บทที่ 1314 ข้ารับใช้ที่แข็งแกร่ง
ในตอนที่พวกเทพโบราณเสวียนโหมวทั้งหกเรียกหุ่นเชิดกลไกหกตัวออกมา
สีหน้าของทุกคนสิ้นหวังทันที
นอกจากจ้าวเฟิงแล้ว ยังเหลือทายาทเนตรเทพเจ้าแค่สี่คน และตัวของพวกเขาเองก็ไม่ได้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์นัก จะรับมือกับหุ่นเชิดกลไกทั้งหกนี้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้น ในนั้นยังมีหุ่นเชิดสองตัวที่พลังเทียบเท่ากับเทพโบราณขั้นแปดด้วย
“หรือว่าพวกเราต้องตายกันที่นี่แน่แล้ว?”
สตรีโฉมงามไม่อยากจะตายเช่นนี้ ถึงนางจะมีกายวัฏสงสาร แต่เมื่อตกอยู่ในเงื้อมมือของเทพโบราณเสวียนหมัวก็ไม่ได้มีประโยชน์อันใด
“บัดซบ ทำอะไรไม่ได้แล้ว!” สามคนที่เหลือชะงักนิ่ง ขาสั่นระริก
พวกเขามาถึงช่วงสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานแล้ว
“คนพวกนี้ไม่ธรรมดาเลย!” แววตาจ้าวเฟิงเคร่งขรึม
รู้เรื่องซากปรักหักพังของเผ่าความลับสวรรค์ ซ้ำยังใช้วิชารวมเนตรเทพเจ้าได้ สามารถควบคุมอุปกรณ์กลไกในซากปรักหักพังเผ่าความลับสวรรค์ และมีหุ่นเชิดกลไกที่แข็งแกร่งด้วย เบื้องหลังของคนเหล่านี้ต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
ผลัวะ! ด้านล่าง พวกเทพโบราณหวังหลิงทั้งสี่เผชิญกับการรุกโจมตีจากหุ่นเชิดความลับสวรรค์ทั้งหก ถึงจะเป็นสถานการณ์เข้าตาจน แต่พวกเขาก็ยังโต้ตอบอย่างสุดความสามารถ เพราะอยากมีชีวิตต่อ
“จ้าวเฟิง รีบยอมแพ้แต่โดยดีเสีย เจ้าคิดว่าพวกเจ้าจะหนีออกไปได้อย่างนั้นหรือ?”
เทพโบราณเฮยจี๋หัวเราะเสียงเหี้ยม
พวกพ้องหลายคนของเขาแปลกใจอย่างมาก พวกเขาต่างงัดไพ่ตายของตนเองออกมากันจนหมดแล้ว แต่จ้าวเฟิงก็ยังไม่ยอมแพ้
จ้าวเฟิงไม่มีทางจะหนีออกจากวิหารใจกลางแห่งนี้ไปได้ ถึงจะครอบครองอาวุธเทพที่รักษาชีวิตอย่างชุดคลุมมิติเอาไว้ก็ยังยากจะหนีรอดออกไป ทันทีที่หุ่นเชิดกลไกทั้งหกตัวจัดการทายาทเนตรเทพเจ้าคนอื่นๆ ได้ ต่อให้จ้าวเฟิงอาศัยพลังของชุดคลุมมิติก็ไม่สามารถหนีต่อไปได้อีก
โครม! ในเวลานี้เอง หุ่นเชิดเทพโบราณขั้นแปดฉีกทึ้งร่างของชายชราชุดเขียวออกเป็นสองท่อน กระทั่งวิญญาณของเขาก็โดนทำลายไปด้วย
ทายาทเนตรดับสูญขั้นเจ็ดสุดยอดจึงตายลงเช่นนี้
“ดูท่าคงต้องอาศัยพลังจากเผ่าพันธุ์กิเลนเพลิงโลหิตเสียแล้ว…”
สีหน้าจ้าวเฟิงหนักอึ้งเล็กน้อย
ถ้าไม่ใช่เพราะตอนนี้เผชิญหน้ากับวิกฤตอันตรายจนแทบไม่มีทางรอดแล้ว จ้าวเฟิงไม่คิดจะหยิบยืมพลังจากเผ่าพันธุ์กิเลนเพลิงโลหิตแม้แต่น้อย
“แต่มิติที่นี่ไม่มั่นคงนัก ต้องอาศัยพลังจากเผ่าบรรพกาลขั้นแปดเท่านั้น…”
จ้าวเฟิงรีบครุ่นคิด
ในขณะนี้เอง สตรีโฉมงามและหลินเฉิงอู่ก็ถูกหุ่นเชิดกลไกสังหาร
สุดท้ายเทพโบราณหวังหลิงจึงถูกหุ่นเชิดกลไกทั้งหมดล้อมไว้
“อ๊าก…” เทพโบราณหวังหลิงเห็นว่าไม่มีทางรอดแล้ว จึงตัดสินใจระเบิดตนเอง
ด้วยพลังจากเนตรมรณะของเขา หากระเบิดตนเองย่อมต้องทำให้พวกเทพโบราณเสวียนหมัวบาดเจ็บสาหัสได้
“เขาคิดจะระเบิดตนเอง!” จ้าวเฟิงตะลึงเล็กน้อย
บางทีการระเบิดตนเองของเทพโบราณหวังหลิงอาจสร้างโอกาสอะไรบางอย่างให้กับตน
“ช่างไร้เดียงสานัก!” เทพโบราณเสวียนหมัวกดเสียงต่ำ
ยามนั้นหุ่นเชิดทั้งหกตัวโอบล้อมเทพโบราณหวังหลิงในทันที ควันแสงสีเทาเข้มกระจายตัวออกบนฝ่ามือของพวกมันโดยพลัน
ฟิ้ว! ควันแสงสีเทาเข้มทั้งหมดสอดประสานจนกลายเป็นปราการพลังแห่งหนึ่ง ปกคลุมเทพโบราณหวังหลิงเอาไว้ภายใน ก่อนจะหดเล็กลงไปเรื่อยๆ
บึ้ม! เทพโบราณหวังหลิงระเบิดออกภายในปราการพลังขมุกขมัว
ปราการพลังที่ล้อมร่างเขาเอาไว้พังทลาย แต่พลังที่หลงเหลืออยู่กลับเบาบางอย่างมาก จึงไม่มีผลกระทบกับวิหารใจกลางมากมายนัก
“ลูกเล่นเยอะนักนะ!” จ้าวเฟิงทอดถอนใจอย่างอดไม่ได้
จนถึงตอนนี้ ทุกคนที่มาสำรวจซากปรักหักพังแห่งนี้ถูกพวกเทพโบราณเสวียนหมัวสังหารจนหมดสิ้น หากเรื่องระดับนี้แพร่กระจายออกไป ต้องเป็นเรื่องเขย่าขวัญอย่างมากแน่
“จ้าวเฟิง คราวนี้ต่อให้เจ้ามีปีกก็ยากจะบินหนีแล้ว!”
สายตาเทพโบราณเสวียนโหมวจดจ้องที่ร่างจ้าวเฟิง ก่อนจะหัวเราะสะใจ
คนอื่นที่เหลือระบายยิ้มน้อยๆ อย่างมั่นใจว่าตนจะชนะ
“เช่นนั้นหรือ? ถ้าหากข้าหนีไปได้จะทำอย่างไร?”
จ้าวเฟิงยิ้มกลับด้วยรอยยิ้มเดียวกัน
“โง่เขลา!” สีหน้าเทพโบราณเสวียนหมัวเปลี่ยนไปทันที
พรึ่บ พรึ่บ…
ทันใดนั้น หุ่นเชิดกลไกที่ไร้ความรู้สึกทั้งหกตัวตรงดิ่งมาสังหารจ้าวเฟิง
“ข้าจะรอดูว่าเจ้าจะหนีออกไปอย่างไร!” เทพโบราณเสวียนหมัวเอ่ยด้วยน้ำเสียงชั่วร้าย
อยู่ในมิติที่เล็กแคบขนาดนี้ มีทั้งลำแสงมายาหกสาย บวกกับหุ่นเชิดกลไกหกตัว เขาจะรอดูว่าจ้าวเฟิงจะหนีไปได้อย่างไร! แต่ฉับพลันนั้น กลิ่นอายน่าพรั่นพรึงที่กดดันทั่วบริเวณก็ปรากฏขึ้นข้างจ้าวเฟิง
ตูม! เพลิงสีแดงฉานกลุ่มหนึ่งระเบิดออกและหมุนคว้างรอบตัวจ้าวเฟิง ถึงลำแสงหกสายจะไม่ถูกทำลายลงไป แต่ก็ถูกขัดขวางไว้อย่างหนักเช่นกัน ส่วนหุ่นเชิดกลไกทั้งหกตัว นอกเหนือจากหุ่นเชิดแปดขั้นทั้งสองแล้ว หุ่นเชิดตัวอื่นๆ ก็ลอยกระเด็นไป ก่อนจะกระแทกลงบนพื้นรอบๆ อย่างแรง
“กลิ่นอายกลุ่มนี้…” สีหน้าพวกเทพโบราณเสวียนหมัวซีดเผือดกันหมด
กลิ่นอายที่ปรากฏขึ้นอย่างฉับพลันนั้นไม่เพียงแต่มีสายเลือดบรรพกาลที่แข็งแกร่ง แต่ยังมีกลิ่นอายเทพโบราณขั้นแปดสุดยอดด้วย
กลุ่มเพลิงค่อยๆ สลายตัวไป ก่อนที่ด้านข้างจ้าวเฟิงจะปรากฏกิเลนสีแดงโลหิตขนาดยักษ์ตัวหนึ่ง
“เผ่าพันธุ์กิเลนเพลิงโลหิต!” ทุกคนพึมพำด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก
“เหตุใดที่นี่จึงมีเทพโบราณขั้นแปด?”
“จ้าวเฟิง เจ้ากับข้ามีพันธะสัญญาต่อกัน เจ้าจะเอาเรื่องนี้ไปบอกคนนอกไม่ได้!”
เทพโบราณเฮยจี๋ตะโกนลั่น
ที่มีเทพโบราณขั้นแปดสุดยอดปรากฏกายขึ้น จะต้องเกี่ยวข้องกับจ้าวเฟิงอย่างแน่นอน แต่ในตอนนั้นเขาทำพันธะสัญญากับจ้าวเฟิงแล้วว่าห้ามแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไปโดยเด็ดขาด และถึงจะเป็นเช่นนี้ เหตุใดเทพโบราณขั้นแปดจึงยอมติดตามมาที่นี่
“นายท่าน มีเรื่องจะสั่งหรือไม่?”
ในตอนที่ทุกคนกำลังฉงนสงสัย เทพโบราณขั้นแปดระดับสุดยอดผู้นั้นทรุดตัวลงคุกเข่าข้างหนึ่งกลางอากาศก่อนจะเอ่ยอย่างนอบน้อม
“นายท่าน!” พวกเทพโบราณเสวียนโหมวตื่นตระหนกระคนสงสัย
เทพโบราณขั้นแปดสุดยอดผู้หนึ่งเรียกจ้าวเฟิงว่านายท่าน!
แต่หากเป็นเช่นนี้จริงๆ เทพโบราณขั้นแปดผู้นี้ก็เป็นเพียงแค่ข้าใช้ของจ้าวเฟิง จ้าวเฟิงให้เขาทำอะไรก็ย่อมได้โดยไม่ต้องบอกเหตุผลใด
เทพโบราณขั้นแปดผู้นี้ปรากฏกายขึ้นที่นี่ ย่อมไม่รู้ต้นสายปลายเหตุใดอะไร
“พาข้าหนีออกจากที่นี่!” จ้าวเฟิงเอ่ยเสียงเรียบ
“รับทราบ!” กิเลนเพลิงโลหิตเอ่ยอย่างนอบน้อม
เมื่อเอ่ยจบ พลังไฟร้อนแรงก็รวมตัวกันในปากของมัน
ได้โอกาสช่วยเหลือนายเหนือหัวเช่นนี้ เขาจะต้องแสดงฝีมือให้ดี ทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจทั้งหมดที่มี!
“แย่แล้ว!” สีหน้าพวกเทพโบราณเสวียนหมัวตะลึงไปเล็กน้อย
พลังที่เกิดจากเนตรเทพรวมเป็นหนึ่งเหลือไม่กี่ส่วน เกราะมายารอบวิหารใจกลางอ่อนแอมากแล้ว จ้าวเฟิงสามารถทำลายได้อย่างง่ายดาย เมื่อบวกกับความช่วยเหลือจากเทพโบราณขั้นแปดสุดยอด คนทั้งสองต้องผ่านพื้นที่ใจกลางที่ถูกผนึกไปได้แน่นอน หากจ้าวเฟิงออกไปจากที่นี่และอาศัยชุดคลุมมิติ ทุกคนที่อยากจะไล่ตามเขาคงลำบากแล้ว
พวกเทพโบราณเสวียนหมัวควบคุมหุ่นเชิดกลไกทั้งหกให้ตรงไปสังหารกิเลนเพลิงโลหิต พลังจากเนตรเทพรวมเป็นหนึ่งของพวกเขาเหลือไม่กี่ส่วนแล้ว ถ้าหากเอามาใช้รับมือกับกิเลนเพลิงโลหิตก็จะจับตัวจ้าวเฟิงได้ยาก ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้ใช้พลังนั้น
“ฝ่ามือเทพรวมศูนย์!”
จ้าวเฟิงโคจรพลังเทพรวมศูนย์ ฟาดฝ่ามือแสงขนาดยักษ์ที่มืดหม่นและปั่นป่วนพุ่งตรงไปด้านหน้า ลองขัดขวางการรบกวนจากหุ่นเชิดกลไก
ในขณะเดียวกัน จ้าวเฟิงปลดปล่อยวิชาดวงตาดั้งเดิมกระบวนท่าหนึ่งกระแทกลงบนเกราะมายา
บึ้ม! เกราะที่ล้อมรอบพื้นที่นี้ถูกระเบิดออกในทันที
แต่พวกเทพโบราณเสวียนหมัวไม่เพียงใช้เกราะปิดกั้นพื้นที่แห่งนี้ไว้ แต่ยังปิดทางเข้าออกทั้งหมดของพื้นที่ใจกลางด้วย ถึงแม้ว่าปราการพลังจะถูกทำลาย แต่ถึงพวกเขาอยากจะหนีไปก็ยังลำบากนัก
โครม! กิเลนเพลิงโลหิตลงมือโจมตีกำแพงด้านหนึ่งสุดกำลัง
ทั้งวิหารใจกลางสั่นสะเทือน
ทางฟากหุ่นเชิดกลไกก็ทำลายการโจมตีของจ้าวเฟิงเป็นผุยผง ก่อนจะพุ่งไปโจมตีกิเลนเพลิงโลหิต
“ปราการมิติเวลา!” จ้าวเฟิงรีบโคจรเสวียนอ้าวมิติ กระตุ้นพลังของชุดคลุม
ฟิ้ว โครม! พลังมายาสีขาวอ่อนชั้นหนึ่งทับซ้อนกันไปมา ปรากฏขึ้นตรงกลางระหว่างหุ่นเชิดกลไกและจ้าวเฟิง
ตอนที่หุ่นเชิดกลไกหมายจะเข้าไปใกล้นั้น พวกเขาไม่เพียงแต่ถูกขัดขวางจากพลังมิติ ยังได้รับผลกระทบจากพลังมิติด้วย จึงทำให้ความคิดเชื่องช้าลงไป
“เสวียนอ้าวมิติของเจ้านี่โดดเด่นอย่างยิ่ง กระตุ้นพลังของชุดคลุมมิติได้ถึงขนาดนี้เลย!”
เทพโบราณเฮยจี๋เอ่ยอย่างตกใจ
‘ปราการมิติเวลา’ คือ ‘เกราะมิติ’ ที่เพิ่มระดับขั้นแล้ว แรงต้านการโจมตีเพิ่มขึ้นมาก
“ข้าเอง!” ทายาทเนตรมิติร่างผอมแห้งก้าวออกมาทันที
เนตรมิติของเขาพลันหมุนวน เสวียนอ้าวมิติกลุ่มหนึ่งปกคลุมรอบตัวหุ่นเชิดกลไก
ทันใดนั้น ผลกระทบจาก ‘ปราการมิติเวลา’ ที่หุ่นเชิดกลไกได้รับก็ลดลงไปเช่นกัน
โครม! ตูม! หุ่นเชิดกลไกหกตัวกวัดแกว่งดาบยักษ์ในมือ ฟันฉับปลดปล่อยแรงโจมตีอันทรงพลังออกมา
ปราการมิติเวลาที่ปลดปล่อยจากชุดคลุมมิติก็ค่อยๆ เบาบางลงไปทุกที หนำซ้ำหุ่นเชิดกลไกยังเข้าไปใกล้จ้าวเฟิงและกิเลนเพลิงโลหิตมากขึ้น
แต่ในขณะนี้เอง
โครม! กิเลนเพลิงโลหิตขั้นแปดสุดยอดทะลวงผนึกรอบๆ วิหารออกเป็นหลุมเล็ก
ไม่เสียทีที่เป็นเผ่าพันธุ์กิเลนเพลิงโลหิตที่ชำนาญการรบ วิธีการโจมตีของพวกเขาช่างทรงพลัง
“ไปได้!”
จ้าวเฟิงโคจรเสวียนอ้าวมิติก่อนจะมุดช่องโหว่นั้น หนีออกไปจากวิหารใจกลางแห่งนี้พร้อมกับกิเลนเพลิงโลหิตอย่างว่องไว
“แย่แล้ว เขาหนีไปแล้ว!” พวกเทพโบราณเสวียนหมัวตื่นตกใจ
“ทำอย่างไรดี?” ทุกคนทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ
ยามนี้สภาพพวกเขาย่ำแย่มาก กำลังรบก็ต่ำลงยิ่งนัก ไม่อาจเอาตัวไปเสี่ยงได้ แต่จ้าวเฟิงมีข้ารับใช้ในขั้นแปดสุดยอด จะรับมือกับพวกจ้าวเฟิงนั้นจะใช้แค่หุ่นเชิดกลไกสองตัวคงยังไม่พอ อีกทั้งจ้าวเฟิงชำนาญเสวียนอ้าวมิติ ครอบครองชุดคลุมมิติ หากพวกเขาส่งหุ่นเชิดกลไกจำนวนมากไปก็ยังกังวลว่าจ้าวเฟิงจะสังหารจนเหี้ยน
พวกเขาตกที่นั่งลำบากกันอย่างรวดเร็ว “ในเมื่อเป็นแบบนี้ก็สังหารเลยแล้วกัน!”
สีหน้าเทพโบราณเสวียนหมัวโหดเหี้ยมเกินจะเปรียบ
ภารกิจครั้งนี้กลายเป็นแบบนี้ ทำให้เขาเดือดดาลนัก
“ภารกิจของพวกเราไม่ได้มีจ้าวเฟิงผู้นี้รวมอยู่ด้วย แต่หากข่าวเรื่องพวกเราแพร่งพรายออกไปคงแย่แน่!”
เทพโบราณเฮยจี๋เห็นด้วยกับคำชี้แนะของเทพโบราณเสวียนหมัวมาก หากพวกเขาจับจ้าวเฟิงได้ก็จะได้รางวัลจำนวนมหาศาล แต่ถ้าเรื่องนี้หลุดออกไป พวกเขาได้ตายแบบไร้ดินกลบหน้าแน่!
“ก็ได้ เช่นนั้นก็ทำลายที่นี่ไปเลยแล้วกัน!” คนอื่นที่เหลือก็รีบก้าวออกมาทันที
จากนั้นพวกเขามายังอุปกรณ์แปดเหลี่ยมตรงกลาง
จากการสำรวจทดลองของทั้งหกคน อุปกรณ์แปดเหลี่ยมจึงปล่อยม่านแสงสีขาวโปร่งแสงชั้นหนึ่งออกมาในที่สุด
“เริ่มกระบวนการทำลายตนเอง!” เทพโบราณเสวียนหมัวพึมพำเสียงต่ำ
จากนั้นทั้งม่านแสงก็กลายเป็นสีแดงอ่อน
“ยังเหลือเวลาอีกหนึ่งร้อยช่วงลมหายใจ ที่นี่ก็จะทำลายตนเอง พวกเจ้าสามคนจัดการกางค่ายกลส่งข้าม พวกข้าสามคนจะจัดการเก็บกวาดผลและข้อมูลวิจัยที่เหลือ!”
เทพโบราณเสวียนหมัวกำชับ
คนทั้งหกเริ่มแยกย้ายกันทำหน้าที่
เมื่อภารกิจครั้งนี้จบลง เดิมทีก็ต้องทำลายซากปรักหักพังแห่งนี้อยู่แล้ว ตอนนี้สบโอกาสอาศัยพลังกลุ่มนี้สังหารจ้าวเฟิงได้พอดี
พวกเขาไม่เชื่อว่าจ้าวเฟิงจะหนีออกจากมิติที่กำลังถล่มลงได้ ต่อให้มีชุดคลุมมิติก็ทำไม่ได้!
ทางฟากจ้าวเฟิงที่หนีออกจากวิหารใจกลาง เขาใช้ความสามารถในการมองทะลุผ่านของตาข้างซ้ายเพื่อสำรวจสถานการณ์ของพวกเทพโบราณเสวียนหมัว
“หืม! หนีไปกันหมดแล้วหรือ?”
จ้าวเฟิงฉงนใจอยู่บ้าง
พวกเทพโบราณเสวียนหมัวสามารถควบคุมกลไกและเครื่องกลที่นี่ได้ แต่กลับไม่อยากไล่ตามจับตนเองต่อ
“นั่นมันอะไร?” แววตาของจ้าวเฟิงจดจ้องไปที่ม่านแสงสีแดงอ่อนเหนืออุปกรณ์ทรงแปดเหลี่ยมนั้น
เขาจำได้ว่าก่อนนี้มันไม่ได้เป็นแบบนี้ อักขระเหนือม่านแสงสีแดงอ่อนเป็นอักษรของเผ่าความลับสวรรค์ จ้าวเฟิงอ่านไม่ออก แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ในใจเขาจึงรู้สึกไม่ชอบมาพากลนัก