ตอนที่ 785
การต่อสู้เริ่มขึ้น!
สำนักเซี่ยเยามีค่ายกลเวทคอยปกป้องคุ้มครองอยู่สิบค่ายกล เมื่อผู้ฝึกตนดินแดนด้านใต้สองแสนคนที่อยู่ด้านใน ได้ยินคำประกาศของตานกุ่ย พวกมันก็ลืมตาขึ้นมาจากการเข้าฌาณ ดวงตายังคงเป็นสีแดงก่ำ โลหิตที่ระอุอุ่นของพวกมันไม่ได้เหือดแห้งหายไปแม้แต่น้อย
ถึงแม้ว่าพวกมันจะได้พักผ่อนเพียงแค่ไม่กี่วัน แต่จิตใจก็ถูกขึงจนตึงไม่ได้ผ่อนคลายลงไป คนทั้งหมดกำลังรอคอย…การต่อสู้ครั้งสุดท้ายที่จะเริ่มขึ้น
ตอนนี้เวลานั้นก็มาถึงแล้ว
ไม่มีใครพูดจา เสียงหายใจของพวกมันดังก้องออกมาราวกับเป็นเสียงฟ้าร้อง ผู้ฝึกตนแต่ละคนกระจายบรรยากาศอันน่ากลัวออกมา ทั้งหมดนี้หลอมรวมเข้าด้วยกัน กลายเป็นกลิ่นอายอันน่าตกใจ จนทำให้ทุกสรรพสิ่งสั่นสะท้าน
ในการต่อสู้ครั้งนี้ ไม่มีที่ให้หลบหนีล่าถอยได้อีกแล้ว!
ในการต่อสู้ครั้งนี้ ความบ้าคลั่งสูงสุดของดินแดนด้านใต้จะถูกปลดปล่อยออกมา!
ในการต่อสู้ครั้งนี้ พ่ายแพ้ก็คือตาย แต่ถ้าชนะก็จะมีโอกาสรอดชีวิต!
ไม่มีใครมั่นใจว่าจะมีชีวิตรอดหลังจากที่การต่อสู้จบลง ไม่แม้แต่ปรมาจารย์ซ่ง และผู้แข็งแกร่งคนอื่นๆ ที่จะเชื่อมั่นเช่นนั้น อย่างไรก็ตาม ในการต่อสู้ขนาดใหญ่ระหว่างสองดินแดนหลัก และผู้ฝึกตนนับแสน อะไรก็เกิดขึ้นได้
พวกมันนั่งอยู่ที่นั่นอย่างเงียบสงบ หลายคนเอาแผ่นหยกออกมาจากเสื้อ จารึกความสามารถที่แข็งแกร่งและสมบูรณ์มากที่สุดของตนเอง จากนั้นก็ผนึกคำสาปแช่งโลหิตลงไป เพื่อให้มั่นใจว่า ใครก็ตามที่ศึกษาวิชาเวทนี้ในอนาคต จะต้องถูกบังคับให้มองว่าผู้ฝึกตนดินแดนทางเหนือคือศัตรูตัวฉกาจของพวกมัน
บางคนก็หยิบเอาของวิเศษหรือมรดกลับ ที่เป็นตัวแทนแห่งความทรงจำที่สำคัญออกมา พวกมันถือไว้อยู่ในมือ จ้องมองไป พึมพำด้วยเสียงที่แผ่วเบา
คล้ายกับว่าพวกมันกำลัง…ทำการร่ำลาเป็นครั้งสุดท้าย…
เมิ่งฮ่าวนั่งอย่างไร้อารมณ์ความรู้สึกอยู่ในหุบเขาเจ้าสำนักน้อย ในช่วงแห่งการพักผ่อนไม่กี่วันมานี้ เขาไม่ได้ฝึกฝนตนเอง สำหรับเวทยิ่งใหญ่อสูรโลหิต มันยังไม่เสร็จสิ้นโดยสมบูรณ์ เขายังขาดวิญญาณบางส่วนที่ต้องเก็บเกี่ยวจากการต่อสู้
เขานั่งอยู่ที่นั่น ในจุดเดียวกับที่เขาเคยโอบกอดสวี่ชิงไว้ จิตใจว่างเปล่า แทบจะราวกับว่ากลิ่นอายของเขาได้หายไปจนหมดสิ้น
เวลาผ่านไป ในยามสนธยาของวันที่สอง ตั้งแต่คำประกาศของตานกุ่ย เสียงหายใจของผู้ฝึกตนดินแดนด้านใต้ก็เริ่มดังมากขึ้น คล้ายกับเป็นเสียงฟ้าร้องคำราม ดังก้องไปมา เหมือนกับก่อนหน้านี้ ไม่มีใครพูดจา
ในที่สุด…ริ้วแสงสีดำก็ปรากฏขึ้นไกลออกไปที่เส้นขอบฟ้า!
ในไม่ช้า ก็เริ่มมองเห็นได้ว่าริ้วสีดำอันน่าตกใจนั้นจริงๆ แล้วก็คือ ผู้ฝึกตนดินแดนทางเหนือมากมายนับไม่ถ้วน!
พวกมันพุ่งฝ่าอากาศมา มีจำนวนนับแสน ระเบิดพลังออกมา กลุ่มเมฆพลุ่งพล่านปั่นป่วน อันเนื่องมาจากการผ่านไปของพวกมัน และเสียงกระหึ่มก็ดังก้องออกไปทั่วทั้งผืนดิน
พื้นดินสั่นสะเทือนขณะที่สองยักษ์ในชุดเกราะสีทองวิ่งมา ข้ามผ่านภูเขาทั้งหมดมาในแต่ละก้าวของมัน ภาพที่เห็นนี้ช่างน่าหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง สามปีศาจบินฝ่าอากาศมา ถูกห้อมล้อมไว้ด้วยกลุ่มหมอกสีมรกตที่หมุนวนไปมา ไม่ว่าพวกมันจะพุ่งผ่านไปยังที่แห่งใด สิ่งมีชีวิตที่ด้านล่างก็จะตกตาย และยอดเขาถูกหลอมละลายไป
ที่ด้านหน้าเป็นหกผู้แข็งแกร่งขั้นสูงสุดค้นหาเต๋า นำมาโดยผู้นำตระกูลสายโลหิตจักรพรรดิ พวกมันกลายเป็นริ้วแสงพุ่งผ่านท้องฟ้า มองดูแทบจะคล้ายกับเป็นกรงเล็บขนาดใหญ่ พร้อมที่จะฉีกกระชากท้องฟ้าให้ขาดสะบั้นไป
ผู้ฝึกตนดินแดนด้านใต้มองขึ้นไป พวกมันเก็บแผ่นหยกและมรดกของวิเศษไว้ หยุดคิดเกี่ยวกับสิ่งที่เป็นที่รักใดๆ ในตอนนี้พวกมันได้ทำการชำระล้างจิตใจ ปล่อยให้ความต้องการต่อสู้ลุกไหม้เจิดจ้าขึ้นมา
“สู้!”
ยากที่จะบอกว่าใครพูดขึ้นก่อนเป็นคนแรก แต่เสียงร้องนี้ก็กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว พวกมันได้สะกดข่มตนเองมาเป็นเวลาหลายวัน และในที่สุดก็ได้ระบายออกมาแล้วตอนนี้ กลายเป็นเสียงแผดร้องคำรามที่ดังมากขึ้นกว่าเดิม
“สู้!!”
“สู้!!!!” ทีละคน ทีละคน ผู้ฝึกตนดินแดนด้านใต้ลุกขึ้นมายืน เสียงแผดร้องของพวกมันทำให้ท้องฟ้ามืดสลัว ขณะที่บรรยากาศอันน่ากลัวระเบิดขึ้นไป พุ่งผ่านค่ายกลเวทเพื่อต่อสู้กลับไปยังพลังของผู้ฝึกตนดินแดนทางเหนือ
เสียงกระหึ่มดังเต็มอยู่ในอากาศ ขณะที่พลังจากผู้ฝึกตนนับแสนพุ่งเข้าหากัน เป็นการปะทะที่มองไม่เห็น แต่ก็ยังคงเป็นการปะทะ ผู้ฝึกตนดินแดนทางเหนือหยุดชะงักนิ่ง มีบางคนโลหิตได้ไหลซึมออกมาจากปาก เช่นเดียวกับกองกำลังดินแดนด้านใต้
ทันใดนั้น เสียงอันเย็นชาก็ดังก้องออกมาจากกองกำลังดินแดนทางเหนือ
“กองกลาง มุ่งหน้าไป! ปีกสองข้างก่อตัวเป็นใบมีด! เรียกประตูเซียนมาบดขยี้ให้สถานที่แห่งนี้ราบเรียบเป็นหน้ากลอง!” เสียงนี้ดังมาจากหญิงสาวคลุมหน้า ที่นั่งขัดสมาธิลอยตัวอยู่ภายในกลุ่มหมอกวิญญาณสีเขียว
เพื่อตอบรับคำพูดของนาง สามกองกำลังก็แยกตัวออกมาจากกลุ่มผู้ฝึกตนนับแสน กองกลางมีจำนวนหนึ่งแสนคนมุ่งหน้าตรงไป ปีกสองข้างมีกองกำลังข้างละห้าหมื่นคน รวมตัวเข้าด้วยกันกลายเป็นสิ่งที่ดูคล้ายกับเป็นใบมีดอันแหลมคมพุ่งตรงไป
เวลาเดียวกันนั้น สูงขึ้นไปในท้องฟ้ารอยแยกก็เปิดออก ประตูสีทองขนาดใหญ่โผล่ออกมา จากนั้นก็กระแทกลงไปบนพื้นโดยตรง
สองยักษ์ที่คล้ายกับภูเขาพร้อมกับชุดเกราะสีทองพุ่งกระโจนตรงไป ส่งเสียงกู่ร้องขณะที่ยืดแขนออกไปคว้าจับประตูสีทองขนาดใหญ่ไว้ จากนั้นก็แบกไว้อยู่บนหัวไหล่ของพวกมัน!
ประตูเปิดออกอย่างช้าๆ เผยให้เห็นความปั่นป่วนวุ่นวายแห่งบรรพกาลในความว่างเปล่า ภายในเป็นต้นไม้สีเขียวขนาดใหญ่
ต้นไม้เริ่มโผล่ออกมาจากกระตูอย่างช้าๆ และกลิ่นอายอันเก่าแก่โบราณก็กระจายออกมาเต็มไปทั่วบริเวณนั้น ช่างน่าตกใจอย่างถึงที่สุด
“ค่ายกลเริ่มทำงาน!” ปรมาจารย์ซ่งกล่าว เสียงกระหึ่มได้ยินมาขณะที่สิบค่ายกลเวทเริ่มโคจรหมุนวน วิญญาณกระบี่ภาพลวงตานับไม่ถ้วนลอยออกไป บดบังไปทั่วทั้งท้องฟ้า ขณะที่พุ่งตรงไปยังผู้ฝึกตนดินแดนทางเหนือ
“ทำลายค่ายกลนั่น” หญิงสาวในกลุ่มหมอกสีเขียวกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ
ทันใดนั้น ยักษ์สองตนที่มีประตูอยู่บนไหล่ก็เริ่มวิ่งตรงไปยังค่ายกลเวทของดินแดนด้านใต้ ต้นไม้ขนาดใหญ่โผล่ออกมาจากประตูมากยิ่งขึ้น มีขนาดประมาณหนึ่งร้อยจ้าง
ยักษ์ทั้งสองตนมีความแข็งแกร่งอย่างไม่ธรรมดา และไม่อาจจะขัดขวางไว้ได้ เพียงชั่วพริบตา พวกมันก็ไปอยู่ที่ด้านบนของค่ายกลเวทอันดับสิบแห่งผู้ฝึกตนดินแดนด้านใต้ กระแทกเข้าไปด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่นั้น
เสียงระเบิดดังก้องออกมา และได้ยินเสียงแตกร้าวขึ้น ค่ายกลเวทอันดับสิบไม่อาจจะต่อต้านการโจมตีนี้ได้ แตกกระจายออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ภายในเขตค่ายกลเวท สีหน้าของปรมาจารย์ซ่งและปรมาจารย์จินหานสลดลง
“นั่นคืออะไร!?”
“มันคือต้นไม้ทำลายค่ายกล!” ตานกุ่ยกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ดินแดนทางเหนือมีทรัพยากรอันลึกล้ำยิ่ง ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพวกมันยังมีต้นไม้เหล่านั้นหลงเหลืออยู่!” ขณะที่คำพูดหลุดออกมาจากปากท่าน สองยักษ์ก็เดินตรงไปยังค่ายกลเวทอันดับเก้า ติดตามมาด้วยกองกำลังของดินแดนทางเหนือ ผู้ฝึกตนนับแสนเตรียมตัวจะถล่มกองกำลังผู้ฝึกตนดินแดนด้านใต้ให้ราบเรียบ
ในเวลาเดียวกันนั้น ห้าในหกของผู้แข็งแกร่งขั้นสูงสุดค้นหาเต๋า ที่อยู่ในกลางอากาศก็บินตรงมายังค่ายกลเวทอันดับเก้าด้วยความรวดเร็ว พวกมันมาถึงในชั่วพริบตา และใช้ความสามารถศักดิ์สิทธิ์ โจมตีเข้ามาร่วมกับยักษ์ทั้งสองตน
ต่อมาไม่นาน พื้นดินก็สั่นสะเทือน ท้องฟ้าเต็มไปด้วยเสียงกระหึ่ม ขณะที่ค่ายกลเวทอันดับเก้าถูกทำลายลงไป จากนั้นก็อันดับแปด เมื่อค่ายกลเวทอันดับเจ็ดพังทลายไป พลังทำลายล้างที่หลบซ่อนอยู่ภายในก็ถูกปลดปล่อยออกมา กลายเป็นคลื่นระเบิดอันน่าตกใจส่งเสียงดังกึกก้องออกไป
สองยักษ์ที่กำลังแบกประตูสีทอง ไม่อาจจะต่อสู้กลับไปยังแรงโจมตีนั้นได้ ร่างกายสั่นสะท้านกระเด็นไปทางด้านหลังเกือบหนึ่งร้อยจ้าง ผู้ฝึกตนดินแดนทางเหนือจำนวนมาก ที่อยู่ด้านหลังพวกมัน ไม่อาจจะต่อต้านกับแรงโจมตีนั้น และถูกกำจัดไปทั้งร่างกายและวิญญาณ
ขณะที่พลังการโจมตีกระจายออกไป ห้าผู้แข็งแกร่งขั้นสูงสุดค้นหาเต๋าก็ลงมือขึ้นในทันที ความสามารถศักดิ์สิทธิ์สีสันสดใสถูกใช้ออกมา ทำให้พื้นดินสั่นสะเทือน โจมตีไปยังพลังนั้นให้กระจัดกระจายออกไป…
“โจมตี!” ปรมาจารย์ซ่งแผดร้อง พร้อมกับตานกุ่ยและปรมาจารย์จินหานบินออกไป ตามมาด้วยห้าผู้แข็งแกร่งตัดวิญญาณ และผู้ฝึกตนดินแดนด้านใต้สองแสนคน นี่คือการเปิดการต่อสู้ครั้งสุดท้าย!
ตานกุ่ยและผู้นำคนอื่นๆ ตรงไปยังห้าผู้แข็งแกร่งขั้นสูงสุดค้นหาเต๋า ปรมาจารย์ซ่งและปรมาจารย์จินหานต่อสู้กับศัตรูได้แค่คนเดียวเท่านั้น แต่ตานกุ่ยมีสองชีวิตการฝึกตนคอยเกื้อหนุน ถึงแม้ว่าสัญลักษณ์เวทผนึกที่อยู่ภายในร่างยังถูกกำจัดไปไม่หมดสิ้น แต่พลังขั้นสูงสุดค้นหาเต๋าของท่านก็มีมากกว่าอีกสองคนนั้น
เมื่อท่านโจมตีไป เสียงเพลงแห่งเต๋าอันยิ่งใหญ่ก็หมุนวนอยู่รอบๆ ร่าง กระถางปรุงยาปรากฏขึ้นจนดูเหมือนว่าจะสามารถกลั่นสกัดสวรรค์และปฐพีได้ ท่านส่งออกไปโจมตีผู้ฝึกตนดินแดนทางเหนือที่มีรูปร่างอรชรอ้อนแอ้นในทันที ในเวลาเดียวกันนั้น ท่านก็โบกสะบัดชายแขนเสื้อ ปกคลุมไปยังชายชราชุดขาวที่ดูคล้ายกับเป็นผีดิบ
เสียงระเบิดดังก้องออกไปทั่วในอากาศ ขณะที่สามผู้ฝึกตนขั้นสูงสุดค้นหาเต๋าแห่งดินแดนด้านใต้บุกตะลุยเข้าไปต่อสู้
แต่โชคร้ายที่ดินแดนทางเหนือได้ส่งห้าผู้แข็งแกร่งขั้นสูงสุดค้นหาเต๋าออกมา จึงยังคงมีอยู่หนึ่งคนที่เหลืออยู่โดยไม่มีใครมาคอยขัดขวางได้ นั่นก็คือหญิงอ้วน นางยิ้มออกมาขณะที่ตรงไปยังปรมาจารย์ซ่งและโจมตีไปอย่างรุนแรง
อย่างไรก็ตาม ขณะที่นางพุ่งตรงไปโจมตี หนังศีรษะก็ต้องด้านชาขึ้นในทันที และสีหน้าก็สลดลง หยุดชะงักนิ่งจากนั้นก็ล่าถอยออกไป เมื่อกระบี่ไม้จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้น และกรีดผ่านอากาศมา ตรงตำแหน่งเมื่อครู่นี้ของนาง กระบี่สาดประกายด้วยพลังแห่งกาลเวลา ทำให้อากาศรอบๆ บริเวณนั้น ผ่านกาลเวลาไปนับหมื่นปีในทันที
“มันคือใคร?!” นางคิด
ร่างจริงที่สองของเมิ่งฮ่าวก้าวเดินออกมาจากในอากาศ โบกสะบัดมือ ทำให้สัญลักษณ์เวทนับร้อยปรากฏขึ้น และค่ายกลเวทป้องกันที่มีรูปร่างคล้ายร่ม ก็พุ่งตรงไปยังหญิงอ้วน
หญิงอ้วนอ้าปากขึ้น พ่นกลุ่มหมอกที่บิดเบี้ยวไปมา จนกลายร่างเป็นสัตว์อสูร พุ่งตรงไปยังร่างจริงที่สอง เสียงกระหึ่มดังเต็มอยู่ในอากาศ สีหน้าของหญิงอ้วนเปลี่ยนไป นางไม่ใช่ผู้ฝึกตนขั้นสูงสุดค้นหาเต๋าธรรมดา นางแข็งแกร่งไปกว่านั้น ปกติทั่วไปแล้ว นางสามารถสังหารผู้แข็งแกร่งขั้นสูงสุดค้นหาเต๋าอื่นๆ ได้อย่างง่ายดาย นางไม่เคยคาดคิดว่าจะต้องมาพบกับใครบางคนในที่แห่งนี้ ซึ่งเป็นคนที่ไม่ได้อ่อนแอไปกว่านาง
“เจ้าคือเมิ่งฮ่าว?” นางถาม ไม่ใช่นางเพียงคนเดียวเท่านั้นที่คิดเช่นนี้ บุรุษร่างอ้อนแอ้นซึ่งกำลังต่อสู้อยู่กับตานกุ่ยก็มองมา ผู้นำของดินแดนทางเหนือ ซึ่งกำลังเฝ้าสังเกตดูการต่อสู้อยู่ ก็ชำเลืองมองมาด้วยเช่นกัน
“นั่นคือร่างจำแลงของเมิ่งฮ่าว!” ชายชราที่ดูคล้ายกับผีดิบกล่าว
เสียงระเบิดได้ยินมา ขณะที่การต่อสู้ของผู้แข็งแกร่งระดับขั้นสูงสุดปรากฏขึ้นในกลางอากาศ
ในเวลาเดียวกันนั้น ห้าผู้แข็งแกร่งตัดวิญญาณก็แหวกฝ่าอากาศเป็นเสียงแหลมเล็กอยู่ที่ด้านล่าง แต่โชคร้ายที่ดินแดนทางเหนือได้ส่งผู้ฝึกตนตัดวิญญาณออกมาเจ็ดคน เพื่อขัดขวางพวกมันไว้
ห้าการต่อสู้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะที่ผู้แข็งแกร่งตัดวิญญาณแห่งดินแดนทางเหนือ ซึ่งยังคงเหลืออยู่อีกสองคน ได้มุ่งหน้าตรงไปยังผู้ฝึกตนธรรมดาจากดินแดนด้านใต้ด้วยสายตาอันชั่วร้าย
ในสนามรบ ไม่มีใครสามารถเลือกคู่ต่อสู้ตามพื้นฐานฝึกตนของตนเองได้ แม้ว่าจะถูกสังหารไปก็ตามที การต่อสู้จะชนะหรือพ่ายแพ้ ขึ้นอยู่กับว่าใครจะสามารถสังหารศัตรูได้มากน้อยแค่ไหนเท่านั้น
ในตอนนี้เองที่หญิงสาวซึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่ภายในกลุ่มหมอก ก็กล่าวขึ้นด้วยเสียงที่เย็นชาออกมาอีกครั้ง
“สามผู้อาวุโสแห่งท้องฟ้าสีดำ ได้โปรดลงมือ”
ทันใดนั้น สามปีศาจที่อยู่ในกลุ่มหมอกก็เริ่มส่งเสียงกรีดร้อง ด้วยการถูกห้อมล้อมโดยกลุ่มหมอกที่ม้วนวนไปมา พวกมันพุ่งลงไปยังผู้ฝึกตนดินแดนด้านใต้ ดวงตาสาดประกายด้วยแสงอันลี้ลับ และความกระหายเลือดอย่างเข้มข้น ราวกับว่าพวกมันต้องการจะดูดกลืนพลังชีวิตของผู้ฝึกตนให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
สถานการณ์ของดินแดนด้านใต้ดูแล้วไม่ค่อยจะดีนัก อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีค่ายกลเวทป้องกันเหลืออยู่ ด้วยเช่นนั้นจึงสามารถจะถอยกลับไปทางด้านหลังด้วยความปลอดภัยได้
แต่ก็ดูเหมือนว่าจะมีความหวังอยู่แค่เล็กน้อยเท่านั้นที่จะได้รับชัยชนะ ผู้แข็งแกร่งที่ทรงพลังมากที่สุดจากดินแดนทางเหนือ ยังไม่ได้ลงมือใดๆ
ขณะที่สามวิญญาณพุ่งลงไปยังกองกำลังหลักของดินแดนด้านใต้ ราวกับความตายที่ครอบคลุมลงมา เมิ่งฮ่าวที่นั่งอยู่ในหุบเขาเจ้าสำนักน้อย มองเห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้ และความว่างเปล่าก็หายไปจากดวงตา แสงที่คล้ายกับเป็นโลหิตจู่ๆ ก็ปรากฏขึ้น จากนั้นเขาก็หายตัวไป
เมื่อปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง เขาก็ไปอยู่ในท่ามกลางสนามรบ!