Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 844

ตอนที่ 844

อันดับหนึ่งในด่านแรก!

เมิ่งฮ่าวกลายเป็นสายลม สายลมหมุน!

สายลมหมุนอันรุนแรง ม้วนกวาดออกไปในทั่วทุกทิศทางของความว่างเปล่า เต็มไปด้วยประกายสายฟ้าที่ปะทุขึ้นมา ราวกับเป็นลมพายุที่ม้วนกวาดออกไปทั่วทุกสรรพสิ่ง ขณะที่พุ่งตรงไปยังผู้ฝึกตนทั้งแปดที่ใกล้เข้ามา

เมื่อลมพายุนั้นกระแทกเข้าไป ความสามารถศักดิ์สิทธิ์ของพวกมันก็สั่นสะเทือน สีหน้าเริ่มตกตะลึงขึ้น จิตใจสั่นสะท้านด้วยความประหลาดใจ กลุ่มคนทั้งหมดนี้ได้สังหารอยู่ท่ามกลางแท่นเวทีในบริเวณนี้ไปตามลำดับ และเป็นกลุ่มคนที่แข็งแกร่งมากที่สุดภายในอาณาเขตเหล่านี้ ในโลกที่ด้านนอก พวกมันสามารถจะสะกดข่มอาณาจักรวิญญาณได้ทั้งหมด จนถึงจุดที่เป็นเรื่องยากสำหรับพวกมันที่จะเอาชนะซึ่งกันและกันได้

ไม่มีใครจะสามารถต่อต้าน หรือเอาชนะพวกมันได้ในแง่ของพลัง แต่เพียงแค่หมัดเดียวของเมิ่งฮ่าว ก็ทำให้พวกมันรู้สึกราวกับว่ากำลังเผชิญหน้ากับลมพายุอันน่ากลัว

นี่เป็นลมพายุที่พวกมันไม่อาจจะต่อสู้กลับไปหรือต่อต้านได้ นี่เป็นลมพายุ…ที่ประกอบด้วยพลังแห่งสวรรค์และปฐพี เป็นพลังทำลายล้างอย่างไร้ขอบเขต ที่สามารถจะฉีกกระชากพวกมันให้ขาดออกเป็นชิ้นๆ ได้อย่างง่ายดายราวกับเป็นกิ่งไม้ที่เน่าเปื่อยผุพัง!

นี่คือ…พลังบดขยี้ที่แท้จริง!!

เสียงกระหึ่มอย่างรุนแรงดังก้องขึ้น สายลมหมุนส่งเสียงกรีดร้อง เต็มไปด้วยประกายสายฟ้าอย่างไม่มีวันสิ้นสุด ขณะที่พุ่งตรงไปยังผู้ฝึกตนทั้งแปดอย่างรวดเร็ว จิตใจของพวกมันเต็มไปด้วยเสียงกระหึ่มกึกก้องและแสงอันเข้มข้น ภาพอันน่าเหลือเชื่อนี้ ทันใดนั้นก็สร้างความสนใจให้กับคนอื่นๆ ที่อยู่ภายในสนามรบอันกว้างใหญ่นี้

ในตอนนี้ คนทั้งหมดในโลกด้านนอกของตี้จิ่วซานไห่ ซึ่งกำลังมองดูการแข่งขันที่ถึงตายนี้ ได้จ้องนิ่งไปยังจอภาพทั้งสามบนกระแสน้ำวน

บนเส้นทางโบราณของวิญญาณแรกก่อตั้ง มองเห็นการสังหารหมู่เกิดขึ้นไปทั่ว บนเส้นทางโบราณของขั้นตัดวิญญาณก็เช่นเดียวกัน มองเห็นเจ้าอ้วนอยู่ที่นั่น เสื้อผ้าเปียกชุ่มไปด้วยโลหิต ส่งเสียงแผดร้องคำราม ขณะที่มันพุ่งกระโจนไปข้างหน้า เพื่อกัดลงไปบนลำคอของศัตรู ดวงตามันกลายเป็นสีแดงก่ำ และฟันของมันก็ส่องประกายด้วยแสงอันเจิดจ้า มันกู่ร้องออกมาขณะที่เปลวเทียนของคู่ต่อสู้ดับลงไป

แต่เจ้าอ้วนก็ไม่ได้ตระหนักว่ามันมีความดุร้ายและโหดเหี้ยมมากแค่ไหน ทำให้มีบางสำนักได้เริ่มให้ความสนใจในตัวมันขึ้นมาบ้างแล้ว

จากนั้นก็เป็นเฉินฝาน, หวังโหย่วฉาย, หลี่ซือฉี และคนอื่นๆ ที่เมิ่งฮ่าวรู้จักจากดินแดนแห่งดาวหนานเทียน พวกมันทั้งหมดอยู่บนเส้นทางโบราณของขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง บางคนก็ตกตายไป บางคนก็ถูกตัดสิทธิ์ไปเนื่องจากเปลวเทียนได้ดับลง คนที่เหลือ…กำลังต่อสู้จนถึงที่สุด!

เฉินฝานถือกระบี่อยู่ในมือ ด้วยสีหน้าที่หม่นหมอง ดูเหมือนจะไร้ชีวิตจิตใจไป มันดูว่างเปล่าและมืดมน ซึ่งมีผลกระทบต่อการโจมตีของมัน ทำให้การโจมตีเหล่านั้นเต็มไปด้วยความหม่นหมองมืดมัวเช่นเดียวกัน กลิ่นอายสีดำหมุนวนอยู่รอบๆ กระบี่ของมัน ใครก็ตามที่เผชิญหน้ากับมัน ต้องรู้สึกว่าจู่ๆ อารมณ์ของพวกมันกำลังได้รับผลกระทบ ดังนั้นเฉินฝานจึงดูโดดเด่นอยู่ในเส้นทางโบราณของวิญญาณแรกก่อตั้ง และค่อนข้างจะดึงดูดความสนใจได้ไม่น้อย

เจ้าอ้วนและเฉินฝานต่างก็ถูกสังเกตเห็นด้วยกันทั้งคู่ เช่นเดียวกับคนอื่นๆ อีกมากมาย นี่เป็นแค่การเริ่มต้นเท่านั้น ถ้าพวกมันยังคงสามารถกระทำได้อย่างโดดเด่นเช่นนี้ต่อไป หรือได้อันดับหนึ่งในเส้นทางโบราณของวิญญาณแรกก่อตั้ง พวกมันก็จะมีโอกาสได้รับโชควาสนาอย่างแน่นอน

แน่นอนว่าสิ่งที่กลายเป็นแรงดึงดูดความสนใจมากที่สุดคือ เส้นทางโบราณค้นหาเต๋า ซึ่งกำลังต่อสู้กันอย่างน่าหวาดหลัว กลิ่นคาวโลหิตคละคลุ้งไปทั่ว กำลังมาถึงจุดวิกฤตอันร้ายแรง แน่นอนว่ามันได้กลายเป็นจุดสนใจของพวกที่ดูอยู่ไปแล้ว

เป็นเรื่องง่ายที่จะมองเห็นได้ถึงความแตกต่างของความปั่นป่วนวุ่นวาย ในเส้นทางโบราณขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งและตัดวิญญาณ เส้นทางโบราณค้นหาเต๋าเต็มไปด้วยกลิ่นอายการฆ่าฟันอย่างน่าตกใจ จากพื้นที่นับหมื่นก่อนหน้านี้ ตอนนี้แต่ละบริเวณได้ถูกควบคุมโดยผู้แข็งแกร่งที่ทรงพลังเพียงคนเดียว พวกมันทั้งหมดกำลังต่อสู้ด้วยกันอย่างดุร้าย ขณะที่พยายามจะกำจัดเปลวเทียนของคนอื่นๆ ไป

ผลชนะหรือพ่ายแพ้ จะถูกตัดสินภายในไม่กี่อึดใจในการต่อสู้เช่นนี้ และในที่สุดก็มองเห็นได้ว่า สถานการณ์ในสนามรบได้เปลี่ยนไปอย่างมากมาย

“เปลวเทียนเก้าสิบสามเล่มดับไป! นั่นคือใคร? ข้าไม่เคยเห็นอะไรเช่นนี้มาก่อน!!”

“ดูบุรุษที่สวมหน้ากากนั่น! มันสามารถดับเปลวเทียนได้มากกว่าคนอื่นๆ เกือบทั้งหมด เป็นคนแรกที่ดับเปลวเทียนได้มากกว่าหนึ่งร้อยเล่ม!”

“ดูนั่น ผู้ถูกเลือกจากตระกูลหลี่ได้ดับไปมากกว่าร้อยเล่มแล้วเช่นกัน!”

คนทั้งหมดตกอยู่ในความโกลาหล และร้องตะโกนออกมาเป็นเสียงดัง

“สองร้อย! คนที่อยู่ในอันดับแรก ดับเปลวเทียนได้สองร้อยเล่ม!!”

“สถานการณ์ช่างเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วนัก! จับตาดูบุรุษที่สวมหน้ากากนั้นให้ดี มัน…มัน…ทำได้เกินกว่าสามร้อยแล้ว!”

“มีมันเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ดับได้มากกว่าสามร้อยเล่ม สี่คนที่อยู่ในอันดับรองจากมัน ดับเปลวเทียนได้ประมาณสองร้อยกว่าๆ คนทั้งห้านี้ต้องเป็นผู้แข็งแกร่งมากที่สุดในด่านนี้อย่างแน่นอน!”

“เวลาเกือบจะหมดแล้ว!”

เสียงอึกทึกดังเต็มอยู่ในอากาศ

ย้อนกลับไปยังเส้นทางโบราณขั้นค้นหาเต๋า มีอยู่ห้าคนที่ดึงดูดความสนใจจากผู้ฝึกตนอื่นๆ มากที่สุด ผู้ฝึกตนจากสามนิกายหกสำนัก, ห้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ และสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่ มองไปยังจอภาพบนกระแสน้ำวน ดวงตาเต็มไปด้วยแสงแปลกๆ คนทั้งห้านี้ต่างก็มีบางสิ่งที่เหมือนกัน…

พวกมันยืนอยู่ในอาณาเขตของตนเองอย่างโดดเดี่ยว ถูกห้อมล้อมด้วยความว่างเปล่า!

สำหรับคนทั้งห้านี้ ผู้ที่โดดเด่นมากที่สุดคือบุรุษหนุ่มที่สวมใส่หน้ากากสีดำ เส้นผมยาวสีดำของมันลอยพริ้วไปมาอยู่รอบๆ ร่าง และมันก็สวมใส่เสื้อผ้าสีดำด้วยเช่นกัน จนดูแทบจะคล้ายกับเป็นเงา กระจายกลิ่นอายที่อ้างว้างโดดเดี่ยว เย็นชาและน่ากลัวออกมา

มันโจมตีไปด้วยความฉลาดหลักแหลม ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ใช้ความสามารถศักดิ์สิทธิ์ใดๆ เพียงแค่ชี้นิ้วไปก็ทำให้เจตจำนงศักดิ์สิทธิ์ของผู้ฝึกตนขั้นสูงสุดค้นหาเต๋าคนอื่นๆ ต้องถูกทำลายไป แรกก่อตั้งศักดิ์สิทธิ์ของพวกมันก็จะแตกกระจายและถูกกำจัดไป

ยังมีอีกผู้หนึ่งในท่ามกลางกลุ่มคนทั้งห้า เป็นหญิงสาวเยาว์วัย ที่สวมใส่ชุดยาวสีม่วง ทำให้ดูคล้ายกับเป็นดอกจื่อหลัวหลัน (ดอกไวโอเล็ต) ใบหน้าถูกปกปิดไว้ด้วยวิชาบางอย่าง ทำให้ยากที่จะบอกได้ว่านางมีหน้าตาอย่างไร ดูเหมือนจะมีเสน่ห์และอ่อนช้อยนุ่มนวล แต่กลับโจมตีไปด้วยความดุร้ายอย่างน่าเหลือเชื่อ นางถูกห้อมล้อมด้วยกลีบดอกจื่อหลัวหลันมากมายนับไม่ถ้วน มองเห็นหยดโลหิตอยู่บนกลีบดอกเหล่านั้น ช่างเป็นภาพที่น่าประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง

คนที่สามจากกลุ่มคนทั้งห้าเป็นเด็กชาย มีรูปร่างที่ผอมแห้งและศีรษะล้าน แต่มีความรวดเร็วอย่างน่าโดดเด่น ยิ่งไปกว่านั้นร่างกายมันก็ปกคลุมเต็มไปด้วยรูปแบบที่ถูกตกแต่งสีน้ำเงินนับไม่ถ้วน จนดูคล้ายกับเป็นเครื่องหมายผนึก ดูเหมือนจะเกิดขึ้นมาเองตามธรรมชาติ แต่ในขณะเดียวกันก็ดูเหมือนจะถูกเพิ่มเข้าไปในภายหลัง

เด็กชายผู้นั้นกระจายกลิ่นอายอันป่าเถื่อนออกมา ซึ่งมันได้พยายามปดปิดไว้อย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ขณะที่โลหิตมันไหลเวียนผ่านเส้นโลหิต กลิ่นอายนั้นก็ไหลซึมออกมา ทำให้ดูไม่เหมือนกับเป็นผู้ฝึกตน แต่เป็นสัตว์อสูรอันดุร้ายจากผืนป่าแทน

คนที่สี่เป็นบุรุษวัยกลางคน สีหน้ามันเย็นชาและเย่อหยิ่ง สวมใส่ชุดยาวสีขาว ถูกห้อมล้อมไว้ด้วยฝูงยุงสีน้ำตาลราวกับเป็นก้อนเมฆ แต่ละตัวมีขนาดเท่ากำปั้น ส่วนปากของมันแหลมยาวยื่นชี้ออกไป และเสียงหึ่งๆ ก็ได้ยินมาขณะที่พวกมันบินไปรอบๆ ร่างมัน ภาพที่เห็นนี้เพียงพอที่จะทำให้หนังศีรษะของใครก็ตามที่มองดูอยู่ต้องด้านชา

ดวงตาสีแดงจ้าของยุงและความดุร้ายที่ดูเหมือนจะกระหายเลือดเป็นอย่างยิ่ง ทำให้คนทั้งหมดต้องสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว

คนที่ห้าดูแปลกประหลาดมากที่สุด บางครั้งก็ดูแก่ชรา บางครั้งก็ดูเหมือนจะอยู่ในวัยกลางคน และบางครั้งก็เหมือนกับเป็นวัยรุ่น ราวกับว่าอายุของมันมีการเปลี่ยนไปมาอยู่ตลอดเวลา ทุกครั้งที่มันเปลี่ยนไป พลังการต่อสู้ก็จะพุ่งขึ้นมา เห็นได้ชัดว่ามันมีพื้นฐานฝึกตน และเวทแห่งเต๋าที่แปลกประหลาด

คนทั้งห้าเหล่านี้ได้กลายเป็นจุดสนใจมากที่สุด ในเส้นทางโบราณขั้นค้นหาเต๋าในตอนนี้ แต่ละคนได้ดับเปลวเทียนไปแล้วไม่ต่ำกว่าสองร้อยเล่ม และบุรุษหนุ่มที่สวมหน้ากากสามารถดับได้มากกว่าสามร้อยเล่ม

ผู้ที่อยู่ในอันดับหลังจากพวกมัน ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นผู้ถูกเลือกคนอื่นๆ ซึ่งไม่ได้รับความสนใจมากนัก แต่นี่ก็เป็นแค่ด่านแรกเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่อาจจะบอกได้อย่างแท้จริงว่า เหตุการณ์จะกลับกลายเป็นอย่างไรในตอนท้ายสุด

“เหลือเวลาอีกไม่ถึงสามสิบลมหายใจ!!”

“กลุ่มคนเหล่านึ้คือผู้แข็งแกร่งมากที่สุดในกลุ่มผู้แข็งแกร่ง! ด้วยเวลาที่เหลืออยู่เพียงแค่สามสิบลมหายใจเท่านั้น จึงเป็นเรื่องยากที่จะเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์นี้ได้ ด่านแรกใกล้จะสิ้นสุดลง! ผลลัพธ์ถูกกำหนดไว้อย่างแน่นอนแล้ว!” คนส่วนใหญ่ต่างก็คิดกันเช่นนี้ แม้แต่ผู้ฝึกตนจากสำนักหลักๆ ต่างก็รู้สึกเช่นเดียวกันนี้

ดูเหมือนว่าเวลาใกล้จะหมดลงแล้ว แต่ในตอนนี้เองที่สายลมหมุนซึ่งถูกสร้างขึ้นมาจากหมัดของเมิ่งฮ่าว ได้ม้วนกวาดออกไปยังกลุ่มคนทั้งแปดที่กำลังโจมตีเข้ามา

“เป็นไปไม่ได้!” สตรีนางนั้นร้องออกมา ดวงตาสาดประกายด้วยความไม่อยากจะเชื่อ นางรีบขยับสองมือร่ายเวทขึ้นอย่างรวดเร็ว พยายามที่จะโจมตีกลับไป พลังทั้งหมดที่นางสามารถจะรวบรวมได้ กลายเป็นกลุ่มหมอกมาขัดขวางลมพายุนี้ แต่กลุ่มหมอกนั้นก็ต้องแตกกระจายออกไปในทันที และนางก็ส่งเสียงกรีดร้องอย่าน่ากลัวออกมา ขณะที่ตอนแรกนางเริ่มสั่นไปมา และจากนั้นก็ถูกฉีกกระชากออกเป็นชิ้นๆ โดยลมพายุนั้น ถูกทำลายไปทั้งร่างกายและวิญญาณ

ลมพายุกระจายออกไป ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องของนาง อีกสามคนทุ่มพลังพื้นฐานฝึกตนออกมาจนสุดตัว แต่ก็ไม่อาจจะต่อต้านพลังบดขยี้ของลมพายุนี้ได้ เสียงปะทุดังก้องออกมา ขณะที่พวกมันถูกกำจัดไป

ที่เหลืออีกสี่คนเต็มไปด้วยความหวาดกลัว และต้องการจะหลบหนีจากไป แต่ก็ไม่อาจจะทำได้ ลมพายุโอบล้อมพวกมันไว้ และเงาแห่งความตายก็ปกคลุมลงมา เดิมทีพวกมันตั้งใจที่จะสังหารเมิ่งฮ่าว แต่การโจมตีอย่างน่ากลัวของเขาก็ทำให้พวกมันต้องสั่นสะท้าน จิตใจเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

พวกมันกำลังจะร้องขอความเมตตา แต่ลมพายุก็โอบล้อมปกคลุมไปทั่ว สองในพวกมันไม่มีเวลาแม้แต่จะพูดขึ้นมา แตกกระจายออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เปลวเทียนของพวกมันดับลง

“เป็นไปไม่ได้!” ผู้ฝึกตนที่เป็นสัตว์อสูร, ตัวลิ่น แผดร้องออกมา มันมีร่างกายที่แข็งแกร่งมากที่สุดในกลุ่มคนทั้งแปด แต่ก็สามารถจะต่อต้านได้เพียงแค่หนึ่งอึดใจเท่านั้น ก่อนที่เกล็ดของมันจะหลุดล่วงออกมา และร่างกายถูกฉีกกระชากออกไปโดยลมพายุ ทันใดนั้นมันก็ไม่มีอะไรเหลืออยู่อีกนอกจากเป็นโครงกระดูก

แปดผู้ฝึกตนตกตายไปทั้งหมด!

ในตอนนั้นเองที่จำนวนเทียนที่เมิ่งฮ่าวดับไปได้ผ่านจากหนึ่งร้อยเล่ม เริ่มพุ่งขึ้นไปเป็นสองร้อย!

ลมพายุไม่ได้จางหายไป เมิ่งฮ่าวยังคงอยู่ในจุดกึ่งกลางของลมพายุ สีหน้าสงบนิ่ง ขณะที่ต่อยหมัดออกไปอีกสามครั้ง จากนั้นเขาก็สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และต่อยออกไปอีกสามครั้ง

เสียงกระหึ่มดังเต็มอยู่ในอากาศ ขณะที่ลมพายุเริ่มมีขนาดใหญ่มากขึ้นเป็นสามเท่า สายฟ้าจำนวนมากเต้นไปมา เสียงฟ้าร้องดังก้องออกมา ลมพายุขนาดใหญ่ม้วนกวาดออกไปทั่วทุกทิศทาง และขยายขนาดออกไปจนกระทั่งถึงหนึ่งพันจ้างในช่วงเวลาแค่สิบลมหายใจเท่านั้น

ในตอนนี้ แม้แต่กลุ่มคนที่อยู่ในโลกด้านนอก ก็สังเกตเห็นลมพายุที่เต็มไปด้วยสายฟ้าขนาดใหญ่นี้บนจอภาพของกระแสน้ำวน

“นั่นคืออะไร!?!?”

“ข้าไม่เคยเห็นมันมาก่อน! พายุขนาดใหญ่นั่นมาจากที่ไหนกัน!?”

“สวรรค์! ลมพายุนั่นกำลังขยายขนาดมากขึ้นไปเรื่อยๆ!!”

ไม่เพียงแต่กลุ่มคนที่กำลังให้ความสนใจต่อลมพายุนี้เท่านั้น แม้แต่หลิงอวิ๋นจื่อจากอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้าก็กำลังมองดูอยู่เช่นเดียวกัน ตอนนี้มีเวลาเหลืออยู่แค่สามลมหายใจเท่านั้นก่อนที่ด่านแรกจะจบลง!

สาม, สอง, หนึ่ง!!

ตูม! ตูมมม!! ตูมมมมม!!

ทันใดนั้นเองที่มีการสรุปผลของด่านแรก ลมพายุของเมิ่งฮ่าวก็กระจายออกไปจนมีขนาดหนึ่งหมื่นจ้าง! ในเวลาเดียวกันนั้น มันก็ระเบิดออก ตามมาด้วยเสียงแผดร้องอย่างน่าอนาถใจ เสียงร้องด้วยความตื่นตระหนก และเสียงแผดร้องต่อต้าน

นอกจากนั้น จำนวนเปลวเทียนที่อยู่ข้างรายนามของเมิ่งฮ่าวก็พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว!

สองร้อย!

สามร้อย!

สี่ร้อย!

ห้าร้อย!!

ผู้ฝึกตนทั้งหมดที่ตกอยู่ในลมพายุขนาดหนึ่งหมื่นจ้าง ต่างก็ถูกกำจัดไปโดยสิ้นเชิง ในชั่วพริบตา ทั่วทั้งบริเวณที่ลมพายุกวาดผ่านก็สะอาดไปโดยสิ้นเชิง มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ยังเหลืออยู่…ก็คือเมิ่งฮ่าว เขายืนอยู่ในท่ามกลางลมพายุ เส้นผมพลิ้วไสวไปมา สีหน้าสงบนิ่งเยือกเย็น แต่คนที่ดูอยู่ตรงด้านนอก ต่างก็รับรู้ได้ถึงสิ่งที่อยู่ภายในความสงบนิ่งอย่างลึกล้ำนั้น คือความดุร้ายโหดเหี้ยม

ในทันใดนั้นทั่วทั้งเส้นทางโบราณของขั้นค้นหาเต๋าเงียบกริบไปโดยสิ้นเชิง กลุ่มคนด้านนอกที่ดูอยู่ จ้องมองไปยังจอภาพบนกระแสน้ำวน ดวงตาเบิกกว้างด้วยความไม่อยากจะเชื่อ มองไปยังภาพของเมิ่งฮ่าวที่กำลังยืนอยู่ที่นั่น ถูกห้อมล้อมด้วยความว่างเปล่าโดยสิ้นเชิง

ตำแหน่งของเขาขยับขึ้นมาจากด้านหลังในลมหายใจสุดท้าย จนกลายเป็นอันดับหนึ่งของด่านแรก!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version