Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 929

ตอนที่ 929

แข็งแกร่ง!

สายตาฟางเว่ยตกกระทบไปบนร่างเมิ่งฮ่าวในทันที สีหน้ามันสงบนิ่งเหมือนเช่นเคย ถึงแม้ว่าม่านตามันจะหดเล็กลงก็ตามที มันไม่รู้สึกประหลาดใจที่ได้เห็นเมิ่งฮ่าวมาปรากฏตัวขึ้น ย้อนกลับไปในตอนที่ได้พบกันครั้งแรกในวิหารหลัก ตอนที่คนทั้งสองได้มองดูซึ่งกันและกัน ฟางเว่ยก็บอกได้เลยว่าเมิ่งฮ่าวไม่ใช่ผู้ที่จะเอาชนะได้อย่างง่ายดาย อย่างไรก็ตามมันก็ไม่ได้ให้ความสนใจเกี่ยวกับตัวเขามากนัก จริงๆ แล้วมันไม่คิดจะแยแสเลยมากกว่า จนกระทั่งเมิ่งฮ่าวได้สร้างชื่อเสียงอยู่ในแผนกเต๋าแห่งการปรุงยา มันจึงถูกบังคับให้ต้องมองไปที่เขาด้วยความเคร่งเครียดจริงจัง

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนนี้ เมื่อจู่ๆ เมิ่งฮ่าวก็แสดงท่าทีที่ก้าวร้าวขึ้นเช่นนี้ ทำให้ฟางเว่ยต้องแค่นเสียงอย่างเย็นชาออกมา

ชั่วขณะต่อมา สีหน้ามันก็ดูเหมือนจะสงบนิ่งเหมือนเช่นเคย ไม่มีร่องรอยของการถูกรบกวนเลยแม้แต่น้อยนิด

หวังมู่ก็อยู่ในศาลารุ่งบูรพาด้วยเช่นกัน เมื่อมันมองเห็นเมิ่งฮ่าว ดวงตาก็สาดประกายด้วยแสงอันคมกริบขึ้น และความต้องการต่อสู้ของมันก็พุ่งขึ้นไป

ฟางอวิ๋นอี้ยืนอยู่ที่นั่นด้วยเหมือนกัน มองไปยังทิศทางของเมิ่งฮ่าวด้วยสายตาที่ชั่วร้าย รอยยิ้มอันเย็นชาบิดขึ้นมาอยู่ที่มุมปากของมัน

กลุ่มฝูงชนที่อยู่รอบๆ ทะเลสาบจันทร์เจิดจ้าตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวาย พวกมันเปิดทางให้กับเมิ่งฮ่าว ขณะที่เขาเดินตรงไปอย่างช้าๆ ฟางซีซึ่งทั้งตื่นเต้นและกังวลใจเดินตามไปทางด้านหลัง ผู้คุ้มกันจันทราดำซึ่งเป็นหนึ่งในเก้ากลุ่มผู้พิทักษ์แห่งตระกูลฟาง และรับผิดชอบในการรักษาความสงบในบริเวณนี้ จะไม่ปฏิบัติต่อเมิ่งฮ่าวที่มายั่วยุพวกมันด้วยความเมตตาอย่างแน่นอน

“เกอ…” ฟางซีกระซิบเป็นเสียงแผ่วเบา เสียงหวีดหวิวได้ยินมาขณะที่เงาร่างมากกว่าสามสิบร่าง ได้เข้ามาใกล้เมิ่งฮ่าวจากทั่วทุกทิศทาง

คนเหล่านี้คือผู้คุ้มกันจันทราดำ ที่คอยเฝ้ารักษาความสงบเรียบร้อย! ขณะที่พวกมันบินตรงมายังเมิ่งฮ่าว พื้นฐานฝึกตนก็ส่งเสียงกระหึ่มเต็มไปด้วยพลัง อย่างน่าตกใจยิ่ง ผู้ฝึกตนเหล่านี้ต่างก็อยู่ในอาณาจักรเซียนทั้งหมด!

สองในพวกมันยังได้เป็นเซียนขั้นห้าอีกด้วย ขณะที่คนทั้งหมดเข้ามาใกล้ด้วยความรวดเร็วสูงสุด พวกมันก็ปลดปล่อยความสามารถศักดิ์สิทธิ์และวิชาเวทออกมา แสงเจิดจ้าพุ่งออกไปในทั่วทุกทิศทาง กระจายแรงกดดันอันเข้มข้นออกมา

“บังอาจนัก!”

“เจ้ากล้าโจมตีผู้คุ้มกันจันทราดำ? เจ้ากล้าสร้างความวุ่นวายให้กับส่วนรวม!? ไม่สำคัญว่าเจ้าเป็นใคร ให้คุกเข่าลงเดี๋ยวนี้ และเตรียมตัวที่จะถูกส่งไปทรมานยังห้องลงทัณฑ์!”

ขณะที่เสียงนั้นดังก้องออกมา ฟางซีก็เริ่มมองไปด้วยความกระวนกระวายใจ

อย่างไรก็ตาม สีหน้าเมิ่งฮ่าวก็ไม่ได้เปลี่ยนไปแม้แต่น้อยนิด แต่กลับยิ้มอย่างเย็นชาออกมา

“ดูเหมือนว่าแม้แต่คนที่ไร้ชื่อเสียงเรียงนามก็ยังกล้ามาส่งเสียงต่อหน้าข้า หรือว่าข้ายังไม่มีพลังที่เพียงพออยู่ในตระกูล?” เขากล่าวขึ้น ก้าวเท้าตรงไป ทันทีที่เท้าแตะสัมผัสไปโดนพื้นดิน เขาก็กลายเป็นลำแสงเจิดจ้าพุ่งออกไป

ลำแสงนั้นเป็นสีทอง ภายในลำแสง เมิ่งฮ่าวได้กลายร่างเป็นวิหคยักษ์สีทอง เสียงหึ่งๆ ได้ยินมา ขณะที่เขาพุ่งตรงไปยังผู้คุ้มกันจันทราดำที่ใกล้เข้ามาด้วยความรวดเร็วสูงสุด

ในชั่วพริบตา เขาก็กระแทกเข้าไปในสามคนของพวกมัน กรงเล็บของวิหคยักษ์ตวัดเฉือนลงไป เกิดเป็นระลอกคลื่นขึ้นในอากาศ และทำให้เสียงแตกร้าวได้ยินมา สีหน้าสามผู้คุ้มกันจันทราดำสลดลง และโลหิตก็พ่นกระจายออกมาจากปากพวกมัน และร่างกายก็บิดเบี้ยวขึ้น ก่อนที่พวกมันจะทันได้ตอบโต้กลับไป พวกมันลอยละลิ่วปลิวไปทางด้านหลังด้วยกรงเล็บของเมิ่งฮ่าวในทันที ไร้พลังที่จะต่อต้านกลับมาได้

ขณะที่พวกมันลอยไปทางด้านหลัง ก็ได้กระอักโลหิตออกมาอีก มองกลับไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยสีหน้าที่ตกตะลึง

“ทำ…ทำไมมันถึงได้แข็งแกร่งเช่นนี้!?!?”

เมิ่งฮ่าวไม่หยุดชะงักลงแม้แต่น้อย ม้วนกวาดตรงไปยังผู้คุ้มกันคนอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง วิหคยักษ์กระพือปีกขึ้นลง ในชั่วพริบตาห้าผู้คุ้มกันจันทราดำ ก็ส่งเสียงอู้อี้อยู่ในลำคอ โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปากพวกมัน ขณะที่ถูกโยนออกไปในอากาศ สีหน้าตกตะลึงกระจายเต็มไปทั่วใบหน้า ขณะที่พวกมันมองกลับไปยังเมิ่งฮ่าวที่อยู่ในรูปแบบของวิหคยักษ์

“มันมีพื้นฐานฝึกตนอะไรกัน? แม้แต่พวกเราทั้งห้ารวมพลังกันก็ยังไม่อาจจะหยุดมันได้!”

การอธิบายถึงการกระทำเหล่านี้ทั้งหมดต้องใช้เวลา แต่คนทั้งแปดเหล่านี้ต่างก็ได้รับบาดเจ็บและลอยละลิ่วปลิวไปทางด้านหลังนับร้อยจ้างในชั่วเวลาสั้นๆ เพียงแวบเดียว คนทั้งหมดก็ได้รับบาดเจ็บและอยู่ห่างออกไปหนึ่งร้อยจ้าง ตอนนี้มีผู้คุ้มกันจันทราดำเพียงแค่เจ็ดคนเท่านั้นที่เหลืออยู่ตรงเบื้องหน้าเมิ่งฮ่าว

ท่ามกลางคนทั้งเจ็ดมีอยู่สองคนที่เป็นเซียนระดับห้า ซึ่งตอนนี้กำลังหอบหายใจออกมา สีหน้าพวกมันต่างก็ประหลาดใจไปโดยสิ้นเชิง กัดฟันแน่นและร้องตะโกนขึ้นมาโดยพร้อมเพรียงกัน “ค่ายกลจันทราดำ!”

ทันใดนั้น อีกห้าคนก็เข้ามาร่วมกับสองคนแรก รวมเข้าด้วยกันเพื่อก่อตัวเป็นรูปร่างของดวงจันทร์ขึ้นมา!

เพราะว่าเสื้อผ้าของพวกมันเป็นสีดำ ทำให้ดวงจันทร์นั้น…ก็เป็นสีดำด้วยเช่นกัน!

จันทราดำ!

ทันทีที่ดวงจันทร์ปรากฏขึ้น พลังอันมหาศาลก็พุ่งออกมา กดทับไปยังคนทั้งหมดที่อยู่ในบริเวณนั้น ผู้ถูกเลือกที่อยู่ในศาลารุ่งบูรพา ต่างก็มองไปด้วยแสงแปลกๆ ที่อยู่ในดวงตา

“วิชาหลอมรวมแรกของผู้คุ้มกันจันทราดำ!” ไท่หยางจื่อกล่าว ดวงตามันแวบแสงขึ้น

“ล่ำลือกันว่าด้วยวิชานี้ เมื่อเจ็ดคนรวมตัวกันเป็นค่ายกล เจ็ดค่ายกลจะสร้างเวทอาคมขึ้นมา เจ็ดเวทอาคมจะสร้างเป็นความสามารถศักดิ์สิทธิ์ เจ็ดความสามารถศักดิ์สิทธิ์จะกลายเป็นเต๋า!” ซุนไห่กล่าวขึ้น มองไปยังจันทราดำ

คนอื่นๆ ต่างก็มีปฏิกิริยาเช่นเดียวกัน แม้แต้หลี่หลิงเอ๋อร์ก็ต้องมองไปด้วยแสงอันเย็นชาที่แวบขึ้นมา

กลุ่มฝูงชนที่อยู่รอบๆ ทะเลสาบจันทร์เจิดจ้าต่างก็ตกอยู่ในความปั่นป่วนด้วยเช่นกัน

สีหน้าฟางซีสลดลง และฟางอวิ๋นอี้ก็ยิ้มออกมา เป็นรอยยิ้มที่ดูชั่วร้ายอย่างเปิดเผย

ในตอนนี้เอง…

เมิ่งฮ่าวที่อยู่ในรูปแบบของวิหคยักษ์ ไม่ลังเลแม้แต่น้อยนิด พุ่งตรงไปยังจันทราดำในทันที เมื่อทำเช่นนั้นวิหคยักษ์ก็เปลี่ยนเป็นเลือนลางลง และกลายร่างเป็นภูเขาจำนวนมาก ภูเขาเหล่านั้นเชื่อมต่อกันก่อตัวเป็นเทือกเขา จากนั้นก็บดขยี้ลงไปบนจันทราดำ!

นี่ไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากเป็นเวทกลืนภูเขา!

ถ้ามองมาจากที่ห่างไกล ก็จะดูเหมือนว่ามียอดเขาขนาดใหญ่ กำลังสะกดข่มดวงจันทร์ในสวรรค์แห่งนี้ไว้ทั้งหมด เทือกเขาที่ใหญ่โตกว้างใหญ่ไร้ขอบเขตบดบังเต็มไปทั่วท้องฟ้า สำหรับจันทราดำ มองเห็นได้ว่ามันกำลังหดตัวเล็กลงไป

คนทั้งหมดที่กำลังมองดูอยู่ต่างก็ประหลาดใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ถูกเลือกที่อยู่ในศาลารุ่งบูรพา ซึ่งก่อนหน้านี้เคยได้ต่อสู้กับเมิ่งฮ่าวมาแล้ว เมื่อพวกมันมองเห็นเทือกเขานั้น ก็ต้องคิดย้อนกลับไปในปีนั้น ที่อยู่ในดินแดนแห่งดาวหนานเทียน เมื่อเมิ่งฮ่าวเพียงลำพังได้ม้วนกวาดไปยังผู้ถูกเลือกทั้งหมด ถึงแม้จะถูกไล่ล่าโดยศัตรูนับพัน เขาก็ยังคงกล้าหาญเหมือนเช่นเคย

เสียงระเบิดดังก้องออกไปในทั่วทุกทิศทาง

จันทราดำคงอยู่ได้เพียงแค่ไม่กี่อึดใจเท่านั้น ภายใต้แรงกดดันที่บดขยี้ลงมาของเทือกเขา ต่อมามันก็แตกกระจายออกไปเป็นเสี่ยงๆ และคนทั้งเจ็ดที่อยู่ด้านในก็กระอักโลหิตออกมา ลอยละลิ่วปลิวไปทางด้านหลัง สีหน้าพวกมันเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

เทือกเขาจางหายไป และเมิ่งฮ่าวก็ก้าวเท้าออกมาจากด้านใน อีกครั้งที่เขากลายเป็นลำแสงพุ่งตรงไป

“ฟางซี ตามมา!” เขากล่าวขึ้นด้วยความทรนง “ข้าจะนำเจ้าไปยังศาลาที่อยู่บนทะเลสาบ!” สำหรับคนทั้งหมดที่ได้ยินเสียงอันกึกก้องของเขา ก็ราวกับว่าเมิ่งฮ่าวเป็นเพียงคนเดียวที่ยังคงอยู่

สมาชิกของตระกูลมากมายจู่ๆ ก็รู้สึกราวกับว่าพวกมันเพิ่งจะได้พบกับเมิ่งฮ่าวเป็นครั้งแรก จิตใจพวกมันสั่นสะท้านขึ้นด้วยความตื่นตระหนก แม้แต่ฟางซีก็กำลังหอบหายใจออกมา กัดฟันแน่น บินตามเมิ่งฮ่าวไป

คนทั้งสองมุ่งหน้าตรงไปยังทะเลสาบจันทร์เจิดจ้า เมิ่งฮ่าวนำหน้า ฟางซีตามอยู่ทางด้านหลัง

ในศาลารุ่งบูรพาที่อยู่ตรงจุดกึ่งกลางของทะเลสาบจันทร์เจิดจ้า ผู้ถูกเลือกมากมายกำลังมองมายังเมิ่งฮ่าว ถ้าไม่คำนึงถึงความขัดแย้งที่พวกมันมีกับเขา ในตอนนี้พวกมันทั้งหมดต่างก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องยอมรับว่าเมิ่งฮ่าว…คือดวงตะวันอันเจิดจ้า!

ฟางเว่ยยืนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ ดวงตาเย็นเขา ฟางอวิ๋นอี้ยืนอยู่ข้างกายมัน สีหน้าเต็มไปด้วยความชั่วร้ายอย่างถึงที่สุด

ฟางหงรู้สึกหวาดกลัวต่อเมิ่งฮ่าวมาก่อนหน้านี้แล้ว และต้องถอยไปทางด้านหลังโดยไม่รู้สึกตัว เช่นเดียวกับฟางเซียงซาน ฟางตงหานแอบรู้สึกตื่นเต้นขึ้น ผลลัพธ์นี้เป็นสิ่งที่มันต้องการ ซึ่งก็คือการต่อสู้ระหว่างเมิ่งฮ่าวและฟางเว่ย

ขณะที่คนทั้งหมดมองดูเมิ่งฮ่าวเข้ามาใกล้กับริมชายหาดของทะเลสาบจันทร์เจิดจ้า ทันใดนั้นก็มีคนผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้นที่ตรงชายหาด

เป็นบุรุษวัยกลางคนที่สวมใส่ชุดสีดำ ซึ่งปักเป็นรูปดวงจันทร์สองดวง มันมีพื้นฐานฝึกตนอยู่ที่เซียนขั้นหก

“ช่างเป็นคนที่น่ารังเกียจนัก! ลงมาให้กับข้า!” บุรุษผู้นั้นกล่าวเป็นเสียงเย็นชาขึ้น เซียนขั้นหกผู้นี้คือหัวหน้าของผู้คุ้มกันจันทราดำในบริเวณนี้ มันยืนอยู่ที่นั่นด้วยคิ้วที่ขมวดมุ่น ไม่พยายามปกปิดความเกลียดชังที่มีต่อเมิ่งฮ่าวไว้ ขณะที่มันพูด ก็ผลักมือออกไปที่เบื้องหน้า ทำให้แรงกดดันอันน่าตกใจม้วนตัวออกไป ในเวลาเดียวกันนั้น หัตถ์ภาพลวงตาขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นพุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าว

“ข้ามาจากสายโลหิตหลักของตระกูลฟาง ข้าคือหลานคนโตของรุ่นนี้ ด้วยศักดิ์ฐานะที่สูงส่งในตระกูล เจ้าคือคนที่ต้องลงไป!” เมิ่งฮ่าวกล่าวตอบ แทนที่จะเชื่องช้าลง เขากลับเร่งความเร็วเพิ่มขึ้น ในเวลาเดียวกันนั้น ก็กำมือขวาจนกลายเป็นหมัด ต่อยออกไปในอากาศเก้าครั้ง

ทำลายล้างเก้าชั้นฟ้า!

ตูมมมมม!

เสียงกระหึ่มดังเต็มอยู่ในอากาศ ขณะที่ภาพแห่งธรรมของเมิ่งฮ่าวจู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นที่ด้านหลัง มีความสูงถึงห้าพันจ้าง ดูน่าตกใจอย่างถึงที่สุด และมันก็ต่อยหมัดออกไปเช่นเดียวกัน เก้าหมัดพุ่งตรงไปยังบุรุษวัยกลางคนผู้นั้น จนดูเหมือนว่าจะสามารถฉีกสวรรค์หั่นปฐพีให้แหลกละเอียดเป็นชิ้นๆ ได้

เมื่อการโจมตีของเมิ่งฮ่าวกระแทกเข้าไปในฝ่ามือที่ฟาดตรงมา หัตถ์ยักษ์นั้นก็แตกกระจายออกไป สีหน้าของบุรุษผู้นั้นสลดลง ขณะที่หมัดของเมิ่งฮ่าวยังคงพุ่งตรงไปที่มันอย่างต่อเนื่อง

การปะทะนับสิบครั้งเกิดขึ้นในชั่วพริบตา แต่ละการกระแทกนั้นทำให้สีหน้าของบุรุษผู้นั้นต้องเปลี่ยนไป ตอนนี้สีหน้ามันเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ขณะที่ตระหนักว่าพื้นฐานฝึกตนของมันกำลังอ่อนแอลงไป เช่นเดียวกับพลังชีวิตของมัน ซึ่งกำลังถูกเมิ่งฮ่าวดูดซับเข้าไป!

สุดท้ายโลหิตก็พ่นกระจายออกมาจากปากมัน และถูกบังคับให้ต้องล่าถอยออกไป

ในตอนนี้เองที่เมิ่งฮ่าวคว้าจับไปที่ตัวฟางซี ขณะที่คนทั้งหมดมองมา เขาก็บินขึ้นไปในอากาศ…ตรงไปยังทะเลสาบจันทร์เจิดจ้า!

ทันทีที่เมิ่งฮ่าวพุ่งออกมาในอากาศ ผู้คุ้มกันจันทราดำสิบกว่าคนทั้งหมดที่อยู่ในกลุ่มฝูงชน ก็รีบบินตรงมายังเมิ่งฮ่าวในทันที ไม่สำคัญว่าเขาจะเป็นสมาชิกของตระกูลหรือไม่ การท้าทายต่อผู้คุ้มกันจันทราดำอย่างตรงๆ เช่นนี้ เป็นสิ่งที่พวกมันไม่อาจจะยอมรับได้

อย่างไรก็ตาม เมิ่งฮ่าวไม่สนใจพวกมันโดยสิ้นเชิง เขาลากฟางซีที่กำลังประหลาดใจพุ่งฝ่าอากาศไป กลายเป็นลำแสงตรงไปยังทะเลสาบจันทร์เจิดจ้า ตรงไปยังศาลารุ่งบูรพา

ที่ด้านในศาลา กลุ่มผู้ถูกเลือกทั้งหมดต่างก็ตกตะลึง หลี่หลิงเอ๋อร์กัดฟันแน่น และแสงอันเย็นชาก็มองเห็นได้ในแววตาของฝานตงเอ๋อร์ หวังมู่กระเหี้ยนกระหืออยากจะสู้ด้วย และใบหน้าของซ่งหลัวตานก็เย็นชา สำหรับซุนไห่ มันกำลังกังวลใจ ไท่หยางจื่อและคนอื่นๆ รู้สึกว่าพลังของพวกมันพุ่งขึ้นมา ขณะที่เมิ่งฮ่าวพุ่งตรงมายังพวกมัน

ฟางเว่ยขมวดคิ้ว ฟางอวิ๋นอี้กำลังหอบหายใจออกมา เมื่อได้เห็นพลังความแข็งแกร่งของเมิ่งฮ่าว ก็ทำให้มันต้องถอยไปทางด้านหลังอย่างไม่รู้สึกตัวในทันที

คนทั้งหมดมองไป ขณะที่เมิ่งฮ่าวนำฟางซีข้ามทะเลสาบมา ในชั่วพริบตาเขาก็แทบจะมาถึงศาลารุ่งบูรพาแล้ว แต่ตอนที่เขากำลังจะย่างเท้าเข้าไปที่ด้านใน…

“เจ้าไม่คู่ควรที่จะมายังที่แห่งนี้” ฟางเว่ยกล่าวด้วยที่เสียงเยือกเย็นขึ้น

มันก้าวเท้าตรงมา และจากนั้นก็ฟาดฝ่ามือออกไป!

ฝ่ามือนั้นถูกฟาดออกไปอย่างคาดไม่ถึง…ทำให้คนทั้งหมดรู้สึกราวกับว่า พื้นดินกำลังสั่นสะเทือน และภูเขากำลังสั่นสะท้าน ผิวน้ำของทะเลสาบจันทร์เจิดจ้าพลุ่งพล่านปั่นป่วน ราวกับว่าสิ่งมีชีวิตโบราณบางอย่างกำลังตื่นขึ้นมาจากใต้ก้นทะเลสาบ และตอนนี้กำลังจะโผล่ขึ้นมาด้วยกลิ่นอายอันน่ากลัว

ฝ่ามือที่ฟาดออกไปนั้นดูเหมือนจะเรียบง่ายธรรมดา แต่ในทันที่ที่มันถูกฟาดออกไป สัญลักษณ์เวทสีทองก็ปรากฏขึ้นที่ด้านนอกของศาลารุ่งบูรพา เป็นสัญลักษณ์ที่คล้ายกับเป็นดวงตะวัน ทำให้ทุกสรรพสิ่งที่ด้านนอกกลายเป็นสีทองขึ้นในทันที

เพื่อตอบรับกับฝ่ามือที่ฟาดออกไปนั้น ผู้ถูกเลือกทั้งหมดที่อยู่ในศาลา แม้แต่ฝานตงเอ๋อร์และโจวซินจากสำนักกระบี่ไท่สิง ต่างก็ต้องหรี่ตาลงด้วยใจจดจ่อ มองเห็นสีหน้าที่แตกต่างกันมากมายปรากฏขึ้น พลังที่ระเบิดออกมาจากการโจมตีของฟางเว่ย ทำให้คนทั้งหมดตกตะลึงไปตามๆ กัน

ที่มากไปกว่านั้นก็คือว่า คนทั้งหมดตระหนักว่าการโจมตีของฟางเว่ยนี้ประกอบไปด้วยกลิ่นอายแห่งการเกิดใหม่ แทบจะราวกับเป็นกฎแห่งธรรมชาติ ราวกับว่า…ใครก็ตามที่มาต่อต้านฟางเว่ย ก็จะเป็นศัตรูของสวรรค์อย่างแท้จริง!

ความรู้สึกถึงจุดวิกฤตได้พุ่งขึ้นมาในจิตใจเมิ่งฮ่าว และดวงตาเขาก็ต้องเบิกกว้าง เขาปล่อยฟางซีลง ในเวลาเดียวกันนั้นก็ทำให้ไข่มุกดำขาวหมุนวนออกไป ยิ่งไปกว่านั้น ปราณโลหิตก็พุ่งขึ้นมา กลายเป็นศีรษะของอสูรโลหิต ทั้งหมดนี้รวมตัวกันอยู่บนฝ่ามือของเมิ่งฮ่าว หลังจากนั้นเขาก็…ฟาดฝ่ามือออกไปเช่นเดียวกัน

เสียงกระหึ่มดังเต็มอยู่ในอากาศ ในช่องว่างระหว่างเมิ่งฮ่าวและฟางเว่ย ที่อยู่ในศาลารุ่งบูรพา

นี่คือครั้งแรกที่เมิ่งฮ่าวและฟางเว่ยได้ปะทะกัน!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version