Skip to content

King of Gods 1313

King Of Gods

บทที่ 1313 ไพ่ตายของศัตรู

ในตอนนี้พวกเทพโบราณเสวียนหมัวเลิกจับทายาทเนตรเทพเจ้าคนอื่นๆ แต่เปลี่ยนไปจับจ้าวเฟิงแทน ลำแสงมายาสามสายม้วนตรงไปหาจ้าวเฟิงจากสามทิศทาง

“แย่แล้ว พวกเขาจะจับจ้าวเฟิงก่อน!”

เมื่อเห็นเหตุการณ์ดังกล่าว คนอื่นที่เหลือต่างตื่นตะลึง

ตอนนี้จ้าวเฟิงเป็นเพียงความหวังเดียวที่จะทำให้พวกเขามีชีวิตรอด หากจ้าวเฟิงโดนจับ พวกเขาก็จะตกที่นั่งลำบากอีกครั้ง แต่จนถึงตอนนี้ มีเพียงเจ้าแมวขโมยที่มีวิชาหลบหลีกสูงส่งและลึกลับเกินจะเปรียบถึงสามารถหลบหนีการโจมตีจากลำแสงสามสายได้ติดต่อกัน พวกเทพโบราณเสวียนหมัวเรียกมันว่า ‘แมวความลับสวรรค์’

กระทั่งคนที่ชำนาญเสวียนอ้าวมิติที่สุดอย่างหลินเฉิงอู่ก็ยังไม่กล้าเผชิญหน้ากับแสงสามสายนั้น ดังนั้นทุกคนจึงไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าจ้าวเฟิงจะมีวิธีการใดหลีกหนีการไล่ล่าจากลำแสงทั้งสามสายได้

“พวกเราต้องปกป้องเขา!” เทพโบราณหวังหลิงพึมพำ

ถึงแม้จะไม่เต็มใจนัก แต่พวกเขาก็จำเป็นต้องทำเช่นนี้

“ถูกต้อง!” คนอื่นที่เหลือผงกศีรษะ

ตอนนี้จ้าวเฟิงเป็นเพียงความหวังเดียวที่จะรับมือกับเทพโบราณเสวียนหมัว

“คิดไม่ถึงเลยว่าจะกลายเป็นแบบนี้!” เทพโบราณหลิวจินมีสีหน้าสับสน

คนที่แข็งแกร่งที่สุดในเผ่าเปลวทองถูกสังหาร ส่วนศิษย์ที่เหลือก็ถูกสังหารไปแล้วไม่น้อย แต่ตอนนี้พวกเขาคิดจะมีชีวิตรอดออกไป จำเป็นต้องอาศัยจ้าวเฟิงจากเผ่าพันธุ์วิญญาณผู้นี้

แต่ในเวลาเดียวกันกับที่พวกเทพโบราณเสวียนหมัวหมายจะจับจ้าวเฟิงนั้นเองโซ่มายาสามสายก็พุ่งตรงไปหาทุกคน

“แย่แล้ว!” สี่คนที่เหลือของเผ่าเปลวทองหน้าถอดสี

แต่ขณะนี้พวกเขาเองก็ไม่ได้คาดหวังว่าจ้าวเฟิงจะมาช่วยเหลือ จึงทำได้เพียงพึ่งพาตนเอง

เหล่าทายาทเนตรเทพเจ้าก็ไม่ได้ใส่ใจเผ่าเปลวทองอีก

“ระลอกแสงมรณะ!”

“ลำแสงทำลายล้าง!”

“ดาบแหวกอากาศ!”

……

ทุกคนต่างเล็งเป้าหมายไปยังลำแสงสามสายที่ตรงไปรัดรั้งร่างจ้าวเฟิงเอาไว้ ก่อนจะโจมตีอย่างรุนแรง ขอแค่ขัดขวางได้เพียงชั่วครู่ ก็สามารถสร้างโอกาสให้จ้าวเฟิงหลบหนีได้

พรึ่บ! เงามิติที่ปรากฏขึ้นรอบตัวจ้าวเฟิงเปล่งแสงวูบวาบก่อนจะหายไปในทันที

‘ถ้าได้ความช่วยเหลือจากคนพวกนี้ ข้าก็จะโจมตีพวกเทพโบราณเสวียนหมัวทั้งหกได้!’

จ้าวเฟิงกลอกตาไปมา ก่อนพลันจับจ้องที่ร่างพวกเทพโบราณเสวียนหมัว

วิ้ง! เจตจำนงดวงตาในดวงตาของเขาแผ่พวยพุ่งออกมาอย่างบ้าคลั่ง กลุ่มแสงราวภาพมายากะพริบวิบวับขึ้น

จ้าวเฟิงในเวลานี้เป็นประหนึ่งดวงดาวขนาดยักษ์ที่สาดซัดแรงกดดันน่าพรั่นพรึงออกมา

“ดาราทลายผืนดิน!”

จ้าวเฟิงพึมพำเสียงต่ำ นัยน์ตาของเขาสาดซัดแสงมายาที่ปั่นป่วนออกมากลุ่มหนึ่ง

เปรี๊ยะ! ในวินาทีที่กลุ่มแสงปรากฏขึ้นมันก็พลันหายไป ก่อนจะปรากฏตัวขึ้นที่เบื้องหน้าเกราะป้องกันของพวกเทพโบราณเสวียนหมัว

“เป็นวิชาดวงตาที่แข็งแกร่งนัก!” สีหน้าเทพโบราณเฮยจี๋นิ่งขรึมลงเล็กน้อย

หากเป็นตอนปกติเขาจะไม่กังวลนัก เพราะการโจมตีที่รุนแรงกว่านั้นก็ยังไม่สามารถต้านทานพลังที่เกิดจากการหลอมรวมเนตรเทพเจ้าเป็นหนึ่งของพวกเขาได้ แต่กับจ้าวเฟิงนั้นต่างออกไป การโจมตีของเขาสามารถทำลายพลังของพวกเทพโบราณเสวียนหมัว

ส่วนการโจมตีที่ทรงพลังเช่นนี้ หากทำสำเร็จพลานุภาพย่อมไม่ธรรมดาแน่

แต่ในตอนนี้พวกเขาทั้งหกคนแยกย้ายกันควบคุมโซ่กับลำแสงให้ตามจับจ้าวเฟิงและสังหารคนอื่นๆ จนไม่มีกะจิตกะใจจะไปทำอะไรอีกแล้ว

ฟุ่บ! พวกเทพโบราณเสวียนหมัวรู้สึกได้ว่าเบื้องหน้าส่องแสงพร่างพราวขึ้นในฉับพลัน เจิดจ้าจนพวกเขาไม่สามารถลืมตาได้

ในเวลาเดียวกัน ระลอกพลังหลงเหลือซึ่งทะลวงผ่านทั้งกายเนื้อและวิญญาณก็ระเบิดปะทะบนร่างพวกเขา

“คิดไม่ถึงเลยว่าจะทำลายเกราะป้องกันได้!”

สีหน้าเทพโบราณเสวียนหมัวตึงเครียดเกินจะเปรียบ

“นี่มันพลังอะไรกันแน่ ถึงกับข่มพลังซึ่งเกิดจากพลังดั้งเดิมรวมเป็นหนึ่งที่พวกเราหกคนสร้างขึ้นได้!”

สหายร่วมกลุ่มของเขายังไม่อยากจะเชื่อเรื่องทั้งหมดนี้

หญิงร่างบางผู้ครอบครองเนตรทำนายหลบอยู่ด้านหลังสุด ปิดปากเงียบไม่พูดจา

นางเคยใช้เนตรทำนายกับจ้าวเฟิง ไม่เพียงแต่จะไม่เห็นอะไร ทั้งยังสัมผัสได้ถึงแรงตอบโต้ที่รุนแรงยิ่ง จนตอนนี้นางไม่กล้าใช้อีกแล้ว อีกอย่างถึงสถานการณ์จะกลายเป็นเช่นนี้ พวกเขาก็ไม่พ่ายแพ้แน่!

“ตกลง!”

ทายาทเนตรเทพเจ้าที่มาพร้อมกับจ้าวเฟิง แต่ละคนมีสีหน้าตะลึง อารมณ์พลุ่งพล่านเกินจะเปรียบ

ก่อนนี้คนสองกลุ่มร่วมมือกันยังสร้างแผลให้พวกเทพโบราณเสวียนหมัวไม่ได้แม้แต่น้อย แต่ในตอนนี้จ้าวเฟิงทำลายชั้นเกราะป้องกันไป เทียบเท่ากับทำร้ายพวกเขาแล้วส่วนหนึ่ง

พรึ่บ พรึ่บ! ร่างจ้าวเฟิงขยับวูบไหวติดต่อกัน ด้วยความช่วยเหลือจากบรรดาทายาทเนตรเทพเจ้า เขาจึงหนีรอดจากการไล่ล่าของลำแสงมายาทั้งสามสายไปได้

แต่ในตอนนี้เอง เสียงระเบิดดังโครมครามก็ดังขึ้นจากอีกฟากหนึ่ง

ตูม! เห็นเพียงทรวงอกเทพโบราณหลิวจินถูกโซ่เส้นหนึ่งทะลุผ่าน ร่างที่ถูกเผาผลาญจากเพลิงสีทองระเบิดออกในทันที

“จ้าวเฟิง พวกเจ้าทั้งหมดต้องตายที่นี่…”

วิญญาณเทพโบราณหลิวจินหนีไม่พ้น จึงเอาแต่ก่นด่าจ้าวเฟิงและคนอื่นๆ ในขณะที่ตนเองทุกข์ทรมาน

ที่แท้บรรดาทายาทเนตรเทพเจ้าช่วยแค่จ้าวเฟิงเท่านั้น

เผ่าเปลวทองที่เหลือสี่คนถูกสังหารไปทีละคนจากการไล่ล่าของโซ่มายาเหล่านั้น!

ในขณะนี้คนของเผ่าเปลวทองต่างตายกันไปจนสิ้น!

“จ้าวเฟิง เจ้าแพ้แล้ว!” เทพโบราณเฮยจี๋จ้องจ้าวเฟิงก่อนจะหัวเราะเสียงเย็น

วู้ม วู้ม! โซ่มายาสามเส้นด้านข้างค่อยๆ กลายร่างเป็นลำแสงสามสาย

เพราะสังหารคนที่ควรโดนสังหารไปหมดแล้ว ลำดับต่อมาก็แค่ดำเนินการจับตัวต่อไป

“ไม่ได้การ พวกเราตกอยู่ในอันตรายแล้ว!”

“บัดซบ พวกไร้ประโยชน์จากเผ่าเปลวทองนี่ ไยจึงไม่ทนอีกสักหน่อย!”

ทายาทเนตรเทพเจ้าคนอื่นๆ ต่างก่นด่ากันทันที

หากเผ่าเปลวทองตายไปจนหมดแล้ว พวกเทพโบราณเสวียนหมัวก็จะสามารถรับมือกับพวกเขาได้อย่างเต็มกำลัง ยามนี้กลุ่มแสงมายาปล่อยลำแสงหกสายออกมา ทุกคนพากันเสียวสันหลังวาบ แต่อันที่จริงสถานการณ์ของพวกเทพโบราณเสวียนหมัวก็ย่ำแย่ยิ่งนัก

เคล็ดวิชาของพวกเขาสำแดงต่อเนื่องนานจนเกินไป ถึงพวกเขาจะควบคุมพลังลึกลับกลุ่มนั้นได้อย่างชำนาญและออมแรงแล้วก็ตาม แต่ในตอนนี้ก็ไม่เพียงพอ

“หากเป็นเช่นนี้ต่อไป พลังของพวกเราจะไม่มากพอจับทายาทเนตรเทพเจ้าคนอื่น!”

สตรีร่างแบบบางพึมพำ

สีหน้าของคนที่เหลือหนักอึ้งลงเล็กน้อย พวกเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าภารกิจครั้งนี้จะยากเย็นเพียงนี้

“เช่นนั้นก็จับแค่จ้าวเฟิง และสังหารคนอื่นทิ้งเสีย!”

เทพโบราณเสวียนหมัวเอ่ยด้วยใบหน้าชั่วร้าย

ถึงจะบอกว่ามีเงื่อนไขให้จับทายาทเนตรเทพเจ้า แต่ก็ขอแค่ไม่ระเบิดตัวตายเป็นพอ ต่อให้ตายไปก็ยังคงมีคุณค่าอยู่ดี

“ตกลง!” ห้าคนที่เหลือเห็นด้วยกับวิธีการของเทพโบราณเสวียนหมัว

วิ้ง วิ้ง! คนทั้งหกประสานนิ้วมือปลดปล่อยวิชา ควบคุมลำแสงมายาทั้งหกเส้นสายให้พุ่งไปโอบล้อมจ้าวเฟิงจากรอบทิศทาง

“อะไรกัน พวกเขาจะจับแต่จ้าวเฟิง?”

ทายาทเนตรเทพเจ้าพวกนั้นตกตะลึงโดยพลัน

เดิมพวกเขาคิดว่าเมื่อสังหารเผ่าเปลวทองได้แล้ว พวกเทพโบราณเสวียนหมัวจะเป็นฝ่ายได้เปรียบและจัดการพวกเขาห้าคนที่เหลือไปพร้อมกัน แต่ตอนนี้ฝ่ายตรงข้ามกลับเอาแต่สนใจจ้าวเฟิง ไม่แยแสใครอื่นทั้งสิ้น ทว่าถึงจะเป็นเช่นนั้น พวกเขาก็ไม่ได้ยินดีนัก

“แย่แล้ว คราวนี้จ้าวเฟิงต้องหนีไม่รอดแน่!” สตรีโฉมงามมีสีหน้าทุกข์ระทม

หากจ้าวเฟิงโดนจับไปจริงๆ ต่อไปก็คงถึงคราวพวกเขาแล้ว

แต่ยามนี้เอง จู่ๆ ก็ปรากฏชุดคลุมยาวสีเงินเข้มผืนหนึ่งบนร่างจ้าวเฟิง ลวดลายเสวียนอ้าวสีเงินสว่างเจิดจ้าเปล่งแสงน้อยๆ ตามชุดคลุม

พรึ่บ! พรึ่บ!

จ้าวเฟิงคลุมชุดคลุมมิติ ห้วงความคิดกระตุกเล็กน้อยก็หายตัวไปได้ทันที อีกทั้งความเร็วและระยะในการหายตัวไปนั้นมากจนคนรอบตัวไม่อาจสัมผัสได้

ในชั่วขณะนั้น รอบด้านวิหารใจกลางคล้ายจะมีแต่เงาของจ้าวเฟิง

“ชุดคลุมมิติ!” หลินเฉิงอู่เบิกตากว้างจนแทบจะทะลักออกมา

ในฐานะที่เป็นทายาทเนตรมิติ เขาย่อมรู้จักอาวุธเทพประเภทช่วยเหลือในระดับสูงอย่างชุดคลุมมิติผืนนี้

ภายในนั้นไม่เพียงแต่มิติเอกเทศที่สามารถเพิ่มเวลาในการฝึกตน แต่ยังสามารถเพิ่มระดับขั้นและพลังของเคล็ดวิชาเสวียนอ้าวมิติของผู้ที่ใช้มัน นอกจากนี้ตัวของชุดคลุมมิติยังกระตุ้นพลังบางอย่างได้เอง เช่นประกายมิติหรือเกราะมิติเป็นต้น

“เจ้าเด็กนี่มีชุดคลุมมิติ!”

ทุกคนที่นั่นมองอาวุธเทพระดับสูงของจ้าวเฟิงด้วยแววตาริษยา

ชุดคลุมมิติให้ความช่วยเหลือ ป้องกัน และหลบหนีได้ด้วยตนเอง จึงมีชื่อเสียงอย่างยิ่งในบรรดาอาวุธเทพระดับสูง

“ปล่อยเขาไปไม่ได้!” เทพโบราณเสวียนหมัวตะโกนกร้าว

สมบัติบนร่างจ้าวเฟิงมีมากจนเกินไป ของบางส่วนจะต้องมอบให้สำนัก แต่กลับเก็บเอาไว้เอง

“ได้!” ห้าคนที่เหลือผงกศีรษะ ทุ่มกำลังทั้งหมดควบคุมลำแสงมายาเพื่อล้อมจับจ้าวเฟิง

โครม ตูม! ในวิหารใจกลาง ทุกที่ล้วนแต่เป็นเงาของจ้าวเฟิงและร่องรอยของลำแสงกวาดผ่านไป

ส่วนวิหารของพื้นที่ใจกลางแห่งนี้ถูกทำลายจนไม่เหลือซากไปนานแล้ว

‘ถ้าไม่ใช่เพราะชุดคลุมมิติ เกรงว่าข้าคงจะถูกจับไปแล้ว!’

จ้าวเฟิงพึมพำในใจ

แต่ถึงจะมีชุดคลุมมิติ เขาก็ยังต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง หากไม่ระวังก็อาจโดนฝ่ายตรงข้ามจับช่องโหว่ได้ ในระหว่างที่หนีนั้น แม้แต่โอกาสที่จ้าวเฟิงจะใช้วิชาดวงตาก็ยังไม่มีด้วยซ้ำไป

“พวกเจ้ารีบหนีไป!”

จ้าวเฟิงส่งกระแสเสียงเตือนทายาทเนตรเทพเจ้าคนอื่นๆ

ในขณะนี้เหลือเพียงแค่เทพโบราณหวังหลิง หลินเฉิงอู่ สตรีโฉมงาม และชายชราชุดเขียวเท่านั้น

“ได้ ได้!” เมื่อทุกคนได้สติก็ต่างพยักหน้าติดๆ กัน

“สบโอกาสแล้ว สังหารพวกเขาเสีย!”

จิตสังหารลุกโชนขึ้นในแววตาเทพโบราณหวังหลิง

พวกเทพโบราณเสวียนหมัวในขณะนี้ทุ่มแรงทั้งหมดที่มีเพื่อรับมือกับจ้าวเฟิง และไม่มีการป้องกันจากเกราะว่างเปล่าแล้วด้วย พลังของพวกเขาก็น่าจะเหลือไม่เท่าไหร่แล้วเช่นกัน

พรึ่บ… ทายาทเนตรเทพเจ้าสี่คนพุ่งทะยานไปหาพวกเทพโบราณเสวียนหมัวอย่างรีบร้อน ระลอกเจตจำนงดวงตาในนัยน์ตาของพวกเขาลุกโชน เตรียมพร้อมโจมตีพวกเทพโบราณเสวียนหมัวอย่างเต็มกำลังที่สุด

“โง่เง่านัก!”

เทพโบราณเสวียนหมัวมีสีหน้าบึ้งตึง ปรายตามองคนทั้งสี่ก่อนจะพูดจาดูถูก

“พวกเราไม่แพ้หรอก!” คนที่เหลือเอ่ยพึมพำอย่างเยือกเย็น

ทุกคนต่างเชื่อมั่นในตนเองกันอย่างยิ่ง

“จะตายอยู่แล้วยังไม่รู้เรื่องรู้ราวอีก!” เทพโบราณหวังหลิงแค่นเสียงเย็น

ถึงพวกเทพโบราณเสวียนหมัวจะยังมีอีกหกคน แต่เคล็ดวิชาที่พวกเขาเรียกออกมานั้นสิ้นเปลืองพลังมากเกินไป เมื่อเคล็ดวิชาหยุดลงก็แทบไม่มีกำลังรบอะไรอีก

แต่ในวินาทีต่อมา เกิดระลอกมิติบางเบาขึ้นด้านข้างพวกเทพโบราณเสวียนหมัว

จากนั้นร่างเงาดำที่เย็นเยียบทั้งหกก็ปรากฏขึ้นในฉับพลัน

ดวงตาของพวกเขาทอแสงสีแดง ใส่เกราะเหล็กสีดำ ดาบยักษ์ในมือสาดซัดกลิ่นอายเขย่าขวัญออกมากดดัน

“นี่มัน…หุ่นเชิดความลับสวรรค์!”

เทพโบราณหวังหลิงพลันร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ

“เป็นไปได้อย่างไร? พวกเขายังมีไพ่ตายแบบนี้อยู่อีก!”

สีหน้าหลินเฉิงอู่เปลี่ยนไปทันที สีหน้าก็ตื่นตกใจเป็นที่สุด

พวกเทพโบราณเสวียนหมัวทั้งหกต่างมีหุ่นเชิดกลไกของเผ่าความลับสวรรค์กันคนละตัว หุ่นเชิดพวกนี้ต่างแผ่กระจายพลังกดดันของเทพโบราณขั้นเจ็ดออกมา แต่หุ่นเชิดสองตัวของเทพโบราณเสวียนหมัวและเทพโบราณเฮยจี๋กลับแผ่กลิ่นอายที่แข็งแกร่งของขั้นแปด เพียงแค่เห็นหุ่นเชิดศพทั้งสองตัวนี้ ทุกคนก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันจนยากจะหายใจ

“หรือว่าพวกเราจะต้องตายอยู่ที่นี่กันแน่แล้ว?”

สตรีโฉมงามคับแค้นใจอย่างยิ่ง

ถึงนางจะมีกายวัฏสงสาร แต่เมื่อตกอยู่ในเงื้อมมือของเทพโบราณเสวียนหมัวก็ไม่ได้มีประโยชน์อันใด

“สังหารพวกเขาเสีย!” เทพโบราณเสวียนหมัวสั่งการด้วยน้ำเสียงเย็นชา

โครม! หุ่นเชิดกลไกทั้งหกตัวขยับกายทันที เสียงเหล็กกระทบกันดังออกมา ราวกับเสียงนาฬิกาแห่งความตายที่ดังสะท้อนในจิตใจของทุกคนที่นั่น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version