บทที่ 1034 ลอบสังหารระหว่างทาง
หลังจากศึกครั้งนี้จบลงไปแล้ว จ้าวเฟิงก็เริ่มปิดด่านฝึกตน
จากการต่อสู้กับเซียนหมื่นปรากฏการณ์ จ้าวเฟิงตกอยู่ในอันตรายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เขารู้สึกว่าแต่ละด้านของตนเองพัฒนาขึ้นจากอันตรายที่บีบคั้นเป็นเวลายาวนาน อย่างแรกคือพลังวิญญาณฟื้นฟูกลับไปสู่สภาวะสุดยอดที่สุดแล้ว ใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่ พลังวิญญาณของจ้าวเฟิงจะสามารถไปถึงขอบเขตเทวาเร้นลับชั้นต้น อีกด้านหนึ่ง จ้าวเฟิงมีความเข้าใจในพลังธาตุประเภทต่างๆ ของ ‘วิชาวายุอัสนีห้าสาย’ ลึกซึ้งมากขึ้น
หลังจากที่จัดแจงทุกด้านให้มั่นคงแล้ว จ้าวเฟิงจึงออกจากที่พัก และไปยังตำหนักที่องค์ชายเก้าอยู่
“ฝ่าบาท ฟากต่างเผ่าพันธุ์เป็นอย่างไรบ้าง?”
จ้าวเฟิงเอ่ยถาม
หลังจากเอาชนะเซียนหมื่นปรากฏการณ์และยึดครองเมืองเหมิงสำเร็จแล้ว ทั้งหมดจะไม่ง่ายดายเหมือนแต่ก่อน
ลองคิดดู กระทั่งเซียนหมื่นปรากฏการณ์ยังพ่ายแพ้แล้ว พวกต่างเผ่าพันธุ์ไม่มีทางจะไร้ความเคลื่อนไหว
“ตอนนี้ฐานที่มั่นของต่างเผ่าพันธุ์ด้านหน้าเมืองเหมิงมีคนระดับสูงมาเพิ่มสองสามคน พร้อมด้วยปรมาจารย์ค่ายกลจำนวนมาก คิดแล้วพวกเขาน่าจะเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ ทุ่มสุดแรงปกป้อง!”
องค์ชายเก้าเอ่ยช้าๆ ในช่วงนี้เขาเอาแต่ส่งสายลับไปสอดแนมสถานการณ์ต่างๆ
เป็นเพราะจ้าวเฟิง ทำให้ต่างเผ่าพันธุ์ฝ่ายศัตรูหวาดกลัวทหารขององค์ชายเก้าอย่างมาก จึงใช้กลยุทธ์ตั้งรับสุดกำลัง
ทว่านี่ก็สมเหตุสมผล จ้าวเฟิงเอาชนะเซียนหมื่นปรากฏการณ์ผู้เก่งกาจที่สุดในพื้นที่สนามรบของมณฑลหลานได้ หากต่างเผ่าพันธุ์ไม่เลือกตั้งรับ นอกเสียจากว่าพวกเขาส่งกำลังรบยอดฝีมือขั้นเดียวกับเซียนหมื่นปรากฏการณ์มา
“แบบนี้ก็ดี!” จ้าวเฟิงอุ่นใจเล็กน้อย
แต่นี่ก็เป็นเพียงเรื่องชั่วคราวเท่านั้น ศึกในตอนนี้ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ไม่น่าจะปรากฏกำลังรบที่แกร่งกล้ามากนัก
ทว่าหากการสู้รบยังยืดเยื้อรุนแรงขึ้น ราชวงศ์ที่ยิ่งใหญ่ทั้งสองจะส่งกำลังรบในระดับที่สูงกว่าเดิมมา บนพื้นที่สนามรบของมณฑลหลาน จุดที่พวกต่างเผ่าพันธุ์จะโจมตีเป็นจุดแรกน่าจะเป็นเมืองขององค์ชายเก้า
“อีกอย่างข้าเองก็ส่งเรื่องขอกำลังรบขั้นเซียนจากตำหนักรบของมณฑลหลานไป!”
องค์ชายเก้าเอ่ยสำทับ
ด้วยผลงานการรบในช่วงนี้ขององค์ชายเก้า กองทัพที่นำโดยเขากลายเป็นหนามยอกอกของพวกต่างเผ่าพันธุ์ไปแล้ว
ทันทีที่เกิดการรบขึ้นอีกครั้ง กองกำลังขององค์ชายเก้าเผชิญหน้ากับพวกต่างเผ่าพันธุ์ จะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย
สำหรับคำขอขององค์ชายเก้า ตำหนักรบมณฑลหลานตอบรับแล้ว อีกไม่นานกำลังรบขั้นเซียนคนใหม่จะมาเข้าร่วมกับกลุ่มอำนาจของเขา
จ้าวเฟิงผงกศีรษะ หากได้กำลังรบขั้นเซียนมาเข้าร่วมด้วยเขาก็วางใจ
“รายงาน จดหมายจากหนานเฟิงอ๋อง!”
เสียงองครักษ์ผู้หนึ่งดังขึ้นจากด้านนอกตำหนัก
“เข้ามา!” องค์ชายเก้าเอ่ยทันที
จากนั้น องครักษ์ผู้หนึ่งมอบจดหมายให้กับองค์ชายเก้า
“จ้าวเฟิง นี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับเจ้า!”
องค์ชายเก้าอ่านจบแล้วถึงมอบกระดาษแผ่นหนึ่งแก่จ้าวเฟิง
จ้าวเฟิงชะงักไป ประสาทสัมผัสดำดิ่งลงไปในกระดาษ คำพูดของหนานเฟิงอ๋องพลันดังขึ้นในหัว
“หอควันสมุทรเกิดเหตุปะทะกับวังเก้านิรยในขั้วอำนาจที่กำลังพัฒนาของแผ่นดินใหญ่!”
คำพูดสั้นๆ ไม่กี่คำทำให้อารมณ์จ้าวเฟิงเปลี่ยนไปทันที
เรื่องกังวลทั้งหมดในใจเขาเกิดขึ้นแล้วจริงๆ
ถึงแม้ว่าจ้าวเฟิงจะอยู่ในฐานะขั้วอำนาจเบื้องหลังรัชทายาท วังเก้านิรยจะไม่ลงมือทำร้ายซึ่งหน้า แต่วังเก้านิรยสามารถสร้างโอกาส หาข้ออ้างมาโจมตีหอควันสมุทร
“ฝ่าบาท ดูแล้วข้าต้องไปดูสักหน่อย!”
จ้าวเฟิงรีบขอตัว
หอควันสมุทร สำนักศักดิ์สิทธิ์วั่น และยังมีหน่วยลอบสังหารของเซียนราตรีทมิฬ จ้าวเฟิงใช้ทรัพยากรจำนวนมากก่อร่างสร้างขึ้นมาจนถึงตอนนี้ จะไม่ให้สนใจใยดีได้อย่างไรกัน
“เจ้าไปเถอะ!” องค์ชายเก้าเห็นด้วย
ถึงแม้เขาไม่อยากให้จ้าวเฟิงไปจากกองทัพ แต่จ้าวเฟิงมีธุระส่วนตัว เขาไม่อาจฝืนใจยื้อจ้าวเฟิงเอาไว้ได้
“ฝ่าบาท สิ่งนี้ข้ามอบให้ท่าน!”
จ้าวเฟิงมอบถุงสัตว์วิเศษใบหนึ่ง
องค์ชายเก้าใช้ประสาทสัมผัสตรวจตรา สีหน้าตื่นตะลึง ในถุงสัตว์วิเศษมีวานรทองสะท้านฟ้าขั้นปฐมเซียนสองตัว และยังมีฝูงสัตว์อสูรสองฝูง
จ้าวเฟิงนำสัตว์อสูรเหล่านี้ไปด้วยก็ไม่มีประโยชน์อะไรมากนัก อีกทั้งเขาก็ไม่วางใจฝั่งองค์ชายเก้า
“มอบฝูงสัตว์อสูรให้นักฝึกสัตว์ที่ฝ่าบาทเชื่อใจแล้วกัน!”
จ้าวเฟิงเอ่ยแนะนำ
ส่วนวานรทองสะท้านฟ้า มีคำสั่งถ่ายทอดจากจ้าวเฟิง องค์ชายเก้าสามารถใช้ได้เลยโดยตรง คล้ายกับมอบตราคุ้มกายให้องค์ชายเก้า
จากนั้น จ้าวเฟิงจึงบอกลาคนคุ้นเคยในทัพทหาร ทั้งยังกำชับแม่ทัพส่วนหนึ่งเป็นพิเศษให้ดูแลอัจฉริยะสามคนของตระกูลจี และยังมีจักรพรรดิเกล็ดปีศาจด้วย
“จ้าวเฟิง ข้าจะเดินทางตามเจ้าไปด้วย!” เถี่ยหงหลิงทอดสายตาอาวรณ์
“ท่านปู่ของท่านให้ท่านมาฝึกปรือฝีมือในสนามรบ ถ้าหากเดินทางออกจากสนามรบ ก็กลับไปที่ตระกูลเถี่ยเสียเถอะ!”
จ้าวเฟิงปฏิเสธตรงๆ
วันนี้ จ้าวเฟิงเดินทางออกจากเมืองเหมิง ตรงไปที่ตำหนักรบของมณฑลหลาน
“อย่างแรกต้องเอาผลงานการรบไปแลกเปลี่ยนของก่อน!”
จ้าวเฟิงมีเป้าหมายชัดเจน
ตามการคาดเดาของจ้าวเฟิง ผลงานการรบของเขาในตอนนี้น่าจะอยู่ระดับสูงในรายชื่อของมณฑลหลาน
ใช้ผลงานการรบแลกเปลี่ยนทรัพยากรก็สะดวกสบายอย่างยิ่ง ยกตัวอย่างเช่น สมบัติล้ำค่าธาตุดินที่จ้าวเฟิงต้องการ หาได้ยากนักในตลาดแลกเปลี่ยนซื้อขายของเมือง แต่ที่จุดแลกเปลี่ยนผลงานการรบของตำหนักรบสามารถแลกเปลี่ยนได้เลย
จ้าวเฟิงเพิ่งออกจากเมืองเหมิง ก็มีคนส่งข่าวมาถึงที่มั่นขององค์ชายสิบสาม
“ในที่สุดจ้าวเฟิงก็ออกจากสนามรบแล้ว!”
องค์ชายสิบสามเผยสีหน้ายิ้มโหดเหี้ยม
“ทันทีที่เขาไปจากสนามรบ จะไม่ได้กลับมาอีกตลอดไป!”
ซีเผิงแห่งวังเก้านิรยที่อยู่ข้างกายองค์ชายสิบสามยิ้มชั่วร้าย
ทั้งสองสบตากัน นึกลำพองใจ
“ฝ่าบาท!” ด้านนอกตำหนักองค์ชายสิบสาม จู่ๆ ก็มีเสียงองครักษ์ผู้หนึ่งดังขึ้น
“มีเรื่องอะไร?”
องค์ชายสิบสามขมวดคิ้วมุ่น ถูกรบกวนในเวลานี้ ทำให้เขารู้สึกไม่พอใจอย่างมาก
“ผู้อาวุโสตระกูลตวนมู่และจ้าวหยูเฟยรอพบอยู่ด้านนอก!”
องครักษ์ด้านนอกตำหนักเอ่ย
“อะไรนะ? หยูเฟยมาแล้วหรือ?”
องค์ชายสิบสามตื่นตกใจ ละล้าละลังทำอะไรไม่ถูกอยู่เล็กน้อย
จากนั้นองค์ชายสิบสามจึงไปพบปะกับสมาชิกตระกูลตวนมู่ในตำหนักแห่งหนึ่ง
“หยูเฟย เจ้ามาช่วยข้าหรือ?”
แววตาขององค์ชายสิบสามหยุดลงบนร่างของสตรีชุดม่วงที่เขาคะนึงหาทุกเช้าค่ำ
ไม่เจอกันหลายปี ความงามของจ้าวหยูเฟยทำให้องค์ชายสิบสามใจเต้นรัวกว่าเดิม ไม่อาจละสายตาไปได้
“ฝ่าบาท พวกเรามาเพื่อเจรจากับท่าน!”
ตวนมู่ชิงในชุดเขียวผู้อยู่ข้างกายจ้าวหยูเฟยเปิดปาก
ใจองค์ชายสิบสามหนักอึ้งลงไปเล็กน้อย เขารู้ว่าตวนมู่ชิงเป็นศิษย์พี่ของจ้าวหยูเฟย อีกทั้งยังโอนอ่อนตามเจตนาของนาง หนำซ้ำเป็นเซียนตระกูลตวนมู่ที่คัดค้านการหมั้นหมายระหว่างเขาและหยูเฟย
“เชิญเอ่ย!” องค์ชายสิบสามสีหน้าดำคล้ำ
เขาก็พอเดาได้ หากไม่ได้กำจัดจ้าวเฟิงทิ้งในการทดสอบคัดเลือกรัชทายาท อนาคตอาจจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาได้
ในตำหนักที่เงียบสงัด ตวนมู่ชิงอธิบายความตั้งใจของจ้าวหยูเฟย
“หยูเฟย ข้าชอบเจ้าจากใจจริง!”
องค์ชายสิบสามตัวสั่นเล็กน้อย หน้าถอดสี
เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดจ้าวหยูเฟยถึงรักมั่นฝังใจอยู่กับจ้าวเฟิง เขาเป็นถึงองค์ชายหรือกระทั่งคนที่อาจกลายเป็นจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์แห่งต้าเฉียน มีตรงไหนที่ด้อยไปกว่าจ้าวเฟิงงั้นหรือ?
“ข้าจะไปหาพี่เฟิงแล้ว!”
จ้าวหยูเฟยมีสีหน้าราบเรียบ ไม่แม้แต่จะชายตามององค์ชายสิบสาม
หลังจากจ้าวหยูเฟยออกจากปิดดด่านฝึกตนถึงจะรับรู้เรื่องทั้งหมด หาไม่ใช่เพราะตวนมู่ชิงและเซียนจื่อเย่นางคงจะตัดสัมพันธ์กับตระกูลตวนมู่ไปนานแล้ว
จากการที่นางคัดค้านหัวชนฝา ผู้อาวุโสสูงสุดตระกูลตวนมู่ยอมให้จ้าวหยูเฟย ตวนมู่ชิงจึงไปเจรจากับองค์ชายสิบสาม
“หยูเฟย จ้าวเฟิงเพิ่งจะไปจากสนามรบ!”
องค์ชายสิบสามยิ้มอย่างอดไม่ได้
“เขาไปไหน?”
จ้าวหยูเฟยเอ่ยถาม
“ข้าเองก็ไม่แน่ใจ!”
องค์ชายสิบสามหัวเราะเสียงเย็นในใจ
“พวกเราไปกันเถิด ศิษย์พี่!” จ้าวหยูเฟยชันกายลุกขั้นในทันที
“หยูเฟย หรือว่าเจ้าจะไปหาพี่เก้า?”
องค์ชายสิบสามรีบเอ่ยถาม
เขาไม่ได้บอกที่หมายของจ้าวเฟิง ก็เพื่อไม่ให้จ้าวหยูเฟยได้เจอกับฝ่ายนั้น
“หยูเฟย พวกเราอยู่ที่สนามรบก่อนเถิด!”
ตวนมู่ชิงโน้มน้าว
ตระกูลตวนมู่มีฐานะเป็นขั้วอำนาจหนุนหลังองค์ชายสิบสาม แต่กลับจะไปที่กองทัพขององค์ชายเก้า คงจะไม่ค่อยดีกระมัง
“หยูเฟย จ้าวเฟิงจะต้องกลับมาที่สนามรบแน่ เจ้าเองก็อาศัยช่วงนี้ฝึกปรือฝีมือรอสักหน่อย!”
เสียงของเศษเสี้ยววิญญาณสือเฉิงดังขึ้น
อย่างไรเสียราชวงศ์ต้าเฉียนก็กว้างใหญ่ขนาดนี้ จะค้นหาคนสักคนหนึ่งไม่ง่ายดายจริงๆ
สุดท้ายแล้ว ด้วยคำโน้มน้าวของตวนมู่ชิงและเศษเสี้ยววิญญาณสือเฉิง
จ้าวหยูเฟยจึงอยู่ที่เมืองขององค์ชายเก้าต่อ
หลังจากที่จ้าวหยูเฟยและตวนมู่ชิงจากไปแล้ว อารมณ์ขององค์ชายสิบสามเปลี่ยนแปลงไปในทันที
“จ้าวเฟิง!” องค์ชายสิบสามถมึงทึงกัดฟัน เพลิงโทสะเผาผลาญในใจ
เขาเกลียดชังตนเองจริงๆ ที่ตอนอยู่ในมิติเทพลวงตาไม่ได้สังหารจ้าวเฟิงด้วยมือของตนเอง
องค์ชายสิบสามก็คิดไม่ถึงว่าจ้าวเฟิงจะกลายมาเป็นอุปสรรคครั้งใหญ่ในชีวิตของเขา
“ฝ่าบาท จ้าวเฟิงจะไม่อาจย้อนกลับมาที่สนามรบได้!”
เสียงโหดเหี้ยมของซีเผิงดังขึ้น
“หึ นั่นก็ถูก พลาดครั้งนี้ไป พวกเขาเองจะไม่มีโอกาสได้เจอกันอีกแล้ว!”
องค์ชายสิบสามค่อยๆ ใจเย็นลง
อีกฟากหนึ่ง จ้าวเฟิงนั่งบนพาหนะเพลิงวายุ โบยบินไปที่ตำหนักรบของมณฑลหลาน
ในระหว่างทาง ยอดฝีมือและกองกำลังใหญ่น้อยมากมายเดินทางไปมาระหว่างสนามรบและตำหนักรบ
ศึกระหว่างราชวงศ์ ยอดฝีมือที่มาจากโลกภายนอกหรือว่าจะขั้วอำนาจอิสระ ขอแค่ลงทะเบียนเอาไว้ในตำหนักรบ ก็จะสามารถเดินทางไปรบที่เมืองและจะได้รับผลงานการรบ
ส่วนความเร็วและพลานุภาพที่น่าสะพรึงขวัญของพาหนะเพลิงวายุของจ้าวเฟิง ยังคงเป็นจุดดึงดูดสายตาของคนที่ผ่านไปมาไม่น้อย
ทันใดนั้นเอง ปรากฏนกประหลาดปีกมังกรตัวขนาดยักษ์ตัวหนึ่งเข้าขวางด้านหน้าจ้าวเฟิง บนนกประหลาดตัวนี้มีคนที่แววตาฉายแววโหดเหี้ยมอยู่เกือบสิบคน
พลานุภาพของจักรพรรดิสามกลุ่มปกคลุมรอบตัวจ้าวเฟิงทันที
เมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ คนอื่นที่เดินทางไปมาอยู่ในบริเวณใกล้เคียงก็รีบเร้นออกห่าง เห็นได้ชัดเลยว่าพวกเขาได้ยินกิตติศัพท์ของกลุ่มคนที่นั่งอยู่บนนกประหลาด จึงหวาดกลัวอย่างยิ่ง
“เจ้าหนุ่ม ข้าถูกใจพาหนะเดินทางของเจ้าเข้าแล้ว!”
วัยกลางคนหัวเขียวที่เป็นผู้นำเอ่ยเสียงกระด้าง
แววตาของจ้าวเฟิงจ้องไปด้านหน้า สีหน้าเรียบเฉย
“เจ้าหนุ่มนี่เหม่อมองอะไรกัน พี่ใหญ่ของพวกเรากำลังคุยกับเจ้าอยู่นะ!”
ราชันระดับสุดยอดคนหนึ่งเห็นจ้าวเฟิงสงบนิ่ง ไม่พูดอะไร ก็พลันกระตุ้นปราณที่แท้จริงร้อนแรงหมายจะลงมือ
“เซียน?”
แววตาของจ้าวเฟิงมองผ่านคนเหล่านี้ไป เห็นเงาคนสองร่างที่กำลังโบยบินมาจากด้านหลัง
ในระหว่างทางที่ไปตำหนักรบ จ้าวเฟิงเองก็เจอเซียนผู้หนึ่ง แต่มาเจอเซียนสองคนพร้อมกันเช่นนี้ ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจไม่น้อย
ทันใดนั้นเอง คนทั้งสองก็เร่งความเร็วมาทางจ้าวเฟิง
ด้านหลังของจ้าวเฟิงก็มีร่างคนอีกสองคนพุ่งทะยานมา
“เซียนสามคน!”
จ้าวเฟิงรู้สึกถึงสิ่งผิดปกติ
ในมือของคนพวกนี้ต่างมีธงค่ายกลสีดำอยู่
ธงค่ายกลสีดำทั้งสี่นี้ลอยขึ้นกลางอากาศ แต่ละผืนสาดซัดพลังศาสตร์วิญญาณสีดำ มีเสียงร้องโหยหวนของภูติผีดังแว่วมาชวนขนลุก
พรึ่บ~ ธงค่ายกลทั้งสี่ด้านพลันสาดประกายสีดำ ระเบิดสูงขึ้นเป็นพันจั้ง กลายเป็นเสาค้ำฟ้าสีดำขนาดใหญ่
วิ้ง! รัศมีเกือบร้อยลี้ถูกแสงสีดำทะลวงผ่านจนปรุโปร่ง ด้านนอกพอจะเห็นเป็นกลุ่มแสงของเพลิงสีดำที่เผาไหม้อยู่
จ้าวเฟิงและคนหลายสิบบนตัวนกประหลาดติดอยู่ในนรกมืดมิดที่น่ากลัวทันที