ตอนที่ 875
สะกดข่ม!
เมื่อเซียวหลัวปรากฏกายขึ้น สายลมอันหนาวเย็นก็พุ่งขึ้นมา ทำให้เส้นผมและเสื้อผ้ามันสะบัดพลิ้วไปมา เห็นได้ชัดว่ามันเป็นบุรุษ แต่ก็มีบางอย่างที่คล้ายกับเป็นหญิงสาวด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งดวงตาที่เศร้าหมองคู่นั้น ทำให้รูปร่างหน้าตาที่หล่อเหลาของมันดูแปลกๆ ไป
เซียวหลัวยืนอยู่ที่นั่นในจุดตรงกลางของสังเวียนการประลอง กำลังมองมายังเมิ่งฮ่าว
เมิ่งฮ่าวมีสีหน้าสงบนิ่งเหมือนเช่นเคย ยืนอยู่ที่นั่นมองผ่านโลงศพทั้งเก้าไปยังเซียวหลัว
“เหล่าอสูรเก้าสวรรค์!” เซียวหลัวร้องตะโกนขึ้น ดวงตาแวบรังสีสังหารขึ้น โบกสะบัดมือทำให้เสียงกระหึ่มดังก้องออกมาจากโลงศพทั้งเก้า จากนั้นฝาโลงก็เปิดออกโดยพร้อมเพรียงกัน ทำให้กลิ่นอายแห่งความตายอันเข้มข้นลอยออกมา
อากาศบิดเบี้ยวขึ้น สีสันแปลกๆ เต้นไปมา เงาร่างสูงใหญ่เก้าร่างปรากฏขึ้นมาจากภายในโลงศพ เป็นเก้าซากศพที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตาย ร่างกายพวกมันไม่ได้เน่าเปื่อยไป แต่แห้งกรัง สวมใส่เสื้อผ้าที่เก่าขาดรุ่งริ่ง และมีสีหน้าที่ดุร้าย บอกได้แต่เพียงว่าเจ็ดคนเป็นบุรุษและอีกสองเป็นสตรี
“สังหารมัน!” เซียวหลัวกล่าวพร้อมกับหัวเราะหึๆ อย่างชั่วร้ายออกมา มองเห็นแสงอันโหดเหี้ยมอยู่ในดวงตาของซากศพทั้งเก้า ขณะที่พุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าว ทำให้เกิดเป็นสายลมอันรุนแรงขึ้น
พวกมันเข้ามาใกล้เมิ่งฮ่าวในชั่วพริบตา แต่สีหน้าเขาไม่ได้เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย ยื่นมือขวาออกไป ในมือมีหอกที่สร้างมาจากต้นเจี้ยนมู่และมีคมหอกเป็นกระดูกปรากฏขึ้น จากนั้นเขาก็พุ่งตรงไปราวกับเป็นสายลม โดยมีคมหอกนำอยู่ที่ด้านหน้า
เสียงปังได้ยินมา พร้อมกับเสียงกระหึ่มที่เสียดแทงแก้วหู ขณะที่กระแสน้ำวนขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น กระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง และไปขัดขวางการเคลื่อนที่มาของเก้าซากศพในทันที
เมิ่งฮ่าวเคลื่อนที่ไปอย่างรวดเร็ว ผ่านซากศพไปและมุ่งตรงไปยังเซียวหลัว ในช่วงเวลาจุดประกายหินเหล็กไฟ เซียวหลัวก็ขยับมือร่ายเวทด้วยมือขวา และชี้ลงไปยังพื้นผิวของสังเวียนการประลอง ทันใดนั้นปราณหยินก็พุ่งขึ้นมา กลายเป็นระเบิดพุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าวราวกับเป็นกำแพงขนาดใหญ่
เสียงระเบิดได้ยินมา ขณะที่หอกของเมิ่งฮ่าวแทงเข้าไปในกำแพงปราณหยิน กำแพงแตกกระจายไป และพังทลายลง หลังจากนั้นเซียวหลัวก็โบกสะบัดมือ ทำให้เข็มเวทสีดำเก้าเล่มปรากฏขึ้น พุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าวในทันทีราวกับเป็นอสรพิษสีดำเก้าตัว
ในเวลาเดียวกันนั้น เก้าซากศพที่ตอนนี้อยู่ด้านหลังเมิ่งฮ่าวก็หันร่างกลับมา กลายเป็นลำแสงสีดำห้อมล้อมไปรอบๆ ร่างเมิ่งฮ่าวในทันที
เซียวหลัวหัวเราะอย่างเย็นชา มันได้ปลดปล่อยเวทที่แข็งแกร่งทรงพลังมากที่สุดออกมา พยายามจะทำร้ายคู่ต่อสู้ให้ได้ในครั้งเดียว
“ตาย!”
ในตอนที่เกิดวิกฤตอันร้ายแรงนี้เอง เมิ่งฮ่าวแค่นเสียงออกมา แทงหอกเข้าไปในพื้นผิวของใบไม้ ทำให้เกิดเป็นเสียงระเบิดดังก้องออกไป รอยแตกร้าวกระจายไปทั่วพื้นผิวของสังเวียนการประลอง ขณะที่พลังอันน่าตกใจระเบิดขึ้นในทันใด กลายเป็นกระแสน้ำวนที่คล้ายกับพายุ กระจายออไปในทั่วทุกทิศทาง กระแทกเข้าไปในร่างซากศพ ซากศพทั้งเก้าถอยไปทางด้านหลัง ร่างกายสั่นสะท้าน สำหรับเข็มทั้งเก้าเล่ม เสียงแตกร้าวได้ยินมา ขณะที่พวกมันแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ในระหว่างการพุ่งตรงมา
ภายในกระแสน้ำวนที่ส่งเสียงดังกระหึ่ม เมิ่งฮ่าวปล่อยมือจากหอก จากนั้นก็กลายร่างเป็นคฤธร เพียงแค่แวบเดียวเขาก็ไปปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้าเซียวหลัว และตวัดกรงเล็บออกไปอย่างดุร้าย
ตูม!
สีหน้าเซียวหลัวสลดลง มันรีบขยับมือร่ายเวทอย่างรวดเร็ว ทำให้ปราณหยินพุ่งขึ้นมา กลายเป็นกำแพงขึ้นอีกครั้งเพื่อปิดกั้นการตวัดมาของกรงเล็บคฤธร เสียงระเบิดขนาดใหญ่ได้ยินมา เมื่อกำแพงพังทลายลงไปอีกครั้งเช่นเดียวกัน ก่อนที่เซียวหลัวจะทันได้พุ่งถอยหลบหนีไปทางด้านหลัง คฤธรก็หายไป และเมิ่งฮ่าวก็ปรากฏกายขึ้นใหม่ ตวัดขาเตะออกไปอย่างรวดเร็ว
เสียงปังได้ยินมาเมื่อการเตะที่ดูเหมือนจะทรงพลังเพียงพอที่จะบดขยี้ภูเขา กวาดออกไปเป็นครึ่งวงกลมกระแทกตรงเข้าไปที่ร่างเซียวหลัว ในช่วงวิกฤตนี้เอง ที่ดวงตาของเซียวหลัวเบิกกว้าง มันรีบพ่นไข่มุกออกมาจากปาก ไข่มุกนั้นกระจายแสงที่ทรงพลังออกมา พยายามจะปิดกั้นการเตะมาของเมิ่งฮ่าว แต่ทันใดนั้นมันก็แตกกระจายไป ไม่อาจจะต่อต้านการโจมตีนี้ได้แม้แต่น้อย อย่างไรก็ตามมันได้ทำให้เซียวหลัวมีเวลาอีกหนึ่งอึดใจ ที่จะพุ่งถอยหลบหนีไปทางด้านหลัง และกระอักโลหิตออกมา
ในเวลาเดียวกันนั้น เมิ่งฮ่าวก็เร่งความเร็วขึ้น และทำการโจมตีออกไปอีกครั้ง ครั้งนี้เขาไม่ได้สนใจที่จะป้องกันตัว แต่โจมตีไปคล้ายกับสายฟ้า ราวกับเป็นลมพายุที่สามารถจะบดขยี้ทุกสิ่งทุกอย่างที่บังอาจมาขวางทาง
เมิ่งฮ่าวกดทับลงไปบนร่างของเซียวหลัว คล้ายกับเป็นสายลมที่รุนแรง ขยับมือร่ายเวทด้วยมือขวา จากนั้นก็แทงนิ้วออกไปที่ด้านหน้า การโจมตีอันน่าตกใจของดรรชนีนั้นทำให้อากาศสั่นไปมา และสีหน้าเซียวหลัวก็สลดลง การโจมตีนี้ปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็วจนเซียวหลัวไม่มีเวลาแม้แต่จะหอบหายใจ มันต้องเพ่งสมาธิรับมือด้วยความระมัดระวังตัวอย่างสูงสุด ถ้าผิดพลาดไปแค่เล็กน้อยก็จะทำให้มันต้องตายไป
เซียวหลัวขยับมือร่ายเวทอย่างรวดเร็วมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ทำให้ปราณหยินก่อตัวขึ้นเป็นไข่มุกขนาดใหญ่
“ระเบิด! ระเบิด! ระเบิด!” เซียวหลัวแผดร้องคำราม เสียงระเบิดดังก้องออกมา ขณะที่ไข่มุกลอยตรงไปยังเมิ่งฮ่าว และจากนั้นก็ระเบิดออก กลายเป็นระลอกคลื่นที่ทรงพลัง ม้วนกวาดออกไปในทั่วทุกทิศทาง รอยยิ้มอันโหดเหี้ยมปรากฏขึ้นบนใบหน้าเซียวหลัว ไข่มุกปราณหยินดูเหมือนจะเป็นสิ่งของธรรมดาทั่วไป แต่ในความเป็นจริงแล้ว พวกมันคือเวทลับแห่งกู่เซียนหลิง แรงระเบิดของมันทรงพลังมากพอที่จะสังหารผู้แข็งแกร่งขั้นสูงสุดค้นหาเต๋าไปได้อย่างง่ายดาย
เซียวหลัวรู้ว่าคู่ต่อสู้ของมันแข็งแกร่ง แต่ถึงแม้จะเป็นยักษ์ศิลาก็ยังต้องได้รับบาดเจ็บเป็นอย่างน้อยจากแรงระเบิดนี้
“ข้าต้องอยู่ห่างออกไปอีก” เซียวหลัวคิดพร้อมกับหัวเราะเสียงเย็นชา “จากนั้นข้าก็จะส่งเก้าซากศพไปสังหารมัน!” ขณะที่เซียวหลัวกำลังถอยไปทางด้านหลังอย่างต่อเนื่อง อากาศก็บิดเบี้ยวขึ้นขณะที่เมิ่งฮ่าวก้าวเดินออกมาจากแรงระเบิดนั้น สำหรับเขาแล้วไข่มุกที่ระเบิดออกมาเหล่านี้ได้แต่ทำให้เกิดเป็นบาดแผลขึ้นที่ร่างกายเท่านั้น เขากำมือขวาเป็นหมัดและต่อยออกไป
ตูม!
เซียวหลัวส่งเสียงแผดร้องอย่างโหยหวนขึ้น โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปาก ขณะที่มันลอยละลิ่วปลิวไปทางด้านหลัง ในชั่วพริบตาเมิ่งฮ่าวก็ไปถึงร่างมันอีกครั้ง โจมตีออกไปด้วยพลังที่สามารถจะทำให้ก้อนศิลาแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ได้ เซียวหลัวถอยไปทางด้านหลังอีกครั้ง โลหิตไหลลงมาจากปากมัน
ในชั่วพริบตา เมิ่งฮ่าวโจมตีไปมากกว่าสิบครั้ง พลังอันน่าตกใจและเจตจำนงแห่งผู้ไร้พ่าย ทำให้เซียวหลัวได้แต่ต้องถอยไปทางด้านหลัง ใช้พลังทั้งหมดของมันมาต่อต้านเขาเท่านั้น มันไม่อาจจะโจมตีกลับมาได้แม้แต่น้อย
การเคลื่อนไหวของเมิ่งฮ่าวรวดเร็วและดุร้ายเป็นอย่างยิ่ง เสียงระเบิดดังก้องออกมา ในช่วงเวลาสั้นๆ เพียงแค่ไม่กี่อึดใจ สำหรับเซียวหลัวแล้วช่างเป็นเวลาที่ยาวนาน นานมากๆ จากนั้นเสียงแตกร้าวก็ได้ยินมา ขณะที่ขาของมันถูกเมิ่งฮ่าวทำลายไป
ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงทำให้ใบหน้ามันซีดขาว ท่าทางประหลาดใจมองเห็นได้จากสีหน้ามัน
“บัดซบ ข้าต้องไม่ปล่อยให้มันสะสมพลังขึ้นมาได้มากไปกว่านี้ มิเช่นนั้นข้าก็ต้องพ่ายแพ้ไปอย่างแน่นอน!”
กลุ่มฝูงชนที่ด้านนอกมองดูรอบก่อนรองชนะเลิศนี้ด้วยความจดจ่อตั้งใจ หลายคนกำลังเพ่งมองไปที่เมิ่งฮ่าว และต้องประหลาดใจไปโดยสิ้นเชิงในสิ่งที่พวกมันได้เห็น
“ถ้าข้าเป็นเซียวหลัว ก็คงต้องไร้พลังที่จะต่อต้านอย่างแน่นอน!”
“ฟางมู่ผู้นี้ช่างน่ากลัวอย่างแท้จริง! การโจมตีของมันช่างรวดเร็วและดุร้ายนัก มันคือผู้ไร้พ่ายอย่างแท้จริง!!”
“เจ้าคงไม่อาจจะต่อต้านได้อย่างแน่นอนเมื่อต้องไปเผชิญหน้ากับฟางมู่ การกระทำเช่นนั้น…ได้แต่ทำให้มันต้องระเบิดความดุร้ายออกมา และทำให้เกิดเป็นความหายนะมากขึ้น!”
เซียวหลัวกัดฟันแน่น ท่าทางบ้าคลั่งปรากฏขึ้นบนใบหน้า กู่ร้องออกมา ทำให้ปราณหยินระเบิดออก กลายเป็นเงาร่างทับซ้อนนับไม่ถ้วน ขณะที่มันกำลังจะพยายามตอบโต้กลับไป หมัดเมิ่งฮ่าวกระแทกลงมาอีกครั้ง ปราณของเซียวหลัวทั้งหมดพังทลายไป และมันก็ลอยละลิ่วปลิวไปทางด้านหลังราวกับว่าวที่ถูกตัดสายป่าน โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปาก
จากนั้นด้วยความรวดเร็วอย่างที่ยากจะอธิบายออกมาได้ เมิ่งฮ่าวพุ่งตรงไปยังเซียวหลัว และยื่นนิ้วตรงไปที่หน้าผากมัน รังสีสังหารม้วนตัวไปมา
ดวงตาเซียวหลัวเบิกกว้าง จิตใจสั่นสะท้าน ในช่วงวิกฤตอันร้ายแรงนี้ มันกัดปลายลิ้นลงไป เผาไหม้แก่นแท้โลหิตและอายุขัยไปเล็กน้อย เพื่อปลดปล่อยเวทต้องห้ามออกมา
“ถึงเวลาที่ต้องเสี่ยงแล้ว ตัดจันทรา!” มันร้องตะโกนขึ้น
จันทร์เสี้ยวปรากฏขึ้นบนหน้าผากมัน จากนั้นก็กลายเป็นดวงจันทร์สีดำอย่างรวดเร็ว พุ่งกระแทกตรงไปยังเมิ่งฮ่าว
ดวงตาเมิ่งฮ่าวเบิกกว้าง ขณะที่ดวงจันทร์เข้ามาใกล้ ทันใดนั้นภาพแห่งธรรมก็ปรากฏขึ้นที่ด้านหลัง และหมัดของมันก็พุ่งตรงไปปะทะกับดวงจันทร์ที่ใกล้เข้ามา
เสียงระเบิดขนาดใหญ่ได้ยินมา แรงสั่นสะเทือนวิ่งผ่านไปทั่วร่างเมิ่งฮ่าว ขณะที่ดวงจันทร์ระเบิดออก โลหิตไหลซึมออกมาจากปากเซียวหลัว แต่มันก็ใช้ช่วงเวลาสั้นๆ นี้พุ่งหลบหนีไปทางด้านหลัง ใบหน้าบิดเบี้ยวขึ้นด้วยความขมขื่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ส่งเสียงร้องตะโกนออกมา
“เก้าซากศพแปลงอสูร!” ทันใดนั้น ซากศพทั้งเก้าที่อยู่ด้านหลังเมิ่งฮ่าว และไม่อาจแม้แต่จะแตะต้องตัวเขาได้ ก็เริ่มสั่นไปมาอย่างรุนแรง ในชั่วพริบตา ขนยาวสีดำก็เริ่มโผล่ออกมาจากร่างของซากศพเหล่านั้น และรูปลักษณ์ของพวกมันก็ยิ่งดูดุร้ายมากกว่าก่อนหน้านี้ ยิ่งไปกว่านั้นปราณอสูรก็เริ่มพุ่งขึ้นมาอยู่ในร่างพวกมัน ถึงแม้จะเป็นสิ่งที่ไม่มีใครสามารถจะตรวจจับได้ก็ตามที
ขณะที่ปราณอสูรพุ่งขึ้นมา พื้นฐานฝึกตนของซากศพทั้งเก้าก็เริ่มพุ่งขึ้นไปเป็นหลายเท่า ในชั่วพริบตาพวกมันก็เทียบได้กับเซียนเทียม!
เซียนเทียมเก้าคน!
นี่คือไพ่ไม้ตายของเซียวหลัว ซึ่งเดิมทีมันตั้งใจไว้ว่าจะใช้เพื่อแย่งชิงอันดับหนึ่งมาให้ได้ ไม่ใช่สิ่งที่มันจะใช้ออกมาได้อย่างง่ายดาย แต่มันถูกต้อนเข้าไปสู่มุมอับ ดังนั้นในการต่อสู้อย่างบ้าคลั่งนี้ มันจึงไม่ลังเลที่จะใช้ออกมาแม้แต่น้อย
“ตาย!” มันแผดร้องขณะที่ซากศพเซียนเทียมเก้าร่าง พุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าว พวกมันเริ่มโจมตีออกมาอย่างน่าประหลาดใจทีละตน ทำให้กลุ่มฝูงชนที่ด้านนอกในขุนเขาทะเลที่เก้าหมุนคว้างด้วยความตื่นตระหนก
“สวรรค์! นั่นคือพลังของเซียนเทียม!!”
“นั่นคือวิชาเวทอะไรกัน!? ถึงทำให้ซากศพทั้งเก้านั้นมีพลังของเซียนเทียมได้!!”
“ตอนที่สู้กับฝานตงเอ๋อร์ เซียวหลัวไม่เคยใช้ความสามารถศักดิ์สิทธิ์นี้ออกมาเลย!”
ขณะที่กลุ่มคนที่ด้านนอกตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวาย ซากศพทั้งเก้าก็เข้ามาใกล้เมิ่งฮ่าว ระเบิดพลังของเซียนเทียมออกมา เมิ่งฮ่าวมีสีหน้าแปลกๆ ปรากฏขึ้น
“อสูร…” เขาคิด สีหน้าเปลี่ยนเป็นปกติอย่างรวดเร็ว จู่ๆ ก็ชูมือขวาขึ้นไปในอากาศ ขยับร่ายเวทอย่างรวดเร็ว วิชาผนึกความเที่ยงธรรมถูกปลดปล่อยออกมา วิชานี้แตกต่างไปจากเวทรุ่นแปด และใช้สำหรับสะกดอสูรเท่านั้น!
ไม่มีใครเกิดความรู้สึกพิเศษใดๆ เมื่อเมิ่งฮ่าวปลดปล่อยวิชานี้ออกมา แต่ในทันทีที่เขาลดมือลง ซากศพทั้งเก้าก็หยุดชะงักนิ่งในฉับพลันและเริ่มสั่นไปทั้งร่าง ดวงตาที่ว่างเปล่าก่อนหน้านี้ของพวกมันเริ่มสาดประกายเป็นแสงเจิดจ้าออกมา
สีหน้าเซียวหลัวสลดลงไปโดยสิ้นเชิง และมันก็รีบล่าถอยออกไปด้วยความประหลาดใจ ขยับมือร่ายเวทอย่างเมามันเพื่อพยายามจะควบคุมซากศพทั้งเก้านั้นให้ได้อีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้เองที่เมิ่งฮ่าวยื่นมือขวาออกไป แสงแปลกๆ มองเห็นได้จากในดวงตาของเขา ภายใต้พลังแปลงร่างของขนนกสีดำที่ปกคลุมอยู่ เขาปลดปล่อยเวทผนึกอสูรรุ่นเจ็ด, เวทผนึกกรรมออกมา!
เสียงกระหึ่มดังเต็มอยู่ในอากาศ ขณะที่เส้นใยกรรมที่เชื่อมต่อกับซากศพทั้งเก้าและเซียวหลัวเริ่มแยกออกจากกัน เมื่อเกิดขึ้นเช่นนั้น ซากศพก็สั่นสะท้านอย่างรุนแรงมากขึ้นไปอีก กลิ่นอายแห่งความตายระเบิดกระจายออกมาจากร่างของพวกมัน จากนั้นก็ล้มคว่ำหน้าลงไป
เซียวหลัวกำลังสั่นไปทั้งร่าง และมันได้กระอักโลหิตออกมาเก้าครั้ง จากสีหน้าของมันก็เห็นได้ชัดว่ามันรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง จ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าวอยู่ชั่วขณะ จากนั้นก็สั่นไปทั้งร่างอย่างรุนแรง
“ข้ายอมแพ้!” มันร้องตะโกนขึ้นด้วยความหวาดกลัวว่าจะต้องเสียชีวิตไปในที่แห่งนี้
ทันทีที่คำพูดหลุดออกมาจากปาก แสงระยิบระยับก็ปกคลุมไปทั่วร่างมัน และจากนั้นก็หายตัวไป
เมิ่งฮ่าวมีสีหน้าสงบนิ่งเหมือนเช่นเคย ขณะที่หยิบหอกขึ้นมา และเดินออกไปที่ด้านข้าง
เขายืนอยู่ที่นั่น พลังพุ่งขึ้นมา กลายเป็นจุดสนใจของสายตาทุกคู่ในขุนเขาทะเลที่เก้า
“ต่อสู้สามครั้ง ชนะสามครา!!”
“ต่อสู้อีกแค่ครั้งเดียว ฟางมู่ก็จะเข้าไปสู่รอบรองชนะเลิศแล้ว!”
“แม้แต่เซียวหลัวก็ยังไม่อาจจะสู้กับมันได้ เท่าที่เห็นฟางมู่ยังไม่ได้ใช้พลังออกมาทั้งหมด มัน…มันแข็งแกร่งเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?!?!?”