ตอนที่ 864
เศษซากเซียนที่แท้จริง!
“เจ้าล้อข้าเล่น?” เมิ่งฮ่าวคำรามออกมา รังสีสังหารแวบขึ้นมาในดวงตา ยกเท้าขวาขึ้นกระทืบลงไปบนร่างบุรุษผู้นั้นอย่างโหดเหี้ยม เสียงแตกร้าวได้ยินมา โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปากมัน กระดูกแตกละเอียดไป มันพยายามจะกล่าวอะไรออกมา แต่ในตอนนั้นใบหน้าเมิ่งฮ่าวก็เต็มไปด้วยความดุร้าย และเขาก็ต่อยหมัดลงไป
เสียงระเบิดดังก้องขึ้น เมิ่งฮ่าวโจมตีไปอย่างโหดเหี้ยม ฉับพลันนั้นเสียงแผดร้องอย่างน่าอนาถใจก็ดังออกมาจากบุรุษวัยกลางคน ตอนนี้กระดูกมันแตกหักร่างกายเต็มไปด้วยโลหิต ต้องแผดร้องออกมาจนสุดเสียง
“เข้าใจผิดแล้ว! สหายเต๋าฟาง นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิด!”
“เข้าใจผิดผายลมเจ้าสิ!” เมิ่งฮ่าวกระโดดขึ้นไปในอากาศ จากนั้นก็กระทืบลงไปบนใบหน้าของมัน เสียงแผดร้องอย่างน่ากลัวดังก้องออกมา ตอนนี้บุรุษผู้นั้นชุ่มโชกไปด้วยโลหิต เอาแขนปิดหน้าไว้ขณะที่เมิ่งฮ่าวเตะไปอย่างไม่ยั้ง
“เจ้าจะซื้อหรือไม่ซื้อ? จะซื้อหรือไม่ซื้อ?!” เมิ่งฮ่าวคว้าจับไปที่ผมของมัน ดึงศีรษะมันขึ้นมา จากนั้นก็กระแทกลงไปบนพื้น
ก่อนที่บุรุษผู้นั้นจะทันได้แผดร้องออกมา เมิ่งฮ่าวก็ยกเท้าขวาขึ้นเตะลงไปอย่างรุนแรง เสียงแตกร้าวได้ยินมา ขณะที่ขาของมันแตกหักไป
ภาพอันรุนแรงนี้ และการเปลี่ยนสีหน้าอย่างรวดเร็วของเมิ่งฮ่าว ทำให้พวกที่มุงดูอยู่รอบๆ บริเวณนั้นทั้งหมด ต้องจ้องมองมาด้วยความตื่นตระหนกตกตะลึงไปโดยสิ้นเชิง
กลุ่มผู้ชมที่อยู่ด้านนอกในขุนเขาทะเลที่เก้าอ้าปากค้าง จ้องมองไปด้วยความงุนงงต่อสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นบนจอภาพกระแสน้ำวน ความโหดร้ายของเมิ่งฮ่าวทำให้พวกมันประหลาดใจไปโดยสิ้นเชิง
“คนผู้นี้เป็นคนที่ไม่อาจจะไปมีเรื่องด้วยได้อย่างแท้จริง!”
“ช่างโหดร้ายจริงๆ! อย่าได้ไปทำให้มันมีโทสะขึ้นอย่างเด็ดขาด!”
“ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ผู้ฝึกตนที่มีกลิ่นอายของนักศึกษาเช่นนั้น จะมีอารมณ์ที่รุนแรงเช่นนี้ได้!!”
ผู้ถูกเลือกจากสำนักต่างๆ ก็ผงะไปด้วยเช่นกัน บางคนยังมีปฏิกิริยามากไปกว่านั้น ยกตัวอย่างเช่น ซุนไห่ที่จ้องมองไปด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง หอบหายใจออกมา มันมองไปยังฟางมู่ที่คว้าจับไปที่เส้นผมของบุรุษวัยกลางคนด้วยความงุนงง จากนั้นซุนไห่ก็เริ่มสั่นสะท้าน ทันใดนั้นมันก็นึกขึ้นได้ถึงบางสิ่งที่เคยเกิดขึ้นกับมัน จนไม่อาจที่จะลืมเลือนไปได้ในชั่วชีวิตนี้ เป็นความทรงจำที่น่าอับอายและอัปยศที่สุดของมัน
“นี่ดูเหมือนว่า…จะคล้ายกับ…แต่ก็ไม่ใช่มัน ใช่หรือไม่…?” ซุนไห่ลังเลอยู่ชั่วขณะ หลังจากที่ย้อนรำลึกไปถึงคนผู้นั้น แรงสั่นสะเทือนได้วิ่งผ่านไปทั่วร่างมัน เหตุการณ์ทั้งหมดนั้นคือฝันร้ายของมัน หลังจากที่กลับมายังนิกายตี้เซียน (เซียนจักรพรรดิ) มันก็มักจะสะดุ้งขึ้นมาจากการเข้าฌาณด้วยความทรงจำอันน่ากลัวนั้น ยิ่งไปกว่านั้นมันยังได้โกนผมออกไปจนหมดสิ้น และตอนนี้ก็ศีรษะล้านไปเรียบร้อยแล้ว
ในวิหารบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว เหล่าปรมาจารย์ต่างๆ มองไปพร้อมกับดวงตาที่เบิกกว้างด้วยความตกตะลึง ขณะที่เมิ่งฮ่าวทุบตีไปที่บุรุษวัยกลางคนอย่างรุนแรง ตอนแรกพวกมันตกตะลึงไปโดยสิ้นเชิง แต่จากนั้นก็เริ่มหัวเราะหึๆ ออกมา
“ฟางมู่ผู้นี้ช่างน่าสนุกสนานนัก”
“มันโจมตีไปแค่เล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้ตั้งใจให้เกิดความเสียหายใดๆ ถ้ากล่าวกันตามความเป็นจริงแล้ว คนผู้นั้นเป็นผู้ที่เริ่มเรื่องทั้งหมดขึ้นมาก่อน”
บนเส้นทางโบราณค้นหาเต๋า หลิงอวิ๋นจื่อหัวเราะหึๆ ออกมาและส่ายหน้า แสร้งทำเป็นว่าไม่เห็นในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้
บุรุษวัยกลางคนกำลังมีโลหิตไหลหยดหยาด แผดร้องออกมาเป็นเสียงโหยหวน พยายามที่จะต่อสู้กลับไป แต่ยิ่งมันดิ้นรนก็ยิ่งทำให้เมิ่งฮ่าวทุบตีด้วยความดุร้ายมากขึ้น เสียงแตกร้าวดังก้องออกมามากขึ้น ขณะที่กระดูกชิ้นอื่นๆ แตกหักไป
ผู้เข้าร่วมการต่อสู้ที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นอ้าปากค้างคนแล้วคนเล่า สายตาของพวกมันทั้งหมดที่กำลังมองไปยังเมิ่งฮ่าว เต็มไปด้วยความหวาดกลัวอย่างรุนแรง พวกมันหวาดกลัวเมิ่งฮ่าวจนหนังศีรษะต้องด้านชา
“คนผู้นี้ดูเหมือนคนปกติสมบูรณ์ แต่ทำไมถึงได้โหดร้ายเช่นนี้!?”
“ต้องไม่ไปตอแยมัน! อย่าได้ไปหาเรื่องมันเด็ดขาด!”
ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายด้วยรังสีสังหาร และใช้สองนิ้วของมือขวาทิ่มตรงเข้าไปในดวงตาของบุรุษวัยกลางคน
บุรุษผู้นั้นส่งเสียงแผดร้องอย่างโหยหวนออกมา จากนั้นก็ร้องตะโกนขึ้นอย่างเร่งรีบ “ซื้อแล้ว! ข้าซื้อแล้ว!”
เมื่อคำพูดลอยเข้าไปในหูเมิ่งฮ่าวราวกับเป็นท่วงทำนองแห่งธรรมชาติ มือขวาเขาหยุดชะงักนิ่ง และสีหน้าที่โหดร้ายป่าเถื่อนก็หายไป ถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้มอันเขินอาย และค่อนข้างจะกระอักกระอ่วนอยู่เล็กน้อย
“แค่ก แค่ก ดูเจ้าสิ! ทำไมถึงไม่พูดให้เร็วขึ้นกว่านี้?”
เขารีบนั่งคุกเข่าลงไป ค่อยๆ ช่วยประคองให้บุรุษวัยกลางคนลุกขึ้นมายืนอย่างช้าๆ ขณะที่มันมองมาด้วยแววตาที่หวาดกลัว
“ท่านไม่จำเป็นต้องมาช่วยประคองข้า จริงๆ แล้ว…” การกระทำอย่างเรียบง่ายในการช่วยประคองให้มันลุกขึ้นมายืน ทำให้บุรุษผู้นั้นยิ่งมีความหวาดกลัวมากขึ้นกว่าเดิม และมันก็เริ่มสั่นสะท้านไปทั่วทั้งร่างอย่างรุนแรง ก่อนที่มันจะทันได้พูดจบ เมิ่งฮ่าวก็มองมา และมันก็ไม่กล้าจะพูดอะไรออกมาอีก
“ยาขวดนี้มีเม็ดยาฟื้นฟูลมปราณอยู่เต็มขวด” เมิ่งฮ่าวกล่าว “เมื่อรวมกับค่าส่งแล้ว หนึ่งเม็ดมีราคาสองแสนหินลมปราณ มีทั้งหมดสิบห้าเม็ด ดังนั้นจึงมีราคาทั้งหมดสามล้านหินลมปราณ” เขาหยิบขวดยาวางลงไปบนมือของมัน จากนั้นก็มองไปด้วยแววตาที่มุ่งหวัง
บุรุษผู้นั้นแทบจะร้องไห้ออกมา ตอนนี้มันมีความคิดอยู่เพียงอย่างเดียวเท่านั้นคือ ให้เมิ่งฮ่าวจากไปอย่างรวดเร็วมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อไม่ให้ตัวมันตกอยู่ในสถานการณ์อันน่ากลัวมากไปกว่านี้อีก
“ข้าซื้อ…” บุรุษวัยกลางคนหยิบเอาหินลมปราณจำนวนมากออกมาในทันที
ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกาย ขณะที่มองเห็นว่ายังมีหินลมปราณเหลืออยู่ในถุงสมบัติมันอีกเป็นจำนวนมาก เห็นได้ชัดว่ามันยังมีเหลืออยู่ถึงแม้ว่าจะซื้อเม็ดยาไปแล้ว เมิ่งฮ่าวก่นด่าตัวเองที่ยังมีขวดยาฟื้นฟูลมปราณเหลืออยู่ในถุงสมบัติเพียงแค่ขวดเดียวเท่านั้น
“เมื่อท่านเป็นลูกค้าข้า ดังนั้นข้าจะต้องรับผิดชอบต่อความปลอดภัยของท่าน” เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้นอย่างเคร่งขรึม “บอกข้ามาว่าใครทุบตีท่าน อืม ช่างมันเถอะ มันไม่ได้สำคัญนัก ไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใดที่ท่านได้รับบาดเจ็บ ท่านกำลังจะเข้าร่วมการประลองที่จะเริ่มขึ้นในอีกสองวันนี้ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลไป สหายเต๋า ข้ายังมียาอีกมาก!”
“นี่คือยารักษาบาดเจ็บอันดับหนึ่ง เพียงแค่สองแสนหินลมปราณต่อหนึ่งเม็ด ไม่ต้องกลัว ข้าซื่อสัตย์และยุติธรรมต่อลูกค้าทั้งหมดอยู่แล้ว” เมิ่งฮ่าวหยิบเอาขวดยาออกมาเจ็ดถึงแปดขวดในทันที จากนั้นก็ยัดเยียดเข้าไปในมือของมัน
บุรุษผู้นั้นจ้องมองมาด้วยความตกตะลึง ตอนนี้มันอยากจะร้องไห้ออกมาอย่างแท้จริง ตอนแรกมันคิดว่าจะไม่ซื้อ แต่เมื่อมองไปยังเมิ่งฮ่าวและรอยยิ้มที่เขินอายของเขา มันก็เริ่มสั่นสะท้านขึ้นอย่างที่ไม่อาจจะควบคุมตัวเองได้ กัดฟันแน่นซื้อเม็ดยาเหล่านั้นไว้ทั้งหมด
เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ จากนั้นก็เริ่มจ้องมองไปยังถุงสมบัติของมัน ดวงตาสาดประกายเจิดจ้า กระแอมไอออกมากล่าวว่า “สหายเต๋า เมื่อดูจากระดับอาการบาดเจ็บของท่านแล้ว ข้าคิดว่าเม็ดยาเหล่านั้นคงจะไม่เพียงพอ ดูเหมือนว่าแม้แต่แรกก่อตั้งศักดิ์สิทธิ์ของท่านก็ได้รับบาดเจ็บด้วย”
“อา?” หนังศีรษะบุรุษวัยกลางคนเริ่มด้านชา จริงๆ แล้วแรกก่อตั้งศักดิ์สิทธิ์ของมันไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย แต่เมื่อมันมองเห็นแววตาของเมิ่งฮ่าว มันก็รู้ว่าคงจะเป็นเรื่องง่ายที่แรกก่อตั้งศักดิ์สิทธิ์ของมันจะได้รับบาดเจ็บขึ้นมา
บุรุษผู้นั้นแผดร้องอย่างน่าสังเวชออกมา จิตใจมันเต็มไปด้วยความเสียใจอย่างรุนแรง หินลมปราณของมันเริ่มใกล้จะหมดเกลี้ยงไปแล้ว ตอนนี้เหลือแต่สิ่งของสำหรับไว้ช่วยชีวิต รวมทั้งของรางวัลพิเศษที่สำนักให้มันมา
“สหายเต๋าฟาง ปล่อยข้าไป ได้หรือไม่? ข้าผิดไปแล้ว…” มันอ้อนวอน แน่นอนว่าลึกลงไปในจิตใจ ความเกลียดชังกำลังลุกไหม้ขึ้นมา และมันก็อยากจะฉีกเมิ่งฮ่าวให้ขาดออกเป็นชิ้นๆ
เมิ่งฮ่าวยิ้มออกมา แต่ดวงตาเย็นชาไปโดยสิ้นเชิงขณะที่กล่าวว่า “เจ้ารู้หรือไม่ บุคคลแรกที่ข้าเคยสังหารมาก็แซ่จ้าวเช่นเดียวกัน”
บุรุษผู้นั้นสั่นสะท้าน รู้สึกราวกับว่าสายลมอันหนาวเย็นกำลังกระจายเต็มไปทั่วร่างมัน กัดฟันแน่น หยิบเอาหินลมปราณออกมาอีกเพื่อซื้อเม็ดยาของเมิ่งฮ่าวเพิ่มขึ้น ตอนนี้ถุงสมบัติของมันว่างเปล่าโดยสิ้นเชิง
เมิ่งฮ่าวพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ จากนั้นก็ตบไปที่ไหล่ของมัน
“ถ้าท่านต้องการอะไรอีก อย่าได้ลังเลที่จะตะโกนเรียกข้า”
บุรุษวัยกลางคนสั่นสะท้านและพยักหน้าให้
เมิ่งฮ่าวหมุนตัวก้าวเดินเข้าไปในความว่างเปล่า ครั้งนี้การเดินทางกลับไปยังตำแหน่งเดิมของเขาบนแท่นบูชาแรก ใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งชั่วยามเท่านั้น ตลอดทั้งเส้นทางผู้เข้าร่วมการต่อสู้คนอื่นๆ ต่างก็ประสานมือและก้มศีรษะให้ เปิดเป็นช่องทางให้เขาเดินผ่านไป ดวงตาพวกมันเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
เมื่อกลับมาถึงแท่นบูชาแรก เมิ่งฮ่าวก็นั่งลงขัดสมาธิ เริ่มตรวจสอบสิ่งของทั้งหมดที่ได้มา มองไปยังหินลมปราณที่ด้านใน ในที่สุดก็รู้สึกว่าการเดินทางมาที่นี่ในครั้งนี้ไม่ได้สูญเปล่า
“แย่นักที่ศาลานักรบช่างตระหนี่นัก ที่ข้าทำได้ทั้งหมดก็คือนำของวิเศษมาได้ไม่กี่ชิ้นเท่านั้น ข้ายังไม่ได้งัดพื้นกระเบื้องหรือว่าชั้นวางของเลย แม้แต่กระเบื้องตกแต่งก็ยังไม่ได้แตะต้องด้วยซ้ำ!”
“ตอนที่อยู่ในสะพานเซียนเดินหน ข้าเคยขุดพื้นกระเบื้องขึ้นมาได้ทั้งหมด!” เมื่อเขาคิดไปถึงความตระหนี่ของศาลานักรบ ก็ยิ่งมีความเกลียดชังมากขึ้น ไม่มีอะไรที่เขาจะเกลียดมากไปกว่าคนที่ตระหนี่ถี่เหนียวอีกแล้ว
“ไม่เป็นไร หยดน้ำเล็กๆ มากมายมารวมตัวกันก็กลายเป็นทะเลได้ ตราบเท่าที่ข้ายังมีชีวิตอยู่ สักวันหนึ่งข้าก็จะเป็นบุคคลที่ร่ำรวยมากที่สุดในจิ่วต้าซานไห่ (เก้าขุนเขาทะเลอันยิ่งใหญ่)!” เมื่อคิดเกี่ยวกับความใฝ่ฝันอันยิ่งใหญ่ของตนเอง เขาก็สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้รู้สึกราวกับว่าตอนนี้ เขาได้ก้าวเข้าไปใกล้กับความฝันนั้นมากขึ้นกว่าเดิมแล้ว
“เมื่อข้าพบกับสวี่ชิง พวกเราทั้งสองก็จะมีเงินทองใช้จ่ายอย่างเหลือเฟือ” เมิ่งฮ่าวถอนหายใจออกมาด้วยความรู้สึกอันลึกล้ำ
เวลาผ่านไป และในที่สุดช่วงพักสามวันก็จบสิ้นลง ผู้เข้าร่วมการต่อสู้ลืมตาที่สาดประกายเจิดจ้าขึ้นมา ด้วยการมีเมิ่งฮ่าวอยู่ที่นั่น พวกมันส่วนใหญ่จึงไม่คิดที่จะได้อันดับหนึ่ง แค่หวังว่าจะอยู่ในแปดอันดับแรกให้ได้เท่านั้น!
หลิงอวิ๋นจื่อปรากฏกายขึ้นออกมาจากความว่างเปล่า มองไปยังกลุ่มผู้เข้าร่วมการต่อสู้ทั้งหมด
“สังเวียนการประลองจะถูกจัดขึ้นบนต้นไม้เต๋าโบราณของเศษซากเซียน พวกเจ้าทั้งหมดต้องระลึกอยู่เสมอว่า ที่ตั้งของต้นไม้เต๋าไม่ได้ถือว่าเป็นส่วนลึกที่สุดของเศษซากเซียน แต่ยังมีสถานที่อันตรายมากไปกว่านั้น อะไรก็เกิดขึ้นได้นอกต้นไม้นั่น ขณะที่พวกเจ้าทำการต่อสู้กันอยู่ จดจำไว้…ไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์เช่นไร ก็อย่าได้ออกไปจากต้นไม้เต๋าโบราณ”
“มีแต่อยู่บนต้นไม้นั่นถึงจะรับประกันได้ว่าปลอดภัย ถ้าพวกเจ้าออกไปจากต้นไม้…ก็ยากที่จะบอกได้ว่าพวกเจ้าจะมีชีวิตรอดกลับมาได้หรือไม่!” หลิงอวิ๋นจื่อจ้องมองไปยังผู้เข้าร่วมการต่อสู้ด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด จากนั้นก็โบกสะบัดมือ ทันใดนั้นแสงสีแดงก็กระจายออกไปทั่วทุกที่ และความว่างเปล่าก็ส่งเสียงดังกระหึ่มขึ้น ระลอกคลื่นกระจายออกมา ขณะที่ทุกสรรพสิ่งที่อยู่ในที่แห่งนั้นรวมทั้งเมิ่งฮ่าว ลอยขึ้นไปในอากาศ ฉับพลันนั้นก็ดูเหมือนว่าหลิงอวิ๋นจื่อจะมีขนาดใหญ่โตขึ้นอย่างน่าเหลือเชื่อ เมื่อมันโบกสะบัดชายแขนเสื้อก็ทำให้คนทั้งหมดลอยเข้าไปที่ข้างใน
ภาพที่เห็นนี้ทำให้จิตใจเมิ่งฮ่าวสั่นสะท้าน!
“ช่างเป็นความสามารถศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่ธรรมดาอย่างแท้จริง!” เขาคิดหอบหายใจออกมา นอกจากนี้ผู้เข้าร่วมการต่อสู้ทั้งหมด ต่างก็ถูกดูดเข้าไปในชายแขนเสื้อของหลิงอวิ๋นจื่อ พวกมันมองเห็นได้อย่างชัดเจนถึงโลกด้านนอกที่พุ่งผ่านไป และรู้ว่าหลิงอวิ๋นจื่อกำลังมุ่งหน้าตรงไปด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่ออยู่ในตอนนี้
กลุ่มผู้ชมที่อยู่ในโลกด้านนอก มองไปยังจอภาพที่เกิดขึ้นบนเส้นทางโบราณของขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งและตัดวิญญาณที่เป็นเช่นเดียวกัน สองชายชราในสถานที่แห่งนั้นก็บินขึ้นไปเช่นเดียวกัน และในที่สุดก็ไปเข้าร่วมกับหลิงอวิ๋นจื่อ ขณะที่พวกมันพุ่งออกไปในที่ห่างไกล
เส้นทางที่พวกมันเดินทางไปถูกปกคลุมด้วยกลุ่มหมอก ได้ยินเสียงร้องไห้คร่ำครวญดังก้องออกมาเป็นระยะ รวมทั้งเสียงแผดร้องคำรามอันน่ากลัว อย่างช้าๆ เริ่มมองเห็นเป็นศีรษะขนาดใหญ่ กำลังลอยอยู่ที่นั่นในกลุ่มหมอก โลหิตไหลซึมออกมาจากดวงตา, หู, จมูกและปากของมัน ทั้งยังมองเห็นตะขาบขนาดใหญ่กำลังเลื้อยเข้าออกอยู่ในดวงตาของมันอีกด้วย
เมื่อกลุ่มฝูงชนที่ด้านนอกมองเห็นสิ่งเหล่านี้ พวกมันก็อ้าปากค้างและจ้องมองไปยังจอภาพกระแสน้ำวนด้วยความตกตะลึง
“เศษซากเซียน! นั่นคือเศษซากเซียนที่แท้จริง!!”
“ศีรษะยักษ์นั่นมีความสูงอย่างน้อยก็หนึ่งหมื่นจ้าง!!”
ด้านในของชายแขนเสื้อหลิงอวิ๋นจื่อ เมิ่งฮ่าวมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ที่ด้านนอก เขายังได้เห็นศีรษะยักษ์อีกด้วย และต้องรู้สึกตกตะลึงขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ ขณะที่พุ่งผ่านมันไป
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ กลุ่มหมอกเริ่มมีความเข้มข้นมากขึ้น และเสียงร้องไห้คร่ำครวญนั้นก็ดังออกมาเป็นระยะอย่างไม่รู้จบ เถาวัลย์ขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้า แกว่งไกวไปมา อย่างน่าตกใจยิ่งมีซากศพนับไม่ถ้วนผูกติดอยู่กับต้นเถาวัลย์ ซากศพเหล่านั้นเป็นคนจากในสมัยโบราณและแห้งเหี่ยวไปแล้ว มีถุงสมบัติติดอยู่กับซากศพเหล่านั้นด้วย
เวลาผ่านไปนานหลายปีมาแล้ว แต่สิ่งเหล่านี้ก็ยังคงมีอยู่ในที่แห่งนั้น จึงเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่า…ต้นเถาวัลย์นี้ช่างยิ่งใหญ่อย่างน่าเหลือเชื่อ สามารถจะต่อต้านการรุกรานใดๆ ได้
สองสามวันผ่านไป ตลอดช่วงเวลานั้นเมิ่งฮ่าวมองเห็นสิ่งของแปลกๆ นับไม่ถ้วน เขามองเห็นลูกทรงกลมที่มีขนขนาดใหญ่เท่าดวงดาว มองเห็นดวงตายักษ์ที่มีโลหิตไหลซึมออกมา มองเห็นกองกำลังของผู้ฝึกตนในชุดเสื้อผ้าที่ขาดวิ่น กำลังเดินไปอย่างช้าๆ ผ่านความว่างเปล่า ด้วยสีหน้าท่าทางเลื่อนลอย
ผู้ฝึกตนแต่ละคนเหล่านั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง จนเมิ่งฮ่าวต้องสูดลมหายใจเข้าไปอย่างยากเย็น
ที่น่าตกตะลึงมากที่สุดคือตอนที่เมิ่งฮ่าวมองเห็น…เรือ กำลังลอยอย่างช้าๆ ผ่านกลุ่มหมอก ไม่ใช่ว่าเมิ่งฮ่าวไม่คุ้นเคยกับเรือลำนี้ เมื่อเขามองเห็นมัน จิตใจก็สั่นสะท้าน นี่เป็นเรือลำเดียวกับที่เขาเคยเห็นอยู่ในทะเลเทียนเหอ และเหมือนกับก่อนหน้านี้ มีชายชราผู้หนึ่งนั่งอยู่ที่หัวเรือ!!
———————–
หมายเหตุ :
- 1. เมิ่งฮ่าวสังหารจ้าวอู่กังในตอนที่ 9 : ความเวทนาและความเคว้งคว้าง
- 2. 积少成多 (จีเส่าเฉิงตัว) เก็บเล็กผสมน้อยจนมีมากขึ้น หรือหยดน้ำเล็กๆ มากมายมารวมตัวกันจนกลายเป็นทะเล