Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 811

ตอนที่ 811

ข้ารอมานานแล้ว!

สำนักสั่นสะเทือน แม้แต่ตระกูลจี้ก็ได้แต่มองมาจากด้านข้าง ไม่มีแม้แต่กองกำลังเดียวจากดินแดนด้านใต้ที่จะขยับตัวเคลื่อนไหว ผู้ที่มาใหม่บางคน เมื่อบินผ่านดินแดนตะวันออกไป ก็ต้องรู้สึกสะท้านใจ จากปราณมังกรแห่งต้าถัง บางคนยังได้มองไปด้วยความละโมบ และมุ่งหน้าตรงไปยังทิศทางนั้น แต่ทันทีที่พวกมันใกล้เข้าไป มังกรสีทองเก้าสิบห้าตัวของต้าถังก็ส่งเสียงแผดร้องคำรามออกมา และกลุ่มคนเหล่านั้นก็ระเบิดขึ้นกลายเป็นกลุ่มหมอกแห่งโลหิตไป

แน่นอนว่า นั่นทำให้คนภายนอกทั้งหมดต้องตกตะลึง แม้แต่ดวงตาของฝานตงเอ๋อร์ก็ยังต้องเบิกกว้างขึ้น

หลังจากที่เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้น ก็ไม่มีใครกล้าที่จะเข้าไปใกล้ต้าถังอีก เห็นได้อย่างชัดเจนว่าทุกคนต่างก็มุ่งหน้าตรงไปยังเขตเทือกเขา ที่เป็นจุดหมายปลายทางของพวกมันโดยไม่มีการออกนอกเส้นทางอีก

ตลอดช่วงเวลาแห่งความปั่นป่วนวุ่นวายนั้น มองเห็นบุรุษสองคนกำลังแอบซ่อนอยู่ในเมืองของมนุษย์ธรรมดาเมืองหนึ่งในดินแดนตะวันออกอันกว้างใหญ่ พวกมันกำลังนั่งกินบะหมี่และมองไปรอบๆ ด้วยดวงตาที่เจ้าเล่ห์

มนุษย์ธรรมดาไม่อาจจะมองเห็นลำแสงทั้งหมด ที่กำลังแหวกฝ่าอากาศจนเป็นเสียงแหลมเล็กอยู่ที่ด้านบน แต่บุรุษทั้งสองนี้สามารถ อันที่จริงคนทั้งสองกำลังมองดูลำแสงเหล่านั้นอย่างใกล้ชิด กำลังศึกษาพวกมันอย่างละเอียด คนทั้งสองสังเกตดูตำแหน่งถุงสมบัติ รวมทั้งจี้หรือเครื่องประดับต่างๆ ที่คนในลำแสงเหล่านั้นสวมใส่อยู่

“แย่จริงๆ ที่ไม่มีใครในพวกมันมีขนอยู่เลย!” บุรุษหนุ่มหนึ่งในสองกล่าว ส่ายศีรษะจากนั้นก็ซดน้ำแกงเข้าไปคำโต “เสี่ยวซาน (น้องสาม) ตั้งใจดูให้ดี กลุ่มคนเหล่านี้คือถุงเงินของพวกเรา!”

“เมื่อถึงเวลา พวกเราก็จะดื่มกินกันให้เต็มที่ ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณเจ้าแกะอ้วนเหล่านั้น มา มา มา พวกเราไปเลือกมาสักคน”

ด้านข้างบุรุษหนุ่มเป็นชายร่างอ้วน ที่จู่ๆ มันก็ชี้นิ้วขึ้นไปในอากาศ “ข้าเลือกมัน! แค่มองไปแวบเดียว ข้าก็บอกได้เลยว่ามันเป็นคนเลว ไร้ศีลธรรมและไร้ยางอายอย่างที่สุด! เห็นได้ชัดว่ามันเป็นคนชั่ว! ซานเหยียต้องเปลี่ยนแปลงมัน!”

บุคคลที่มันชี้ไปเป็นบุรุษหนุ่มที่มีสีหน้าเย่อหยิ่ง สวมใส่เสื้อผ้าที่ทำมาจากเส้นไหมและเนื้อแพรอย่างดี และถูกห้อมล้อมด้วยผู้ติดตามมากมาย มันยังได้สวมใส่ที่รัดเกล้าสีม่วงอีกด้วย ทำให้ดูทรงอำนาจและไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง

“มันผู้นั้น? ตกลง อย่าลืมใช้วิธีที่ข้าสอนเจ้าให้กลายร่างเป็นสาวงามด้วย” สหายหนุ่มของชายร่างอ้วนมองไปยังเป้าหมายด้วยสายตาที่แวววาว ขณะที่คนทั้งสองหายตัวไป

ย้อนกลับไปในเขตเทือกเขาลึก เมิ่งฮ่าวนั่งขัดสมาธิอยู่ในวิหาร ทันใดนั้นดวงตาก็ลืมขึ้นมาในทันที และมองขึ้นไปในท้องฟ้า

“ถึงเวลาที่จะเริ่มฝึกฝนตนเองตามที่ฟู่ชิน (ท่านพ่อ) ได้พูดถึงแล้ว…”

“วิหารพิธีเต๋าเซียนโบราณคือการทดสอบ ถ้าข้าสามารถผ่านมันไปได้ และรักษาตะเกียงสัมฤทธิ์ไม่ให้ดับลงไปได้ จุดชีพจรเซียนที่แท้จริงก็จะก่อตัวขึ้นมาอยู่ในร่างข้า!”

“ข้าอยากจะเห็นว่าผู้ถูกเลือกจากนอกดาวหนานเทียนเหล่านี้ จะน่ากลัวสักแค่ไหนด้วยเช่นกัน” รอยยิ้มเขินอายปรากฏขึ้น ขณะที่เมิ่งฮ่าวคิดไปถึงเม็ดยาเปลือกสีดำที่เขาได้จัดเตรียมไว้อยู่ที่ด้านนอกวิหาร

เขาหลับตาลงและเฝ้ารอคอยต่อไป

เวลาผ่านไป สองสามวันหลังจากนั้น ผู้ถูกเลือกมากมายจากตี้จิ่วซานไห่ (ขุนเขาทะเลที่เก้า) ในตอนนี้ได้มารวมตัวกันอยู่ที่ด้านนอกของเขตเทือกเขาแล้ว กำลังศึกษาวิเคราะห์สภาพแวดล้อมจากที่ห่างไกล สีหน้าพวกมันหมองคล้ำ ในมุมมองของพวกมัน สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยความลี้ลับ ขณะที่พวกมันเข้ามาใกล้ ก็ตระหนักได้ถึงขีดจำกัดของสภาพอากาศที่ด้านบน ขณะที่พวกมันมุ่งหน้าเข้าไปเขตหวงห้ามนั้น การเคลื่อนไหวก็พวกมันก็ต้องเชื่องช้าลงมากกว่าเดิม มีอันตรายอันร้ายแรงซุกซ่อนอยู่ในรอบๆ บริเวณนั้นไปทั่วทุกที่ ซึ่งจะนำไปสู่หายนะอย่างที่ไม่ตั้งใจได้อย่างง่ายดาย

แน่นอนว่า ใครก็ตามที่มายังสถานที่แห่งนี้ ต่างก็ได้เตรียมตัวมาล่วงหน้าบ้างแล้ว สำนักและตระกูลต่างๆ ได้แยกย้ายกระจายกันออกไป เลือกเส้นทางที่แตกต่างกัน ขณะที่พวกมันเดินเข้าไปในเขตเทือกเขา

ศิษย์บางคนในท่ามกลางกลุ่มฝูงชน มีใบหน้าที่ดุร้าย เห็นได้ชัดว่ามีบางสิ่งได้เกิดขึ้นกับพวกมันเมื่อสองสามวันที่ผ่านมา ทำให้พวกมันแทบจะบ้าคลั่งไป แต่ถึงกระนั้นพวกมันก็ไม่ยินดีที่จะพูดถึงเรื่องเหล่านี้กับผู้ใด ได้แต่กัดฟันแน่นพยายามอดทนต่อความขุ่นเคืองใจ ขณะที่คอยติดตามคนในตระกูลหรือสำนักอื่นๆ เข้าไปในเทือกเขา

มีศิษย์ที่เป็นเช่นนั้นอยู่ไม่น้อย จริงๆ แล้วก็มีอยู่หลายสิบคน

ตระกูลฟาง, สามตระกูลใหญ่, สามกลุ่มเต๋า, สามนิกายหกสำนัก, ห้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ยกเว้นเซียนกู่เต้าฉ่าง (พิธีเต๋าเซียนโบราณ) ทั้งหมดต่างก็ส่งคนมายังที่แห่งนี้ มีจำนวนรวมกันมากกว่าหนึ่งพันคน ที่กำลังเข้ามาในเขตเทือกเขา กำอาวุธเวทไว้แน่นอยู่ในมือ ขณะที่พยายามจะเป็นคนแรกที่เข้าไปในวิหารพิธีเต๋าเซียนโบราณที่เปิดออกนี้

ไม่นานนักเขตเทือกเขาก็เริ่มดังก้องขึ้น ด้วยเสียงของวิชาเวทที่กำลังถูกใช้ออกมา ในที่สุดก็ไม่มีใครสามารถจะบินเข้าไปในเขตหวงห้ามบนอากาศได้ แน่นอนว่าพวกมันได้เตรียมตัวสำหรับเรื่องนี้แล้ว อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีการบาดเจ็บและการตายเกิดขึ้น แต่ถึงกระนั้นโดยภาพรวมทั้งหมดแล้ว กลุ่มคนเหล่านี้ก็สามารถเข้าไปใกล้เมิ่งฮ่าวได้มากขึ้นเรื่อยๆ

“การแข่งขันที่แท้จริงไม่ได้อยู่ตามเส้นทางเหล่านี้ แต่อยู่ที่วิหารพิธีเต๋าเซียนโบราณ!”

“ใครก็ตามที่เข้าไปด้านในได้เป็นคนแรก ก็จะมีโอกาสที่จะได้เหรียญพิธีเต๋าเซียนโบราณมากที่สุด!”

“นอกจากเหรียญแล้ว วิหารพิธีเต๋าเซียนโบราณก็มักจะมีภาพสะท้อนเต๋า ที่ส่งต่อเต๋าลงมาอีกด้วย ต้องมีโอกาสที่จะได้รับความสามารถศักดิ์สิทธิ์ และเวทแห่งเต๋าอย่างแน่นอน!”

“ข้าจะสังหารใครก็ตาม ที่พยายามจะมาแย่งชิงกับข้า!”

ผู้ถูกเลือกแห่งสำนักและตระกูลต่างๆ มุ่งหน้าต่อไปด้วยดวงตาที่สาดประกายวาววับ

หนึ่งในห้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์คือไท่หยางซาน (ภูเขาตะวัน) จากตำนานที่เล่าสืบต่อกันมา ภูเขาลูกนี้จริงๆ แล้วก็กลายร่างมาจากดวงตะวัน ที่ตกลงมาจากท้องฟ้า คนทั้งหมดในภูเขาลูกนั้นต่างก็เคยเผชิญหน้ากับการล้างบาปมาก่อน และได้รับพรจากสายโลหิตที่พิเศษเฉพาะ ทำให้ไท่หยางซานกลายมาเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างเช่นทุกวันนี้

เมื่อราชันจี้ต่อสู้กับสวรรค์ ไท่หยางซานได้เสนอให้ความช่วยเหลือ ดังนั้นในกาลต่อมา จี้เทียนจึงได้มอบศักดิ์ฐานะดินแดนศักดิ์สิทธิ์ให้กับไท่หยางซาน

ในกลุ่มคนที่มายังดาวหนานเทียนแห่งนี้ มีผู้ฝึกตนที่มาจากไท่หยางซานอยู่สิบกว่าคน ที่น่าประทับใจมากที่สุดในกลุ่มพวกมันทั้งหมด เป็นบุรุษหนุ่มที่มีนามว่าไท่หยางจื่อ ซึ่งสวมใส่ชุดยาวสีทอง ทำให้ดูคล้ายกับเป็นดวงตะวันอย่างแท้จริง และยังได้กระจายความร้อนอันเข้มข้นออกมา จนทำให้อาณาเขตที่อยู่รอบๆ ตัวมันลุกไหม้จนกลายเป็นเปลวไฟ ในทุกที่ที่มันก้าวผ่านไป มีคนในตระกูลติดตามมันมาไม่น้อย รวมทั้งผู้พิทักษ์เต๋าชราของมัน

กลุ่มคนที่แข็งแกร่งเหล่านี้ ได้พุ่งตรงไปอย่างรวดเร็ว และเป็นคนกลุ่มแรกที่เข้าไปใกล้วิหารมากที่สุด

ในที่สุดพวกมันก็พบว่ากำลังอยู่ภายในหุบเขา หนึ่งในสมาชิกของตระกูลที่นำอยู่ด้านหน้า ได้ตรวจสอบสภาพแวดล้อมบริเวณนั้น และคิดว่าไร้อุปสรรคขวากหนามใดๆ แต่ทันทีที่พวกมันเดินเข้าไปด้านใน ระเบิดขนาดใหญ่ก็ดังกระจายออกมา และแสงสีดำก็พุ่งขึ้นไปในอากาศ ผู้ฝึกตนไท่หยางซานที่ติดอยู่ในแสงสีดำ ส่งเสียงแผดร้องอย่างโหยหวน และกระอักโลหิตออกมากองโต ขณะที่ร่างกายของมันลอยละลิ่วปลิวไปทางด้านหลัง ในเวลาเดียวกันนั้น ระเบิดก็เกิดขึ้นอีกเจ็ดถึงแปดครั้ง ดังก้องออกมาติดต่อกันอย่างรวดเร็ว กระจายไปทั่วทั้งเทือกเขา เสียงแผดร้องอย่างน่ากลัวดังก้องออกไป

ทำให้คนทั้งหมดต้องตกตะลึงไปในทันที

ดวงตาไท่หยางจื่อสาดประกายด้วยความเคร่งเครียด คนทั้งหมดสบตากันไปมา จากนั้นก็มุ่งหน้าต่อไปด้วยความระมัดระวังตัวมากขึ้นกว่าเดิม กองกำลังทั้งหมดที่มายังดาวหนานเทียนต่างก็เป็นเช่นเดียวกัน

ในท่ามกลางผู้ฝึกตนตระกูลฟาง สีหน้าฟางตงหานดูน่ากลัว มีโลหิตไหลซึมออกมาจากมุมปาก มันเป็นหนึ่งในคนที่เพิ่งจะได้รับบาดเจ็บ จากการที่เดินไปในตำแหน่งที่ผิดพลาด ถ้ามันไม่พุ่งทะยานไปทางด้านข้างได้อย่างรวดเร็ว มันก็เกือบจะไม่มีชีวิตรอดมาได้

ในส่วนพื้นที่อื่น หนึ่งในผู้ฝึกตนตระกูลหลี่ไม่ได้โชคดีเช่นนั้น และถูกฉีกกระชากออกเป็นชิ้นๆ ถูกทำลายไปทั้งร่างกายและวิญญาณ ทำให้จิตใจของสมาชิกตระกูลหลี่คนอื่นๆ เต็มไปด้วยความหวาดกลัว

ตระกูลจี้กำลังเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว จนกระทั่งหนึ่งในพวกมันก้าวพลาด และถูกแยกออกเป็นชิ้นๆ…

เสียงระเบิดดังก้องไปทั่วท่ามกลางสำนักและนิกายต่างๆ ตามมาด้วยเสียงแผดร้องอย่างมีโทสะ

ทั้งหมดนี้ทำให้พลังของเวทป้องกันมีแต่แข็งแกร่งและมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ขณะที่พวกมันเข้ามาใกล้วิหาร ตัวเมิ่งฮ่าวเองก็ได้เผชิญหน้ากับอันตรายเช่นนั้นมาแล้วหลายครั้ง บนเส้นทางที่เขามายังสถานที่แห่งนี้ แต่ด้วยการช่วยเหลือของเหรียญเต๋าเซียนโบราณ ทำให้สามารถจะหลีกเลี่ยงไปได้อย่างง่ายดายเป็นส่วนใหญ่

ตอนนี้เมิ่งฮ่าวได้ยินเสียงระเบิดจากตำแหน่งที่เขาอยู่ ที่ด้านในห้องโถงของวิหาร เขารู้ว่านี่คือการดิ้นรนเพื่อให้ได้โชควาสนา และการต่อสู้จะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เขาสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และตัดสินใจที่จะต่อสู้ด้วยดวงตาที่ดุร้าย ในที่สุดเขาก็ยืนขึ้นและหยดโลหิตเข้าไปในตะเกียงน้ำมันเพิ่มขึ้น มันเป็นสิ่งที่เขาได้กระทำอยู่เป็นประจำทุกวัน เพื่อไม่ให้เปลวไฟดับลง

ต่อมา เมิ่งฮ่าวปล่อยให้ร่างจริงที่สอง นั่งขัดสมาธิอยู่ในห้องโถงของวิหาร และตัวเองก็เดินเข้าไปในลานวิหาร เมื่อเดินไปถึงหน้าประตูหลัก และกำลังจะผลักให้มันเปิดออก เขาก็หยุดชะงัก จากนั้นก็หันหลังให้กับประตู และมุ่งหน้ากลับเข้าไปในห้องโถงวิหาร ที่นั่นเขาขุดหลุมไว้หลายหลุม และค่อยๆ วางเม็ดยาเปลือกสีดำไว้ข้างในด้วยความระมัดระวัง เมื่อพึงพอใจต่อผลลัพธ์นั้นแล้ว เขาก็เดินออกไปยังลานประตูและนั่งลงขัดสมาธิ

เวลาที่เฝ้ารอคอยให้ทุกคนมาถึง ใกล้เข้ามาแล้ว!

“ถ้ามีการต่อสู้เกิดขึ้น ข้าก็จะสู้ด้วยจิตใจของข้าเอง!” เมิ่งฮ่าวคิด กำหนดลมหายใจให้มั่นคง และขณะที่ทำเช่นนั้น แสงแห่งเต๋าอันยิ่งใหญ่ก็เริ่มกระจายออกมาจากร่าง จิตใจเขาไร้ความไขว้เขวใดๆ มีแต่ความต้องการต่อสู้อย่างเข้มข้นที่เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ เท่านั้น

สถานะของเขาในตอนนี้ได้ก่อตัวขึ้นมาจากสิ่งสะท้อนที่อยู่รอบๆ ตัว ทันใดนั้นเขาก็มองเห็นภาพของผู้ฝึกตน ที่กำลังต่อสู้เพื่อตัดสินความเป็นตายอยู่ในวิหารพิธีเต๋าเซียนโบราณแห่งนี้

ในตอนนี้ดูเหมือนว่าเมิ่งฮ่าวแทบจะไม่ได้อยู่ในโลกปัจจุบัน เขากำลังกลับเข้าไปในยุคสมัยโบราณ และกำลังจมอยู่ในกลิ่นอายของมัน ตลอดทั้งร่างของเขากระจายบรรยากาศที่เก่าแก่โบราณออกมา

เมื่อรวมเข้ากับเสื้อผ้าที่กลายเป็นสีเทาขาดรุ่งริ่ง ก็ดูเหมือนว่าเขากลายเป็นส่วนหนึ่งของวิหารโบราณที่ตั้งอยู่ด้านหลัง ใครก็ตามที่มองมายากที่จะบอกได้ว่า เขาเป็นคนที่อยู่ในยุคสมัยปัจจุบันหรือสมัยโบราณกันแน่

หนึ่งชั่วยามผ่านไป ตลอดทั้งช่วงเวลานั้นได้ยินเสียงระเบิดดังก้องออกมาอย่างต่อเนื่อง บางครั้งก็ได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นพร้อมกันเจ็ดถึงแปดครั้งในเวลาเดียวกัน ทำให้กลุ่มคนทั้งหมดต้องสั่นสะท้านอยู่ภายในใจ

เนื่องจากสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด ทำให้การเดินไปของกลุ่มตระกูลที่แข็งแกร่ง และผู้ถูกเลือกของสำนักต่างๆ ต้องช้าลงราวกับกำลังคลืบคลานไป ยิ่งพวกมันเข้าไปใกล้วิหารมากเท่าใด ก็ยิ่งมีเส้นทางที่ไร้ระเบิดน้อยลงไปมากขึ้นเท่านั้น จนกระทั่งมีเหลือแค่เส้นทางเดียว จากกลุ่มคนที่มานับพัน หลายคนได้ตกตายไปหรือไม่ก็ได้รับบาดเจ็บอย่างร้ายแรง ผู้ที่รอดชีวิตในตอนนี้มองไปยังเส้นทางเล็กๆ ที่ทอดยาวออกไปไกล ดูเหมือนว่าไม่มีใครยินดีที่จะเข้าไปเป็นคนแรก

“อันที่จริงการมีเวทป้องกันอยู่ในที่แห่งนี้ ก็ไม่ใช่สิ่งที่น่าประหลาดใจแต่ประการใด อย่างไรก็ตาม แค่ก้าวเดินไปก็ทำให้พื้นดินเกิดการระเบิดขึ้น สำหรับข้าแล้วด้วยเหตุผลบางอย่าง ทำให้ข้าคิดว่ามันดูไม่เหมือนกับเป็นเวทป้องกันใดๆ!”

“เป็นไปได้หรือไม่ว่า มีใครบางคนมาฝังบางสิ่งไว้ที่นี่เพื่อจุดประสงค์บางอย่าง?”

“เท่าที่มองไป ถ้าเป็นเช่นนั้นก็จะหมายความว่า คนที่ฝังสิ่งเหล่านี้ไว้ต้องอยู่ที่เบื้องหน้า!”

“บัดซบ! ช่างอันตรายเป็นอย่างยิ่ง! มันติดตั้งสิ่งเหล่านั้นไว้มากมายเท่าใดกันแน่…?”

“ข้าไม่สนใจว่าใครเป็นคนทำ เมื่อพวกเราไปถึงวิหาร มันต้องตาย!”

ขณะที่มีผู้คนมาเข้าร่วมกันมากขึ้น เสียงก่นด่าสาปแช่งอย่างมีโทสะก็ได้ยินมามากขึ้นเรื่อยๆ

ในที่สุด ไท่หยางจื่อแห่งไท่หยางซานก็แค่นเสียงเย็นชาออกมา และก้าวตรงไป ร่างกายมันสาดประกายด้วยแสงอันเจิดจ้า แต่สีหน้ามันสงบนิ่ง มีผู้คนไม่น้อยเฝ้ามองไป

“แน่นอนว่าพวกมันไม่ใช่เวทป้องกัน” มันกล่าวเสียงราบเรียบ “พวกมันคือเม็ดยาเปลือกสีดำ!” ด้วยเช่นนั้น มันจึงยื่นมือออกไป แสงเจิดจ้าปรากฏขึ้นบนฝ่ามือ ภายในเป็นเม็ดยาเปลือกสีดำ

“ข้าได้ขุดยาเม็ดนี้ขึ้นมาจากตอนที่อยู่ด้านหลังก่อนหน้านี้ ยาเม็ดนี้มีปราณที่สับสนวุ่นวายอยู่ภายใน ไม่เสถียรมั่นคงเป็นอย่างมาก เห็นได้ชัดว่ามีใครบางคนเจตนาฝังพวกมันไว้ที่นี่”

ในตอนนี้ จ้าวอีฝานแห่งสำนักกระบี่ไท่สิงกล่าวเสียงราบเรียบว่า “ท่านทั้งหลาย เม็ดยาเปลือกสีดำนี้จริงๆ แล้วก็ประกอบด้วยปราณที่สับสนวุ่นวายไม่เสถียรอย่างมากมาย และแน่นอนว่าในเส้นทางที่เบื้องหน้า ต้องเต็มไปด้วยเม็ดยาเช่นนี้อยู่มากมาย ทำไมพวกเราทั้งหมดไม่ร่วมมือกัน เพื่อสะสางเส้นทางนั้น?” ด้วยการเป็นตัวแทนของหนึ่งในสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่ ทำให้คำพูดที่มันกล่าวมีน้ำหนักน่าเชื่อถือ

“ปราณที่สับสนวุ่นวายในยาเม็ดนี้เข้มข้นเป็นอย่างยิ่ง” ฝานตงเอ๋อร์จากอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้ากล่าวขึ้น เสียงของนางราบเรียบฟังแล้วรื่นหู และเมื่อผู้ถูกเลือกจากสำนักอื่นๆ ได้ยินคำพูดของนาง พวกมันก็สบตากันไปมา และจากนั้นก็เริ่มพยักหน้า

เมื่อคนทั้งหมดตกลงกันได้ พวกมันก็เริ่มหยิบเอาอาวุธเวทออกมา ระลอกคลื่นที่คล้ายกับเต๋าอันยิ่งใหญ่กระจายออกไป และเสียงที่คล้ายกับเป็นเสียงคำรามแผดร้องของมังกรและหงส์ก็ได้ยินมา ลำแสงไขว้สลับกันไปมา และระลอกคลื่นเหล่านั้นก็รวมตัวเข้าด้วยกัน กลายเป็นพลังอันแข็งแกร่ง พุ่งตรงไปข้างหน้ากระจายไปทั่วพื้นดิน ขณะที่มันพุ่งผ่านไป ก็ดูเหมือนว่าได้ขูดพื้นดินขึ้นมา ตัดออกจนเป็นเส้นทางที่ลึกลงไปหนึ่งจ้าง

มีเงาร่างมากมายพุ่งตรงไป ขณะที่ผู้ถูกเลือกได้ใช้ความรวดเร็วทั้งหมด ที่พวกมันสามารถรวบรวมขึ้นมาได้ ติดตามเส้นทางนั้นตรงไปยังวิหาร ซึ่งสามารถมองเห็นได้ที่ปลายทาง!

เมื่อพวกมันมาถึง ก็มองเห็นคนผู้หนึ่งกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ที่ด้านนอกของวิหาร สวมใส่เสื้อผ้าที่ขาดวิ่น กระจายกลิ่นอายที่เก่าแก่โบราณออกมา และดูเหมือนจะเก่าแก่เท่ากับตัววิหารเอง ภายในวิหารด้านหลังคนผู้นั้น มองเห็นเป็นวิหารพิธีเต๋าเซียนโบราณ ทำให้คนทั้งหมดตกตะลึงไปโดยสิ้นเชิง

บุรุษที่นั่งขัดสมาธิลืมตาขึ้นมา และแทบจะดูคล้ายกับว่ามันกำลังมองออกไปยังสมัยโบราณ เมื่อมันกล่าวขึ้น ก็เกิดเป็นเสียงดังก้องออกมา ทำให้กลิ่นอายเก่าแก่โบราณนั้นเข้มข้นมากขึ้นกว่าเดิม

“ข้ารอพวกเจ้ามานานแล้ว…”

คนทั้งหมดอ้าปากค้าง และหยุดชะงักนิ่งไปในทันที

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version