บทที่ 1253 ทะลวงขอบเขตเซียนสวรรค์ (2)
เส้นผมหลายเส้นนั้นสะบัดพลิ้วอย่างงดงามยิ่งในอากาศราวมีชีวิต
เส้นผมปรากฏสีเงินเพิ่มขึ้น ข้างในกลับมีสีอื่นเช่นแดง เหลือง เขียว ฟ้า และดำไหลเวียน การเปลี่ยนแปลงระหว่างสีแต่ละสีทั้งน่าอัศจรรย์และเป็นธรรมชาติ
แน่นอน ในตอนนี้จ้าวเฟิงไม่มีใจที่จะไปสังเกตพวกนี้อย่างละเอียด
เขารู้เพียงแต่ว่าตัวเองอยู่ในช่วงเวลาสำคัญในการสร้างรากฐานเทพ แต่ดวงตาเทพเจ้าของเขากลับเกิดการแปรสภาพขึ้น
“ทำอย่างไรดี?” ใจของจ้าวเฟิงค่อนข้างร้อนรน
จากประสบการณ์ที่ผ่านมา การแปรสภาพของดวงตาเทพเจ้าอาจทำให้เขาหลับลึกไปอย่างสมบูรณ์ อีกทั้งเวลาที่หลับลึกก็ไม่แน่นอนอีกด้วย
ตอนนี้เขาสร้างรากฐานเทพขั้นที่สามได้แล้ว แต่หากถึงช่วงเวลาสำคัญสุดท้าย ดวงตาเทพเจ้าเกิดการแปรสภาพ ทำให้เขาหลับลึกไป เช่นนั้นก็แย่แน่ๆ
หากการสร้างรากฐานเทพล้มเหลว เขาก็จะกลับคืนสู่สภาพเดิม อีกทั้งยังต้องใช้เวลานานมากจึงจะสามารถฟื้นฟูกลับมาได้ แต่การบีบคั้นจากเผ่าพันธุ์วิญญาณก็ไล่หลังมา เขาจะต้องทะลวงตำแหน่งเทพให้เร็วที่สุด แล้วจัดการกับภัยคุกคามพวกนี้
ระหว่างลังเลอยู่ชั่วขณะ จ้าวเฟิงตัดสินใจทะลวงขอบเขตต่อไป
จากประสบการณ์ที่ผ่านมา สีผมเปลี่ยนไปเป็นเพียงแค่สัญญาณบอกถึงการแปรสภาพของดวงตาเทพเจ้าเท่านั้น เวลาของการแปรสภาพที่แน่นอนยังต้องรออีกช่วงหนึ่ง
“จะต้องทะลวงตำแหน่งเทพให้สำเร็จก่อนที่ดวงตาเทพเจ้าจะแปรสภาพ!”
ในดวงตาของจ้าวเฟิงฉายแววเด็ดเดี่ยว
นอกตำหนัก คลื่นวนห้าสีมหึมาและความเร็วของรากฐานเทพที่ดูดซับไอสวรรค์พลันชะงัก ปรากฏการณ์นี้ทำให้คนรอบๆ มีสีหน้าตื่นตะลึง
“จบแล้วรึ? มีเพียงแค่รากฐานเทพสามขั้นเท่านั้น?”
“ฮ่าๆ ก็ได้แค่นี้แหละนะ ถึงแม้เขาจะสามารถเอาชนะเทพแท้จริงขั้นสี่ได้ แต่ศักยภาพตนมีจำกัด…”
ในบรรดาศิษย์หลักที่อยู่ใกล้ที่สุด คนจำนวนไม่น้อยเยาะเย้ย
ก่อรากฐานเทพสามขั้น ในบรรดาศิษย์หลักของเผ่าพันธุ์วิญญาณมีจำนวนมากมายที่สามารถทำได้เช่นนี้
“ไม่มีทาง ไม่มีทางหยุดอยู่แค่นี้แน่นอน!…”
จากที่ไกลๆ จ้าวหยูเฟยเชื่อมั่นในจ้าวเฟิง รากฐานเทพสามขั้นไม่ใช่จุดสิ้นสุด
ในยามนี้เอง เหนือตำหนักใหญ่โตนั่น เงารากฐานเทพอีกขั้นหนึ่งกำลังก่อเค้าร่างขึ้น
“รากฐานเทพขั้นสี่!” รอบด้านฮือฮากันทั่ว!
สามารถเอาชนะเทพแท้จริงขั้นสี่ได้ ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถก่อรากฐานเทพสี่ขั้นได้ แต่สามารถทำได้ถึงจุดนี้ นั่นหมายถึงพรสวรรค์และศักยภาพของเขาล้ำเลิศยิ่ง
บนท้องฟ้า สีหน้าท่าทางของเทพโบราณหลายคนเปลี่ยนไป
“เด็กนี่ถึงแม้จะไม่มีสายเลือดสูงส่ง แต่ศักยภาพไม่เลวเลย!”
“รากฐานเทพขั้นสี่มั่งคงเป็นอย่างยิ่ง แค่เพียงก่อเป็นรูปร่าง ขั้นสี่ไร้ศัตรู สามารถเอาชนะขั้นห้าได้!”
เทพโบราณทั้งหลายสายตาเฉียบคม สามารถวิเคราะห์ออกมาได้จากปรากฏการณ์ที่เลือนรางนี้
ในยามนี้ ไม่ไกลนักมีเงาคนหลายร่างปรากฏขึ้น
“นั่นมัน คนของ ‘แดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิต’!”
กลุ่มคนที่คอยสังเกตปรากฏการณ์ประหลาดของการทะลวงขั้นของจ้าวเฟิงแถวๆ นั้น ถูกลูกศิษย์หนุ่มสามคนดึงดูดไปทันใด
“คิดไม่ถึงเลยว่าสหายเซี่ยโหวจะมาเยือนด้วย…”
ศิษย์หลักเผ่าพันธุ์วิญญาณแถวนั้นรีบมารับหน้าทันที
แดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิต ขั้วอำนาจที่ปกครองเขตเทพสวรรค์ เผ่าพันธุ์วิญญาณอยู่ต่อหน้า จำต้องก้มหัวให้
ในสามคนนั้น ผู้ที่เป็นผู้นำสวมชุดสีเขียวอ่อนสะอาดเรียบง่าย ร่างกายกำยำเหยียดตรง ดวงตาสีเขียวมรกตส่องประกาย
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” ชายกำยำคนนั้นมองไปยังวังของจ้าวเฟิงอย่างสงสัยเล็กน้อย
คนคนนี้ก็คือเทพแท้จริงขั้นหกเซี่ยโหวอู่แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิต ผู้ครอบครองเนตรชีวิต หนึ่งในผู้เกี้ยวพาจ้าวหยูเฟย
“สหายเซี่ยโหว ท่านก็รู้ ในเผ่าพันธุ์วิญญาณมีลูกหลานมากมายมาเกี้ยวพาจ้าวหยูเฟย แต่เจ้าเด็กนี่กลับได้ใจของจ้าวหยูเฟยไป ดังนั้นพวกเราจึงส่งหนังสือท้าประลองไปให้ เจ้าเด็กนี่พลังใช้การไม่ได้ ดังนั้นจึงรีบร้อนทะลวงตำแหน่งเทพ…”
จางอวี่ถงยิ้มรับหน้า
ถึงแม้เขาก็เป็นเทพแท้จริงขั้นหกเช่นกัน มีสายเลือดเผ่าพันธุ์วิญญาณ แต่ก็ไม่ใช่คู่มือของเซี่ยโหวอู่ นอกจากนั้น ขั้วอำนาจที่เซี่ยโหวอู่อยู่ก็สูงกว่าเผ่าพันธุ์วิญญาณหนึ่งระดับ
“สหายเซี่ยโหวท่านก็มาที่นี่เพื่อท้าประลองกับเขาเช่นกันรึ?”
ศิษย์หลักเผ่าพันธุ์วิญญาณคนหนึ่งถามขึ้น
“ไม่จำเป็น!” เซี่ยโหวอู่พูดอย่างเย็นชา สายตามองไปยังไกลๆ ตรงตำแหน่งที่จ้าวหยูเฟยอยู่
สำหรับเขา ต่อให้จ้าวเฟิงทะลวงตำแหน่งเทพก็ไม่มีทางเป็นคู่มือของคนของเผ่าพันธุ์วิญญาณพวกนี้ได้ ไม่จำเป็นที่เขาต้องลงมือเลย นอกจากนั้น ในเมื่อจ้าวเฟิงเป็นชายที่จ้าวหยูเฟยชอบพอ หากเขาดูหมิ่นจ้าวเฟิงต่อหน้า จ้าวหยูเฟยจะต้องเกลียดแค้นอย่างแน่นอน
มิสู้ให้คนของเผ่าพันธุ์วิญญาณลงมือขับไล่จ้าวเฟิงไป ส่วนเขาก็ไปปลอบโยนเอาใจจ้าวหยูเฟยแทน
“ใช่ๆ พวกกระจอกพวกนี้จะมีค่าให้สหายเซี่ยโหวออกโรงเองได้อย่างไร!”
จางอวี่ถงยังคงยิ้มพูดประจบ
บนท้องฟ้า สายตาของเทพโบราณเผ่าพันธุ์วิญญาณก็ประเมินไปยังร่างของคนแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตทั้งสามเช่นกัน
“แก่นแท้ร่างกายของพวกเขาแข็งแกร่งมาก รวมกับพลังรักษาตัวและพลังฟื้นฟูที่เลิศล้ำ เพียงแค่พกพาอาวุธเทพป้องกันวิญญาณสองสามชิ้น ในระดับขั้นเดียวกันก็ไม่มีศัตรูเลย!”
“สมกับที่เป็นอัจฉริยะแดนศักดิ์สิทธิ์ ศิษย์หลักเผ่าพันธุ์วิญญาณเทียบแล้วก็เห็นได้ว่าไม่อาจสู้ได้”
ครืน ฟู่ ฟู่!
ไอสวรรค์ฟ้าดินรอบๆ เผ่าพันธุ์วิญญาณถูกคลื่นวนไอสวรรค์ห้าสีดึงดูดอย่างบ้าคลั่ง ส่งเข้าไปในกายของจ้าวเฟิงที่อยู่ในห้วงฝันบรรพกาล
ขณะเดียวกัน ในสายแร่ผลึกเซียนระดับล่างใต้พื้นที่จ้าวเฟิงนั่งอยู่ ไอสวรรค์ฟ้าดินและพลังเทพมหาศาลก็มอบให้เขาดูดซับ นอกจากนั้น ของล้ำค่าที่เขาเตรียมเอาไว้เพื่อทะลวงขอบเขตก็ใช้หมดสิ้นแล้ว
หลังจากนั้นครึ่งเดือน ในที่สุดรากฐานเทพขั้นสี่ก็ก่อร่างสำเร็จ
“ต่อไปก็เป็นขั้นที่ห้า!” ใจของจ้าวเฟิงค่อนข้างฮึกเหิม ในขณะเดียวกันก็ออกจะร้อนรน
ในยามนี้ ผมสีทองอ่อนของเขามีส่วนหนึ่งแปรสภาพเป็นสีเงินแล้ว แต่เส้นผมสีเงินก็ค่อยๆ เปลี่ยนสีไปตามการพลิ้วไหวอย่างธรรมชาติ ทำให้รู้สึกลื่นไหลราวกับเป็นความฝัน และตาซ้ายของเขาก็มีความรู้สึกเหนื่อยล้า
ในมิติเนตรเทพเจ้า ลูกทรงกลมสีทองลูกนั้นหมุนเร็วจี๋ สีก็เกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน
ลูกทรงกลมสีทองนั่นเปลี่ยนไปจนค่อยๆ ใกล้เคียงกับสีเงิน พื้นผิวกลับมีระลอกแสงเลือนรางดุจความฝันสีสันพร่างพรายชั้นหนึ่ง ราวกับว่าในลูกทรงกลมลูกนี้บรรจุของเหลวมายาเอาไว้ก็ไม่ปาน
ในยามที่เค้าโครงด้านนอกของรากฐานเทพขั้นห้าก่อร่างขึ้น โลกภายนอกก็ฮือฮากันทั่ว
“รากฐานเทพขั้นที่ห้า เจ้าเด็กนี่ช่างกล้าเสียจริง!”
“ฮ่าๆ แค่เพียงเริ่มสร้างรากฐานเทพ ไร้กำลังตอนท้าย นั่นก็เท่ากับว่าที่ลงแรงไปก่อนหน้านี้สูญเปล่าไปทั้งสิ้น!”
ลูกศิษย์รอบด้านจำนวนไม่น้อยพูดหัวเราะขึ้นทันใด
แต่ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็ค่อนข้างริษยา ริษยาที่จ้าวเฟิงกล้าสร้างรากฐานเทพขั้นที่ห้า ริษยาที่เขาสามารถสร้างต้นแบบของรากฐานเทพขั้นที่ห้าออกมาได้
“หึ ไม่รู้จักประมาณตน!” เซี่ยโหวอู่แค่นเสียงเย็น
คนที่สามารถพิสูจน์ตำแหน่งเทพขั้นห้าได้มีเพียงแค่ปฐมเทพที่เยี่ยมยอดที่สุดของแดนศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นจึงจะเป็นไปได้ ยกตัวอย่างเช่น ‘ปฐมเทพก้วนหลง’ แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตคนนั้น
“ฮ่าๆ เจ้าเด็กนี่เกรงว่าจะล้มเหลวเสียแล้ว ความล้มเหลวในการทะลวงตำแหน่งเทพทุกครั้งจะเสียศักยภาพไปในระดับหนึ่ง เขาไร้ประโยชน์แล้ว…”
จางอวี่ถงยิ้มพูดขึ้น
ทะลวงตำแหน่งเทพล้มเหลว จ้าวเฟิงจะมีหน้าอะไรอยู่ในเผ่าพันธุ์วิญญาณได้
บนท้องฟ้า เทพโบราณที่สังเกตสถานการณ์ด้านล่างก็ถอนหายใจเฮือกเช่นกัน
“แต่เดิมหากเพียงจ้าวเฟิงประณีประนอม เผ่าพันธุ์วิญญาณก็จะฝึกฝนเขาอย่างเต็มกำลัง ต่อให้เขาชอบพอกับจ้าวหยูเฟยก็ไม่ใช่ปัญหา แต่ตอนนี้เป็นไปไม่ได้แล้ว…”
เทพโบราณชุดดำคนนั้นยิ้มเย็นชา “เฮ้อ หวังว่าเขาจะทำได้สำเร็จ!”
เทพโบราณฝูหลิงทอดถอนใจในใจ
สำหรับเขา จ้าวเฟิงกำลังวางเดิมพัน หากเขาพิสูจน์ตำแหน่งเทพขั้นห้าได้เลย เผ่าพันธุ์วิญญาณจะต้องไม่กีดขวางเขากับจ้าวหยูเฟย แต่หากล้มเหลวก็หมายถึงว่าจ้าวเฟิงไม่คู่ควรกับจ้าวหยูเฟย
“หืม? มีเทพโบราณเข้ามาใกล้!”
สายตาของเทพโบราณฝูหลิงระวังภัยขึ้นมาทันใด มองไปยังไกลๆ
ครืน ตูม ตูม! เมฆสีม่วงกลุ่มหนึ่งทะลักล้นเข้ามา เชื่อมไปกับเมฆแน่นขนัดที่อำพรางเทพโบราณเผ่าพันธุ์วิญญาณ
“ท่านคือใคร มาเผ่าพันธุ์วิญญาณมีธุระอันใด?”
สีหน้าของเทพโบราณชุดดำทรงอำนาจ
เขามองออกว่าอีกฝ่ายคือเทพโบราณเผ่ารัตติกาลม่วง เผ่ารัตติกาลม่วงอยู่ในอันดับยี่สิบเก้าของรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ เทียบกับเผ่าพันธุ์วิญญาณไม่ได้เลย
“ข้าคือเทพโบราณเยี่ยหลงจากตำหนักรัตติกาลม่วงแห่งเขตผาเก่า!”
เทพโบราณเยี่ยหลงส่งกระแสจิตไปเอ่ยเสียงเรียบนิ่ง
“พูดตรงๆ ข้ามาเพื่อไล่สังหารคนคนหนึ่ง จึงมาถึงยังเขตเทพสวรรค์ คนคนนี้ทำผิดอย่างมหันต์ที่เขตผาเก่า ยิ่งไปกว่านั้นยังกักขังอัจฉริยะมากมายของตำหนักรัตติกาลม่วงไว้…”
แววตาของเทพโบราณเยี่ยหลงฉายแววเกลียดชัง มองไปยังจ้าวเฟิงที่กำลังทะลวงขั้น
“เขา?” เทพโบราณวิญญาณตะลึงไปเล็กน้อย
เขตเทพสวรรค์และเขตผาเก่าห่างไกลกันยิ่งนัก เขตผาเก่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น พวกเขาไม่รู้จริงๆ แต่ว่าจ้าวเฟิงสามารถก่อเรื่องที่เขตผาเก่าจนกลายเป็นเช่นนั้นก็สุดยอดจริงๆ
“เผ่าพันธุ์วิญญาณ หากส่งเจ้านี่ให้ข้า ตำหนักรัตติกาลม่วงจะขอบพระคุณยิ่ง…”
เทพโบราณเยี่ยหลงเอ่ยคำขอและค่าตอบแทนทันที
เทพโบราณเผ่าพันธุ์วิญญาณจมลงสู่ภวังค์ทันที
เผ่ารัตติกาลม่วงถึงแม้จะสู้เผ่าพันธุ์วิญญาณไม่ได้ แต่ก็เป็นขั้วอำนาจใหญ่ขั้วอำนาจหนึ่งเช่นกัน อีกทั้งค่าตอบแทนที่เทพโบราณเยี่ยหลงมอบให้ก็มากมายเป็นอย่างยิ่ง ราคาสูงกว่าจ้าวเฟิงหลายร้อยพันเท่า แต่ว่า พวกเขาส่งลูกศิษย์ของพันธุ์ออกไปเช่นนี้ เกรงว่าจะทำให้ลูกศิษย์คนอื่นๆ ผิดหวัง และยิ่งทำให้จ้าวหยูเฟยผิดหวังต่อเผ่าพันธุ์วิญญาณอย่างสิ้นเชิง
“ข้าเข้าใจถึงความกังวลของทุกท่าน แต่ว่าหลังจากจ้าวเฟิงทะลวงขั้นแล้ว อย่างไรก็ต้องออกไปปฏิบัติภารกิจมิใช่รึ ตอนนี้ข้างนอกไม่สงบสุข เกิดอุบัติเหตุอะไรก็ยากจะหลบเลี่ยง…”
เทพโบราณเยี่ยหลงเผยรอยยิ้มชั่วร้ายเหี้ยมเกรียม
เผ่าพันธุ์วิญญาณย่อมเข้าใจถึงความหมายของประโยคนี้ แค่เพียงพวกเขายินยอม เทพโบราณเยี่ยหลงก็จะลอบสังหารจ้าวเฟิง ไม่ให้เรื่องเกี่ยวโยงมายังพวกเขาอย่างแน่นอน
สายตาของเทพโบราณเผ่าพันธุ์วิญญาณเริ่มสื่อสารซึ่งกันและกันขึ้น
“เดิมจ้าวเฟิงก็เป็นปัญหาอยู่แล้ว ตอนนี้เขาเสี่ยงทะลวงเทพแท้จริงขั้นห้า อาจจะล้มเหลวก็เป็นไป ไม่สู้ใช้เขาทำข้อแลกเปลี่ยนกับเทพโบราณเยี่ยหลง ทั้งสามารถกำจัดทิ้งได้ อีกทั้งยังทำให้จ้าวหยูเฟยล้มเลิกความหวังอีกด้วย…”
แววตาของเทพโบราณชุดคลุมดำฉายประกายเย็นเยือก
“นี่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่…” เทพโราณฝูหลิงคัดค้าน
“ข้ารู้ว่าจ้าวหยูเฟยเหมาะกับเซี่ยโหวอู่ของแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตมากกว่า!”
“จ้าวเฟิงคนนี้มุทะลุเกินไป จะทะลวงตำแหน่งเทพขั้นที่ห้าไปได้อย่างไร…”
เทพโบราณที่เหลือถึงแม้จะไม่ได้ให้คำตอบออกมาตรงๆ แต่คำพูดที่อ้อมค้อมก็เห็นด้วยกับข้อเสนอของเทพโบราณชุดคลุมดำ แต่ในเวลานี้เอง ด้านล่างก็มีเสียงเซ็งแซ่ดังขึ้นอยู่ชั่วขณะ
“รากฐานเทพขั้นที่ห้าใกล้จะสำเร็จแล้ว!”
“เป็นไปไม่ได้กระมัง จ้าวเฟิงมีความสามารถสร้างรากฐานเทพขั้นที่ห้าได้เชียวรึ?”
ลูกศิษย์ทั้งหลายตื่นตะลึงและสงสัยไม่ขาดสาย
“รากฐานเทพใกล้จะสำเร็จแล้ว เป็นไปได้อย่างไรกัน!”
จางอวี่ถงตื่นตะลึงเป็นอย่างมาก ใบหน้าค่อนข้างคุ้มคลั่ง
เห็นเพียงแค่เหนือตำหนัก เงารากฐานเทพขั้นห้าใกล้จะเป็นรูปเป็นร่างแล้ว!
สามารถทะลวงถึงตำแหน่งเทพขั้นห้าได้เลย นี่มีเพียงแค่อัจฉริยะปฐมเทพในแดนศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นจึงจะทำได้!
แม้แต่เทพโบราณเผ่าพันธุ์วิญญาณทั้งหลายบนท้องฟ้าก็ยังไม่ค่อยอยากจะเชื่อ
ย้อนกลับมาดูเทพโบราณเยี่ยหลง สีหน้าเขาเคร่งเครียดเป็นอย่างยิ่ง จิตสังหารในดวงตาก่อตัวราวกับวัตถุจริง ศักยภาพของจ้าวเฟิงทำให้เขารู้สึกหวาดกลัว หากเพียงแค่พัฒนาเติบโตขึ้น อาจจะสร้างภัยคุกคามมหาศาลให้กับตำหนักรัตติกาลม่วงได้ จะต้องสังหารเสียให้สิ้น
……
ในห้วงฝันบรรพกาล มุมปากของจ้าวเฟิงยกขึ้นน้อยๆ
“รากฐานเทพขั้นที่ห้าใกล้จะเป็นรูปเป็นร่างแล้ว แต่พลังที่เหลือของข้ามีไม่มากพอที่จะสร้างรากฐานเทพขั้นที่หก!”
จ้าวเฟิงค่อนข้างเสียดาย
สมาธิของเขารวมไปยังบนรากฐานเทพทั้งหมด ค่อยๆ เติมเต็มรากฐานเทพขั้นที่ห้าให้สมบูรณ์ แต่ในเวลานี้เอง ในมิติเนตรเทพเจ้าของเขา ความเร็วในการโคจรของลูกทรงกลมลึกลับนั่นก็เร็วจนน่าตกใจ ข้างใน สีสันดุจความฝันพร่างพรายกลุ่มหนึ่งค่อยๆ สาดส่องออกมา
สติของจ้าวเฟิงเลือนไปท่ามกลางความเจ็บปวด พร้อมกับสีสันเลือนรางดุจความฝันกลุ่มนั้นที่ทะลักออกมาจากลูกทรงกลมแสง
โลกภายนอก เผ่าพันธุ์วิญญาณ
ตรงตำหนักที่จ้าวเฟิงอยู่ คลื่นวนห้าสีมหึมาอีกทั้งเงารากฐานเทพขั้นห้าที่ยังไม่ได้ก่อร่างอย่างสมบูรณ์พลันสลายหายไป!