Skip to content

King of Gods 109

King Of Gods

บทที่ 109 : มัจฉามายา

ความสามารถของจ้าวเฟิงนั้นน่าเหลือเชื่อเมื่อเทียบกับผลลัพธ์ของบททดสอบแรกที่แสนธรรมดา กระทั่งผู้คุมกฎชิวยังต้องเหลือบมองไปยังเด็กหนุ่ม

“ฆ่าสัตว์อสูรทดลอง 5 ตัว 2 คะแนน” ศิษย์ได้เอ่ยประกาศคะแนนของเขา

คนผู้หนึ่งจำเป็นต้องฆ่าเพียง 4 หรือมากกว่าเพื่อให้ได้ 2 คะแนน ยังมีผู้อื่นที่ได้รับคะแนนเต็มในบททดสอบนี้ แต่พวกเขาไม่อาจฆ่าพวกมันได้ในการโจมตีเพียงครั้งเดียวเช่นจ้าวเฟิง

“เป็นพลังที่น่าสะพรึงอันใดเช่นนี้! พลังของดรรชนีสุดท้ายนั่นกระทั่งสามารถคุกคามผู้ฝึกตนขั้นเก้าธรรมดาได้”

เซี่ยวซุนสำรวจเด็กหนุ่ม เขามีพลังฝึกตนสูงที่สุดในกลุ่ม แต่เขาไม่มีความมั่นใจในการเอาชนะอีกฝ่ายแม้แต่น้อย

บททดสอบที่สอง ‘ทางกลไก’ ยังคงดำเนินต่อไป และแม้ว่าความสามารถของจ้าวเฟิงจะยอดเยี่ยม ผู้คุมกฎชิวและสมาชิกของสำนักคนอื่นก็หาได้เก็บมาใส่ใจ เพราะพวกเขาสนใจแต่เพียงแค่บททดสอบแรกที่มีค่าถึง 6 คะแนน

ดังนั้นแล้ว แม้จ้าวเฟิงจะยอดเยี่ยมเพียงใด เขาก็ได้รับคะแนนเพียง 2 คะแนน

“ไม่ว่าเขาจะมีประสบการณ์การต่อสู้มากมายเพียงใด เขาก็ยังจะถูกโยนทิ้งเพราะขาดพรสวรรค์” องค์หญิงอวิ๋นเมิ่งเซียวเหลือบมองไปยังเด็กหนุ่ม ทว่าไม่ได้เก็บมาใส่ใจ

จ้าวเฟิงรู้สึกว่าความสามารถของเขาในบททดสอบที่สองนั้นไม่ได้สร้างความสนใจให้กับสำนัก และแม้ว่าเด็กหนุ่มสาวคนอื่นๆ จะคิดว่าเขาแข็งแกร่ง การขาดพรสวรรค์ก็หมายความว่าเขาจะไม่อาจขึ้นไปได้สูงนัก

แต่นี่เองก็เป็นสิ่งที่จ้าวเฟิงต้องการ เขาไม่ต้องการดึงดูดความสนใจมากเกินไป เจ้าเมืองกว่านจวินผงกศีรษะ มันไม่สำคัญว่าความสามารถของเด็กหนุ่มจะดีเพียงใดในบททดสอบที่สอง

ไม่ช้า บททดสอบที่สองก็สิ้นสุดลง

จ้าวเฟิงคำนวณคะแนนของเขาซึ่งรวมแล้วอยู่ที่ 4

“ต่อไปเป็นบททดสอบค่ายกลเก้าลักษณ์” ผู้คุมกฎชิวนำกลุ่มคนไปยังตึกท่าทางเก่าแก่ใกล้ๆ

ในครานี้ เหล่าคนรุ่นเก่าที่นำผู้สืบทอดของตนมาต่างไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปภายใน กระทั่งเด็กหนุ่มสาวที่เข้ารับบททดสอบก็ยังต้องเข้าไปทีล่ะคน

“บททดสอบนี้ดูค่อนข้างลึกลับไม่น้อย” จ้าวเฟิงพึมพำกับตนเอง

เด็กหนุ่มสาวที่เข้ารับการทดสอบได้เดินเข้าไปภายในทีล่ะคน อัจฉริยะส่วนมากได้ออกจากตึกนั้นด้วยคิ้วที่ขมวดมุ่นและท่าทางฉุนเฉียว

“เจ้าต้องเยือกเย็นอยู่เสมอในบททดสอบที่สาม แต่เมื่อดูจากความสามารถในการเข้าใจของเจ้าแล้ว บททดสอบนี้ย่อมไม่เป็นปัญหานัก” เจ้าเมืองกว่านจวินเอ่ยเสียงแผ่ว

จ้าวเฟิงผงกศีรษะ ตั้งแต่ที่ดวงตาซ้ายได้หลอมรวมกับเขา ปฏิกิริยาตอบโต้และความสามารถในการเข้าใจในสิ่งต่างๆ ได้เพิ่มมากขึ้น

หลังจากนั้นชั่วครู่ จึงเป็นตาของจ้าวเฟิงในที่สุด

“หมายเลข 49 จ้าวเฟิง!”

ด้วยเสียงเรียกของศิษย์ผู้หนึ่ง จ้าวเฟิงได้เดินเข้าไปในอาคารเก่าแก่นั้น

ภายในตึกนั้นว่างเปล่า กระทั่งศิษย์ของพรรคก็ยังมีจำนวนไม่มาก

“ไปข้างบน”

ศิษย์สองคนยืนอยู่ข้างบันได

จ้าวเฟิงเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสองและเข้าไปภายใน เด็กหนุ่มพบกับภาพขนาดใหญ่ที่ถูกแขวนไว้บนผนัง

ภาพนั้นมีความล้ำลึกอย่างมาก และมีความรู้สึกราวกับว่ามันได้ขยับเคลื่อนไหว เมื่อเพ่งความสนใจไปที่มัน ภาพที่แตกต่างออกไปจะปรากฏขึ้น

จ้าวเฟิงตะลึง มันย่อมมีบางอย่างผิดปกติในรูปนี่!

แค่ก!

เสียงเสียงหนึ่งได้ขัดจังหวะเด็กหนุ่ม

ด้านซ้ายและขวาของภาพนั้นปรากฏร่างของชายชราในชุดคลุมยาวและชายชราใบหน้าแดงก่ำอยู่ ผู้คุมกฎชิวทำเพียงยืนใกล้ทางออกและก้มโค้งเล็กๆ ในชั้นสอง ผู้คุมกฎชิวต้องยืนอยู่ด้านข้างไม่อาจกระทั่งนั่งลงได้ซึ่งทำให้จ้าวเฟิงตระหนักว่าตัวตนของชายชราทั้งสองนั้นพิเศษ

“ ค่ายกลเก้าลักษณ์ ‘ภาพมัจฉามายา’ ปรากฏ!”

ชายชราชุดขาวตบมือของเขาอย่างแผ่วเบาก่อนที่ภาพบนผนังนั้นจะเปลี่ยนแปลงไป

ภาพมัจฉามายานั้นสามารถเปลี่ยนแปลงได้ทั้งหมดเก้าครั้ง

“ภาพมัจฉามายานี้มีภาพที่แตกต่างกันทั้งหมด 9 ภาพ แต่ล่ะภาพจะยากขึ้นตามลำดับ บททดสอบนี้คือการบอกว่ามีปลาทั้งหมดกี่ตัวและพวกมันสีอะไร” ชายชราเคราขาวเอ่ย

จำนวนและสีของปลา?

จ้าวเฟิงผงกศีรษะอย่างเข้าใจ

ไม่ช้า เด็กหนุ่มก็ตั้งใจมองไปยังลักษณ์แรกที่ค่อนข้างง่าย

“ปลาสามตัว สีดำหนึ่ง สีเขียวสอง” จ้าวเฟิงเอ่ยตอบ

ชายชราเคราจาวเปลี่ยนไปยังภาพที่สองด้วยสีหน้าไร้อารมณ์

จ้าวเฟิงมองไปยังภาพซึ่งค่อนข้างซับซ้อนกว่าก่อนหน้า แต่มันก็ยังไม่อาจเล็ดรอดดวงตาอันแหลมคมของเขาไปได้

“ปลาห้าตัว สำดำหนึ่ง สีแดงสอง สีขาวสอง” จ้าวเฟิงเอ่ยตอบอย่างรวดเร็ว

หืม?

สีหน้าของชายชราเคราขาวและชายชราหน้าแดงเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย

คำตอบที่ถูกต้องของทุกๆ ภาพนั้นจะได้รับ 0.5 คะแนน และเด็กหนุ่มสาวก่อนหน้านี้สามารถได้รับหนึ่งคะแนนหรือมากกว่านั้น แต่พวกเขาต้องใช้เวลาคิดอย่างยาวนาน

การตอบโต้ของจ้าวเฟิงนั้นรวดเร็วกว่าผู้อื่นมาก ไม่ช้า ภาพที่สามก็ปรากฏขึ้น

“ปลาแปดตัว สีดำสอง สีขาวสอง สีแดงสาม สีเขียวหนึ่ง…” เด็กหนุ่มเอ่ยตอบโดยไร้ซึ่งความลังเล

ผู้อาวุโสทั้งสองมองหน้ากัน ก่อนจะเริ่มสำรวจจ้าวเฟิง

เมื่อลักษณ์ของภาพมัจฉามายาเข้าสู่ภาพที่สาม ความลึกล้ำจะปรากฏขึ้นและทำให้กระทั่งผู้ฝึกตนในขอบเขตก่อกำเนิดปราณต้องใช้เวลาชั่วครู่ในการคิด แต่จ้าวเฟิงนั้นสามารถที่จะให้คำตอบได้ในเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจ

ไม่ช้า ภาพก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง

“ปลาสิบสามตัว สีฟ้าห้า สีทองสาม…” จ้าวเฟิงหยุดไปชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยคำตอบออกมา

ความประหลาดใจฉายชัดในแววตาของผู้อาวุโสทั้งสอง

ตามกฎนั้น คนผู้หนึ่งจะได้รับคะแนนเต็มเมื่อพวกเขาผ่านภาพที่สี่ไปได้ แต่…

“ต่อ” ชายชราชุดขาวตบมือก่อนที่ภาพอีกภาพจะปรากฏขึ้น

วิ้ง

ลักษณ์ที่ห้านั้นซับซ้อนอย่างมาก จ้าวเฟิงเห็นภาพมัจฉาที่กำลังแหวกว่ายไปทั่วและกระโจนขึ้นเหนือธารา หากพลาดเพียงแค่จุดเล็กๆ ก็สามารถเปลี่ยนแปลงคำตอบไปได้อย่างรุนแรง

หลังจากคิดไปชั่วครู่ จ้าวเฟิงจึงเอ่ยตอบ

“ปลายี่สิบเจ็ดตัว สีน้ำตาลเจ็ด สีส้มหก…”

สีหน้าของชายชราทั้งสองเปลี่ยนแปลงไปขณะที่พวกเขามองไปยังจ้าวเฟิงด้วยความประหลาดใจและเร่าร้อน

ชายชราชุดขาวได้เปลี่ยนภาพไปเป็นลักษณ์ที่หก

ภาพที่หกนั้นเต็มไปด้วยความจริงและมายาที่ซ้อนทับกันไปมา

ในตอนนี้ ดวงตาของเด็กหนุ่มพลันแปรเปลี่ยนเป็นคมกริบ หลังจากที่จ้องภาพนั้นอยู่ชั่วครู่ เขาจึงเอ่ยตอบ

“ปลาสี่สิบแปดตัว สีม่วงเก้า สีดำสิบสอง…”

คำตอบของเด็กหนุ่มถูกต้องอีกครั้งอย่างไม่ต้องสงสัย

ความตื่นตะลึงปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชายชราทั้งสองขณะที่พวกเขามองหน้ากันเอง

จ้าวเฟิงราวกับรู้สึกได้ถึงบางอย่างเพราะการเปลี่ยนแปลงหลังจากภาพที่สี่นั้นได้เกินขอบเขตของอัจฉริยะไป เว้นเสียแต่พวกเขาจะมีความสามารถในการเข้าใจอย่างสูง

ชายชราเคราขาวถอนหายใจก่อนจะเปิดลักษณ์ที่เจ็ดขึ้น

ภาพที่เจ็ดนั้นยากกว่าก่อนหน้าอย่างมาก และจ้าวเฟิงจำต้องใช้ความสามารถของดวงตาซ้ายจนถึงขีดสุดเพื่อมองให้เห็นความจริง

คราวนี้ เขาครุ่นคิดไปชั่วขณะก่อนจะให้คำตอบที่ผิด

ฟู่วว

ชายชราเคราขาวและชายชราหน้าแดงพ่นลมหายใจออก หากอีกฝ่ายสามารถให้คำตอบที่ถูกต้องได้อีกครั้ง เขาย่อมเป็นสัตว์ประหลาดอัจฉริยะเป็นแน่ แต่พวกเขาจะรู้ได้อย่างไรว่าเด็กหนุ่มไม่ได้จงใจให้คำตอบที่ผิด?

“ข้าเป็นรองหัวหน้าของตำหนักหญ้าไพร เจ้าต้องการที่จะเข้าร่วมตำหนักและรับข้าเป็นอาจารย์หรือไม่?” ชายชราหน้าแดงเผยรอยยิ้มบาง

รองหัวหน้า? อาจารย์?

จ้าวเฟิงยืนนิ่งอึ้ง

“เฒ่ากวน หมายความว่าอย่างไร? เจ้าพยายามที่จะขโมยศิษย์ของข้าหรือ? ไม่เห็นหรือว่าจุดแข็งของเขานั้นอยู่ที่ค่ายกล? เขาเหมาะกับตำหนักภารกิจสำนักมากกว่า” ชายชราชุดขาวดูจะเคืองไม่น้อย

ด้วยเหตุใดเหตุหนึ่ง ชายชราทั้งสองได้เริ่มโต้เถียงกันอย่างไม่มีใครยอมใคร นี่ทำให้ผู้คุมกฎชิวที่อยู่ในมุมใกล้ๆ นิ่งอึ้ง เขาไม่คิดว่าเด็กหนุ่มผู้มีพรสวรรค์แสนธรรมดาเช่นนี้จะทำให้รองหัวหน้าตำหนักทั้งสองโต้เถียงกัน

ในสำนักจันทร์สลายนั้นมีตำหนักที่หลายหลากเช่น ตำหนักกฎเกณฑ์ ตำหนักหญ้าพร ตำหนักภารกิจสำนัก และตำหนักกลาง ตำหนักหญ้าไพรนั้นมีหน้าที่ในการปลูกสมุนไพร ปรุงยา และรักษา

ตำหนักหญ้าไพรนั้นเป็นที่นิยมอย่างมากสำหรับเหล่าผู้ปรุงยา และผู้เฒ่ากวนนั้นก็เป็นหนึ่งในนักปรุงยาที่เก่งกาจที่สุดในตำหนักหญ้าไพร

ตำหนักภารกิจสำนักนั้นทำหน้าที่ในการจัดการสิ่งต่างๆ ในสำนัก รวมทั้งการซ่อมและคงสภาพค่ายกลของเทือกเขา…

“หนุ่มน้อย เจ้าต้องการให้ผู้ใดเป็นอาจารย์ของเจ้า?” ชายชราเคราขาวเอ่ยถาม

“หนุ่มน้อย! เจ้าอาจไม่รู้ว่านักปรุงยานั้นสำคัญเพียงใด และสถานะของพวกเขานั้นสูงสุดเพียงใด…” ชายชราหน้าแดงเอ่ย

ผู้เชี่ยวชาญค่ายกลหนึ่งคนและนักปรุงยาหนึ่งคนต่างต้องการรับจ้าวเฟิงเป็นศิษย์ ทั้งพลังฝึกตนของพวกเขานั้นต่างสูงกว่าผู้คุมกฎชิว

รองหัวหน้าตำหนักทั้งสองต่างต้องการรับเขาเป็นศิษย์ แต่เด็กหนุ่มนั้นรู้สึกลำบากอย่างมากเมื่อการเข้าร่วมฝั่งใดฝั่งหนึ่งย่อมเป็นการสร้างความขุ่นเคืองให้กับอีกฝั่ง

แม้เขาจะต้องการหาผู้หนุนหลังหลังจากที่เข้าร่วมสำนัก แต่เขาจะรู้ได้อย่างไรว่าผู้ใดที่ควรค่าแก่การเชื่อถือ? คำกล่าวเพียงคำของไฮ่หยุนย่อมทำให้รองหัวหน้าตำหนักทั้งสองต้องค้อมคำนับด้วยความหวาดกลัว

จากสิ่งที่เจ้าเมืองกว่านจวินกล่าวกับเขานั้น ทางที่ดีที่สุดคือการเข้าเป็นศิษย์สายในก่อน จากนั้นจึงหาผู้หนุนหลังที่แข็งแกร่งโดยควรเป็นระดับผู้อาวุโส

“ขอบคุณสำหรับความหวังดีของพวกท่าน แต่ข้านั้นไม่มีประสบการณ์ทั้งในการปรุงยาหรือค่ายกล สิ่งที่ข้าต้องการตอนนี้มีเพียงแค่การกลายเป็นศิษย์สายในแล้วจึงค่อยพิจารณาถึงสิ่งอื่น”

จ้าวเฟิงปฏิเสธข้อเสนอของทั้งสองและเอ่ยในสิ่งที่เขาต้องการกระทำ

ชายชราเคราขาวและชายชราหน้าแดงต่างผิดหวัง ทว่าจากประกายแสงในดวงตาของพวกเขาดูเหมือนว่าพวกเขาจะยังไม่ยอมแพ้เมื่อจ้าวเฟิงเพียงเอ่ยว่าเขาจะพิจารณาหลังจากที่กลายเป็นศิษย์สายใน

เช่นนั้นพวกเขาเพียงแค่ต้องรอสักหน่อย…

ไม่ช้า คะแนนเต็ม 2 ก็ถูกประกาศขึ้นเมื่อเด็กหนุ่มเดินออกมา แต่ก่อนที่เขาจะจากไป เขาก็ได้เอ่ยขอดูภาพที่ 8 และ 9 ของภาพมัจฉามายา

เขารู้สึกว่าความเข้าใจท่อยู่ภายในภาพนั้นอาจกระทั่งซับซ้อนกว่ากระบวนท่าวายุทั้งสี่

รองหัวหน้าตำหนักทั้งสองย่อมไม่ปฏิเสธ

จ้าวเฟิงเปิดดวงตาซ้ายของเขาและคัดลอกภาพทั้งสองไปยังภายในมิติในดวงตาซ้าย ในตอนนี้ ลักษณ์ทั้งเก้าได้ปรากฏขึ้นภายในดวงตาซ้ายของเขา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version