Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 808

ตอนที่ 808

ภาพสะท้อนถ่ายทอดเต๋า!

ยากที่จะบอกว่าเวลาได้ผ่านไปนานเท่าใดแล้ว ดูเหมือนว่ามันจะผ่านไปนานแต่ก็สั้นเช่นเดียวกัน ท้องฟ้าค่อยๆ เริ่มมืดลง และแสงจันทร์จางๆ ก็สาดประกายอยู่ในความมืดมิด

ภายใต้ความมืดมิดแห่งยามราตรี เปลวไฟที่อยู่ในตะเกียงน้ำมันสัมฤทธิ์เต้นไปมา แทบจะดูเหมือนว่ามีเงาของผู้คนคงอยู่ในไส้ตะเกียง กำลังมองขึ้นไปยังดวงจันทร์…

เริ่มมีเงาปรากฏขึ้นที่ภายในวิหาร เผยให้เห็นโดยแสงตะเกียง ขณะที่เปลวไฟในตะเกียงเต้นไปมา ก็ดูเหมือนว่าเงาเหล่านั้นจะพริ้วไหวไปมาอย่างงดงาม

เมิ่งฮ่าวไม่ได้ตระหนักถึงเรื่องนี้ แต่สีของเสื้อผ้าเขาก็กำลังเปลี่ยนเป็นสีเทา และจริงๆ แล้วก็เริ่มฉีกขาดไป ราวกับว่าเสื้อผ้าเขากำลังผ่านกาลเวลา ไปอยู่ในช่วงสมัยโบราณ ขณะที่เขานั่งขัดสมาธิอยู่ที่นั่น

ร่างกายทั้งหมดของเมิ่งฮ่าวกระจายความรู้สึกนี้ออกมาเช่นเดียวกัน ราวกับว่าวิญญาณเขากำลังเคลื่อนย้ายกลับเข้าไปในช่วงเวลาของวิหารพิธีเต๋าโบราณ ไปรับฟังบทเพลงแห่งเต๋า ในเวลาเดียวกันนั้น ผลจากการที่วิญญาณของเขาได้กระจายออกไปทั่วร่าง ทำให้มันเริ่มเก่าแก่โบราณไป

ตอนดึกสงัดของยามราตรี…

ทันใดนั้น เสียงร้องไห้ก็ลอยผ่านอากาศยามราตรี ดังออกมาเป็นเสียงสดใสชัดเจน ขณะที่เสียงร้องไห้นั้นดังก้องไปมา มันก็ค่อยๆ กลายเป็นเสียงถอนหายใจอย่างแผ่วเบา

“เซียนยังคงมีอยู่ในโลกนี้หรือไม่…?” เสียงนั้นถาม จากนั้นความเงียบก็ถูกทำลายลงไปโดยเสียงกรอบแกรบของใบไม้

ในเวลาเดียวกันนั้น กลุ่มควันก็เริ่มลอยขึ้นมาจากกำแพง ถ้ามีใครมายืนอยู่ที่ข้างกำแพง ก็คงต้องตกตะลึงอย่างแน่นอนเมื่อพบว่า มันเต็มไปด้วยเส้นผมที่ยาวมากอย่างนับไม่ถ้วน!

เส้นผมสีดำลอยพริ้วออกมาจากภายในกำแพง และจากนั้นก็ตกลงไปบนพื้น เส้นผมกระจายออกไปอย่างรวดเร็วเต็มไปทั่วลานวิหาร ในตอนนี้เองที่เสียงแตกร้าวได้ยินออกมาจากระแนงไม้ไผ่

ต้นองุ่นที่เหี่ยวแห้งห้อยย้อยลงมา กลายเป็นรูปทรงโค้งซึ่งแทบจะคล้ายกับเป็นชิงช้า มันเริ่มขยับตัวไปมา แทบจะราวกับว่า…มีใครบางคนกำลังนั่งอยู่บนเถาองุ่น ใช้มันราวกับเป็นชิงช้า!

เสียงร้องไห้นั้นลอยออกมาจากภายในบ่อน้ำ และเสียงหัวเราะก็ได้ยินมาจากชิงช้า รวมเข้าด้วยกันกระจายเต็มไปทั่วทั้งลานวิหาร ทำให้เกิดเป็นความรู้สึกที่แปลกๆ จนน่าขนลุก ขณะที่เมิ่งฮ่าวนั่งอยู่ที่นั่นในลานวิหาร หลับตาลงไม่ไหวติงไปโดยสิ้นเชิง

เขาถูกปกคลุมด้วยแสงตะเกียงที่กำลังสาดประกายออกมา และเผยให้เห็นถึงภาพเงาสะท้อน ภาพสะท้อนนั้นบิดเบี้ยวและกระเพื่อมเป็นระลอกคลื่น จากนั้นก็เริ่มเคลื่อนที่เดินไปมาอยู่ในลานวิหาร บ้างก็นั่งลงขัดสมาธิ บ้างก็กราบกรานสักการะ บ้างก็ทำการปรุงยา บ้างก็ถือไม้กวาดอยู่ในมือเพื่อใช้กวาดพื้นบริเวณนั้น บ้างก็เข้ามาใกล้บริเวณที่เมิ่งฮ่าวนั่งอยู่ และมองมาที่เขาด้วยความสงสัยอยากรู้

สำหรับรูปปั้นเทพที่ปรักหักพัง ตอนนี้กำลังยืนตัวตรงเหมือนเมื่อในอดีต เงาของรูปปั้นที่ยืดยาวออกไปด้านล่าง ทันใดนั้นก็แยกออกมาจากรูปปั้น และกลายเป็นชายชรา

เสื้อผ้าของชายชรา ดูเหมือนกับเสื้อผ้าที่ฉีกขาดของเมิ่งฮ่าวเป็นอย่างยิ่ง ใบหน้ามันซีดขาวและโลหิตก็ไหลซึมออกมาจากดวงตา, หู, จมูก และปาก มองเห็นบาดแผลอันร้ายแรงอยู่บนศีรษะของมัน ดูคล้ายกับเป็นวิญญาณปีศาจขณะที่มันเข้ามาใกล้เมิ่งฮ่าว ยากที่จะบอกว่าสิ่งที่มันกำลังคิดอยู่คืออะไร ขณะที่มันลอยมาอยู่ที่ด้านหลังเมิ่งฮ่าว มันยืนอยู่และมองลงมายังด้านบนศีรษะของเขา

ต่อมาหลังจากนั้น ภาพสะท้อนทั้งหมดที่อยู่ภายในลานวิหารก็หันหน้ามองมายังเมิ่งฮ่าว พวกมันเข้ามาใกล้ ล้อมเป็นวงอยู่รอบๆ จ้องมาที่เขาอย่างใกล้ชิด

สูงขึ้นไปที่ด้านบนท้องฟ้า กลุ่มเมฆสีดำปกคลุมดวงจันทร์ไปครึ่งดวง และสายลมอ่อนๆ ก็โชยพัดผ่านมา ตามติดมาด้วยเสียงครวญครางที่เหมือนกับกำลังโศกเศร้าและสะอึกสะอื้น

ในตอนนี้เองที่พื้นดินสั่นสะเทือน และเสียงคร่ำครวญอยู่ในลำคอก็ได้ยินมาจากส่วนลึกที่อยู่ภายในวิหาร

“บ้าน…สถานที่แห่งนี้ไม่ใช่บ้านของข้า…ข้าอยากจะกลับบ้าน…”

“ส่งข้ากลับบ้าน…ส่งข้ากลับบ้าน, จื้อจุน (ผู้ยิ่งใหญ่)…ส่งข้ากลับบ้าน…”

เมื่อเสียงนั้นลอยออกมา ภาพสะท้อนในวิหารทั้งหมดสั่นสะท้าน ในลานวิหาร เส้นผมสีดำที่กระจายออกมาจากกำแพง จู่ๆ ก็ลอยขึ้นไปในอากาศ ชิงช้าเถาองุ่นทันใดนั้นก็หยุดแกว่งไปมา

ในเวลาเดียวกันนั้น ก็มีศีรษะโผล่ขึ้นมาจากบ่อน้ำ มันเป็นภาพลวงตาและมีสีที่ขาวซีด ใบหน้านั้นดูน่ากลัวและดุร้ายอย่างน่าเหลือเชื่อ เห็นได้ชัดว่านี่เป็น…ศีรษะที่จมอยู่ในบ่อน้ำเป็นเวลานานนับล้านปี แต่ก็ยังไม่ได้เน่าเปื่อยไป เป็นศีรษะของหญิงสาว ซึ่งมีแววตาที่ไร้ประกายจ้องมองลงไปยังพื้นดิน

ที่ชิงช้าเถาองุ่นมองไม่เห็นเงาร่างใดๆ แต่ก็มีหยดโลหิตสีดำ หยดลงไปบนพื้นที่ด้านล่างของเถาองุ่นนั้น

ในตอนนี้เองที่แรงสั่นสะเทือนได้วิ่งผ่านไปทั่วร่างเมิ่งฮ่าว ความรู้สึกหวาดกลัวจนทำให้เส้นผมต้องลุกตั้งชี้ชันเต็มอยู่ในจิตใจ และเขาก็ลืมตาขึ้นมา เมื่อมองขึ้นไป หนังศีรษะก็ต้องด้านชา ขณะที่ตระหนักว่าเงาร่างสีดำสนิทกำลังมายืนอยู่ที่เบื้องหน้าเขา

อันที่จริง เขาถูกห้อมล้อมไว้ด้วยเงาของภาพสะท้อนอยู่รอบๆ ตัวจนเต็มไปทั่วบริเวณนั้น ซึ่งพวกมันทั้งหมดแทบจะมาแตะสัมผัสโดนตัวเขา ทำให้จิตใจต้องหมุนคว้างโดยสิ้นเชิง

เงาเหล่านั้นดูเหมือนจะรู้ว่าเมิ่งฮ่าวตื่นขึ้นมาแล้ว และพวกมันก็ลอยไปทางด้านหลัง จากนั้นก็นั่งลงขัดสมาธิอยู่ห่างไกลออกไปจากเขา เมิ่งฮ่าวมองเห็นภาพสะท้อนทั้งหมดเหล่านั้นได้อย่างชัดเจน รวมทั้งเส้นผมสีดำที่อยู่ในลานวิหาร เขามองเห็นชิงช้าเถาองุ่น และศีรษะที่กำลังลอยอยู่ มีความรู้สึกสยดสยองมากขึ้นกว่าเดิม เขาค่อยๆ ลุกขึ้นมายืนและออกไปจากวิหารอย่างช้าๆ

เมิ่งฮ่าวเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ว่า…สถานที่แห่งนี้ไม่ใช่สถานที่ที่เขาควรจะมาเดินเตร็ดเตร่ไปมาอีกต่อไป

ขณะที่ยืนขึ้นมา ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นที่ด้านหลัง โดยไม่ต้องขบคิด เขาหันหน้าไป และมองเห็นใบหน้าที่ดูเก่าแก่โบราณอยู่ห่างจากหน้าเขาเพียงแค่หนึ่งชุ่น โลหิตกำลังไหลออกมาจากดวงตา, หู, จมูก และปากของมัน ช่างน่าขวัญหนีดีฝ่ออย่างแท้จริง เมิ่งฮ่าวถอยโซเซไปทางด้านหลังสองสามก้าว ดวงตาเบิกกว้าง

“ท่านเป็นใคร!?” เขาร้องออกมา ทำให้พื้นฐานฝึกตนโคจรหมุนเวียนอย่างรวดเร็ว ภาพแห่งธรรมปรากฏขึ้นที่ด้านหลัง และจิตใจก็เริ่มเต้นรัวอย่างรวดเร็ว ความแปลกประหลาดของสถานที่แห่งนี้ทำให้เขารู้สึกว่าไม่ปลอดภัยโดยสิ้นเชิง

สายตาที่ไร้ความรู้สึกของชายชรา ไม่ได้ให้ความสนใจต่อเมิ่งฮ่าวใดๆ มันหันหลังและเดินกลับไปยังรูปปั้นเทพ ขณะที่เข้าไปใกล้ ร่างมันก็ค่อยๆ จางลงไป และจากนั้นก็หายตัวไป

ภาพสะท้อนอื่นๆ ในบริเวณนั้นยังคงอยู่ที่นั่น บ้างกำลังนั่งเข้าฌาณ บ้างกำลังเดินไปมา บ้างกำลังฝึกตนอยู่

เมิ่งฮ่าวหอบหายใจอย่างรวดเร็ว ขณะที่เริ่มจากไป แต่เมื่อเดินไปถึงธรณีประตูของวิหาร เขาก็หยุดชะงักนิ่ง และมองไปยังเงาภาพสะท้อนที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ที่ด้านข้าง มันมีกระถางปรุงยาอยู่ในมือ และเห็นได้ชัดว่ากำลังปรุงเม็ดยาอยู่

ยิ่งไปกว่านั้น…เมิ่งฮ่าวยังไม่เคยเห็นวิธีการปรุงยาเช่นนี้มาก่อน ราวกับว่ามีการดูดซับพลังแห่งสวรรค์และปฐพี ไม่มีต้นสมุนไพร หรือส่วนผสมที่จับต้องได้ใดๆ ทั้งสิ้น!

เมิ่งฮ่าวอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง หลังจากที่มองดูอย่างละเอียดมากขึ้นชั่วครู่ ดวงตาก็เริ่มสาดประกายด้วยแสงแปลกๆ เขาเป็นต้าซือของเต๋าแห่งการปรุงยา และทักษะในการปรุงยาของเขา สามารถถือได้ว่าสูงมากที่สุดในดินแดนแห่งดาวหนานเทียน ยกเว้นตานกุ่ยเท่านั้น

“สร้างบางสิ่งขึ้นมาจากความว่างเปล่า…” เมิ่งฮ่าวพึมพำ ดวงตาสาดประกายเจิดจ้า ย้อนกลับไปในสำนักเซียนอสูรโบราณ เขาเคยปรุงเม็ดยาขึ้นมาจากความว่างเปล่า และมันก็ยังคงมีอยู่ในถุงสมบัติ เขาไม่เคยกลืนมันลงไปเลย

เมิ่งฮ่าวรู้สึกว่ามันเป็นความมหัศจรรย์ ที่เขาสามารถปรุงยาเช่นนั้นได้สำเร็จหนึ่งเม็ด เขายังเคยได้ลองใช้กระจกทองแดงมาผลิตมันซ้ำหนึ่งครั้ง แต่ก็ล้มเหลว

ตอนนี้เขาได้เห็นภาพสะท้อนสีดำนี้กำลังปรุงเม็ดยาอยู่ในที่แห่งนี้ มือของมันขยับไปมาด้วยความเชี่ยวชาญ เยือกเย็นและไม่รีบร้อน

เมิ่งฮ่าวกระพริบตาไปมา และจากนั้นก็ตัดสินใจที่จะไม่จากไป มองไปรอบๆ ยังภาพสะท้อนที่อยู่รอบๆ ตัว บ้างก็กำลังฝึกตน บ้างกำลังเดินไปมา บ้างก็กำลังขยับมือร่ายเวทเพื่อทำให้เกิดเป็นเวทแห่งเต๋าที่แตกต่างกันออกไป

ภาพเหล่านี้ทำให้จิตใจเมิ่งฮ่าวสั่นสะท้าน

“ถ่ายทอดเต๋า!! พวกมันกำลังถ่ายทอดเต๋า!!” เมิ่งฮ่าวพึมพำ จิตใจสั่นสะท้านมากขึ้นกว่าเดิม เต๋าไม่ใช่สิ่งที่จะถูกถ่ายทอดกันได้อย่างง่ายดาย แต่ก็เห็นได้ชัดในสิ่งที่ภาพสะท้อนเหล่านี้กำลังทำอยู่ ราวกับว่าสิ่งที่เขาต้องทำทั้งหมดก็คือ สังเกตดูและขบคิดใคร่ครวญถึงพวกมัน และเขาก็จะมีโอกาสได้ครอบครองเต๋าเหล่านี้

เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ จากนั้นก็มองกลับไปยังภาพสะท้อนสีดำ ที่กำลังปรุงเม็ดยาอยู่ เขาเดินไปและนั่งลงขัดสมาธิอยู่ที่ด้านหน้ามัน มองไปขณะที่มันปรุงเม็ดยา แสงในดวงตาเมิ่งฮ่าวเริ่มเจิดจ้ามากขึ้นไปเรื่อยๆ หลังจากนั้นชั่วครู่ เขาก็หยิบเอากระถางปรุงยาของตนเองออกมา และเริ่มเลียนแบบวิธีการปรุงยาของเงาร่างสีดำนั้น

ราตรีได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่สำหรับเมิ่งฮ่าวแล้วมันช่างยาวนานเป็นอย่างมาก เขารู้สึกราวกับว่าเป็นเวลาที่นานมาก จนเขาไม่อาจจะครุ่นคิดได้อย่างลึกซึ้งเพื่อให้เข้าใจได้ ในที่สุดเมื่อท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้น เงาร่างนั้นก็ปรุงเม็ดยาขึ้นมาได้หนึ่งเม็ด ซึ่งมันได้โยนเม็ดยานั้นออกไปจากวิหาร เข้าไปในเขตเทือกเขาตามความเคยชิน ในตอนนี้เองที่เมิ่งฮ่าวก็เริ่มตระหนักว่าเขาก็ปรุงเม็ดยาได้สำเร็จเช่นเดียวกัน

ตอนนี้ท้องฟ้าได้สว่างขึ้นแล้ว

ภาพสะท้อนในวิหารจางหายไป เส้นผมที่อยู่ในลานวิหารก็หายไปด้วย และเถาองุ่นก็กลับคืนมาเป็นเหมือนเดิม ราวกับว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน เมิ่งฮ่าวหอบหายใจ มองลงไปยังเม็ดยาที่อยู่ในมือ ซึ่งถูกปกคลุมด้วยความมืดที่ม้วนตัวไปมา

อันที่จริง มันไม่ใช่เม็ดยาจริงๆ มันเป็นแค่กลุ่มหมอกสีดำที่กำลังม้วนตัวไปมา เมื่อแสงตะวันส่องมาโดนมัน เปลือกสีดำก็ก่อตัวกันขึ้นมาอยู่รอบๆ เม็ดยา และจากนั้นก็เปลี่ยนให้กลายเป็นเม็ดยาที่มีเปลือกสีดำ

ไม่มีกลิ่นอายตัวยาอยู่ในนั้น มีแต่พลังที่พร้อมจะระเบิดออกมา

เมิ่งฮ่าวขมวดคิ้ว ขณะที่มองไปยังเม็ดยาเปลือกสีดำ หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ เขาก็บีบมัน จากนั้นใบหน้าเขาก็สลดลงในทันที โดยไม่ลังเลเขาโยนเม็ดยาออกไปในกลางอากาศ มันเริ่มกระจายกลุ่มหมอกสีดำออกมา และจากนั้นก็ระเบิดขึ้นในทันที

ระลอกคลื่นม้วนกวาดออกไปทั่วทุกทิศทาง

“การปรุงที่ไม่สมบูรณ์…และนี่คือผลงานที่ไม่เรียบร้อย แต่มันยังคงสร้างบางสิ่งออกมาจากความว่างเปล่าได้” จริงๆ แล้วเมิ่งฮ่าวค่อนข้างจะตกตะลึง พลังระเบิดที่เกิดขึ้นมาจากการระเบิดของเม็ดยานี้ราวกับเป็นการโจมตีอันรุนแรง

“แย่นักที่มันไม่เสถียร แค่แตะต้องไปโดนมัน ก็ทำให้เกิดการระเบิดขึ้น ถึงแม้ว่าตอนนี้เมื่อข้าคิดเกี่ยวกับมัน ก็ดูเหมือนว่ามีบางสิ่งที่ดูเหมือนจะคุ้นเคยเป็นอย่างยิ่ง” ดวงตาแวบขึ้น เมิ่งฮ่าวย้อนคิดกลับไปยังเส้นทางที่เขาได้เหยียบย่างมาจนถึงวิหารโบราณนี้ เขาได้เผชิญหน้ากับพื้นที่มากมายที่พื้นดินมีการระเบิดขึ้นมา ทันใดนั้นเขาก็คิดไปถึงเงาร่างนั้น ที่ได้โยนเม็ดยาออกไปเมื่อครู่นี้ และทุกสิ่งทุกอย่างก็ลงตัวกันพอดี…

“ของสิ่งนี้…มีวิธีการใช้อย่างอื่นอีก” พร้อมกับดวงตาที่สาดประกาย เขาครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ จากนั้นก็หยิบเอากระถางปรุงยาออกมา และเริ่มใช้วิธีเดียวกับที่ได้เรียนรู้มาจากเมื่อคืน เพื่อดูดซับพลังลมปราณจากสวรรค์และปฐพี และใช้มันเพื่อปรุงเม็ดยาขึ้นมาอีก

หลังจากที่ล้มเหลวไปสองสามครั้ง ในที่สุดเขาก็ปรุงขึ้นมาได้สำเร็จสองเม็ด ซึ่งมีกลุ่มหมอกสีดำม้วนตัวไปมา เมื่อแสงตะวันสัมผัสมาโดน พวกมันก็ถูกปกคลุมด้วยเปลือกสีดำ เมิ่งฮ่าวถือเม็ดยาอยู่ในมือ บินออกมาจากวิหาร หลังจากที่ทำการทดลองเล็กน้อย เขาก็พบว่าการที่มันจะระเบิดขึ้นได้ ก็เพียงแค่โยนมันออกไป ซึ่งสามารถจะใช้มันเป็นไพ่ไม้ตายได้

“การฝังมันไว้ดูเหมือนจะเป็นการสูญเปล่า ข้าไม่อาจจะควบคุมมันได้อย่างแท้จริง การโยนมันออกไปจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการใช้มัน ด้วยการมีบางสิ่งเช่นนี้อยู่ในมือ ข้าก็มีวิธีการช่วยชีวิตเพิ่มขึ้นมาอีกอย่าง คิดดูแล้วมันก็ไม่เลวนัก ของสิ่งนี้ระเบิดขึ้นได้โดยง่าย แต่ก็เหมือนจะเชื่อมต่อกับกลิ่นอายที่แปลกๆ ของสถานที่แห่งนี้ ข้าสงสัยว่าจะสามารถปรุงมันขึ้นมาที่ด้านนอกได้หรือไม่” หลังจากที่ครุ่นคิดเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย เขาก็กลับไปยังวิหารและเริ่มปรุงยาต่อไป

สองสามวันผ่านไป ในยามราตรี เมิ่งฮ่าวจะค้นหาความรู้แจ้งที่เกี่ยวกับเต๋า ซึ่งถูกถ่ายทอดลงมาโดยภาพสะท้อน ในช่วงกลางวันเขาก็จะปรุงเม็ดยา จนในที่สุดก็มีอยู่หลายสิบเม็ด เขาพยายามจะย้อมพวกมันด้วยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็ล้มเหลวและในที่สุดก็ล้มเลิกความคิดนี้

มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เมิ่งฮ่าวได้ลองออกไปที่เขตเทือกเขา เพื่อพยายามจะปรุงเม็ดยาอยู่ที่ด้านนอกวิหาร แต่ก็ไม่ได้ผล จึงเป็นการช่วยยืนยันความคิดของเขาว่า เม็ดยาชนิดนี้…สามารถปรุงขึ้นมาด้วยการใช้พลังลมปราณซึ่งมีอยู่ที่ด้านในของวิหารได้เท่านั้น

หลังจากที่กลับมายังวิหาร เขาก็ทำการปรุงเม็ดยาระเบิดเปลือกสีดำที่ผิดปกตินี้ต่อไป

“ข้าคิดว่าผู้ถูกเลือกจากดาวดวงอื่นกำลังจะมาถึงในไม่ช้านี้แล้ว…” ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายด้วยความคาดหวังถึงการต่อสู้ที่จะเกิดขึ้นเมื่อพวกมันมาถึง รู้สึกกระตือรือร้นด้วยความอยากรู้ว่าจะสามารถเทียบกับพวกมันได้หรือไม่ และ…เขาจะมีความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอมากแค่ไหน

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version