บทที่ 1277 พัฒนาการของจ้าวหยูเฟย
“เป็นเขา…งั้นรึ!” มุมปากของวานรคลั่งกระตุก
ถึงแม้ก่อนหน้านี้เขาจะเคยโมโหที่จ้าวเฟิงสนใจแต่สนามประลองของเทพโบราณเผ่าพันธุ์วิญญาณ และเมินเฉยเทพแท้จริงขั้นหก แต่เขาก็ไม่มีความมั่นใจว่าจะเอาชนะจ้าวเฟิงได้ซึ่งหน้าเลยจริงๆ นอกเสียจากจ้าวเฟิงจะผ่านการต่อสู้มาหลายสนาม กายได้รับบาดเจ็บ และมีการใช้พลัง
“ฮี่ๆ คิดไม่ถึงเลยว่าวานรคลั่งกับจ้าวเฟิงจะเป็นลำดับหนึ่งลำดับสอง ให้พวกเขาคนร้ายกาจทั้งสองสู้กันให้ตายไปข้างหนึ่ง เช่นนั้นอัตราการได้ชัยชนะของข้าก็จะเพิ่มมากขึ้น!”
“พูดไปก็ถูก พวกเขายิ่งสู้กันยิ่งดุเดือดยิ่งดี!” ด้านล่างเวที ศิษย์หลักไม่น้อยแอบหัวเราะอย่างอดไม่ได้
‘ลำดับของข้าค่อนไปท้ายๆ ขอแค่เพียงรักษาพลังไว้ให้ดีๆ รอจนจ้าวเฟิงใช้พลังไปหลายเวทีเสียก่อน ก็อาจจะมีโอกาสเอาชนะเขาได้!’
จางอวี่ถงแอบพูดในใจ
ครั้งที่แล้วหลังจากโดนจ้าวเฟิงเอาชนะไปได้ เขาก็ยิ่งมุมานะบากบั่นฝึกฝน พลังเพิ่มขึ้นมาก อีกทั้งครั้งนี้เขายังเตรียมตัวมาพร้อมมากอีกด้วย
“หึ ข้าอยากสู้กับเจ้ามานานแล้ว!” วานรคลั่งตะโกนเสียงดัง
ในเมื่อไม่อาจหลบเลี่ยงได้ ด้านรัศมีอำนาจเขาจะแพ้ไม่ได้เด็ดขาด
“หวังว่าเจ้าจะมีความสามารถมาสู้กับข้า!” จ้าวเฟิงยิ้มเรียบๆ
ท่าทางไม่ทุกข์ไม่ร้อนนั่นทำให้เทพแท้จริงขั้นหกทั้งหลายรู้สึกถึงแรงกดดันอันไร้รูปร่าง
“หึ!” วานรคลั่งแค่นเสียงเย็น สิ่งที่เขาไม่ชอบที่สุดก็คือคนอื่นดูถูกดูหมิ่นเขา
ครืน! วานรคลั่งกระตุ้นสายเลือดทันที ร่างขยายใหญ่ขึ้นเกือบสิบเท่า กลายเป็นวานรยักษ์สีดำโดยสมบูรณ์แบบ
ในขณะเดียวกัน ค้อนยักษ์สีเหลืองอันหนึ่งปรากฏขึ้นในมือเขา พลังอำนาจที่ค้อนนั้นแผ่กระจายออกมาถึงขีดจำกัดของอาวุธเทพระดับกลางแล้ว แต่ทว่า จ้าวเฟิงที่ยืนอยู่หน้าเขาไม่เปลี่ยนสีหน้าเลย
เขาไม่ได้กระตุ้นสายเลือด และไม่ได้เอาอาวุธเทพออกมาเช่นกัน
“คนอวดดีล้วนมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน!” ดวงตาของวานรคลั่งฉายแววอำมหิต เหวี่ยงค้อนยักษ์ในมือตรงไปยังจ้าวเฟิง ค้อนยักษ์ยังไม่ทันฟาดลงไป ฟ้าดินก็มืดครึ้มไปทั่ว แรงกดมหาศาลหุ้มล้อมจ้าวเฟิงไว้รอบด้าน
วู้ม แซ่ด แซ่ด! จ้าวเฟิงกระตุ้นกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ โคจรพลังเทพอัสนีห้าธาตุ!
ทันใดนั้น พลังอัสนีห้าสีเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทองหม่นทั้งหมด หุ้มไว้บนหมัดของจ้าวเฟิง
“หมัดเทวะอัสนีดิน!” จ้าวเฟิงเปลี่ยนพลังเทพอัสนีเทวะห้าธาตุให้กลายเป็นธาตุดินอย่างคล่องแคล่ว ชกออกไปอย่างรุนแรง
ครืน บึ้ม! ทั่วทั้งเวทีประลองเกิดเสียงสะเทือนเลื่อนลั่นอันหนักอึ้ง จากนั้นก็ได้ยินเสียง ‘ตึง ตึง’ วานรคลั่งถูกสะเทือนจนถอยไปสองก้าว
“เสวียนอ้าวห้าธาตุ!” วานรคลั่งตื่นตะลึง
เทพแท้จริงขั้นหกมากมายรอบด้านมีสีหน้าเคร่งเครียดเล็กน้อย
พลังเสวียนอ้าวก็มีแบ่งแข็งแกร่งอ่อนแอ เสวียนอ้าวห้าธาตุสายเดียวธรรมดามาก แต่เสวียนอ้าวห้าธาตุทั้งชุดนับได้ว่าเป็นหนึ่งในเสวียนอ้าวที่แข็งแกร่งที่สุด และระหว่างธาตุทั้งห้าผันเปลี่ยนซึ่งกันและกัน นี่ก็เป็นทักษะเฉพาะของเสวียนอ้าวที่ไร้รูปร่าง
เสวียนอ้าวธาตุดินของจ้าวเฟิงถึงแม้จะมีเพียงห้าขั้น แต่ภายใต้การผันแปร พลังที่สำแดงออกมาจะเทียบเท่าขั้นหก
ฟิ้ว! หลังโจมตีหนึ่งกระบวนท่า จ้าวเฟิงแปลงเป็นอัสนีสีทองกระโดดขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ดัชนีเทพอัสนีทอง!” จ้าวเฟิงแปลงเสวียนอ้าวห้าธาตุทั้งหมดเป็นพลังเทพอัสนีธาตุทอง ก่อนชี้นิ้วออกไป
แสงอัสนีเจิดจ้าสายนั้นราวกับอาวุธคมกริบที่แข็งแกร่งทนทาน พุ่งตรงไปยังวานรคลั่งทันที
“ไม่ใช้อาวุธเทพ การโจมตีก็แข็งแกร่งถึงเพียงนี้!”
สีหน้าของวานรคลั่งย่ำแย่ รีบกวัดแกว่งอาวุธเทพในมือ พยายามต้านทานดัชนีของจ้าวเฟิง แต่ความเร็วของดัชนีนี้สูงเกินไป!
ฉัวะ ฉึก! ไหล่ของวานรคลั่งเกิดรูเลือดขึ้น เลือดทะลักออกมาอย่างบ้าคลั่ง
“ค้อนปีศาจวายุ!” วานรคลั่งเห็นสถานการณ์ไม่ดี ก็สำแดงเคล็ดวิชาทันใด
มือทั้งสองของเขากวัดแกว่งค้อนยักษ์ในมืออย่างบ้าคลั่ง ราวกับปีศาจร้ายในร่างมนุษย์ ลมหมุนมืดทะมึนแต่ละสายพัดโหมกลางเวทีประลอง
“ควรจะจบลงได้แล้ว!” จ้าวเฟิงพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่ค่อนข้างเบื่อหน่าย
ฟึ่บ! เขาไม่อาศัยชุดคลุมมิติ เพียงโคจรเสวียนอ้าวมิติที่แข็งแกร่งก็สามารถวูบไหวกายไปได้ไกลระยะหนึ่ง
เมื่อมาถึงข้างหลังวานรคลั่ง จ้าวเฟิงผันแปรพลังเทพอัสนีเทวะห้าธาตุเป็นพลังเทพอัสนีธาตุไฟ
“เพลิงอัสนีล้างสวรรค์!”
จ้าวเฟิงพลันโจมตี วายุคลั่งอัสนีที่ทำลายล้างฟ้าดินหอบม้วนไปยังวานรคลั่ง
ครืน ตูม ตูม!
ฝ่ามือนั้นราวกับมารเพลิงสายฟ้า โจมตีออกมาบดขยี้พลังของวานรคลั่งทันที
ปราณทั่วร่างวานรคลั่งเดือดพล่าน ทั่วร่างเจ็บปวดแสบร้อน ถอยไปถึงขอบเวทีประลอง ร่างจึงจะมั่นคงได้
“พลังโจมตีแข็งแกร่งกว่าวานรคลั่ง!”
“เสวียนอ้าวห้าธาตุเดิมก็เป็นหนึ่งในเสวียนอ้าวที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่แล้ว!”
หลังจากที่เทพแท้จริงขั้นหกทุกคนได้เห็นพลังของจ้าวเฟิง สีหน้าก็ค่อนข้างย่ำแย่ แม้กระทั่งวานรคลั่งยังพ่ายแพ้ได้ง่ายดายเช่นนี้ พวกเขาจะมีหวังอะไร
“แข็งแกร่งนัก!” วานรคลั่งรู้ว่าตัวเองไม่มีทางเอาชนะจ้าวเฟิงได้ จึงลงจากเวทีไป
เมื่อใช้ยาศักดิ์สิทธิ์รักษาบางอย่างแล้ว วานรคลั่งนั่งขัดสมาธิบนพื้นเพื่อรักษาบาดแผลบนร่างกาย
บนท้องฟ้าไกล เทพโบราณเผ่าพันธุ์วิญญาณสามคนสังเกตการต่อสู้เบื้องล่าง
เทพโบราณทั้งสามคนนี้ไม่เหมือนกับเทพโบราณที่ดูแลการประลองใกล้ๆ เวที พลังของพวกเขาแข็งแกร่งกว่า เป็นผู้กุมอำนาจระดับสูงกว่าในเผ่าพันธุ์วิญญาณ
“มีเสวียนอ้าวห้าธาตุ อีกทั้งเสวียนอ้าวทุกชนิดยังแข็งแกร่งมากนัก!”
“อายุก็เข้าเกณฑ์ เลือกเขาไว้!”
“การต่อสู้ของเทพโบราณปิงหยวนเริ่มแล้ว!”
หลังจากจ้าวเฟิงลงมาจากเวที ผู้ร่วมต่อสู้ลำดับที่สามและลำดับที่สี่ขึ้นเวทีทันที
“ดูเร็ว เทพโบราณปิงหยวน!”
“พลังของเทพโบราณปิงหยวน ต้องเป็นยอดในเหล่าเทพโบราณขั้นเจ็ดอย่างแน่นอน!”
ศิษย์ที่อยู่ใกล้เวทีประลองอีกสามแห่งต่างชำเลืองมอง ศิษย์ผู้หญิงจำนวนไม่น้อยส่งเสียงร้องอย่างตื่นตะลึง
จ้าวเฟิงก็มองไปเช่นกัน
“ผลึกน้ำแข็งพิฆาต!”
เทพโบราณปิงหยวนถือกระบี่ยาวผลึกน้ำแข็ง การโจมตีทุกครั้งดุจฟันภูเขาน้ำแข็งใหญ่ยักษ์ออกมา ความกดดันที่เย็นยะเยือกแทบจะทำให้สายเลือดและพลังเทพของคู่ต่อสู้ถูกแช่แข็ง ต่อสู้ไม่ถึงสิบกระบวนท่า คู่มือของเขาก็ยอมแพ้เอง
ในเมื่อศึกแย่งชิงวารีศักดิ์สิทธิ์ชำระวิญญาณ สุดท้ายก็จัดอันดับตามชัยชนะที่ได้ ไม่จำเป็นต้องสู้เอาเป็นเอาตายกับผู้แข็งแกร่งชั้นยอดทั้งหลายเลย ยกตัวอย่างเช่นวานรคลั่ง พอรู้ตัวว่าสู้จ้าวเฟิงไม่ได้ก็ยอมแพ้ทันที แล้วไปฟื้นฟูรักษาสำหรับการต่อสู้ครั้งต่อไป
ต่อมา สมาธิของจ้าวเฟิงหลักๆ จะอยู่ที่การต่อสู้ของเทพโบราณขั้นเจ็ด
ถึงอย่างไรบนสนามต่อสู้ของเทพโบราณขั้นหก ก็ไม่มีคู่ต่อสู้ที่ทำให้เขาจริงจังได้เลย
วู้ม! จ้าวเฟิงอดไม่ได้ที่จะกระตุ้นตาซ้าย รายละเอียดทั้งหมดของสนามต่อสู้เทพโบราณไม่พ้นสายตาของเขา รวมถึงภาพการเคลื่อนไหวของพลังเทพในร่างคู่ต่อสู้ทั้งสองฝ่าย
ตอนนี้ เทพโบราณทั้งสองที่กำลังต่อสู้มีพลังเทียบเท่ากัน เวลาต่อสู้เลยค่อนข้างยาวนาน
“ได้เคล็ดวิชาสมบูรณ์สองชุดมาแล้ว!” จ้าวเฟิงยิ้มเล็กน้อย
แค่กระตุ้นตาซ้ายเบาๆ เขาก็สามารถวิเคราะห์อนุมานเคล็ดวิชาในกระบวนท่าของอีกฝ่ายได้
เคล็ดวิชาที่อัจฉริยะเทพโบราณเหล่านี้ฝึกฝนแทบจะเป็นเคล็ดวิชาขั้นเทพระดับสูงทั้งสิ้น เคล็ดวิชาระดับสูงอยู่ในตำหนักหมื่นวิญญาณ ถึงแม้จะไม่สู้วิชาระดับสูง แต่ก็ล้ำค่ายิ่งนัก
ในตอนนี้ จ้าวเฟิงดูการต่อสู้ของเทพโบราณเหล่านี้ก็เท่ากับกำลังอ่านกลยุทธ์แต่ละส่วน บางคราหากจ้าวเฟิงได้แรงบันดาลใจจากกลยุทธ์การต่อสู้พวกนี้ ก็จะปรับปรุงกระบวนท่าของตัวเองให้สมบูรณ์ขึ้น เทียบกับการต่อสู้ของเทพโบราณ การต่อสู้ของเทพแท้จริงขั้นหกดำเนินไปอย่างรวดเร็วมาก
รอบแรกผ่านไป จ้าวเฟิงออกโรงอีกครั้ง
“ข้ายอมแพ้!” ครั้งนี้คู่มือของจ้าวเฟิงพลังค่อนข้างธรรมดา จึงยอมแพ้ทันที
การต่อสู้ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ เวลาของการต่อสู้ทุกสนามก็ลดลงอยู่ตลอดเช่นกัน
อย่างไรเสีย หลังจากการต่อสู้ทุกครั้งจบลง สภาพของผู้เข้าร่วมต่อสู้ก็ล้วนตกลงส่วนหนึ่ง และการต่อสู้ที่ไม่ต้องพะวงเรื่องแพ้ชนะพวกนั้น แทบจะประมือกันไม่กี่กระบวนท่าก็วัดแพ้ชนะได้แล้ว
“จ้าวเฟิง มาเถอะ!” บนเวทีประลอง หยวนหลงเอ่ยเสียงต่ำ
“ถึงข้าแล้วรึ?”
จ้าวเฟิงยังคงดูการต่อสู้ของเทพโบราณขั้นเจ็ด ไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย
ฟุ่บ! ร่างของเขาปรากฏบนเวทีทันที
คู่ต่อสู้ครั้งนี้คือหยวนหลง
นึกถึงตอนที่พบหยวนหลงครั้งแรก เพียงมือเดียวของอีกฝ่ายก็สามารถสังหารครึ่งเทพหลงหวงที่แข็งแกร่งที่สุดในดินแดนทวีปได้ ไม่มองจ้าวเฟิงเลยแม้แต่น้อย หลังจากนั้น จ้าวเฟิงมาถึงเผ่าพันธุ์วิญญาณ หยวนหลงก็ยังคงเมินเฉยต่อเขา
ดังนั้นหลังจากที่จ้าวเฟิงโด่งดังในรวดเดียว คนที่กระทบกระเทือนมากที่สุดก็คือหยวนหลง แต่ทั้งหมดนี้ก็ไม่ได้ทำให้เขาล้มลง กลับทำให้เขามุ่งไปข้างหน้าอย่างห้าวหาญ ช่วงก่อนหน้านี้เพิ่งจะทะลวงเทพแท้จริงขั้นหกได้
“วายุทลาย!”
แววตาของหยวนหลงมุ่งมั่น กระตุ้นพลังสายเลือดทันที สำแดงเคล็ดวิชาที่แข็งแกร่งที่สุดของตน
ฟิ้ว ฟู่ ฟู่! เห็นเพียงแค่รอบกายของจ้าวเฟิงมีพายุผลึกน้ำแข็งพัดเป็นระลอก ลมพายุนั้นยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เสียงเสียดสีเสียดแทงแก้วหู
“หยวนหลงก้าวหน้าไปไม่น้อยเลย!”
เทพโบราณฝูหลิงสังเกตทุกอย่างอยู่ใกล้ๆ
ศึกช่วงชิงครั้งนี้ ลูกศิษย์ทั้งสองของเขาล้วนเข้าร่วมด้วย
ในพายุผลึกน้ำแข็ง จ้าวเฟิงสีหน้าเป็นปกติ ยกฝ่ามือขึ้นช้าๆ ซัดออกไปอย่างรุนแรง
พลังวายุอัสนีที่แข็งแกร่งพลันฉีกทึ้งไปรอบด้าน
ตูม กรอบ! พายุผลึกน้ำแข็งของหยวนหลงเหมือนลมคลั่งผจญกับพายุทำลายล้าง พินาศสลายไปในนั้นเพียงชั่วพริบตา
“ข้าแพ้แล้ว!” หยวนหลงกระโดดลงจากเวที
จ้าวเฟิงไม่พูดอะไรมาก สายตากวาดไปยังเวทีประลองของเทพแท้จริงขั้นสี่
จำนวนคนรอบๆ เวทีประลองนั้นมากที่สุด แทบจะเท่ากับจำนวนคนทั้งหมดรอบเวทีทั้งสามที่เหลือ เพราะปฐมเทพขั้นสี่ก็อยู่ในนี้ด้วยเช่นกัน
ขณะนี้ ผู้ที่สู้อยู่บนเวทีอีกฝั่งหนึ่งก็คือ จ้าวหยูเฟย
คู่มือของนางคือเทพแท้จริงขั้นสี่อาวุโส แต่การต่อสู้กลับเป็นจ้าวหยูเฟยที่ได้เปรียบ
“แข็งแกร่งมาก พลังของหยูเฟยก็พัฒนาขึ้นไม่น้อย!”
“สมกับที่เป็นศิษย์หญิงอันดับหนึ่งของเผ่าพันธุ์วิญญาณ!” ศิษย์ทั้งหลายรอบด้านชื่นชมท่วงท่าการต่อสู้ของจ้าวหยูเฟย
“จ้าวหยูเฟย เพื่อวารีศักดิ์สิทธิ์ชำระวิญญาณ อย่าได้โทษข้าล่ะ!”
ตรงข้ามจ้าวหยูเฟย ชายชุดเทาคนหนึ่งยิ้มพูด
ฟุ่บ! ในมือของเขาพลันมีกระบี่ยาวสองเล่มปรากฏขึ้น คุณสมบัติของกระบี่ทุกเล่มล้วนล้ำหน้าอาวุธเทพระดับกลางทั่วไป อีกทั้งธาตุของกระบี่สองเล่มนี้ หนึ่งคือน้ำแข็ง อีกหนึ่งคือไฟ ใช้ด้วยกันพลังจะแข็งแกร่งเป็นที่สุด ทว่าจ้าวหยูเฟยไม่ถอย กลับบุกเข้าไป ร่างส่องประกายม่วงระยิบระยับยิ่งขึ้น กลิ่นอายสายเลือดเพิ่มขึ้นในฉับพลัน
“นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
ชายชุดเทาแต่เดิมยังสามารถต้านทานสายเลือดของจ้าวหยูเฟยได้ แต่ตอนนี้เลือดลมของเขาเดือดพล่าน พลังเทพในกายปั่นป่วนเล็กน้อย
“สายเลือดเผ่าพันธุ์วิญญาณแข็งแกร่งยิ่งนัก พลังของนางในตอนนี้เกรงว่าคงถึงปฐมเทพขั้นห้าแล้วกระมัง!”
ผู้คนรอบด้านแทบจะถูกการต่อสู้ของจ้าวหยูเฟยดึงดูดไปทั้งสิ้น
“หยูเฟยก้าวหน้าไปมาก!” จ้าวเฟิงค่อนข้างตะลึง จากการสำรวจของตาซ้ายเขา จ้าวหยูเฟยไปถึงระดับปฐมเทพขั้นห้าแล้วจริงๆ
บนท้องฟ้ารอบลานประลอง
เทพโบราณเผ่าพันธุ์วิญญาณก็ดูการต่อสู้ของจ้าวหยูเฟยอย่างละเอียดเช่นกัน
“สายเลือดวิญญาณบริสุทธิ์ยิ่งขึ้น!”
“ถึงปฐมเทพขั้นห้าแล้วรึ ล้ำหน้าปฐมเทพที่แข็งแกร่งที่สุดในตอนนี้ของเผ่าพันธุ์วิญญาณไปแล้ว!”
ผู้นำระดับสูงขั้นเทพโบราณแต่ละคนตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง
ถึงแม้จ้าวเฟิงมีพรสวรรค์ล้ำเลิศ แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่สายเลือดเผ่าพันธุ์วิญญาณ สายเลือดเขากระทั่งว่าไม่เข้าตาเผ่าพันธุ์วิญญาณ แต่จ้าวหยูเฟยไม่เหมือนกัน นางคือคนของเผ่านี้!
“ท่าทางผู้ที่ได้รับประโยชน์จากการมาเยือนของจ้าวเฟิงมากที่สุด ก็คือลูกศิษย์ทั้งสองของข้า!”
เทพโบราณฝูหลิงลูบเคราพลางหัวเราะ การมาถึงของจ้าวเฟิงทำให้หยวนหลงฮึดสู้ ตั้งอกตั้งใจฝึกฝนจนทะลวงขั้นได้
ส่วนจ้าวหยูเฟยตลอดมาล้วนพะวงจ้าวเฟิง ในใจคิดสับสนมากเกินไป แทบจะไม่ตั้งอกตั้งใจฝึกเลยด้วยซ้ำ ตอนนี้ความพะวงในใจนางหมดสิ้น ด้านพลังก็ถูกจ้าวเฟิงทิ้งห่างไปไกล พรสวรรค์และศักยภาพของนางถึงได้สำแดงพลังออกมาได้สมบูรณ์!