Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 958

ตอนที่ 958

เดินเล่นอยู่ในแดนเซียน!

การที่ถูกจ้องมองโดยดวงตาที่เย็นชาหนึ่งแสนดวง เป็นสิ่งที่ทำให้ใครหลายคนต้องหวาดกลัวจนเส้นผมต้องลุกตั้งชี้ชัน บุรุษชุดดำเหล่านี้มีพื้นฐานฝึกตนที่ลึกล้ำ และสามารถจะไม่สนใจต่อปรากฏการณ์เช่นนี้ ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะว่าเมิ่งฮ่าวได้ลืมตาขึ้นมาในเวลาเดียวกันนั้นด้วยเช่นกันแล้วละก็

ดูเหมือนว่าจะมีความโหดเหี้ยมปกคลุมอยู่รอบๆ ตัวเมิ่งฮ่าวด้วย เมื่อรวมเข้ากับเรื่องที่เขาเพิ่งจะสังหารผู้แข็งแกร่งอาณาจักรโบราณไปถึงสองคน ก็ทำให้สีหน้าของบุรุษชุดดำทั้งสองที่อยู่ใกล้กับเขามากที่สุดต้องเปลี่ยนไป

อย่างไรก็ตามพวกมันเป็นคนที่เด็ดเดี่ยว รังสีสังหารแวบขึ้นมาในดวงตา การที่มาได้ไกลถึงเพียงนี้ และไม่มีเส้นทางให้ล่าถอยกลับไปอีกแล้ว พวกมันจึงตัดสินใจที่จะโจมตีไป!

“มันอ่อนแอราวกับเป็นลูกธนูที่พุ่งไปจนสุดทางแล้ว! การสังหารมันน่าจะเป็นเรื่องที่ง่ายดาย!”

“ของวิเศษของมันอาจจะถูกกระตุ้นขึ้นมาได้ยาก! เมื่อดูจากสถานการณ์ของมันในตอนนี้ มันต้องไม่อาจจะใช้ออกมาได้อย่างแน่นอน! สังหารมัน!”

ดวงตาพวกมันแวบแสงอันเย็นชาขึ้น และรังสีสังหารก็พุ่งขึ้นไปอย่างเข้มข้น พื้นฐานฝึกตนของพวกมันกระจายออกไป ขณะที่ตะเกียงวิญญาณเก้าดวงของพวกมัน แปดดวงกำลังลุกไหม้อยู่ และหนึ่งดวงได้ดับลงไปแล้ว ทำให้กลิ่นอายของอาณาจักรโบราณหมุนวนไปมา กฎธรรมชาติในบริเวณนั้นได้รับผลกระทบ และระลอกคลื่นก็กระจายออกไป

พวกมันยังได้หยิบเอาของวิเศษออกมาอีกด้วย หนึ่งในนั้นเป็นกระถางหยก อีกคนเป็นเศษไม้ไผ่สีเขียว ด้านในของกระถางหยกมีกระบี่บินอยู่หลายเล่มซึ่งถูกแกะสลักเป็นรูปมังกร และไม้ไผ่ก็ถูกห้อมล้อมไว้ด้วยประกายสายฟ้า เห็นได้ชัดว่าของทั้งสองชิ้นนี้ไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง

พวกมันโบกสะบัดชายแขนเสื้อ ทำให้ของวิเศษพุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าว ขณะที่พวกมันเร่งความเร็วติดตามไปทางด้านหลัง หนุนเนื่องด้วยพลังแห่งตะเกียงวิญญาณของพวกมัน รังสีสังหารพุ่งขึ้นไป และยากที่จะปกปิดความโลภของพวกมันไว้ได้

แทบจะในเวลาเดียวกับที่พวกมันโจมตีมา นักรบศิลาซึ่งยังคงถูกปกคลุมไว้ด้วยกลุ่มหมอก ทันใดนั้นก็ก้าวเดินตรงไป

พื้นดินสั่นสะเทือน และกลุ่มหมอกบางส่วนก็กระจัดกระจายออกไปรอบๆ ร่างนักรบศิลา ทำให้มองเห็นมันได้อย่างชัดเจน

ระลอกคลื่นกระจายออกไปเป็นรูปวงกลม โดยมีนักรบศิลาและเมิ่งฮ่าวเป็นจุดศูนย์กลาง เมื่อระลอกคลื่นนั้นพุ่งผ่านกระถางหยก กระบี่ที่อยู่ด้านในก็แตกกระจายไป ราวกับว่าพวกมันเป็นกิ่งไม้แห้งที่ผุพัง ตัวกระถางเองก็เกิดเป็นเสียงแตกร้าวออกมา และจากนั้นก็พังทลายลงไป

สำหรับไม้ไผ่สีเขียว ก็เป็นเช่นเดียวกัน แตกกระจายกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยนับไม่ถ้วน กลายเป็นเถ้าธุลีที่ลอยหายไปในสายลม สายฟ้าที่อยู่ในไม้ไผ่ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยเช่นเดียวกัน

ขณะที่ระลอกคลื่นกระจายออกไป ได้กระจายเป็นแรงกดดันออกมาด้วย ได้ทำให้จิตใจของบุรุษชุดดำทั้งสองต้องเต้นรัว โลหิตไหลซึมออกมาจากมุมปาก ขณะที่พวกมันพุ่งถอยไปทางด้านหลังเพื่อหลบหนี แทบจะตกเข้าไปในรอยแตกที่อยู่ด้านหลังพวกมัน

ในที่สุดพวกมันก็หยุดลง มองไปยังนักรบศิลา และสีหน้าก็ต้องสลดลง ขณะที่พวกมันไม่อาจจะพูดอะไรออกมาได้

กระบี่ขนาดใหญ่ที่ถืออยู่ในมือ กลิ่นอายที่ระเบิดออกมาอย่างกระทันหัน รวมทั้งรูปร่างหน้าตาที่ดูคุ้นตาของมัน ทำให้คนทั้งสองเกิดเป็นเสียงกระหึ่มขึ้นมาในจิตใจอย่างฉับพลัน ราวกับว่ามือยักษ์ที่ไร้รูปร่างกำลังกระชากจิตใจพวกมันให้ฉีกขาดออกไป

“นั่นคือกลิ่นอายของผู้ยิ่งใหญ่เสมือนเต๋า!!”

“มีรูปปั้นอยู่ในที่แห่งนี้ด้วย!!”

“รูปปั้นนั้นดูคุ้นตานัก…”

“นั่น…นั่นคือ…ผู้พิทักษ์เต๋า!!” ดวงตาของคนทั้งสองเบิกกว้างขึ้นด้วยความไม่อยากจะเชื่อ พวกมันรู้สึกราวกับว่าภูเขากำลังบดขยี้ลงมาบนร่าง จิตใจหมุนคว้างขณะที่ตระหนักว่าชีวิตของพวกมันกำลังจะมาพบกับจุดจบแล้ว

“เป็นไปไม่ได้!!” พวกมันประหลาดใจไปโดยสิ้นเชิง และตอนนี้ก็รับรู้ได้ถึงกลิ่นอายของนักรบศิลา พวกมันไม่สงสัยเลยว่าทำไมผู้อาวุโสอาณาจักรโบราณทั้งสองถึงได้จู่ๆ ก็ตกตายไป

“มัน…มันสามารถควบคุมผู้พิทักษ์เต๋าได้จริงๆ!” พวกมันไม่ต้องการจะต่อสู้อีกต่อไป หนังศีรษะเริ่มด้านชา และความหวาดกลัวก็มีอยู่เต็มในจิตใจ คิดย้อนกลับไปว่าพวกมันกล้าพุ่งเข้ามาในสถานการณ์เช่นนี้ได้อย่างไรกัน และทันใดนั้นก็ตระหนักว่าการกระทำเช่นนั้น ช่างเป็นเรื่องที่โง่เขลาเท่าที่พวกมันเคยทำมาก่อนในชีวิต พวกมันพุ่งถอยไปทางด้านหลังอย่างรวดเร็วมากที่สุด ก่นด่าพื้นฐานฝึกตนที่อ่อนแอของตัวเอง และสาปแช่งรอยแตกทั้งหมดในบริเวณนั้น ทำให้พวกมันไม่อาจจะหลบหนีจากไปได้

บุรุษชุดดำอีกคนก็มองไปด้วยดวงตาที่เบิกกว้างขึ้นเช่นเดียวกัน หอบหายใจด้วยความไม่อยากจะเชื่อออกมา

ฟางเต้าหงเป็นเพียงคนเดียวที่มีสีหน้าสงบนิ่ง มันแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกออกมา และดวงตาก็เริ่มสาดประกายขึ้น พื้นฐานฝึกตนของมันได้ฟื้นฟูกลับคืนมานานแล้ว และตอนนี้มันกำลังตัดสินใจว่าจะช่วยเหลือเมิ่งฮ่าวได้อย่างไรบ้าง

ในตอนที่สองบุรุษชุดดำที่อยู่ด้านหน้าเริ่มล่าถอยออกไป ดวงตาเมิ่งฮ่าวก็แวบรังสีสังหารขึ้นมา นักรบศิลายกกระบี่เล่มใหญ่ขึ้น และตวัดตรงไปยังหนึ่งในพวกมัน ในชั่วพริบตาทุกสิ่งทุกอย่างก็สงบนิ่ง แสงกระบี่ที่เป็นประกายเจิดจ้าได้ปรากฏขึ้น กรีดเฉือนลงไปยังลำคอของบุรุษชุดดำผู้นั้น

“นำตัวมันมาให้ข้า ทั้งที่มีชีวิตอยู่” เมิ่งฮ่าวพึมพำขึ้นมาอย่างอ่อนแรง

โลกได้กลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม คมกระบี่ของนักรบศิลาบิดขึ้น เปลี่ยนจากการกรีดเฉือนกลายเป็นตบลงไป โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปากของผู้ฝึกตนชุดดำ ขณะที่ร่างกายมันบิดเบี้ยวไป นักรบศิลายื่นมือออกไปคว้าจับมันไว้ และโยนมันลงไปบนพื้นที่เบื้องหน้าเมิ่งฮ่าว

ใบหน้าเมิ่งฮ่าวซีดขาว ขณะที่ยื่นมือออกมา และกดลงไปที่หน้าผากของบุรุษชุดดำ เขาสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และดวงตาก็สาดประกายด้วยแสงสีโลหิต ขณะที่ใช้เวทยิ่งใหญ่อสูรโลหิตออกมา

ดวงตาของบุรุษชุดดำเบิกกว้าง และส่งเสียงแผดร้องอย่างโหยหวนออกมา เมื่อคนอื่นๆ ในบริเวณนั้นได้ยินเสียงแผดร้องนี้ จิตใจพวกมันก็สั่นสะท้าน อันเนื่องมาจากโศกนาฏกรรมอันน่าอนาถใจอย่างสุดที่จะพรรณนาออกมาได้

ร่างกายของบุรุษชุดดำเหี่ยวแห้งลงไป พื้นฐานฝึกตนของมันจางหายไปอย่างรวดเร็ว แม้แต่วิญญาณของมันก็ยังถูกเมิ่งฮ่าวดูดกลืนไป ทุกสิ่งทุกอย่างแม้แต่พลังชีวิตของมัน ก็ถูกเมิ่งฮ่าวนำไปใช้ช่วยฟื้นฟูร่างกายของตนเอง

เพียงไม่นานเสียงแผดร้องนั้นก็จางหายไป มีเพียงสิ่งเดียวที่ยังคงเหลืออยู่เบื้องหลัง คือซากศพที่แห้งกรังอย่างน่ากลัว ซึ่งนอนแน่นิ่งอยู่ที่ด้านล่างมือของเมิ่งฮ่าว

ใบหน้าเมิ่งฮ่าวไม่ได้ซีดขาวราวคนตายอีกต่อไป ผิวกายเริ่มมีสีสันขึ้นมาเล็กน้อย และลมหายใจก็เริ่มคงที่ ดวงตาสาดประกายเจิดจ้าขึ้นมาอีกครั้ง

ขณะที่เมิ่งฮ่าวคิดย้อนกลับไปในตอนที่เขารับมอบมรดกของเวทรุ่นห้า ก็ตระหนักว่าเขาแทบจะตกตายไป เขาน่าจะตายไปแล้วอย่างแท้จริง และที่ยังมีชีวิตอยู่ในตอนนี้เป็นเรื่องของความบังเอิญเท่านั้น

เมื่อคิดไปถึงระดับพื้นฐานฝึกตนของตัวเอง เขาไม่อาจจะรับมอบเวทรุ่นห้ามาได้อย่างแท้จริง ค่าตอบแทนที่เขาต้องจ่ายไปจริงๆ แล้วก็คือชีวิตของตนเอง เปลวไฟแห่งพลังชีวิตของเขาได้มอดดับลงไปแล้ว เขาถูกแขวนอยู่ที่ชายขอบแห่งความตาย แต่โชคดี ในตอนที่เขากำลังจะตกตายไป…บุรุษชุดดำผู้นี้ก็มาถึง ช่วยให้เขามีชีวิตใหม่ขึ้นมาอีกครั้ง

เขาแค่ฟื้นฟูกลับคืนมาได้เล็กน้อยเท่านั้น แต่ก็ทำให้บุรุษชุดดำอีกสองคน ต้องรู้สึกได้ถึงวิกฤตอันร้ายแรงมากขึ้นกว่าเดิม

“นะ-นั่นเป็นวิชาอะไรกัน!?!?”

“บัดซบ ฟางซิ่วซาน! กลับส่งพวกเรามาสังหารเด็กผู้นี้…มันสมควรที่จะตายไปอย่างทรมานมากที่สุด!!”

บุรุษทั้งสองล่าถอยออกไป มองกลับไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยความหวาดกลัว

อย่างไรก็ตาม พวกมันถูกห้อมล้อมด้วยรอยแตก ทำให้ไม่อาจจะหลบหนีจากไปได้

ที่ด้านบนขึ้นไป ปรมาจารย์รุ่นเจ็ดมองไปด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด มันหดมือกลับมาอย่างช้าๆ และมองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยสีหน้าครุ่นคิด

“นั่นคือวิชามรดกที่มันเพิ่งจะได้มา?”

ย้อนกลับไปยังพื้นดิน เมิ่งฮ่าวค่อยๆ ลุกขึ้นมายืน ใบหน้าแทบจะกลับเป็นปกติเหมือนเดิม แสงอันลึกล้ำสาดประกายอยู่ในดวงตา ดูเหมือนว่าเขาจะเต็มไปด้วยทะเลแห่งพลัง ทำให้ใครก็ตามที่มองมายังเขาต้องรู้สึกราวกับว่า วิญญาณของพวกมันอาจจะถูกดูดกลืนเข้าไป

“จับตัวมาให้ข้าอีกคน” เขากล่าวขึ้นอย่างเยือกเย็น

ด้วยการตอบรับคำพูดของเขา นักรบศิลาก้าวเดินตรงไปยังบุรุษชุดดำที่อยู่ใกล้มากที่สุดในทันที คนผู้นั้นส่งเสียงแผดร้องและพุ่งทะยานเข้าไปในรอยแตกที่อยู่ใกล้ตัวมันมากที่สุดอย่างไร้ทางเลือก

บุรุษชุดดำคนที่สาม ซึ่งอยู่ห่างออกไปจากเมิ่งฮ่าวมากกว่า กัดฟันแน่นและกำลังจะกระโดดเข้าไปในรอยแตกที่อยู่ใกล้ๆ แต่ฟางเต้าหงก็มาขัดขวางมันไว้ในทันที บุรุษผู้นั้นแผดร้องด้วยโทสะ และคนทั้งสองก็เริ่มต่อสู้กันไปมา

เสียงระเบิดดังก้องออกไปในทั่วทุกทิศทาง นักรบศิลาก้าวเข้าไปในรอยแตก เพื่อไล่ติดตามไป และโผล่ออกมาหลังจากที่ผ่านไปแค่ไม่กี่อึดใจ จับบุรุษชุดดำที่พยายามจะหลบหนีไปกลับมา

บุรุษผู้นั้นสั่นสะท้าน และใบหน้าก็ซีดขาว ขณะที่มันมองไปยังเมิ่งฮ่าว เขาก็ยกมือขึ้นมา ทำให้รอยแตกภาพลวงตาปรากฏขึ้น แต่การขยับมือเพียงแค่เล็กน้อยนี้ ทำให้พลังชีวิตอันน้อยนิดที่เขาเพิ่งจะฟื้นฟูกลับคืนมา ถูกดูดตรงไปยังฝ่ามือของเขา ทำให้เมิ่งฮ่าวต้องหยุดการกระทำนี้ในทันที หลังจากที่วิเคราะห์อยู่ชั่วครู่ เขาก็ตระหนักว่าทำไมถึงเป็นเช่นนี้

“ถึงแม้ว่าข้าจะได้รับมรดกนั้นมา แต่ก็ยังไม่อาจจะใช้เวทรุ่นห้าออกมาได้จริงๆ เมื่อพิจารณาถึงระดับพื้นฐานฝึกตนของข้าแล้ว ถ้าข้าพยายามจะใช้มัน ถึงแม้จะใช้พื้นฐานฝึกตนทั้งหมดออกมา ข้าก็ยังคงไม่อาจจะก่อตัวเป็นรอยแตกด้านในด้านอกของเวทรุ่นห้าได้!”

“บางทีข้าอาจจะทำได้หลังจากที่บรรลุถึงอาณาจักรเซียนแล้ว! เวทรุ่นห้านี้เหมือนกับสุดยอดสะพาน ข้าสามารถใช้มันเป็นเหมือนกับไพ่ไม้ตาย เมื่ออยู่ในอาณาจักรเซียนแล้ว!” ด้วยเช่นนั้น เขาก็ผลักมือตรงไปยังบุรุษชุดดำ ซึ่งจากนั้นร่างของมันก็ถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีโลหิต

เสียงแผดร้องอย่างโหยหวนดังก้องออกมา ขณะที่บุรุษผู้นั้นกลายเป็นซากศพที่แห้งกรัง ในที่สุดใบหน้าเมิ่งฮ่าวก็กลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม และเขาก็ฟื้นฟูกลับคืนมาได้อย่างสมบูรณ์ จากนั้นก็หลับตาลงและโคจรหมุนเวียนพื้นฐานฝึกตนต่อไป

เพื่อตอบรับกับเรื่องนี้ บุรุษชุดดำที่กำลังต่อสู้อยู่กับฟางเต้าหงมีท่าทางหวาดกลัวขึ้น สิ่งที่มันเห็นไกลเกินกว่าวิกฤตอันตรายใดๆ ที่มันเคยประสบพบเจอมาก่อน

“คนผู้นี้ต้องไม่ใช่ผู้ฝึกตนที่เกือบจะอยู่ในอาณาจักรเซียนแล้ว” มันคิด “คนที่อยู่ในระดับนั้นจะมีความสามารถศักดิ์สิทธิ์ที่น่ากลัวเช่นนี้ได้อย่างไรกัน!?!? ฟางซิ่วซาน ถ้าข้าไม่ตายอยู่ในที่แห่งนี้ หลังจากที่ข้ากลับไปยังตระกูล เจ้าและข้าก็ต้องตายกันไปข้าง!!”

สีหน้าฟางเต้าหงยังคงสงบนิ่งเหมือนเช่นเคย แต่ภายในใจมันกำลังสั่นสะท้าน ความลี้ลับที่อยู่รอบๆ กายเมิ่งฮ่าว ดูเหมือนจะยิ่งมีมากขึ้นไปเรื่อยๆ หลังจากที่ลังเลอยู่ชั่วขณะ มันก็มองไปยังบุรุษที่กำลังต่อสู้ด้วย

“ฟางหลินเหอ ถ้าเจ้าต้องการจะมีชีวิตรอดออกไปจากที่แห่งนี้ ก็ให้เชื่อฟังข้าและอย่าได้ต่อสู้กลับมา!” คำพูดเหล่านี้ทำให้ฟางหลินเหอต้องอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง จากนั้นมันก็คิดย้อนกลับไปถึงการที่ฟางเต้าหงไม่ได้ตายไป ถึงแม้จะอยู่ใกล้กับเมิ่งฮ่าวเป็นเวลานาน ทันใดนั้นความหวังที่จะมีชีวิตรอดก็ปรากฏขึ้นในจิตใจ มันกัดฟันแน่น ยอมให้ฟางเต้าหงฟาดฝ่ามือมาที่หน้าอกของมัน

โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปาก ขณะที่ฟางเต้าหงโจมตีไปที่มันครั้งแล้วครั้งเล่า ฟางหลินเหอได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส และทำให้พื้นฐานฝึกตนของมันต้องตกลงไป ในที่สุดก็เทียบได้กับผู้ฝึกตนในอาณาจักรวิญญาณ จากนั้นฟางเต้าหงก็หยุดการโจมตี มองไปยังฟางหลินเหอด้วยความหมายที่ลึกซึ้ง หมุนตัวไปและโค้งตัวลงให้กับเมิ่งฮ่าวด้วยความเคารพในทันที

“กงจื่อ ค่อนข้างจะน่าเสียดายถ้าจะปล่อยให้คนผู้นี้ต้องตายไป ทำไมท่านถึงไม่ใช้เวทผนึกไปที่ร่างมัน? เมื่อไหร่ที่พวกเรากลับเข้าไปในตระกูล มันและข้าอยากจะได้โอกาสในการล้างแค้นต่อฟางซิ่วซาน”

เมิ่งฮ่าวลืมตาขึ้นมา และมองไปยังฟางเต้าหงอย่างเย็นชา จากนั้นก็ฟางหลินเหอซึ่งกำลังแสดงท่าทียอมจำนนเป็นอย่างยิ่ง โดยไม่พูดอะไรออกมา กระแสปราณสีดำและขาวก็ได้ปรากฏขึ้นอยู่ในมือ หลังจากที่โคจรหมุนวนซึ่งกันและกันอยู่ชั่วขณะ เขาก็ส่งพวกมันให้พุ่งตรงไปยังหน้าผากของฟางหลินเหอ ฟางหลินเหอแผดร้องออกมา จากนั้นก็เริ่มสั่นสะท้านไปทั้งร่าง เหงื่อเปียกชุ่มไปทั่วร่างแทบจะในทันที ขณะที่สัญลักษณ์เวทได้ปรากฏขึ้นไปทั่วร่างกาย ในที่สุดสัญลักษณ์เวทเหล่านั้นก็มารวมตัวกันอยู่บนหน้าผากของมัน เพื่อก่อตัวเป็นสัญลักษณ์เวทหนึ่งชิ้น จากนั้นก็ลอยออกมาจากหน้าผากของมัน และหลอมรวมเข้าไปในร่างเมิ่งฮ่าว ฟางหลินเหอส่งเสียงถอนหายใจอย่างอ่อนล้าออกมา

เมิ่งฮ่าวมองขึ้นไปยังรอยแตกที่อยู่ในบริเวณนั้น และตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าพวกมันจะคุ้นเคยกับเขาแล้ว

แทบจะราวกับว่าเขาสามารถจะควบคุมการเปิดปิดของพวกมันได้

“ไปกันเถอะ พวกเราจะไปค้นหาว่ามีอะไรอีกที่อยู่นอกเหนือไปจากพื้นหลุมฝังศพโบราณ” เขากล่าวขึ้น จากนั้นก็ก้าวเดินตรงไป ทันใดนั้นรอยแตกทั้งหมดก็ปิดลง ปล่อยให้เขาเดินตรงออกไปยังที่ห่างไกล

เมิ่งฮ่าวก้าวเดินไปคล้ายกับเป็นราชันของรอยแตกเหล่านี้ ซึ่งประกอบไปด้วยเวทรุ่นห้า ดูคล้ายกับว่าเขาแค่เดินเล่นอยู่ในแดนเซียนของตนเอง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version