Skip to content

King of Gods 1238

King Of Gods

บทที่ 1238 ตามหาแพทย์ผู้รักษา

สังหารอสูรขั้นสามในฝ่ามือเดียว สีหน้าจ้าวเฟิงนิ่งเฉยไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด

ยี่สิบห้าปีที่ผ่านมา ถึงแม้เขาจะเอาแต่รีบเดินทาง แต่ก็ไม่ลืมฝึกตน

ยิ่งไปกว่านั้น ฝึกตนอยู่ภายในชุดคลุมมิติเป็นเวลาสิบวัน โลกภายนอกเพิ่งจะผ่านไปเพียงวันเดียวเท่านั้น

ตอนนี้ ‘วิชาวายุอัสนีห้าสาย’ ขั้นสิบเอ็ดของจ้าวเฟิงอยู่ในขั้นบริบูรณ์แล้ว ฝ่ามือเมื่อครู่ได้หลอมรวมพลังเทพวายุอัสนีห้าสายเอาไว้ด้วย จากการหลอมรวมที่สมบูรณ์แบบของพลังเทพห้าธาตุ เป็นแค่อสูรขั้นที่สามก็ไม่สามารถตั้งรับได้แม้แต่น้อย ยิ่งไปกว่านั้น ‘วิชาวายุอัสนีห้าสาย’ ของจ้าวเฟิงพัฒนาไปจนถึงขั้นที่สิบสอง ความสามารถในการทำลายล้างเพิ่มมากขึ้น

ไม่ไกลนัก กลุ่มหกคนที่กำลังต่อสู้กับอสูรเก้าตัวหยุดชะงักลง

ลุงเหอที่อยู่ในกลุ่มจ้องจ้าวเฟิงอย่างตะลึงตะลาน จากนั้นจึงหยุดมองที่หานหนิงเอ๋อร์ แววตาเปล่งประกายอีกครั้ง เขารู้ดี เกรงว่าครั้งนี้ตนเองน่าจะมองพลาดไปแล้ว!

ส่วนชายร่างกำยำที่เมื่อครู่บอกว่าจ้าวเฟิงไม่ใช่ปฐมเทพขั้นสาม ไม่มีประโยชน์ใดๆ ก็ยิ่งอ้าปากค้าง มีสีหน้าคาดคิดไม่ถึง

ดูท่าทางแล้วจ้าวเฟิงไม่ใช่แค่ปฐมเทพขั้นสามธรรมดาๆ

ส่วนดรุณีชุดแดงปิดปากด้วยมือขาวเนียน ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ตนเห็น

นางเองก็เป็นปฐมเทพอัจฉริยะในเผ่า แต่เปรียบกับจ้าวเฟิงแล้วต่างกันราวแสงหิ่งห้อยกับแสงจันทร์ ท้องฟ้ากับผืนดิน

“เจ้ามนุษย์ เรื่องที่นี่ไม่เกี่ยวข้องกับเจ้า อย่ายุ่งให้มาก!”

ดวงตาเหยี่ยวแสงประกายที่เป็นอสูรขั้นสี่ตัวนั้นฉายแววชั่วร้ายโหดเหี้ยม จ้องจ้าวเฟิงพลางเอ่ยขู่

มันรู้สึกว่าจ้าวเฟิงแข็งแกร่งกว่าเทพแท้จริงขั้นสี่ตรงหน้าเสียอีก

“ท่านได้โปรดช่วยพวกเราด้วย เผ่าลายชาดจะตอบแทนท่านอย่างงามแน่!”

ลุงเหอพูดอีกครั้ง

เมื่อครู่เขาแนะนำให้หนีไปเสีย แต่จ้าวเฟิงก็ยังคงยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ดังนั้นเขาจึงเชื่อมั่นว่าจ้าวเฟิงจะต้องไม่ทิ้งคนใกล้ตายแน่

จ้าวเฟิงผงกศีรษะเล็กน้อยเพื่อตอบตกลง

ทุกคนในกลุ่มตื่นตะลึง เมื่อครู่เพิ่งจะหัวเราะเยาะที่จ้าวเฟิงไม่รู้จักประมาณพลังตนเอง แต่ตอนนี้อีกฝ่ายยังคงยินดีช่วยเหลือพวกเขา

ความสามารถของจ้าวเฟิงอยู่เหนือปฐมเทพขั้นสามอย่างยิ่ง ถ้าได้ความช่วยเหลือจากจ้าวเฟิง พวกเขาจะต้องรอดพ้นจากอันตรายอย่างแน่นอน

“พวกเจ้าทั้งสามไปขวางมนุษย์คนนั้นเอาไว้!”

เหยี่ยวแสงประกายอสูรขั้นสี่สั่งอสูรอีกสามตัวข้างๆ

สวบ! สวบ! สวบ! มีอสูรขั้นสามสามตัวพุ่งไปหาจ้าวเฟิง

ส่วนอสูรหกตนที่เหลือกลับใช้พลังทั้งหมดโจมตีกลุ่มเผ่าลายชาดอย่างรุนแรง

พวกเผ่าลายชาดบาดเจ็บหนัก เสียพลังไปมาก ขอแค่พวกมันจัดการทั้งหกคนได้ เจ้ามนุษย์ผมทองก็ไม่น่ากลัวอีกต่อไป

“อสูรขั้นที่สามสามตัว!”

ครั้งนี้ อสูรขั้นสามสามตนพุ่งทะยานไปหาจ้าวเฟิง เผ่าลายชาดจำนวนไม่น้อยกังวลใจ

“ไม่ต้องกังวล เขายังมีสหายอีกคน!”

ลุงเหอพูดในทันที

เมื่อได้ยินเช่นนี้ คนอื่นที่เหลือจึงสบายใจ

จ้าวเฟิงแข็งแกร่งขนาดนี้ หญิงงามที่ติดตามเขานางนั้นย่อมไม่ใช่คนที่อ่อนแอแน่

โครม!

การต่อสู้เริ่มขึ้นอีกครั้ง กลุ่มเผ่าลายชาดเจอทางรอด กำลังรบก็เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว โจมตีไปยังอสูรเหยี่ยวแสงประกาย

“ระวัง คนผู้นี้ผิดปกติ!”

อสูรขั้นสามล้อมรอบพวกจ้าวเฟิงไม่ได้บุกโจมตีอย่างไร้สติ

การตายของสหายก่อนหน้านี้ยังตราตรึงอยู่ในสมองของพวกมัน แต่ครั้งนี้พวกมันแค่ต้องขวางจ้าวเฟิงเอาไว้ ไม่จำเป็นต้องสู้ด้วยสุดชีวิต

พวกมันไม่กล้าลงมือ แต่จ้าวเฟิงกลับชิงลงมือแทนแล้ว

ฟิ้ว แซ่ด!

จ้าวเฟิงกลายร่างเป็นแสงอัสนีสายหนึ่ง รุกคืบเข้าใกล้อสูรขั้นสามตัวหนึ่งทันที

“รวดเร็วเหลือเกิน!”

จ้าวเฟิงปรากฏกายขึ้นตรงหน้า เร็วจนมันตอบโต้อะไรไม่ทัน

ตูม! จ้าวเฟิงไม่พูดไม่จา โบกฝ่ามือออกไป สายฟ้าห้าสีสายหนึ่งดุจอสรพิษยักษ์ รัดร่างอสูรขั้นสามตนนี้เอาไว้

อสูรขั้นที่สามตนนี้เดิมชำนาญในด้านความเร็วอย่างยิ่ง แต่กระบวนท่าของจ้าวเฟิงทะลวงผ่านอากาศตรงไปหามัน จะหลบก็ยังหลบไม่ได้

“อ๊าก…” อสูรขั้นสามร้องโหยหวนขณะกระเด็นออกไป ร่างมันมีรอยไหม้ดำเมี่ยมชวนสะพรึงขวัญเส้นหนึ่ง

แววตาจ้าวเฟิงไม่เปลี่ยนแปลง มองอสูรขั้นสามตัวที่สอง

เวลายี่สิบห้าปี เสวียนอ้าวมิติของเขาทะลวงผ่านขั้นที่สี่

ในตอนนี้เขาสามารถศึกษาเสวียนอ้าวมิติจนคุ้นชิน ท่าร่างและการโจมตีที่ใช้ทำให้ผู้อื่นหลบหลีกไม่ได้ แต่ยามจัดการอสูรขั้นสามตัวนี้จนบาดเจ็บสาหัสแล้ว อสูรขั้นสามอีกสองตัวที่เหลือก็โจมตีจ้าวเฟิงอย่างรุนแรงทันที

เห็นเพียงแสงกรงเล็บชั่วร้ายมหาศาลลอบโจมตีจ้าวเฟิงจากด้านหลัง การโจมตีที่ดุดันทั้งสองกำลังจะฉีกทึ้งจ้าวเฟิงออกเป็นชิ้นๆ

วูบ แซ่ด แซ่ด!

ร่างจ้าวเฟิงพลันเปล่งแสงสายฟ้าเป็นประกาย พุ่งตรงออกไปหลายลี้พร้อมกับเสียงดังโครมคราม

“การโจมตีของพวกเจ้ายังตามความเร็วข้าไม่ทันด้วยซ้ำ!”

จ้าวเฟิงมองอสูรทั้งสองตัวก่อนจะหัวเราะเยาะ

เดิมจ้าวเฟิงชำนาญด้านความเร็ว ยิ่งตอนนี้หลอมรวมเสวียนอ้าวมิติที่ลึกล้ำสูงส่ง อาศัยแค่ความเร็วเขาก็หลบการโจมตีของเทพแท้จริงขั้นสามได้

“เสวียนอ้าวมิติสูงส่งลึกล้ำ!” อีกด้านหนึ่ง แววตาลุงเหอเป็นประกาย

จ้าวเฟิงเป็นแค่ปฐมเทพยังบรรลุเสวียนอ้าวมิติที่ยากมาก หนำซ้ำความสำเร็จยังเหมือนจะสูงกว่าเขา

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ปฐมเทพทั้งสามคนของเผ่าลายชาดมีสีหน้าตื่นตะลึง

ในพวกเขาสามคน มีเพียงแค่สองคนเท่านั้นที่เพิ่งจะเข้าใจเสวียนอ้าวแห่งไฟ แต่นี่เป็นเพราะสายเลือดของตัวพวกเขาเองด้วย

เสวียนอ้าวมิติที่สูงส่งกว่านั้น พวกเขาไม่รู้เลย

“บัดซบ เจ้าคนผู้นี้!” เหยี่ยวแสงประกายมองฝีมือที่สูงส่งของจ้าวเฟิงออก

ตัวของมันชำนาญเสวียนอ้าวแสงและเสวียนอ้าวมิติ แต่มันก็ยอมรับว่าความเร็วของมันไม่เท่าจ้าวเฟิง

“รีบสู้รีบจบ!”

จ้าวเฟิงผละออกจากอสูรขั้นสามสองตัว พุ่งเข้าไปหากลุ่มลุงเหอผู้ถูกล้อมไว้ทันที

“เอาชนะอสูรขั้นสี่ตัวนี้ก่อน!” จ้าวเฟิงเอ่ยเสียงเรียบ

จากนั้นจ้าวเฟิงร่วมมือกับลุงเหอ โจมตีเหยี่ยวแสงประกายเต็มกำลังทันที

การโจมตีของจ้าวเฟิงแฝงเสวียนอ้าวมิติ ทำให้เหยี่ยวแสงประกายหลบไม่พ้น

ส่วนเหยี่ยวแสงประกายมีร่างกายธรรมดาอย่างยิ่ง หลังจากถูกพลังเทพห้าธาตุของจ้าวเฟิงโจมตีไปแล้วก็ไม่มีแรงจะทำอะไรอีก อีกทั้งเหยี่ยวแสงประกายรู้สึกว่าจ้าวเฟิงไม่ได้ตั้งใจจะสู้กับมันเลยแม้แต่น้อย ตั้งแต่เริ่มจนจบไม่ได้ใช้เท่าไม้ตายใดๆ เลย

“ไป!” เหยี่ยวแสงประกายคำราม ชิงหนีไปก่อนตัวแรก

ทันทีที่เหยี่ยวแสงประกายขั้นสี่หนีไป อสูรที่เหลือก็ถอนกำลัง

เหล่าอสูรถอยร่นหนีไป เผ่าลายชาดเหมือนยกภูเขาออกจากอก ร่างกายพลันไร้เรี่ยวแรง อย่างไรเสียพวกเขาก็ถูกล้อมโจมตีเป็นเวลาสองเดือน ร่างกายและจิตใจเหนื่อยล้าอย่างยิ่ง

“ขอบคุณท่านมากที่ยื่นมือช่วยเหลือ ไม่ทราบว่าทั้งสองท่านต้องการความช่วยเหลืออะไรหรือไม่? ขอแค่เผ่าลายชาดช่วยได้ พวกเรายินดีช่วยสุดความสามารถ!”

ลุงเหอเอ่ยพลางหัวเราะ

“ใช่แล้ว พี่ชาย ท่านจะไปเขตเทพสวรรค์ด้วยธุระอะไรหรือ?”

ดรุณีชุดแดงสาวเท้าเข้ามาใกล้ทันที ดวงตาสองข้างจ้องจ้าวเฟิงอย่างตื่นตะลึง

จ้าวเฟิงดูอายุไม่มาก แต่กำลังรบทรงพลัง หนำซ้ำยังเข้าใจในเสวียนอ้าวมิติด้วย

“หุบปาก เสี่ยวซี!” ลุงเหอพลันตะโกน

พลังของจ้าวเฟิงต้องไม่ใช่แค่ปฐมเทพขั้นสามธรรมดา ต้องเป็นอัจฉริยะของขั้วอำนาจห้าดาวหรือสี่ดาวระดับสุดยอดสักแห่ง ไม่ใช่คนที่เผ่าลายชาดจะเปรียบเทียบได้

แต่เหอซีกลับเอ่ยปากถามจุดประสงค์ในการเดินทางครั้งนี้ของอีกฝ่าย อาจหาญเกินไปแล้ว

เหอซีเม้มริมฝีปาก ไม่พูดอะไรอีก

“พวกเรามาที่เขตเทพสวรรค์เพื่อหาแพทย์คนหนึ่ง!”

จ้าวเฟิงบอกอย่างตรงไปตรงมา

ทั้งสองออกเดินทางมาที่เขตเทพสวรรค์ โดยไม่มีแผนที่ แถมยังไม่รู้จักใคร

แต่เมื่อหลายหมื่นปีก่อน สำนักรากฐานเทพที่หานหนิงเอ๋อร์อยู่ส่งศิษย์ผู้มีพรสวรรค์ในศาสตร์แพทย์คนหนึ่งมาที่เขตเทพสวรรค์

ถ้าหากหานหนิงเอ๋อร์หาผู้อาวุโสร่วมสำนักเจอ เรื่องทั้งหมดก็จะคลี่คลาย

“บังเอิญอะไรแบบนี้ พวกเราเองก็เดินทางไปที่เขตเทพสวรรค์เพื่อหาแพทย์ผู้รักษาเช่นกัน!”

ลุงเหอยังไม่ได้พูดอะไร ดรุณีชุดแดงผู้นั้นก็บอกด้วยความตื่นเต้น

จากการถามไปมา เผ่าลายชาดจึงรู้ว่าจ้าวเฟิงไม่รู้ว่าแพทย์คนนั้นอยู่ที่ไหน และอยู่ในขั้วอำนาจใด

“ครั้งนี้พวกเราก็เดินทางไปที่ขั้วอำนาจศาสตร์แพทย์ ท่านทั้งสองไปกับพวกเราไม่ดีหรือ เมื่อถึง ‘ตำหนักอโรคา’ ไม่แน่ว่าในนั้นอาจจะมีคนรู้จักแพทย์ที่พวกท่านต้องการตามหาก็ได้!”

ลุงเหอครุ่นคิดครู่หนึ่ง และเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา

พลังจ้าวเฟิงสูงส่งอย่างยิ่ง อนาคตภายหน้ายาวไกลไม่มีสิ้นสุด ดังนั้นลุงเหอจึงหยิบยื่นความเป็นมิตรให้ เรื่องที่พอช่วยได้ก็พยายามจะช่วย

“ได้!” จ้าวเฟิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วตอบตกลงทันที

พวกเขามาที่เขตเทพสวรรค์เป็นครั้งแรก ไม่คุ้นเคยกับคนและพื้นที่ จะหาผู้อาวุโสร่วมสำนักกับหานหนิงเอ๋อร์ แต่กลับไม่รู้จะทำอย่างไร

ถ้าหากผู้อาวุโสของหานหนิงเอ๋อร์อำพรางตัวได้ไม่เลว น่าจะหาอีกฝ่ายเจอผ่านทางแพทย์บางส่วนได้ง่ายดาย จากนั้นจ้าวเฟิงจึงติดตามกลุ่มเผ่าลายชาด เดินทางไปพร้อมกัน

“พี่ชาย พลังของพี่สาวคนนี้ไม่ได้เก่งกาจเหมือนท่านหรือ?”

เหอซีจ้องหานหนิงเอ๋อร์ตลอดทาง จากนั้นเอ่ยถาม

เดิมเหอซีเป็นดรุณีงามลำดับหนึ่งของเผ่าลายชาด แต่ทุกครั้งที่เห็นหานหนิงเอ๋อร์ รูปโฉมที่นางเคยมั่นใจนักหนาก็ด้อยค่าลงไป

ตลอดทางชายคนอื่นในกลุ่มเอาแต่สอดส่ายมองหานหนิงเอ๋อร์ ใบหน้าฉายแววลุ่มหลง

การต่อสู้เป็นตายเมื่อครู่ พวกเขาไม่ได้ใยดีหานหนิงเอ๋อร์ จนเมื่อรอดพ้นจากอันตรายจึงเพิ่งเห็นความงามของนาง ถึงแม้หานหนิงเอ๋อร์จะไม่พูดอะไรออกมา แต่กลับน่าดึงดูดอย่างประหลาด เมื่อยืนข้างกายนางจิตใจจะปลอดโปร่ง เบิกบาน อาการบาดเจ็บฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว

“ข้าไม่ชำนาญการรบ เพียงชำนาญวิชารักษาบางอย่างเท่านั้น!”

หานหนิงเอ๋อร์บอกด้วยตนเอง

เมื่อเอ่ยออกมา ดวงตาทั้งหกคนเป็นประกาย

แพทย์ผู้รักษาในดินแดนเทพรกร้างเป็นอาชีพที่เป็นที่นิยมอย่างยิ่ง เพราะการต่อสู้และปัญหาในขั้วอำนาจน้อยใหญ่เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง

เผ่าลายชาดเดินทางมาเขตเทพสวรรค์ในครั้งนี้เพื่อขอยาไปรักษายอดฝีมือที่บาดเจ็บสาหัสผู้หนึ่งในเผ่า

“แม่นางหาน หากไม่รังเกียจแล้วละก็ ช่วยดูอาการบาดเจ็บให้ข้าหน่อย!”

ชายร่างกำยำผู้หนึ่งในกลุ่มคนเอ่ยพร้อมระบายยิ้ม หลายคนที่เหลือก็มีท่าทีว่าต้องการให้หานหนิงเอ๋อร์รักษาให้พวกเขา

พวกเขาบาดเจ็บหนัก อีกทั้งหานหนิงเอ๋อร์ยังงามขนาดนี้ หนำซ้ำยังเป็นแพทย์ ทำให้พวกเขามีหัวข้อที่จะคุยด้วยพอดี

หานหนิงเอ๋อร์ไม่ได้ปฏิเสธ ช่วยพวกเขาดูอาการบาดเจ็บ หยิบเอาโอสถวิญญาณบางส่วนออกมารักษาให้ ตัวนางเองเป็นคนของสำนักรากฐานเทพ จึงรักษาอาการบาดเจ็บบางอย่างโดยไม่ต้องใช้เนตรชีวิตก็ได้

“วิชารักษาของแม่นางหานสูงส่งอย่างยิ่ง ท่านคงจะเป็นแพทย์ของขั้วอำนาจศาสตร์แพทย์สักแห่งกระมัง!

ชายผู้นี้อดชมไม่ได้

เป็นเพราะหานหนิงเอ๋อร์มีเนตรชีวิต ผลการรักษาจึงส่งผลเป็นสองเท่า ดังนั้นวิชาการรักษาของนางจึงไม่เลวจริงๆ

ตลอดทาง คนของเผ่าลายชาดพูดคุยกับพวกจ้าวเฟิงอย่างกระตือรือร้น

อย่างไรเสียในสายตาพวกเขา พลังของจ้าวเฟิงก็แข็งแกร่งยิ่งนัก ศักยภาพในภายหน้าจะไร้ขอบเขต ส่วนวิชารักษาของหานหนิงเอ๋อร์สูงส่งลึกล้ำ แถมยังเป็นหญิงงามด้วย ในภายหน้าต้องกลายเป็นแพทย์ที่โดดเด่นแน่

ทุกคนเดินทางผ่านป่าทะลวงนภาอย่างรวดเร็ว

ก่อนนี้กลุ่มเผ่าลายชาดโดนอสูรโจมตี ล้วนแต่เป็นเพราะเทพโบราณสองคนทำให้อสูรแตกตื่นโกลาหล

ตอนนี้กลุ่มมีจำนวนคนเพิ่มขึ้น อสูรส่วนหนึ่งจึงไม่กล้าเข้ามาวุ่นวาย

“เทพโบราณสองคน?” จ้าวเฟิงตกตะลึง

เทพโบราณไม่ได้มีให้เห็นบ่อยๆ นอกจากเทพโบราณที่ไล่ล่าสังหารจ้าวเฟิงแล้วเขายังไม่เคยเห็นเทพโบราณคนอื่นอีก แต่เผ่าลายชาดกลับเจอเทพโบราณทั้งสอง นี่ทำให้จ้าวเฟิงหวั่นใจ ก่อนจะตกอยู่ในภวังค์ความคิดอย่างรวดเร็ว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version