสียงแผดร้องโหยหวน
ผู้ฝึกตนสำนักจินหานถูกสังหารโดยผู้อาวุโสเต๋าเหี่ยวแห้ง สมาชิกตระกูลหลี่รู้สึกตื่นเต้นที่เข้าไปใกล้กับมังกรดำได้ และกำลังจะยื่นมือออกไปคว้าจับ แต่ก็ได้ยินเสียงถอนหายใจอย่างแผ่วเบาดังมา เสียงนั้นทำให้ร่างมันเริ่มสั่นสะท้าน และจากนั้นมันก็พ่นโลหิตออกมาจากปาก ร่างกายกลายเป็นแอ่งโลหิตในทันใด แรกก่อตั้งศักดิ์สิทธิ์ของมันบินออกไปโดยไม่ลังเล แต่จากนั้นก็ถูกบดขยี้โดยพลังแห่งกาลเวลา
ในเวลาเดียวกันนั้น เมิ่งฮ่าวยังคงนั่งอยู่ที่ด้านข้างของทะเลสาบเต๋าพันจ้าง ที่เหือดแห้งไปแล้ว ซึ่งมีอาณาเขตที่ติดต่อกับทะเลสาบเต๋าหมื่นจ้าง จิตใจเขาดังกระหึ่มราวกับเกิดเป็นเสียงฟ้าฟาด ขณะที่ได้รับความรู้แจ้งมากขึ้นเกี่ยวกับเต๋าเดิมแท้เวทอสูรไฟมอดไหม้ ในที่สุดเขาก็สามารถทะลวงผ่านมันไปได้
“มอดไหม้, ไฟ, อสูร, เวท, แท้, เดิม, เต๋า!” เมิ่งฮ่าวลืมตาขึ้นมา
“เวทนี้มีอยู่สามระดับและเจ็ดส่วน! แต่ละตัวอักษรเป็นตัวแทนของวิชาลับที่แตกต่างกันออกไป เมื่อรวมเข้าด้วยกัน ก็จะกลายเป็นสิ่งที่ทรงพลังอย่างน่าเหลือเชื่อ!”
“ท่ามกลางตัวอักษรเหล่านี้เป็นเวทร่างจำแลง!”
“ช่างน่าเศร้านักที่ก่อนหน้านี้ข้าไม่เข้าใจมัน และพยายามไล่ตามทฤษฎีที่ไม่ถูกต้อง ถ้าไม่ใช่เช่นนั้น ข้าก็คงจะสามารถเข้าใจได้อย่างแท้จริง และมีพลังเพิ่มขึ้นบ้างแล้ว!”
“ในตอนนี้สิ่งที่ข้าเข้าใจอย่างลึกล้ำมากที่สุดไม่ใช่ตัวอักษร ‘ดั้งเดิม’ และเวทร่างจำแลงของมัน แต่เป็นตัวอักษร ‘มอดไหม้’!”
“สิ่งมีชีวิตทั้งหมดต้องมอดไหม้เหี่ยวแห้งไป แต่ต้นไม้ที่เหี่ยวแห้งนั้นก็จะเติบโตขึ้นมาใหม่ในฤดูใบไม้ผลิ ตัวอักษร ‘枯’ (คู = เหี่ยวแห้งหรือมอดไหม้) มีตัวอักษร ‘木’ (มู่ = ต้นไม้) เป็นส่วนประกอบที่ด้านซ้าย ซึ่งเป็นตัวแทนของชีวิต ตัวอักษร ‘古’ (กู่ = โบราณ) ที่ประกอบอยู่ด้านขวาเป็นตัวแทนแห่งความตาย ด้านซ้ายเป็นอดีตที่ผ่านมา ด้านขวาก็คืออนาคต”
“ตัวอักษร ‘มอดไหม้’ ก็เหมือนกับขั้นที่สามแห่งเวทยิ่งใหญ่อสูรโลหิตด้วยเช่นกัน เมื่อไหร่ที่ข้าเข้าไปในขั้นวิญญาณโลหิต ข้าก็จะสามารถดูดกลืนวิญญาณ ซึ่งจริงๆ แล้ว…ก็เหมือนกับตัวอักษร ‘มอดไหม้’ เป็นอย่างยิ่ง!”
“การเผาไหม้วิญญาณของใครบางคน ก็คล้ายกับการทำลายพื้นฐานฝึกตนของพวกมัน และมีอิทธิพลต่อกาลเวลา เหมือนกับการปลูกเมล็ดพันธุ์ เมล็ดที่ถูกปลูกไปนั้นจะถูกเก็บเกี่ยวในทันที โดยไม่ต้องสนใจกาลเวลาที่ผ่านไปตามปกติของมัน!”
“นั่นก็คือความหมายที่แท้จริงของขั้นวิญญาณโลหิตแห่งเวทยิ่งใหญ่อสูรโลหิต!”
“สิ่งที่ข้าต้องการทั้งหมดก็คือ เวลาที่จะใช้ในการเข้าฌาณตามลำพัง บางทีอาจจะแค่ครึ่งเดือน ข้าก็น่าจะสามารถก้าวเข้าไปในขั้นสามของเวทยิ่งใหญ่อสูรโลหิตได้!” ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายด้วยแสงเจิดจ้า ในตอนนี้เองที่พลังอันน่าตกใจ จู่ๆ ก็พุ่งขึ้นมาจากภายในร่างเขา
ทันใดนั้น สายตาของผู้ฝึกตนทั้งหมดที่อยู่ด้านบนทะเลสาบเต๋าต่างก็จ้องมองมายังทิศทางของเขา
เมิ่งฮ่าวเงยหน้าขึ้น และแสงสีทองก็มองเห็นได้จากภายในดวงตา ทันใดนั้น เขาก็ใช้การเคลื่อนย้ายทางไกลย่อย และไปปรากฏกายขึ้นอีกครั้งในกลางอากาศเหนือทะเลสาบ
“เมิ่งฮ่าว!!”
“ก่อนหน้านี้มันกำลังเข้าฌาณอยู่ เมื่อดูจากพลังของมันในตอนนี้…เป็นไปได้หรือไม่ว่ามันได้ทะลวงผ่านไปอีกขั้นแล้ว?!”
“บัดซบ! ถ้ามันเข้ามายุ่งด้วย ก็หมายความว่ามีศัตรูที่แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน!”
“ได้โปรดอย่ามาสนใจสิ่งของในที่แห่งนี้เลย ไปดูที่อื่นจะดีกว่า”
ความคิดและความรู้สึกเช่นนี้มากมาย ปะทุขึ้นมาในชั่วพริบตา
ตูม!
เมื่อเมิ่งฮ่าวปรากฏกายขึ้นที่ด้านบนของทะเลสาบเต๋า พลังของเขาทันใดนั้นก็ไปกระตุ้นความสนใจให้กับบุคคลสี่คน
คนแรกเป็นเด็กหนุ่มจากสำนักอีเจี้ยน ม่านตามันหดเล็กลง
อีกสามคนเป็นผู้ถูกเลือกจากดินแดนทางเหนือ หนึ่งในนั้นเป็นเต้าจื่อโจวเฉินแห่งสำนักหลิงไถ มันขมวดคิ้วและจ้องมองไปอย่างเคร่งเครียดชั่วครู่ ท่าทางดูถูกเยาะเย้ยปรากฏขึ้นบนใบหน้าของตี้เหยี่ย แต่จิตใจมันเต็มไปด้วยความระมัดระวังตัว
บุคคลที่ดูเหมือนจะให้ความสนใจในตัวเมิ่งฮ่าวมากที่สุด ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเป็นลู่ปั๋ว มันหันหน้ามามองยังเมิ่งฮ่าว และเมื่อมันกระทำเช่นนี้ แรงสั่นสะเทือนก็วิ่งผ่านไปทั่วร่างมัน
“มันนั่นเอง!” ลู่ปั๋วคิด
มันสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่คล้ายกับเป็นชะตาลิขิต และทันใดนั้นก็มั่นใจว่า บุรุษหนุ่มที่มันกำลังมองดูอยู่นั้นเป็นบุคคลที่เซียนรุ่งอรุณได้พูดถึง เป็นบุคคลที่ดวงชะตาลิขิตให้ต้องมาเป็นศัตรูกับมัน
การมาถึงของเมิ่งฮ่าวเป็นภาพที่ทำให้คนทั้งหมดต้องตกตะลึง เขาชำเลืองมองไปยังรอบๆ บริเวณ จากนั้นก็พุ่งตรงไปยังกรงเล็บสีดำอย่างน่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง
การตัดสินใจของเขา ทำให้ผู้คนไม่น้อยต้องถอนหายใจด้วยความโล่งอกออกมา และทำการต่อสู้กันต่อไป
แววตาของตี้เหยี่ยแวบขึ้นด้วยรังสีสังหาร ขณะที่มันพุ่งตรงไปยังกรงเล็บสีดำอย่างรวดเร็วด้วยเช่นกัน
เด็กหนุ่มจากสำนักอีเจี้ยน เพิ่งจะคว้าจับไปที่กระบี่ยาวเจ็ดฉื่อ พลังก็ระเบิดออกมา มันก็เงยหน้าขึ้นและหัวเราะเป็นเสียงดังออกมา ด้านข้างของมังกรดำ ปรมาจารย์รุ่นสิบเก้าตระกูลหลี่ กระอักโลหิตออกมา มันไม่อาจจะต่อสู้กับลู่ปั๋วได้ ซึ่งตอนนี้กำลังม้วนกวาดชายแขนเสื้อเพื่อเก็บรวบรวมมังกรดำไว้
สำนักจินหานไล่ตามกลองศึกและหุ่นเชิดขนาดใหญ่ไป มีผู้แข็งแกร่งตัดวิญญาณอยู่ไม่น้อยที่กำลังต่อสู้เพื่อแย่งชิงมัน แต่ด้วยพลังของกลิ่นอายค้นหาเต๋าของพวกมัน สำนักจินหานก็บีบบังคับให้ทุกคนออกไปจากเส้นทางของพวกมัน คว้ากลองศึกและหุ่นเชิดไว้ในทันที
ตระกูซ่งครอบครองแผ่นหยกสีม่วง ที่พวกมันไล่ตามไปได้สำเร็จ
สำหรับวงแหวนสีทอง มีผู้คนไม่น้อยพยายามที่จะต่อสู้กับโจวเฉินแห่งสำนักหลิงไถ แต่คนทั้งหมดก็ต้องล่าถอยออกไป โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปากพวกมัน มีอยู่ถึงสองคนที่ถูกสังหารไป สุดท้ายโจวเฉินก็ได้วงแหวนนั้นไป
สำหรับสิ่งของจิปาถะอื่นๆ ผู้ฝึกตนตัดวิญญาณจากสำนักและตระกูลต่างๆ ได้แบ่งปันกันไปเรียบร้อยแล้ว
ตี้เหยี่ยเข้าไปใกล้กรงเล็บสีดำ กวัดแกว่งเขี้ยวสุนัขป่าไปมา ทำให้น้ำในทะเลสาบพุ่งกระจายออกไป มันยื่นมือซ้ายตรงไปยังกรงเล็บสีดำนั้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อมือของมันใกล้จะไปคว้าจับกรงเล็บไว้ เมิ่งฮ่าวก็พุ่งฝ่าอากาศมาด้วยความรวดเร็วอย่างที่ไม่อาจจะอธิบายออกมาได้ มาอยู่ที่ด้านข้างกรงเล็บนั้นในทันที
เมื่อเห็นว่าเมิ่งฮ่าวต้องการจะมาต่อสู้แย่งชิงกรงเล็บนี้กับมัน ตี้เหยี่ยก็แผดร้อง “ไสหัวไป!” จากนั้นก็ฟาดเขี้ยวสุนัขป่าลงไปยังร่างเมิ่งฮ่าว
สีหน้าเมิ่งฮ่าวสงบนิ่งเหมือนเช่นเคย ขณะที่ต่อยหมัดออกไป หมัดนั้นไม่มีกลิ่นอายค้นหาเต๋า แต่เมื่อคิดว่าเมิ่งฮ่าวเป็นอันดับแรกรองจากค้นหาเต๋า หมัดนั้นก็ประกอบไปด้วยพลังอันน่าตกใจ ซึ่งกระแทกไปยังเขี้ยวสุนัขป่าโดยตรง
เสียงระเบิดขนาดใหญ่ดังก้องออกไป แรงสั่นสะเทือนวิ่งผ่านร่างเมิ่งฮ่าว และเขี้ยวสุนัขป่าก็ลอยกลับไป สีหน้าของตี้เหยี่ยสลดลง ขณะที่มันต้องถอยโซเซไปทางด้านหลังเจ็ดถึงแปดก้าว มันมองขึ้นมา และสีหน้าอันดุร้ายก็ปรากฏขึ้น
“ดูเหมือนว่าเจ้ายังเทียบกับเจ้าปีศาจร้ายลู่ปั๋วนั่นไม่ได้!” ร่างตี้เหยี่ยแวบขึ้น ขณะที่มันพุ่งตรงเข้ามาอีกครั้ง ถึงแม้ว่าตี้เหยี่ยและอีกสองคนจากดินแดนทางเหนือจะมาถึงเมื่อก่อนหน้านี้อยู่เล็กน้อย แต่แม้แต่ลู่ปั๋วก็ยังไม่อาจจะได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นที่เขตด้านในของทะเลสาบเต๋า หลังจากที่ทะเลสาบหลักปะทุขึ้นเท่านั้น จึงทำให้อากาศรอบๆ บริเวณนั้นบิดเบี้ยวและพลุ่งพล่านปั่นป่วน จนทำให้พวกมันสามารถเคลื่อนย้ายทางไกลเข้าไปใกล้ได้ ซึ่งพวกมันก็มองเห็นได้ชัดเจนเพียงแค่แวบเดียวในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ด้วยเช่นนั้น มันจึงไม่ตระหนักถึงสิ่งที่น่าตกใจซึ่งเมิ่งฮ่าวได้ทำไว้
หลังจากที่มองไปยังตี้เหยี่ยโดยละเอียด เมิ่งฮ่าวก็ตระหนักว่าบุรุษร่างสูงใหญ่ผู้นี้มีกลิ่นอายอันคุ้นเคยของผู้ฝึกตนดินแดนทางเหนือ “ดินแดนทางเหนือ?” เขาถาม
“ข้าคือตี้เหยี่ยแห่งตระกูลฮวง ในดินแดนทางเหนือ!” ตี้เหยี่ยแผดร้องออกมา ขณะที่มันเข้ามาใกล้เมิ่งฮ่าว
“เจ้าน่าจะรู้จักหลิวจื่อช้วน!” เมิ่งฮ่าวเอ่ยขึ้นในทันที