Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 937

ตอนที่ 937

หนึ่งหมัด!

ดวงตาฟางเว่ยกลายเป็นสีแดงเจิดจ้า ขณะที่จ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าว ความภาคภูมิใจของมันกำลังถูกเหยียบย่ำ มันได้กลืนเม็ดยาวิญญาณตะวันทุกชั้นฟ้าลงไปแล้ว แต่…ก็ยังคงไม่อาจจะทำให้เมิ่งฮ่าวสะท้านใจขึ้นมาได้

สิ่งที่มันไม่อาจจะยอมรับได้มากไปกว่านั้นก็คือว่า นับตั้งแต่เริ่มต้นจนกระทั่งถึงตอนนี้ เมิ่งฮ่าวยังไม่ได้ใช้สิ่งของใดๆ มาช่วยเลย เขาพึ่งพาแต่กายเนื้อและพื้นฐานฝึกตนของตัวเองเท่านั้น แต่ก็ยังสามารถจะบรรลุถึงระดับความสูงอันน่าเหลือเชื่อนี้ได้

ความจริงนี้ทำให้ฟางเว่ยรู้สึกคล้ายกับว่าถูกโจมตีมาอย่างรุนแรง

“ข้าคือผู้ถูกเลือกอันดับหนึ่งแห่งตระกูลฟาง!” มันคิด กัดฟันแน่น “นับตั้งแต่ตอนที่ข้าถือกำเนิดมา ข้าก็ถูกลิขิตให้…สร้างความสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งขุนเขาทะเลที่เก้า!” มันยกมือขวาขึ้นมา ภายในนั้นเป็นชิ้นส่วนของกระดูก

กระดูกชิ้นนั้นถูกแกะสลักเป็นสัญลักษณ์เวทที่ประณีตงดงามเป็นจำนวนมาก และกระจายกลิ่นอายอันดุร้ายป่าเถื่อนออกมา รวมทั้งความรู้สึกที่เก่าแก่โบราณอย่างน่าเหลือเชื่อ ฟางเว่ยกำชิ้นส่วนกระดูกนั้นไว้แน่น ไม่ได้ทำให้มันแตกหักไป แต่กดให้จมลงไปในฝ่ามือของมัน

หยดโลหิตปรากฏขึ้น ตามมาด้วยพลังแปลกๆ ที่บางเบา ขณะที่เศษชิ้นส่วนของกระดูกนั้นหลอมรวมเข้าไปในร่างมัน ฟางเว่ยเริ่มสั่นสะท้าน และเส้นเลือดเขียวก็โผล่ขึ้นมาบนใบหน้ามัน

“ข้า, ฟางเว่ย…จะไม่มีวันแพ้!” ขณะที่มันกล่าวคำพูดนี้ เสียงกระหึ่มก็ดังก้องออกมา และอีกครั้งที่มันพุ่งสูงขึ้นไปในท้องฟ้า

ดวงตาเมิ่งฮ่าวแวบขึ้น เขาสามารถปล่อยให้อาณาจักรความเป็นนิรันดร์รักษาฟื้นฟูตัวเองได้ แต่ก็ไม่ได้ทำเช่นนั้น เขาต้องการจะทำลายความเชื่อมั่นของฟางเว่ย บดขยี้มัน และทำให้มันพังทลายลงไปโดยสิ้นเชิง

ด้วยความพยายามอดทนต่อแสงและความร้อนอันเข้มข้น เมิ่งฮ่าวก็พุ่งขึ้นไปที่ด้านบนด้วยเช่นกัน

คนทั้งสองกลายเป็นลำแสงหลากสีขณะที่พุ่งสูงขึ้นไป ใครก็ตามที่สามารถมองเห็น ก็จะเป็นผู้ถูกเลือกจากสำนักและตระกูลต่างๆ หรือไม่ก็เป็นผู้แข็งแกร่งของตระกูลฟาง ต่างก็มองไปขณะที่เมิ่งฮ่าวและฟางเว่ยพุ่งขึ้นไปในท้องฟ้า ด้วยความมุ่งมั่นและพลังที่หมุนเวียนไปมา

แปดหมื่นสามพันจ้าง!

เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องขึ้นเมื่อมาอยู่ที่ระดับความสูงอันน่าเหลือเชื่อเช่นนี้ โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปากของฟางเว่ย แม้จะด้วยพลังของเศษชิ้นส่วนกระดูก มันก็แทบไม่อาจจะบังคับให้ตัวเองสูงขึ้นไปอีกสามพันจ้างได้ ตำแหน่งนี้คือขีดจำกัดสุดท้ายของมันอย่างแท้จริง

มันมีเม็ดยาวิญญาณตะวันทุกชั้นฟ้าแค่หนึ่งเม็ดเท่านั้น เม็ดยาเช่นนี้เป็นสิ่งที่หาได้ยากเย็นยิ่ง แม้แต่ฟางเว่ยเองก็ตามที บิดาและปู่ของมันต้องจ่ายด้วยราคาที่สูงลิ่ว ให้กับแผนกเต๋าแห่งการปรุงยาเพื่อที่จะได้มาครอบครองเพียงแค่หนึ่งเม็ด

นอกจากนั้นแผนกเต๋าแห่งการปรุงยาก็ยังสามารถจะยืนหยัดด้วยตัวเองอยู่ในตระกูล แม้แต่ผู้เฒ่าสูงสุดก็ยังไม่อาจจะออกคำสั่งต่อพวกมันได้ ยกเว้นว่าตระกูลจะตกอยู่ในสถานะของการทำสงครามเท่านั้น

ในตอนที่ฟางเว่ยไม่อาจจะต่อต้านได้นานอีกต่อไป ดวงตะวันสีดำที่อยู่รอบๆ ร่างเมิ่งฮ่าวจู่ๆ ก็ค่อยๆ ร่วงลงไปเป็นชั้นๆ กลายเป็นเศษชิ้นส่วนนับไม่ถ้วน ที่ระเหยหายไปอย่างรวดเร็ว อันเนื่องมาจากความร้อนที่เข้มข้นรุนแรงนี้

ตอนนี้สามารถจะมองเห็นเมิ่งฮ่าวได้อย่างชัดเจน ผิวกายเขาเริ่มแห้งเหี่ยวลง ในที่สุดก็ดูคล้ายกับเป็นซากศพที่แห้งกรัง ซึ่งอาจจะถูกหลอมละลายจนตายไปได้ทุกเมื่อ

แต่ดวงตาเมิ่งฮ่าวก็ยังคงสาดประกายขึ้น ขณะที่มองไปยังฟางเว่ย

“ยอมแพ้แล้วหรือไม่?” เขาถามด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง

จิตใจฟางเว่ยสั่นสะท้านขณะที่จ้องมองไปยังความแข็งแกร่งอย่างมากมายของเมิ่งฮ่าว มันมองไปยังร่างกายที่แห้งเหี่ยวลงไปของเมิ่งฮ่าว สำหรับฟางเว่ยแล้วก็ดูคล้ายกับว่าเขาสามารถจะพุ่งสูงขึ้นไปได้อีกเพียงแค่ไม่กี่ร้อยจ้างเท่านั้น และเมิ่งฮ่าวก็ไม่อาจจะอดทนต่อไปได้อีก และจะต้องถูกสังหารไปโดยพลังของดวงตะวันนี้

ขณะที่มันลอยตัวอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ แสงแห่งความบ้าคลั่งจู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นในดวงตา มันไม่กล่าวอะไรออกมา แต่แทนที่จะแหงนหน้าขึ้นและส่งเสียงกู่ร้องอันทรงพลังออกมา ร่างกายมันกลับสั่นสะท้านขณะที่ฉับพลันนั้นสามภาพแห่งธรรมของมันก็ปรากฏขึ้นในทันที

“สามชีวิตแห่งการเกิดใหม่! ช่วงเวลาแห่งความรุ่งโรจน์!” มันแผดร้องออกมา ขยับมือร่ายเวทขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ภาพแห่งธรรมทั้งสามซ้อนทับกัน ต่อมากลิ่นอายที่เป็นของฟางเว่ยก็พุ่งขึ้นไป มีความเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งบรรลุถึงระดับที่ไร้ขอบเขต

“ข้าคือฟางเว่ย และข้า…จะไม่มีทางพ่ายแพ้!” มันกำหมัดจนแน่น และพุ่งสูงขึ้นไปอีกครั้ง ถูกปกคลุมด้วยเสียงกระหึ่มดังกึกก้อง ขณะที่มันพุ่งทะยานสูงขึ้นไป ร่างกายก็เริ่มแห้งเหี่ยวลง และเปลวไฟแห่งพลังชีวิตของมันก็เริ่มมืดสลัวเลือนลางไป แต่ก็ยังดูคล้ายกับเป็นดาวตกที่พุ่งสูงขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง

แปดหมื่นสี่พันจ้าง, แปดหมื่นหกพันจ้าง, แปดหมื่นเก้าพันจ้าง!

โลหิตในร่างฟางเว่ยกำลังกลายเป็นกลุ่มหมอก ขณะที่มันผลักดันให้ตัวเองพุ่งสูงขึ้นไป เมิ่งฮ่าวติดตามไปอย่างเงียบๆ และร่างกายก็เริ่มแห้งเหี่ยวลงไปมากขึ้นกว่าเดิม พื้นฐานฝึกตนโคจรหมุนวนอย่างเต็มกำลัง และภาพแห่งธรรมก็กำลังคอยเกื้อหนุนอยู่ที่ด้านหลัง พลังของเขากำลังพุ่งขึ้นไปอยู่ที่จุดสูงสุด

ที่น่าสังเกตมากเป็นอย่างยิ่งก็คือชีพจรเซียนของเมิ่งฮ่าว ซึ่งได้ส่องแสงอันเข้มข้นกระจายออกไปทั่วร่างกาย ศีรษะอสูรโลหิตเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาอยู่รอบๆ ตัว และขุนเขาที่เก้าก็ได้ปรากฏขึ้น รวมทั้งไข่มุกดำขาวด้วยเช่นกัน

เขายังได้ใช้อำนาจแห่งกรรม ความสามารถศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ และวิชาเวทต่างๆ ออกมา กลิ่นอายเมิ่งฮ่าวพุ่งขึ้นไปจนถึงขีดจำกัด ขณะที่ทำการหลอมรวมทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อที่จะไล่ติดตามฟางเว่ยไปให้ทัน ในที่สุดเขาก็ไปถึงตำแหน่งความสูงที่แปดหมื่นเก้าพันจ้างด้วยเช่นกัน

ในจุดนี้เองที่เมิ่งฮ่าวได้กระอักโลหิตออกมา ร่างกายในตอนนี้แห้งเหี่ยวจนเห็นได้ชัดว่าถึงขีดจำกัดของตนเองแล้ว มาถึงจุดที่ดูเหมือนว่าถ้าฟางเว่ยก้าวขึ้นไปอีกแค่ก้าวเดียว เมิ่งฮ่าวก็คงต้องถูกทิ้งอยู่ที่ด้านหลัง และไม่อาจจะไล่ตามขึ้นไปได้

ฟางเว่ยมองไปยังเมิ่งฮ่าว ดวงตามันสาดประกายขึ้นด้วยความต้องการต่อสู้ จากจุดเริ่มต้นมาจนกระทั่งถึงตอนนี้ ดูเหมือนว่าเมิ่งฮ่าวแทบจะตายไปได้อยู่ตลอดเวลา แต่ขณะที่พุ่งสูงขึ้นมา เขาก็ยังไม่ถูกดวงตะวันหลอมละลายไป

ฟางเว่ยได้ทุ่มออกมาจนสุดตัวแล้ว และแทบจะบรรลุถึงเขตเก้าหมื่นจ้าง แต่ก็ดูเหมือนว่ามันไม่อาจจะเหนือกว่าเมิ่งฮ่าวไปได้

ทั้งเมิ่งฮ่าวและฟางเว่ยต่างก็ลอยตัวอยู่ที่ระดับความสูงแปดหมื่นเก้าพันจ้าง และไม่มีใครอยู่สูงกว่าใคร

“ฟางฮ่าว…” ฟางเว่ยกล่าวขึ้น จ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยท่าทางบ้าคลั่ง หอบหายใจออกมา ค่อยๆ ยกเท้าขวาขึ้นอย่างช้าๆ เป็นการกระทำที่เรียบง่าย แต่ก็ทำให้ร่างกายมันต้องสั่นสะท้านขึ้นอย่างรุนแรง เห็นได้ชัดว่าแทบจะพังทลายลงไปโดยสิ้นเชิง

ในตอนนี้เอง ที่ด้านล่างในคฤหาสน์โบราณ สีหน้าของบิดาฟางเว่ยสลดลง และทันใดนั้นมันก็ร้องตะโกนขึ้นไป

“เว่ยเอ๋อร์ นั่งเข้าฌาณอยู่ในตำแหน่งนั้น! สร้างความคุ้นเคยก่อนที่จะพุ่งสูงขึ้นไป!” ไม่เพียงแต่บิดาของฟางเว่ยเท่านั้นที่จะมีปฏิกิริยาเช่นนั้น ยังมีผู้อาวุโสสายโลหิตมันคนอื่นๆ ทั้งหมดต่างก็เริ่มร้องตะโกนให้ฟางเว่ยอย่าได้พยายามพุ่งสูงขึ้นไปอีกในตอนนี้

“ฟางเว่ย อย่าได้ตกลงไปในหลุมพรางอันชั่วร้ายของมัน! อย่าได้ใจร้อนวู่วาม!”

“ฟางเว่ย เจ้าต้องพักและปรับลมหายใจ! เป้าหมายของเจ้าไม่ได้เกี่ยวข้องกับคนอื่นๆ เป้าหมายของเจ้าอยู่ที่ท้องฟ้าด้านบน!”

ฟางเว่ยไม่กล่าวอะไรออกมา เช่นเดียวกับเมิ่งฮ่าว ซึ่งกำลังลอยตัวอยู่ที่ด้านข้าง มองไปยังฟางเว่ยด้วยสายตาที่เย็นชา

หลังจากที่เวลาผ่านไปไม่กี่อึดใจ ทันใดนั้นดวงตาฟางเว่ยก็เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น และจ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าวกล่าวว่า

“ข้ารู้ถึงความหมายที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังในการกระทำของเจ้าก่อนหน้านี้ ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังพยายามจะทำอะไรอยู่ เจ้าต้องการเกลี้ยกล่อมให้ข้าต่อสู้กับเจ้า ด้วยความหวังว่าจะทำให้จิตเต๋าของข้าพังทลายลงไป เรื่องเช่นนั้น…ข้าเข้าใจ” ดวงตามันสาดประกายด้วยแสงแห่งความครุ่นคิด

“แต่ข้าคือฟางเว่ย และข้าจะไม่มีวันแพ้ใคร เจ้าต้องการต่อสู้? ถ้าเช่นนั้นก็มาสู้กัน! เจ้าต้องการจะแข่งขัน? ข้าก็จะแข่งขันกับเจ้า! ข้ากำลังจะก้าวขึ้นไปอีกหนึ่งก้าว ถ้าเจ้าเก่งจริง ก็มาดูกันว่าจะสามารถตามมาได้หรือไม่!?” ฟางเว่ยกล่าวต่อดวงตากลายเป็นสีแดงก่ำ กระทืบเท้าลงไปและเคลื่อนที่สูงขึ้นไปอีกครั้ง

ทันใดนั้น บิดาของมันก็ส่งเสียงร้องตะโกนด้วยโทสะขึ้นมา

“ฟางเว่ย กลับลงมา!”

เสียงกระหึ่มดังก้องขึ้น ขณะที่ฟางเว่ยหยุดการเคลื่อนไหว โลหิตพ่นกระจายออกมาจากทั่วทั้งร่างของมัน เส้นผมถูกเผาไหม้ไปโดยสิ้นเชิง ผิวกายมันเริ่มละลายไป มันกลายเป็นทะเลแห่งเปลวไฟไปในทันที

มันเริ่มโซเซราวกับว่าไม่อาจจะพยุงตัวเองไว้ได้ แต่ในเวลาเดียวกับที่กำลังเกิดขึ้นเช่นนี้ เมิ่งฮ่าวก็พุ่งสูงขึ้นไป เสียงกระหึ่มเช่นเดียวกันดังก้องขึ้น และเขาก็จมอยู่ในทะเลแห่งเปลวไฟไปเช่นกัน เขายังเริ่มสั่นสะท้านขึ้นมาอีกด้วย แต่…ยังคงตรึงแน่นอยู่กับที่ จากนั้นก็มองกลับไปยังฟางเว่ย

โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปากฟางเว่ย และมันก็สั่นสะท้านไปทางด้านหลัง

เมิ่งฮ่าวมีสีหน้าที่ซับซ้อน อันที่จริงก็มีบางสิ่งเกี่ยวกับฟางเว่ยที่เขารู้สึกว่ามันมีค่าคู่ควรที่จะภาคภูมิใจ มันมีความดื้อรั้นซึ่งเป็นสิ่งที่มีค่าเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ฝึกตน อย่างไรก็ตามเรื่องทั้งหมดนี้ก็เป็นแค่บางมุมมองเท่านั้น และสืบเนื่องมาจากความเป็นไปของเรื่องราว ทำให้เมิ่งฮ่าวไม่อาจจะสงสารหรือเห็นอกเห็นใจมันได้ กล่าวเสียงเยือกเย็นขึ้น

“เจ้ายังไม่เก่งพอ ถึงเจ้าจะมีผลเนี่ยผานของข้า แต่เจ้าก็ยังคงไม่คู่ควร” คำพูดเหล่านี้คล้ายกับเป็นกระบี่อันแหลมคม ที่ทิ่มแทงเข้าไปในหัวใจของฟางเว่ยโดยตรง ใบหน้ามันซีดขาวราวกระดาษ และกระอักโลหิตออกมาอีก

“สิ่งที่เจ้าทำมาทั้งหมดก็เพื่อที่จะเอาชนะข้าให้ได้แค่ก้าวเดียวเท่านั้น!” มันกล่าวขึ้น กัดฟันแน่น ขณะที่เปลวไฟพุ่งขึ้นมาอยู่รอบๆ ร่าง ก้าวถอยไปทางด้านหลังหนึ่งก้าว แต่จากนั้นก็หงุดชะงักนิ่ง บังคับให้ร่างกายอยู่กับที่ขณะที่จ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าว

“ก้าวเดียว?” เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา ในตอนนี้เองที่เขาได้ปลดปล่อยอาณาจักรความเป็นนิรันดร์ให้ระเบิดออกมา ในชั่วพริบตาร่างที่แห้งเหี่ยวด้วยเปลวไฟของเมิ่งฮ่าวก็เริ่มฟื้นฟูกลับคืนมา เส้นผมเริ่มงอกยาวออกมา และผิวกายก็สาดประกายด้วยแสงแห่งความเงางามออกมา อาการบาดเจ็บทั้งหมดของเขาในตอนนี้ได้ฟื้นฟูกลับคืนมาโดยสิ้นเชิง!

การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ทำให้สีหน้าของฟางเว่ยต้องสลดลงไปอีกครั้ง จิตใจมันหมุนคว้าง และใบหน้าก็ซีดขาวราวไร้สีเลือด ขณะที่สั่นสะท้านถอยไปทางด้านหลังมากขึ้น

“เป็นไปไม่ได้! นี่…นี่…”

“ทำไมเจ้าคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้?” เมิ่งฮ่าวกล่าวเสียงราบเรียบ ร่างกายแวบขึ้น แต่แทนที่จะเคลื่อนที่สูงขึ้นไป เขากลับไปปรากฏตัวขึ้นที่เบื้องหน้าฟางเว่ย

“เจ้าแพ้แล้ว” เขากล่าว และด้วยเช่นนั้น ก็ต่อยหมัดตรงไปยังฟางเว่ย

ภาพแห่งเต๋าทั้งสามของฟางเว่ยปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง ขณะที่หมัดของเมิ่งฮ่าวพุ่งตรงไป และกลิ่นอายแห่งการเกิดใหม่ได้ระเบิดออกมา มันทุ่มออกมาจนสุดตัวเพื่อต่อต้านเมิ่งฮ่าว แต่ในตอนนั้นเองที่เมิ่งฮ่าวพูดออกมาสี่คำ

“อำนาจแห่งกรรม!”

ตูมมมมม!!

หนึ่งหมัดแห่งการทำลายล้างกระแทกเข้าไปในร่างฟางเว่ย ส่งผลให้มันพุ่งจากความสูงที่ระดับเก้าหมื่นจ้างในท้องฟ้าลงไปยังพื้นดิน

หนึ่งหมัดแห่งการทำลายล้างนั้นได้ทำให้สามภาพแห่งธรรมของฟางเว่ย แตกกระจายไปสองภาพ ซึ่งเป็นภาพแห่งธรรมที่ก่อตัวขึ้นมาจากผลเนี่ยผานของเมิ่งฮ่าว และด้วยการก่อตัวขึ้นมาจากความผูกพันแห่งโชคชะตา จากการใช้อำนาจแห่งกรรม ทำให้พวกมันแตกกระจายไปและถูกผนึกไว้ในทันที

ยิ่งมีกรรมลึกล้ำมากเท่าใด ก็จะยิ่งมีพลังอันเข้มข้นมากขึ้นเท่านั้น!

ทันทีที่หมัดของเมิ่งฮ่าวกระแทกลงไป เงาร่างเจ็ดถึงแปดสายก็พุ่งขึ้นมาจากพื้นดินที่ด้านล่าง ไปปรากฏขึ้นอยู่รอบๆ ตัวฟางเว่ย พวกมันคว้าจับฟางเว่ยไว้ และส่งพลังพื้นฐานฝึกตนเข้าไปในร่างเพื่อช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของฟางเว่ยไว้ในทันที จากนั้นพวกมันก็มองขึ้นไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยโทสะ รังสีสังหารพุ่งขึ้นมา

ในเวลาเดียวกันนั้น กระแสแห่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลังนับร้อย ก็ก่อตัวอยู่รอบๆ ร่างเมิ่งฮ่าวในทันที จากที่เห็นถ้าเขากระทำการใดๆ ที่จะไปคุกคามต่อฟางเว่ยอีก พวกมันก็จะสังหารเขาไปในทันที

ที่น่าตกใจมากไปกว่านั้น สายตาของผู้เฒ่าสูงสุดได้พุ่งขึ้นไปยังตำแหน่งเก้าหมื่นจ้าง ที่ซึ่งเมิ่งฮ่าวกำลังลอยตัวอยู่ สายตานั้นคมกริบราวใบมีด พร้อมที่จะกรีดเฉือนพลังชีวิตเขาไปอย่างไม่ลังเล

เมื่อเมิ่งฮ่าวรับรู้ได้ถึงสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดที่มุ่งเป้ามาที่เขา รวมทั้งสายตาอาฆาตที่กำลังจ้องมองมาจากผู้อาวุโสเจ็ดถึงแปดคนที่อยู่ด้านล่าง เขาก็แค่ยิ้มอย่างทรนงออกมาเท่านั้น

เขาไม่เคยคิดจะฉกฉวยผลเนี่ยผานของตนเองมา และสังหารฟางเว่ยไป ถ้าเขาทำเช่นนั้น ก็คงไม่มีใครในตระกูลทั้งหมดนี้จะสามารถกล่าวคัดค้านออกมาได้

ที่เขาต่อยฟางเว่ยไปเมื่อครู่นี้ ก็ด้วยจุดประสงค์เพื่อจะสั่งสอนมันเท่านั้น ไม่มีอะไรนอกเหนือไปจากนี้อีก

แน่นอนว่า มันเป็นบทเรียนที่ยากจะกล้ำกลืนฝืนทนได้เป็นอย่างยิ่ง

โดยไม่สนใจถึงสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด, สายตาอาฆาตจากผู้อาวุโสเจ็ดถึงแปดคนที่ด้านล่าง รวมทั้งสายตาของผู้เฒ่าสูงสุด เมิ่งฮ่าวมองขึ้นไปยังท้องฟ้าที่มืดสนิทด้านบน และดวงตาก็สาดประกายขึ้นด้วยความมุ่งหวัง

“ไม่รู้ว่าข้า…จะขึ้นไปได้ไกลมากแค่ไหน?!” ด้วยเช่นนั้น เขาก็หันหลังและกลายเป็นลำแสงพุ่งสูงขึ้นไป คนทั้งหมดที่ด้านล่างมองมาด้วยความตกตะลึง ขณะที่เขาพุ่งสูงขึ้นไปอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่า…ฟางเว่ยเป็นแค่สิ่งที่ทำให้เขาบรรลุได้ถึงเป้าหมายเท่านั้น หลังจากที่เอาชนะมันได้แล้ว ก็ไม่คู่ควรที่จะหันหลังกลับไปมองอีก

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version