Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 886

ตอนที่ 886

ต่อสู้อีกครั้งที่ทะเลสาบเต๋า!

เมิ่งฮ่าวเดินไปบนเส้นทางที่ขรุขระซึ่งอยู่ที่ด้านในของถ้ำกำเนิดใหม่อย่างเยือกเย็น มองเห็นกระดูกกองอยู่เรียงราย แต่ก็เริ่มลดน้อยลงไป ขณะที่เดินเข้าไปในถ้ำลึกมากขึ้น ไปยืนอยู่ตรงจุดที่เขาเคยตายไป ขณะที่มองลงไปจิตใจก็เริ่มปวดร้าว

เขาคิดถึงสวี่ชิง

นางใช้พลังชีวิตของตนเองเพื่อให้เขายังคงมีชีวิตอยู่ต่อไป และจากนั้นเพื่อที่จะชุบชีวิตเขาขึ้นมา นางก็ต้องกลายเป็นนักโทษอยู่ในสำนักของตัวเอง ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นได้ลอยผ่านจิตใจเมิ่งฮ่าวไป หลังจากที่ผ่านไปนานสักพักเขาก็ถอนหายใจออกมา

จากนั้นเขาก็เดินต่อไป ลึกเข้าไปในถ้ำกำเนิดใหม่ แต่ก็มองไม่เห็นอะไรอยู่ที่นั่น

ไม่มีซากศพเซียนที่เคยตกลงมาจากท้องฟ้าเมื่อหลายปีก่อนโน้น ไม่มีสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาดใดๆ ด้วยเช่นกัน มีเพียงพลังแปลกๆ ที่เขาสัมผัสได้ นอกจากนี้แล้วก็ไม่มีอะไรอีกเลย

“ถ้ำกำเนิดใหม่…ถ้ำกำเนิดใหม่…ที่แห่งนี้เป็นแหล่งที่ข้า…เคยกำเนิดใหม่ขึ้นมา” เมิ่งฮ่าวส่ายหน้าและกำลังจะจากไป แต่ทันใดนั้นเองเขาก็ต้องหยุดชะงักนิ่ง และหมุนตัวกลับไปมองยังสุดปลายทางของถ้ำกำเนิดใหม่ ผนังถ้ำในที่แห่งนั้นดูปกติธรรมดา แต่ก่อนหน้านี้ เขารับรู้ได้ถึงกลิ่นอายแปลกๆ ที่กระจายออกมาจากจุดนั้น

เขาเดินตรงไป และตรวจดูบริเวณนั้นอย่างละเอียด หลังจากนั้นดวงตาก็เริ่มเบิกกว้างขึ้นมาในทันที สีหน้าประหลาดใจและไม่อยากจะเชื่อเต็มอยู่บนใบหน้า เขาเพิ่งจะมองเห็นประตูอยู่ที่ผนังถ้ำ

เป็นประตูที่ปิดอยู่!

เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และดูให้ละเอียดมากขึ้น แต่ก็ไม่เห็นอะไร เขาแน่ใจว่าก่อนหน้านี้เขาไม่ได้ตาฝาดดูผิดไป

“นี่คือความลี้ลับที่เหมาะสมกับนามของถ้ำกำเนิดใหม่” เมิ่งฮ่าวคิด ยืนอยู่ที่นั่นมองไปยังผนังถ้ำเป็นเวลานาน ก่อนจะในที่สุดก็หันหลังและจากไป เขามีความระมัดระวังตัวเป็นอย่างยิ่ง หลังจากที่ผ่านประสบการณ์จากเศษซากเซียนมา ก็รู้ว่ายังมีความลี้ลับอีกมากมายอยู่ในโลก เป็นความลี้ลับที่ระดับพื้นฐานฝึกตนของตัวเขาเองในตอนนี้ไม่อาจจะเข้าใจได้

เมื่อเมิ่งฮ่าวเดินออกไปจากถ้ำกำเนิดใหม่ สองชายชรายังคงนั่งขัดสมาธิอยู่ที่นั่น เมื่อพวกมันมองเห็นเมิ่งฮ่าว ก็เริ่มหอบหายใจออกมา และคุกเข่าลงไปโขกศีรษะให้กับเขาในทันที

“ขอคารวะ เจ้าสำนักน้อยเมิ่ง”

“ขอคารวะ ท่านผู้ยิ่งใหญ่เมิ่งฮ่าว!”

เมิ่งฮ่าวหยุดชะงัก พยักหน้าให้กับสองชายชรา และจากนั้นก็เตรียมตัวที่จะจากไป

หนึ่งในสองชายชราที่พลังชีวิตเริ่มเลือนลางไป ลังเลอยู่ชั่วขณะและจากนั้นก็ถามขึ้น “ท่านผู้ยิ่งใหญ่เมิ่งฮ่าว…เอ่อ….ในถ้ำกำเนิดใหม่มีอะไรหรือไม่?”

ตอนแรกเมิ่งฮ่าวไม่กล่าวตอบ แต่หลังจากที่ผ่านไปชั่วครู่ ก็กล่าวว่า “ความหวัง”

จากนั้นเขาก็จากไป

จิตวิญญาณของสองชายชราฟูฟ่องขึ้น ถอนหายใจออกมา พวกมันนั่งลงขัดสมาธิเหมือนเดิม ความหวังพลุ่งพล่านขึ้นมาอยู่ในจิตใจ

“จากตำนานที่เล่าขานสืบต่อกันมา ผู้ยิ่งใหญ่เมิ่งฮ่าวเคยถือกำเนิดขึ้นมาใหม่ อยู่ที่ด้านในของถ้ำกำเนิดใหม่จริงๆ!”

“ท่านกล่าวว่ามีความหวังอยู่ในนั้น ดังนั้นพวกเราก็อาจจะมีความหวังด้วยเช่นกัน!!” คนทั้งสองสบตากันไปมา และดวงตาก็สาดประกายเจิดจ้าขึ้น

หลังจากที่ออกมาจากอาณาเขตของถ้ำกำเนิดใหม่ เมิ่งฮ่าวก็บินขึ้นไปในอากาศ และมองไปรอบๆ ด้วยความอาลัยอาวรณ์ ในที่สุดสายตาก็ไปหยุดอยู่ที่วิหารไท่เอ้อร์โบราณ

หลังจากที่เงียบไปชั่วขณะ เขาก็พุ่งตรงไปยังทิศทางนั้น ใช้เวลาเพียงไม่นานเขาก็ไปปรากฏกายขึ้นในกลางอากาศเหนือวิหารไท่เอ้อร์โบราณ มองไปยังวิหารอันยิ่งใหญ่นั้น คิดไปถึงฉู่อวี้เยียนและหุบเขาที่คนทั้งสองได้อยู่ร่วมกันมา รวมทั้งการแข่งขันล่าขุมทรัพย์เซียนโลหิต

“เมื่อคิดดูแล้ว วิหารนี้…ได้ช่วยปกป้องข้าจากทัณฑ์สวรรค์เมื่อปีนั้น” เขาลอยลงมาจากกลางอากาศ ไปยืนอยู่ที่เบื้องหน้าวิหารไท่เอ้อร์โบราณที่เก่าแก่และชำรุดทรุดโทรม

ขั้นบันไดศิลาทอดยาวนำไปสู่ประตูวิหาร มองเห็นรูปปั้นเทพอยู่มากมายที่ภายใน รูปปั้นเหล่านั้นกำลังทำท่าของเซียนศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ดูเคร่งขรึมและยิ่งใหญ่

มีผู้ฝึกตนอยู่ไม่น้อยมาชุมนุมรวมตัวกันอยู่ที่ด้านนอกของวิหาร ที่แห่งนี้คือหนึ่งในสามของสถานที่ที่ลึกลับมากที่สุดในดินแดนด้านใต้ แต่ก็มีอันตรายน้อยที่สุดในทั้งหมดนั้น ดึงดูดให้ผู้ฝึกตนที่ต้องการอยากจะได้โชควาสนาบางอย่างที่ด้านในมารวมตัวกัน

การมาถึงของเมิ่งฮ่าวมีผู้ฝึกตนบางคนได้สังเกตเห็น แต่ก็ไม่มีใครให้ความสนใจเขามากนัก

เมิ่งฮ่าวมองไปยังวิหารอยู่ชั่วขณะ จากนั้นก็เดินตรงไป ที่ด้านหลังไม่ไกลนักเป็นผู้ฝึกตนที่กำลังเฝ้าจับตาดูวิหารอยู่ แต่ก็ไม่กล้าที่จะเข้าไปใกล้มากนัก เมื่อมันเห็นเมิ่งฮ่าวเดินเข้าไปใกล้วิหาร ก็ร้องตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงที่จริงใจ

“สหายเต๋า ท่านไม่อาจจะเข้าไปใกล้วิหารไท่เอ้อร์โบราณนี้มากนัก! มันอันตรายเป็นอย่างยิ่ง!”

ไม่เพียงแต่บุรุษผู้นี้เท่านั้นที่สังเกตเห็นเมิ่งฮ่าวในตอนนี้ ผู้ฝึกตนดินแดนด้านใต้มากมายที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นก็มองเห็นว่าเขากำลังเข้าไปใกล้วิหาร มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่มองมาด้วยความเยาะเย้ยเย็นชา หรือยังได้พูดจาดูถูกออกมาอีกด้วย ขณะที่พวกมันเฝ้ารอคอยให้มีเรื่องที่น่าตื่นเต้นบางอย่างปรากฏขึ้น

“วิหารนี้เป็นสถานที่ที่คนธรรมดาทั่วไปไม่อาจจะเข้าไปใกล้ได้ ตำแหน่งที่ด้านนอกของพวกเราในตอนนี้อยู่ใกล้มากที่สุดแล้ว ยกเว้นเฉพาะปรมาจารย์บางท่าน ใครก็ตามที่เข้าไปใกล้มากกว่านี้จะต้องตายไปอย่างแน่นอน!”

“คนผู้นั้นดูไม่ค่อยคุ้นตานัก มันมาจากสำนักอะไร?”

ขณะที่กลุ่มผู้คนกำลังพูดคุยเกี่ยวกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้ เมิ่งฮ่าวก็ก้าวเท้าลงไปบนขั้นบันไดศิลา และเริ่มเดินขึ้นไปทีละก้าว ผู้ฝึกตนอื่นๆ มองมาด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง หอบหายใจออกมา มองเห็นสีหน้าไม่อยากจะเชื่อและประหลาดใจอยู่บนใบหน้าพวกมัน

“มัน…มันกำลังเดินขึ้นไปบนบันไดจริงๆ!”

“มันมีพื้นฐานฝึกตนอยู่ระดับใดกันแน่? นี่เป็นไปไม่ได้!”

“ทำไม…มันถึงได้ดูค่อนข้างคุ้นตานัก…?”

ขณะที่ผู้ฝึกตนมองไปด้วยความตกใจ เมิ่งฮ่าวเดินขึ้นไปจนสุดขั้นบันได และตอนนี้ก็ไปยืนอยู่ที่เบื้องหน้าของหอคอยวิหาร ประตูวิหารได้เปิดออกเพราะความผุพังมานานแล้ว ขณะที่เมิ่งฮ่าวยืนอยู่ที่นั่น ก็สามารถจะมองเห็นรูปปั้นเทพทั้งหมดที่อยู่ด้านในได้อย่างชัดเจน

แต่ละรูปปั้นแสดงให้เห็นถึงผู้แข็งแกร่งอันทรงพลังจากตระกูลไท่เอ้อร์โบราณ

“พวกมันต่อสู้กับจี้เทียน…” เมิ่งฮ่าวพึมพำ “แต่ก็พ่ายแพ้ไป ก่อนที่ตระกูลของพวกมันจะถูกทำลายล้างไป พวกมันได้สร้างวิหารนี้ขึ้น ด้วยเจตจำนงที่จะต่อต้านสวรรค์แห่งจี้ไปตลอดกาล…” ขณะที่ยืนอยู่ที่นั่น เขาก็รู้สึกราวกับว่ากำลังมองไปยังผู้ก่อตั้งอันยิ่งใหญ่ของตระกูล กำลังแสดงประวัติศาสตร์อันเจิดจ้ายาวนานของพวกมันทั้งหมดออกมา

หลังจากเวลานานผ่านไป เขาก็ประสานมือและโค้งตัวลงต่ำให้กับวิหาร

วิหารไท่เอ้อร์โบราณทั้งหลังสั่นสะท้านเพื่อตอบรับการแสดงความเคารพของเขา เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องขึ้น และผู้ฝึกตนทั้งหมดที่อยู่ห่างไกลออกไป ต่างก็รู้สึกว่าจิตใจพวกมันกำลังสั่นสะท้าน และถอยไปทางด้านหลังด้วยความประหลาดใจ

ความประหลาดใจนั้นมาจากความจริงที่ว่า พวกมันกำลังเป็นสักขีพยานในขณะที่เมิ่งฮ่าวกำลังโค้งตัวลงให้กับวิหาร และเพื่อเป็นการตอบรับ รูปปั้นที่อยู่ภายในวิหารมากกว่าครึ่งได้โค้งตัวลงตอบแทนกลับไป ราวกับว่าพวกมันเริ่มมีชีวิตขึ้นมา

ยิ่งไปกว่านั้น แสงอันเจิดจ้าได้พุ่งขึ้นมาจากวิหาร กระจายออกไปในทั่วทุกทิศทาง เพื่อปกคลุมทุกสิ่งทุกอย่างไว้

“สวรรค์! เกิดอะไรขึ้น? มันเกิดขึ้นเช่นนี้ได้อย่างไรกัน!”

“รูปปั้นในวิหารไท่เอ้อร์โบราณ พวกมัน…พวกมันเริ่มมีชีวิตขึ้นมาจริงๆ!!”

“ผู้ฝึกตนนั้นคือใครกัน?! เป็นไปได้หรือไม่ว่า วิหารไม่อาจจะรับการแสดงความเคารพจากมันได้ โดยที่ไม่คารวะกลับคืนไป?” แม้ในขณะที่กลุ่มฝูงชนตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวาย เมิ่งฮ่าวก็มองขึ้นไปยังรูปปั้นประมาณหกในสิบส่วนที่กำลังโค้งตัวลงให้กับเขา สำหรับรูปปั้นอีกสี่ส่วนกำลังมองมายังเขาด้วยรอยยิ้มน้อยๆ

ที่ด้านหลังของวิหารมีรูปปั้นขนาดใหญ่ยืนอยู่ที่นั่นสามรูป ยังคงไม่ขยับตัวเคลื่อนไหว แต่พวกมันก็มองมายังเมิ่งฮ่าวอย่างไร้เจตนาร้ายใดๆ

“นั่น…นั่นคือเมิ่งฮ่าวผู้ยิ่งใหญ่!!”

“นั่นคือเมิ่งฮ่าว!! เจ้าสำนักน้อยเมิ่งฮ่าว!” ขณะที่ผู้คนเริ่มจดจำเขาได้มากขึ้นเรื่อยๆ เสียงพูดคุยก็พุ่งขึ้นมาในทันที

ขณะที่เมิ่งฮ่าวมองเข้าไปในวิหาร ก็ค่อยๆ เริ่มได้ยินเสียงเก่าแก่โบราณนับไม่ถ้วนกำลังพึมพำอยู่ในหู เป็นเสียงที่คลุมเครือแต่ก็ดูเหมือนว่าจะประกอบไปด้วยความมุ่งหวัง ด้วยความหวังว่าสักวันหนึ่งพวกมันจะสามารถออกไปจากวิหารแห่งนี้ เพื่อไปสังหารสวรรค์

หลังจากที่ผ่านไปนาน เมิ่งฮ่าวก็โค้งตัวลงอีกครั้ง จากนั้นก็หันหลังและจากไป ขณะที่เขาบินขึ้นไปในอากาศ แสงที่กำลังส่องประกายออกมาจากวิหารไท่เอ้อร์โบราณก็เริ่มจางหายไปอย่างช้าๆ และวิหารก็กลับไปสู่สภาพปกติเหมือนเดิม

หลังจากที่ออกมาจากวิหารไท่เอ้อร์โบราณ เมิ่งฮ่าวไม่ได้ออกไปจากดินแดนด้านใต้ แต่กลับมุ่งหน้าตรงไปยังทะเลสาบเต๋าโบราณ

“ข้าอยากรู้ว่าลู่ปั๋วและคนอื่นๆ จะยังคงติดอยู่ที่ด้านล่างนั้นหรือไม่” เมิ่งฮ่าวคิดพร้อมกับมุ่งหน้าต่อไป พุ่งผ่านสถานที่ไปหลายแห่ง ซึ่งเขาเคยพบเจอกับอันตรายมาเมื่อปีนั้น และในที่สุดก็มาหยุดอยู่เหนือทะเลสาบเต๋าขนาดใหญ่ในท่ามกลางดินแดนแห่งนั้น

ขณะที่เขาลอยตัวอยู่ที่นั่นในกลางอากาศ ก็มองไปยังทะเลสาบ แววตาเต็มไปด้วยความครุ่นคิด ถ้าให้เขาเลือกว่าสถานที่แห่งใดในดินแดนด้านใต้ที่มีอันตรายมากที่สุด เขาก็จะเลือกทะเลสาบเต๋าโบราณอย่างแน่นอน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทดสอบสามด่านที่เขาพบเจอมาที่ด้านใน เมื่อเมิ่งฮ่าวคิดย้อนกลับไปยังอุบัติเหตุในครั้งนั้น เขาก็ยังคงไม่แน่ใจว่าจะสามารถทำได้สำเร็จหรือไม่ถ้าเขาย้อนกลับเข้าไปใหม่ แต่จากนั้นดวงตาก็สาดประกายขึ้น และตบลงไปยังถุงสมบัติหยิบเอาผลึกสีขาวที่กระจายความหนาวเย็นเป็นระยะออกมา

ความหนาวเย็นนี้ดูเหมือนจะเจือจางบางเบา แต่จากการคาดเดาของเมิ่งฮ่าว ยังมีบางสิ่งเกี่ยวกับของชิ้นนี้ที่พิเศษไม่ธรรมดา ของสิ่งนี้…คือผลึกที่เขาได้มาจากหลัวผาน (เข็มทิศจีน) ในศาลานักรบแห่งเศษซากเซียน

“แก่นแท้แห่งเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์…” แสงอันดุร้ายปรากฏขึ้นในดวงตาเมิ่งฮ่าว เขายังจำได้ถึงเมล็ดพันธุ์เปลวไฟขนาดใหญ่ที่อยู่ในการทดสอบด่านที่สาม ความเข้มข้นอันน่าเหลือเชื่อของเปลวไฟนั้นมากเกินกว่าที่เขาจะคาดคิดได้

เนื่องจากระดับพื้นฐานฝึกตนของเขาในปีนั้น ทำให้เมิ่งฮ่าวไม่เข้าใจถึงความหมายของคำว่า ‘แก่นแท้’ แม้แต่ในตอนนี้เขาก็ยังคงไม่เข้าใจอย่างเต็มที่ เพียงแค่มีความคิดที่คลุมเครือเท่านั้น

“แม้จะมีผลึกสีขาวนี้ แต่ก็คงจะเป็นเรื่องยากที่จะทดสอบในด่านนั้นได้ ข้าแค่ต้องการเปลวไฟนั่นสักเล็กน้อยเท่านั้น…แต่ข้าจะเอามันไปได้อย่างไร?”

หลังจากที่ครุ่นคิดอย่างเงียบๆ ชั่วครู่ เขาก็ตบไปที่ถุงสมบัติ หยิบเอาตะเกียงน้ำมันสัมฤทธิ์ซึ่งเปลวไฟได้ดับลงไปนานแล้วออกมา ขณะที่มองไปยังตะเกียง ดวงตาก็สาดประกายขึ้น

“เมื่อข้าออกไปจากดาวหนานเทียน ก็ไม่รู้ว่าจะกลับมาได้อีกเมื่อไหร่ ข้าต้องพบเจอกับอันตรายไปทั่วอย่างแน่นอน ถ้าสามารถจะนำแก่นแท้แห่งเปลวไฟนั่นไปได้บ้าง มันก็อาจจะกลายเป็นไพ่ไม้ตายให้ข้าตอนที่ตกอยู่ในอันตรายอันร้ายแรงได้ ข้าไม่มั่นใจว่าจะทำได้สำเร็จหรือไม่ แต่ก็ต้องลองพยายามดู” เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ จากนั้นก็บินลงไปยังพื้นผิวของทะเลสาบเต๋า และจมลงไป

ในชั่วพริบตา เขาก็ไปอยู่ที่ก้นทะเลสาบ มองไม่เห็นประตูทางเข้าใดๆ ทุกสิ่งทุกอย่างดูปกติทั่วไป แต่เมื่อคิดว่าเขามีพลังแห่งเซียนแท้อยู่ถึงแปดในสิบส่วน เมื่อเมิ่งฮ่าวมองไปยังก้นทะเลสาบ ก็มองเห็นประตูเคลื่อนย้ายทางไกลขนาดใหญ่อยู่ตรงนั้น

ร่างเขาแวบขึ้น เคลื่อนที่ไปยืนอยู่ภายในประตู แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ขณะที่ยืนอยู่ที่นั่น เขาก็ส่งข้อความด้วยเจตจำนงศักดิ์สิทธิ์ออกไป “ผู้อาวุโสที่คอยเฝ้าพิทักษ์โลกใต้ทะเลสาบ ข้ามาขอทดสอบในด่านที่สามอีกครั้ง!”

ด้วยการตอบรับเจตจำนงศักดิ์สิทธิ์ของเขา ทะเลสาบเริ่มพลุ่งพล่านปั่นป่วน หลังจากผ่านไปชั่วขณะ ประตูเคลื่อนย้ายทางไกลก็เริ่มหมุนวนไปมา เกิดเป็นแสงเจิดจ้ากลืนเมิ่งฮ่าวเข้าไป

ต่อมาหลังจากนั้น เมิ่งฮ่าวก็มองเห็นได้อีกครั้ง และเขาก็ไปอยู่ที่ใต้พื้นดิน ถูกห้อมล้อมด้วยของวิเศษที่กองสุมจนกลายเป็นภูเขาขนาดใหญ่ และสัตว์อสูรที่มีสีสันแตกต่างกันนับไม่ถ้วน มีประตูขนาดใหญ่อยู่ที่นั่น ที่หน้าประตูนอนไว้ด้วยสัตว์อสูรสีทอง ทันใดนั้นมันก็หันหน้ามองมายังเมิ่งฮ่าว

“เจ้า…ต้องการจะทดสอบด่านที่สาม?” เสียงนั้นฟังดูน่ากลัวดังก้องออกไปเหมือนครั้งแรกที่เมิ่งฮ่าวมายังที่แห่งนี้ แต่ตอนนี้เขาแค่มองไปยังด่านแรกด้วยสีหน้าที่เยือกเย็นเท่านั้น ในตอนนี้เขามองไม่เห็นคนอื่นๆ ที่มายังที่แห่งนี้พร้อมกับเขาในปีนั้น

“ไม่จำเป็นต้องมองหาคนเหล่านั้น” เสียงนั้นกล่าวต่อไป “ยกเว้นลู่ปั๋ว พวกมันทั้งหมด…ตายไปนานแล้ว”

“เจ้าแน่ใจว่าจะขอทดสอบในด่านที่สาม?” สัตว์อสูรสีทองถามขึ้น เสียงของมันดังกระหึ่มราวกับเป็นเสียงฟ้าผ่า สัตว์อสูรตัวอื่นๆ ทั้งหมดในบริเวณนั้นมองมายังเมิ่งฮ่าว ดวงตาพวกมันสาดประกายขึ้นด้วยความดุร้าย

เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และพยักหน้าให้

“ใช่แล้ว ข้าต้องการจะทดสอบ!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version