Skip to content

King of Gods 1315

King Of Gods

บทที่ 1315 ทำลายล้างมิติ

ก่อนนี้ตอนที่พวกจ้าวเฟิงถูกไล่ล่าสังหารก็แทบวนอยู่รอบๆ พื้นที่ใจกลาง ดังนั้นจึงค่อนข้างเข้าใจในลักษณะพื้นที่ของที่นี่

หลังหนีออกมาจากวิหารใจกลาง จ้าวเฟิงหาเส้นทางที่ใกล้ที่สุด ก่อนจะร่วมมือกับกิเลนเพลิงโลหิตฝ่าทำลาย พยายามหาทางหนีไป

“พวกเขาไปเอาสิ่งของที่อื่นในพื้นที่ใจกลาง!”

ดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงสามารถมองทะลุผ่านไปได้ระยะหนึ่ง และสังเกตเห็นสถานการณ์บางส่วน แต่ทั้งหกคนแยกกันลงมือเป็นกลุ่มสามคน ถึงจ้าวเฟิงไล่สังหารกลับก็คงจะไม่สำเร็จ ดังนั้นเขาจึงเลือกหนีออกจากที่นี่ก่อนแล้วค่อยว่ากัน

อย่างไรเสียที่นี่ก็คือซากปรักหักพังของเผ่าความลับสวรรค์ ส่วนฝ่ายตรงข้ามไม่ได้รับผลกระทบใดๆ จากที่นี่ ประหนึ่งว่าเป็นสวนหลังบ้านตนเองอย่างนั้น

ส่วนเจ้าแมวขโมยน้อย จากระดับความสำคัญที่คนพวกนั้นมีให้ จะมองออกได้ว่าพวกเขาไม่ทำร้ายมันแน่

อีกอย่าง จ้าวเฟิงมองออกว่าเจ้าแมวขโมยจงใจให้ถูกจับไป

เขาและเจ้าแมวขโมยน้อยมีพันธะสัญญาระหว่างกันอยู่ ถึงจะถูกกั้นขวางด้วยเขตพื้นที่หนึ่งก็ยังพอติดต่อกันได้บ้าง

ถ้าเจ้าแมวขโมยตัวน้อยถูกพวกเขาจับกลับไปฐานที่มั่น เท่ากับว่าจ้าวเฟิงจะได้รู้ตำแหน่งของขั้วอำนาจที่หนุนหลังพวกทายาทเนตรเทพเจ้าเหล่านี้ อีกทั้งขั้วอำนาจนี้รู้ความลับของแมวความลับสวรรค์ ที่นั่นอาจจะมีสิ่งที่เจ้าแมวขโมยน้อยต้องการ ไม่เช่นนั้นมันคงไม่เอาตัวเองไปเสี่ยงอันตรายและจงใจให้ถูกจับไป

หนำซ้ำขั้วอำนาจเบื้องหลังคนพวกนี้น่าจะกำลังศึกษาเกี่ยวกับเนตรเทพเจ้า หรือบางทีที่นั่นอาจมีสิ่งที่จ้าวเฟิงต้องการเช่นกัน และเพราะเหตุนี้ จ้าวเฟิงจึงไม่ได้ใช้พลังของเผ่าพันธุ์กิเลนเพลิงโลหิตมากมายนัก มิฉะนั้นทายาทเนตรเทพเจ้าทั้งหกคนก็ไม่อาจเป็นคู่มือของตนได้

ถึงแม้ทั้งหมดนี้จะอันตรายมาก แต่เจ้าแมวขโมยมีความสามารถในการทำนาย น่าจะยังพอมีหวังไม่น้อย

ตุบ โครม! ในตอนนี้เอง จ้าวเฟิงและกิเลนเพลิงโลหิตระเบิดสร้างช่องเล็กๆ ขึ้น ทั้งสองคนรีบมุดผ่านไปอย่างรวดเร็ว

“นายท่าน ที่นี่น่าจะเป็นโบราณสถานของเผ่าความลับสวรรค์!”

กิเลนเพลิงโลหิตข่มความสงสัยในใจไว้ไม่ไหว จึงโพล่งออกมา

“เอาตัวรอดเป็นสิ่งสำคัญ!” จ้าวเฟิงไม่ได้อธิบายอะไรมากมายนัก

อีกด้านหนึ่ง กลุ่มเทพโบราณเฮยจี๋เร่งรีบเก็บข้อมูลและผลการวิจัยที่สำคัญทั้งหมด

“บ้าเอ๊ย ยังมีผลการวิจัยไม่น้อยที่แมวความลับสวรรค์โยนให้จ้าวเฟิงไป!”

เทพโบราณเสวียนหมัวเอ่ยอย่างหัวเสีย

“อยู่กับเขาแล้วจะมีประโยชน์อะไร ทันทีที่มิติแห่งนี้แหลกสลาย เขาก็ต้องตายอยู่ดี!”

เสียงเย็นชาอีกเสียงหนึ่งดังขึ้น ถึงจะพูดเช่นนี้ แต่สูญเสียผลการทดลองที่ล้ำค่าไปมากมายอย่างเปล่าประโยชน์ก็ชวนให้เสียดายอยู่บ้าง

“เวลาไม่พอแล้ว รีบกลับไปเร็ว!”

สตรีร่างแบบบางเอ่ยตัดบท

กระบวนการทำลายตัวเองมีเวลาเพียงร้อยช่วงลมหายใจ ตอนนี้เหลืออีกแค่ยี่สิบช่วงลมหายใจแล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน พวกเขารีบไปเร็วๆ น่าจะเป็นการดีที่สุด

ในห้องเหล็กที่เล็กแคบแห่งหนึ่ง พวกเทพโบราณเฮยจี๋สามคนรออยู่นานแล้ว

“ค่ายกลส่งข้ามที่นี่อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ พวกเราแค่ต้องปรับเปลี่ยนจุดหมายที่จะส่งไป ตอนนี้สามารถใช้ได้แล้ว!”

เทพโบราณเฮยจี๋เอ่ยกลั้วหัวเราะ

“ดี!” คนทั้งหกก้าวขึ้นไปบนแท่นค่ายกลส่งข้าม

“ไปเถอะ ให้เจ้าเด็กนั่นตายอยู่ที่นี่ไป!”

เทพโบราณเฮยจี๋หัวเราะชั่วร้าย สีหน้าโหดเหี้ยม

ปัญหาใหญ่ที่สุดในภารกิจนี้ของพวกเขาก็คือจ้าวเฟิง หากไม่ใช่เพราะจ้าวเฟิง ไม่รู้ว่าภารกิจจะสำเร็จได้อย่างราบรื่นขนาดไหน อีกทั้งสุดท้ายคิดไม่ถึงเลยว่าพวกเขาจะสังหารจ้าวเฟิงไม่ได้ ต้องอาศัยกระบวนการทำลายตนเองของเมืองความลับสวรรค์แห่งนี้เท่านั้น

“ประมาทเจ้าเด็กนี่เกินไปจริงๆ!”

ทายาทเนตรมิติรูปร่างผอมเอ่ยอย่างนึกรังเกียจ

“ถึงแม้ว่าเขาจะสร้างความยุ่งยากให้พวกเราไม่น้อย แต่ก็ยังดีที่มอบแมวความลับสวรรค์ตัวหนึ่งมาให้!” เทพโบราณเสวียนหมัวพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“จริงด้วย แมวตัวนี้น่าจะมีพันธะสัญญากับเจ้าเด็กนั่น…”

“จะสนใจไปไย เมื่อมันตายเดี๋ยวพันธะสัญญาก็หายไปเอง!”

วิ้ง ฟิ้ว! เมื่อแท่นค่ายกลเปิดออก อักขระสีเงินแต่ละสายก็เกาะกลุ่มพุ่งออกมา

ชั้นระลอกแสงสีเงินเก่าแก่พลันปกคลุมร่างพวกเทพโบราณเสวียนหมัวเอาไว้ภายใน ส่วนอีกด้าน ถึงจ้าวเฟิงจะกำลังหาทางออกอยู่ แต่ก็สังเกตฝั่งศัตรูอยู่ดังเดิม

“ค่ายกลส่งข้าม! พวกเขาจะไปแล้วหรือ?” จ้าวเฟิงเผยสีหน้าประหลาดใจ

“ไม่นึกเลยว่าจะปล่อยข้าไปเช่นนี้!”

จ้าวเฟิงหัวเราะอย่างอดไม่ได้ ดูแล้วคนพวกนี้ทำอะไรตนเองไม่ได้ ดังนั้นจึงไม่รีรอ หนีไปเลยในทันที แต่จ้าวเฟิงยังคงรู้สึกไม่ชอบมาพากล และอดครุ่นคิดไม่ได้

‘แย่ละ ข้ารู้ความลับพวกนั้นมากมายขนาดนี้ ทำไมจึงปล่อยข้าไปง่ายๆ? ’

สีหน้าจ้าวเฟิงเปลี่ยนไปทันที ในใจร้อนรน ในเวลาเดียวกัน เขามองไปที่วัตถุแปดเหลี่ยมในวิหารใจกลางอีกครั้ง ม่านแสงสีแดงอ่อนด้านบนเปล่งประกายไม่หยุด

ถึงแม้ว่าจ้าวเฟิงจะไม่เข้าใจอักษรด้านบนนั้น แต่เขามองเห็นแถบแสงสีแดงสายหนึ่งกำลังยืดยาวจากด้านขวาไปด้านซ้าย ใกล้จะบรรจบปลายสุด

“พลังรอบๆ พื้นที่ใจกลางกระเพื่อมเข้าไปด้านในหมด!”

จากการสังเกตอย่างละเอียด จ้าวเฟิงพบว่าพลังในอุปกรณ์แปดเหลี่ยมมหาศาลผิดปกติ หนำซ้ำระลอกพลังยังรุนแรงอย่างมาก

“ไม่เข้าท่าแล้ว พวกนั้นจะทำลายที่นี่!” จ้าวเฟิงหน้าถอดสี ร้องตกใจ

หากยืนในมุมมองของพวกเทพโบราณเสวียนหมัว สิ่งของสำคัญที่นี่ล้วนแต่ถูกขุดค้นเอาไปแล้ว จะเหลือซากปรักหักพังแห่งนี้ไว้เพื่ออะไร?

ทำเช่นนั้นจะเหลือร่องรอยไว้ และทำให้ขั้วอำนาจอื่นๆ สืบหาพวกเทพโบราณเสวียนหมัวทั้งหกพบ

หนำซ้ำจ้าวเฟิงคนเดียวรู้ความลับพวกเขามากขนาดนี้ จึงไม่มีเหตุผลที่จะปล่อยจ้าวเฟิงไป เมื่อคิดโยงสองอย่างนี้ จ้าวเฟิงจึงคิดถึงความเป็นไปได้เพียงสิ่งเดียว!

พวกเทพโบราณเสวียนหมัวจะทำลายล้างมิติแห่งนี้ ในเวลาเดียวกันยังจะสังหารเขาด้วย!

อุปกรณ์ทรงแปดเหลี่ยมที่วิหารใจกลาง เป็นเครื่องกลไกระดับสูงที่สุดในพื้นที่ใจกลาง กระทั่งพวกเทพโบราณเสวียนหมัวยังไม่สามารถควบคุมได้สมบูรณ์ สามารถพูดได้ว่า อุปกรณ์แปดเหลี่ยมชิ้นนั้นจะต้องเป็นวัตถุหลักในซากปรักหักพังแห่งนี้ สามารถเชื่อมต่อทั้งมิตินี้ได้

เมื่อครู่อุปกรณ์ทรงแปดเหลี่ยมเกิดปรากฏการณ์ประหลาด…

“แย่ละ ที่นี่จะโดนทำลายหมด!” จ้าวเฟิงรีบร้อนเอ่ยกับกิเลนเพลิงโลหิต

“มีวิธีอะไรบ้างที่จะหนีออกไปจากมิติแห่งนี้ได้โดยเร็ว?”

จ้าวเฟิงถามอย่างร้อนรน

ในตอนนี้เป็นช่วงวิกฤตความเป็นความตาย

“หนีออกจากมิติแห่งนี้?” แววตาของกิเลนเพลิงอึ้งไป

ยามนี้พวกเขาอยากจะหนีออกจากพื้นที่ใจกลางแห่งนี้ยังยุ่งยากไม่น้อย จะหนีออกจากมิติแห่งนี้ไปในทันทีได้อย่างไรเล่า

จ้าวเฟิงรู้ว่ากิเลนเพลิงโลหิตตัวนี้ไม่อาจทำได้ จึงเก็บมันเข้าไปในห้วงฝันบรรพกาล

“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ก็ทำได้เพียงสู้แล้ว!”

จ้าวเฟิงเผยสีหน้าแน่วแน่

พรึ่บ! เงาจ้าวเฟิงพลันหายไปจากที่เดิม

แต่ถัดจากนั้น ระลอกมิติรุนแรงก็เกิดขึ้น

เปรี๊ยะ ฟุ่บ ฟุ่บ!

จ้าวเฟิงและผู้อาวุโสสูงสุดเผ่าพันธุ์กิเลนเพลิงโลหิตปรากฏกายขึ้นที่นี่ รอบตัวผู้อาวุโสสูงสุดเกิดรอยปริร้าวมิติถี่เล็กหลายเส้น ด้วยพลังฝึกตนของจ้าวเฟิง ถ้าหากเข้าใกล้รอยร้าวมิติจะถูกฉีกทึ้งเป็นชิ้นๆ แต่บนร่างเขามีชุดคลุมมิติซึ่งเป็นอาวุธเทพป้องกันระดับสูง จึงส่งผลป้องกันที่ดีอย่างยิ่งต่อรอยร้าวมิติ

“นายท่าน ที่นี่คือ?” ผู้อาวุโสเผ่าพันธุ์กิเลนเพลิงโลหิตมีสีหน้าสงสัย

จ้าวเฟิงไม่ได้พูดอะไรก็ดึงเขามาที่นี่ ทำให้เขาจับต้นสายปลายเหตุไม่ถูกแต่ทันใดนั้นเอง ผู้อาวุโสเผ่าพันธุ์กิเลนเพลิงโลหิตรู้สึกได้ถึงสัญญาณการพังทลายของมิติ

“นายท่าน ระดับของมิติแห่งนี้ต่ำจนเกินไป ไม่สามารถรองรับข้าได้!”

ผู้อาวุโสสูงสุดเอ่ยในทันที

“พยายามคิดหาวิธีทั้งหมด ไม่ว่าต้องจ่ายเท่าไหร่ ก็ต้องทำให้ข้าหนีไปจากที่นี่ให้ได้!”

จ้าวเฟิงเอ่ยอย่างกระวนกระวาย

ในเวลาเดียวกัน แสงสีแดงบนอุปกรณ์แปดเหลี่ยมกำลังจะไปถึงจุดสุดท้ายแล้ว

ผู้อาวุโสสูงสุดเผ่าพันธุ์กิเลนเพลิงโลหิตตระหนักถึงความหนักหนาของเรื่องนี้ในที่สุด

หากนายท่านผู้ปกครองไม่เจอภัยอันตรายที่ยากจะแก้ไข ทำไมจึงเรียกเขาออกมาง่ายดายเช่นนี้

“รับทราบ!”

แววตาผู้อาวุโสเคร่งขรึม กลิ่นอายแข็งแกร่งเก่าแก่อันไร้ขอบเขตกระเพื่อมจากในร่าง

วูบ เปรี๊ยะ! พลานุภาพที่ผู้อาวุโสเผ่าพันธุ์กิเลนเพลิงโลหิตปล่อยออกมาทำให้มิติเวลารอบบริเวณบิดเบี้ยว รอยปริร้าวมิติใหญ่น้อยพากันแยกออก พายุมิติที่ทำลายล้างทุกสรรพสิ่งหมุนวนออกมาจากด้านใน

ฟุ่บ! บนร่างของผู้อาวุโสสูงสุดปรากฏบาดแผลที่ต่างออกไปหลายสิบจุด

ถึงแม้ว่าพลังชีวิตจะแข็งแกร่ง แต่พลังฟื้นฟูของเขาไม่เทียบเท่ากับความเร็วของอาการบาดเจ็บ

ในเวลาเดียวกัน จ้าวเฟิงทำตามคำกำชับของผู้อาวุโสสูงสุด เร่งกระตุ้นพลังของชุดคลุมมิติอย่าง ‘ปราการมิติเวลา’!

เกราะมิติส่งผลป้องกันพลังมิติอย่างดีเยี่ยม ส่วน ‘ปราการมิติเวลา’ เป็นฉบับที่ดียิ่งกว่าของมัน ดังนั้นในด้านนี้จึงย่อมโดดเด่นกว่า จากการป้องกันของปราการมิติเวลา จึงสามารถประคองอาการบาดเจ็บของผู้อาวุโสสูงสุดได้ชั่วคราว

ส่วนจ้าวเฟิงได้รับการปกป้องจากทั้ง ‘ปราการมิติเวลา’ และชุดคลุมมิติ นับว่าปลอดภัยมากกว่า และในตอนนี้เอง แถบแสงสีแดงบนอุปกรณ์แปดเหลี่ยมมาจนถึงจุดสุดท้ายแล้ว!

พลังทำลายล้างปะทุขึ้นจากทั้งพื้นที่ใจกลางรวมไปถึงสถานที่ใหญ่น้อยรอบบริเวณ

พริบตานั้น จ้าวเฟิงรู้สึกได้ถึงแรงกดดันมหาศาล ภัยมรณะมาเยือนทันใด!

‘มิติแห่งนี้กำลังจะสลายไปจริงๆ ด้วย!’ ใจจ้าวเฟิงเต้นรัว กระทั่งดวงตาเทพเจ้าของเขายังเต้นกระตุกติดๆ กัน แต่พลังของเขาอ่อนแอจนเกินไป ไม่มีวิธีการอื่นใดอีก

ยามนี้เอง

รอบตัวผู้อาวุโสเผ่าพันธุ์กิเลนเพลิงโลหิตหมุนวนด้วยอักษรเพลิงประหลาดหลายแถว ก่อนกระเพื่อมออกมาอย่างรุนแรงพร้อมพลังเสวียนอ้าวที่ทรงอานุภาพ

มิติรอบบริเวณแหลกละเอียดไปสิ้นในทันที

เวลานั้น อักษรเพลิงประหลาดหมุนวนรอบตัวผู้อาวุโสสูงสุดเผ่าพันธุ์กิเลนเพลิงโลหิตและจ้าวเฟิง

ตูม! ทั้งสองกลายร่างเป็นแสงเพลิงสีเลือดกลุ่มหนึ่ง ระเบิดออกเสียงดังโครมครามก่อนจะหายไปทันที

ในเขตเทพสวรรค์ ป่าดิบกว้างโล่งผืนหนึ่งพลันบิดโค้งปั่นป่วน

แกรก ฟุ่บ ฟุ่บ! ทันใดนั้น รอยปริร้าวมิติขนาดใหญ่ฉีกแยกออกมา พายุพลังทำลายล้างที่น่าสะพรึงกลัวพุ่งทะลวงออกมาจากด้านใน รัศมีหลายแสนลี้กลายเป็นพื้นที่ต้องห้ามในพริบตา พลังพายุมิติทำลายล้างพร้อมด้วยแรงโจมตีมหาศาลลุกลามออกไป

ส่วนตรงชายแดนพื้นที่ต้องห้าม ร่างเงาสองร่างปรากฏกายขึ้นทันที

“อันตรายเหลือเกิน!” ใจที่สั่นระรัวของจ้าวเฟิงสงบลงในที่สุด ชุดคลุมมิติบนร่างเขาเปล่งแสงอ่อนลง เห็นได้ชัดว่ามันเสียหายไม่น้อยจากการปกป้องจ้าวเฟิง แต่โชคดีที่จ้าวเฟิงมีมัน จึงมีชีวิตรอดปลอดภัยมาได้ เพียงแต่ว่าพลังพายุมิติส่งผลกระทบต่อจ้าวเฟิงบางส่วน ทั้งยังมีเคล็ดวิชาแข็งแกร่งของผู้อาวุโสสูงสุดเผ่าพันธุ์กิเลนเพลิงโลหิตที่ช่วยเหลือเขาในระดับหนึ่ง

เปรี๊ยะ! ผู้อาวุโสกระอักเลือดร้อนออกมาอึกใหญ่ ด้านบนยังมีเพลิงอยู่จางๆ

จุดที่เพลิงตกลงไปลุกไหม้ทันควัน

“เป็นอย่างไร?” จ้าวเฟิงถามทันที

เทียบกับเขาแล้ว ผู้อาวุโสสูงสุดเผ่าพันธุ์กิเลนเพลิงโลหิตสำแดงวิชาข้ามมิติชั้นยอดในมิติที่ไม่เสถียร จึงบาดเจ็บสาหัสยิ่ง ทั่วร่างเขาไม่มีที่ใดครบสมบูรณ์ บางจุดเว้าแหว่งจนเห็นกระดูกขาวโพลน

“ไม่เป็นไร ถึงแม้จะบาดเจ็บไปถึงไอสวรรค์ แต่ก็ไม่เป็นปัญหา เพียงแต่ช่วงนี้อาจจะไม่สามารถช่วยท่านรับมือกับอันตรายได้แล้ว…”

ผู้อาวุโสเผ่าพันธุ์กิเลนเพลิงโลหิตรีบโคจรเคล็ดวิชารักษา จากนั้นจึงค่อยเอ่ยขึ้น

“เจ้ากลับไปเถอะ ข้าจะจดจำทุกการกระทำของเจ้าในวันนี้เอาไว้!”

จ้าวเฟิงเอ่ยอย่างซาบซึ้งใจ

ครั้งนี้โชคดีที่ได้ผู้อาวุโสสูงสุด หากไม่ได้เขา ต่อให้ตนเองมีชุดคลุมมิติก็ถูกพายุไร้ที่สิ้นสุดทำลายจนกลายเป็นผุยผง วิญญาณสลายไปแน่

พรึ่บ! จ้าวเฟิงนำผู้อาวุโสสูงสุดเผ่าพันธุ์กิเลนเพลิงโลหิตเข้าไปห้วงฝันบรรพกาล

“เจ้าแมวขโมยน้อย!”

จ้าวเฟิงหลับตาลงเล็กน้อย สัมผัสถึงทิศทางหนึ่งในใจ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version