บทที่ 1316 จัดการของที่ได้มา
“ออกไปจากที่นี่กันก่อน!”
จ้าวเฟิงวางเรื่องเจ้าแมวขโมยตัวน้อยไว้ก่อนเป็นการชั่วคราว เขาเก็บชุดคลุมมิติก่อนจะรีบหนีไปไกล ที่นี่เกิดเรื่องราวใหญ่โตขนาดนี้ ต้องเรียกความสนใจจากขั้วอำนาจแถวนี้แน่ อีกอย่างเผ่าเปลวทองเองรู้จักที่นี่ และเทพโบราณที่พวกเขาส่งเข้ามาก็หายตัวไปจนหมด
เชื่อว่าอีกไม่นานเท่าไหร่ ผู้แข็งแกร่งของเผ่าเปลวทองต้องมาที่นี่แน่
พอถึงตอนนั้นหากพวกเขาเห็นจ้าวเฟิง ต้องคิดหาวิธีการต่างๆ นานาเพื่อโยนความผิดให้จ้าวเฟิงแน่นอน และอีกอย่าง งานชุมนุมเนตรเทพเจ้าก็จบลงไปนานแล้ว เขาจำเป็นต้องกลับไปที่เผ่าพันธุ์วิญญาณด้วย
สองเดือนกว่าให้หลัง จ้าวเฟิงก็ไปถึงเผ่าพันธุ์วิญญาณอย่างราบรื่น
ในวันนั้น คนระดับสูงของเผ่าพันธุ์วิญญาณจำนวนมากต่างมาเยี่ยมเยียนเขา
สถานะของจ้าวเฟิงในเผ่าพันธุ์วิญญาณสูงส่งอย่างยิ่ง เมื่องานชุมนุมเนตรเทพเจ้าจบลงแล้ว จ้าวเฟิงไม่ได้เดินทางกลับมา พอถามไปทางแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตจึงรู้มาว่าจ้าวเฟิงแยกไประหว่างทาง
คนทั้งเผ่าพันธุ์วิญญาณยังให้สมาชิกฝ่ายข่าวกรองไปหาเบาะแสข่าวคราวเกี่ยวกับจ้าวเฟิงทุกที่ แต่ก็ไม่ได้ผลอะไร
“ทำให้ทุกท่านเป็นห่วงแล้ว” จ้าวเฟิงประสานมือพลางเอ่ย
“จ้าวเฟิง เจ้าจะหย่อนยานไม่ได้แล้วนะ ตอนนี้จ้าวหยูเฟยเป็นศิษย์สืบทอดของผู้อาวุโสที่สามแล้ว!”
เทพโบราณฝูหลิงลูบเคราพูดเจือยิ้ม
“อืม หยูเฟยมีสายเลือดเผ่าพันธุ์วิญญาณ เมื่อได้คำชี้แนะจากครึ่งก้าวสู่จอมเทพของเผ่า พลังฝึกตน สายเลือด กับความสามารถของนางย่อมเพิ่มขึ้นรวดเร็วอยู่แล้ว!”
เทพโบราณชุดดำผู้หนึ่งเอ่ย
ในสายตาของเขา ตั้งแต่จ้าวเฟิงทะลวงขั้นเทพมาได้ก็ชักจะทะนงตัวมากไปเสียแล้ว
ครอบครองสายเลือดดวงตา แต่กลับไม่สนใจงานชุมนุมเนตรเทพเจ้า จู่ๆ ก็ออกจากงานไป จะต้องรู้ว่า ผู้ครอบครองสายเลือดดวงตาคนอื่นต่างอยากจะอยู่ในงานชุมนุมเนตรเทพเจ้าให้นานอีกสักหน่อยกันทั้งสิ้น
ส่วนผู้ครอบครองสายเลือดดวงตาที่พลังฝึกตนไม่ถึงตามเงื่อนไขก็ยังอยากจะเข้าร่วมงานให้ได้สักครั้ง แต่คิดไม่ถึงว่าจ้าวเฟิงเข้าร่วมงานชุมนุมเนตรเทพเจ้าครั้งแรก กลับหนีไปกลางคันเสียอย่างนั้น!
“ศิษย์สืบทอดของผู้อาวุโสที่สาม?” จ้าวเฟิงชะงักไปเล็กน้อย
ผู้อาวุโสสามของเผ่าพันธุ์วิญญาณ ก็คือครึ่งก้าวสู่จอมเทพที่อยากจะรับตนเป็นศิษย์ตอนทะลวงขั้นเทพได้ไม่นานแต่ถูกเขาปฏิเสธไปไม่ใช่หรือ?
คิดไม่ถึงเลยว่าหลังจากที่ตนจากไป ผู้อาวุโสสามผู้นี้จะรับจ้าวหยูเฟยเป็นศิษย์เสียนี่ แต่พรสวรรค์ที่จ้าวหยูเฟยแสดงออกมานั้นไม่ธรรมดาจริงๆ
“ข้าขอตัวก่อน!” จ้าวเฟิงบอกลาทุกคนทันที
จ้าวเฟิงไม่ได้บอกเรื่องของพวกเทพโบราณเสวียนหมัวกับเผ่าพันธุ์วิญญาณ
อย่างแรกเพราะว่าฝ่ายตรงข้ามสนใจแค่ทายาทเนตรเทพเจ้า ไม่เกี่ยวกับเผ่าพันธุ์วิญญาณเท่าไหร่นัก ถึงเขาจะบอกทางเผ่าก็คงไม่มีประโยชน์อะไร
ถัดมา ถ้าหากเล่าเรื่องโบราณสถานของเผ่าความลับสวรรค์ไป คงจะมีความยุ่งยากอีกมากมายเกิดขึ้นตามมา อย่างเช่นสมบัติที่จ้าวเฟิงได้มาก็จะถูกคนอื่นสอดส่องดู
คนอื่นๆ ที่เข้าไปในนั้นตายหมดแล้ว พวกเผ่าเปลวทองและขั้วอำนาจเขตพยับฟ้าก็จะเอาแต่จับจ้องจ้าวเฟิง ดังนั้นจ้าวเฟิงจึงไม่คิดจะพูดเรื่องนี้กับใคร
หลังจากกลับมาในที่พักแล้ว จ้าวเฟิงรีบปิดด่านฝึกตนทันที เมื่อเข้าไปในมิติภายในชุดคลุม จ้าวเฟิงก็เริ่มรักษาอาการบาดเจ็บ ในเวลาเดียวกันกับที่ฟื้นฟูรักษา เขานำสิ่งของทั้งหมดที่ได้จากซากปรักหักพังออกมา
ทางฝั่งมังกรวารีล้างโลกาที่กำลังฝึกตนอยู่ลืมตามองจ้าวเฟิงทันที
ส่วนจ้าวหวางกำลังฝึกฝนอยู่ที่มุมหนึ่งภายในมิติ ในมือประคองคทาคำสาปมรณะ
จ้าวหวางในตอนนี้ได้รับการยอมรับจากคทาคำสาปมรณะแล้ว
และบวกกับเขาได้วารีมรณะจำนวนมากมาจากพื้นที่มรดกของเผ่าความลับสวรรค์ ซึ่งเอื้อในการยึดครองคทาคำสาปมรณะ เขาจึงทะลวงผ่านเทพแท้จริงขั้นหกได้นานแล้ว
จ้าวเฟิงหยิบเอาหลอดทดลองผลึกขนาดหนาเท่าแขนมาจากสิ่งของมากมายด้านหน้า เลือดสีแดงที่บรรจุอยู่ด้านในให้ความรู้สึกราวกับหินหลอมเหลว
โครม! ในวินาทีที่เปิดมันออก แรงกดดันสายเลือดบรรพกาลที่ร้อนระอุก็พวยพุ่งออกมา
“ด้อยกว่าสายเลือดเผ่าเปลวทองเล็กน้อย แต่แข็งแกร่งกว่าสายเลือดเผ่าพันธุ์กิเลนเพลิงโลหิต!”
จ้าวเฟิงไม่อาจตัดสินได้ว่านี่คือสายเลือดประเภทใดโดยอาศัยเพียงกลิ่นอายเท่านั้น จึงได้แต่คาดเดาคร่าวๆ
“นายท่าน นี่คือสายเลือดเผ่าเทพเพลิง สายเลือดลำดับที่สี่สิบแปดในรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ!”
มังกรวารีล้างโลกาเอ่ยขึ้นทันที
“ลำดับที่สี่สิบแปด!” ใจจ้าวเฟิงเต้นรัวเร็ว
คิดไม่ถึงเลยว่าแค่หยิบหลอดทดลองมามั่วๆ ก็จะบรรจุเลือดระดับสูงขนาดนี้เอาไว้
“นายท่าน มอบให้ข้าได้หรือไม่ หากได้สายเลือดเผ่าเทพเพลิงนี้มา ข้าจะต้องสามารถทะลวงเทพโบราณขั้นเจ็ดได้แน่!”
มังกรวารีล้างโลกาเผยสีหน้าเว้าวอน
ยามรุ่งโรจน์เขาเป็นถึงขั้นหกสุดยอด มังกรวารีล้างโลกาในตอนนี้ฟื้นฟูพลังฝึกตนนานแล้ว แต่หากจะทะลวงขั้นเทพโบราณนั้นยังไม่เพียงพอ
สายเลือดเผ่าพันธุ์มังกรล้างโลกาแข็งแกร่งทรงพลัง มีคุณสมบัติธาตุไฟ จึงสามารถหลอมรวมดูดซึมพลังของสายเลือดเผ่าเทพเพลิงได้
“เดี๋ยวค่อยว่ากัน” จ้าวเฟิงเอ่ยอย่างไม่ยินดียินร้าย
สายเลือดเผ่าเทพเพลิงนี้ก็มีประโยชน์กับเขาเช่นกัน อีกอย่าง สายเลือดระดับสูงขนาดนี้ย่อมต้องคัดลอกก่อนแล้วค่อยว่ากันทีหลัง
พรึ่บ! จ้าวเฟิงเก็บมันเข้าไปในมิติเนตรเทพเจ้าและเริ่มทำการคัดลอก
มังกรวารีล้างโลกามีท่าทีผิดหวัง แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก ทำได้เพียงเบือนสายตาไปมองของชิ้นอื่นด้านหน้าจ้าวเฟิง
“สายเลือดบรรพกาลที่มีมูลค่าเทียบเท่าสายเลือดเผ่าเทพเพลิงมีอย่างน้อยสี่อย่าง และยังมีโอสถล้ำค่าอื่นๆด้วย…”
มังกรวารีล้างโลกามีสีหน้าละโมบ เขาประหลาดใจอย่างยิ่งว่าจ้าวเฟิงได้ของล้ำค่ามามากขนาดนี้ได้อย่างไร
ต่อมา จ้าวเฟิงจึงค้นของอย่างอื่นทีละชิ้น ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่เขามีดวงตาเทพเจ้า จึงยังพอมองอะไรออกบ้าง
“ยาในหลอดทดลองเล็กๆ พวกนี้ล้ำค่าเสียยิ่งกว่าเลือดบรรพกาลพวกนั้นอีก!”
จ้าวเฟิงมองหลอดทดลองเล็กจ้อยด้านหน้าอย่างละเอียด ภายในนั้นบรรจุโอสถ ผงฝุ่น หรือไม่ก็ของแข็งชิ้นเล็กชิ้นน้อย
จากการตรวจตราโดยละเอียดของจ้าวเฟิง เขาพบว่าโอสถทุกประเภทมีสรรพคุณที่น่าเหลือเชื่อ
ในหลอดทดลองอันหนึ่งบรรจุของเหนียวหนืดเย็นยะเยือก มันสามารถช่วยพัฒนาสายเลือดศาสตร์เหมันต์ และยังใช้ฝึกตนในศาสตร์เหมันต์ได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถใช้เป็นสมบัติเพื่อบรรลุเสวียนอ้าวเหมันต์ และยังมีหลอดทดลองอีกอันหนึ่งที่โอสถภายในส่งผลต่อวิญญาณ และน่าจะช่วยให้กายวิญญาณทั่วไปกลายเป็นกายวิญญาณที่พิเศษได้ด้วย
ยกตัวอย่างเช่นกายวิญญาณอัสนีของจ้าวเฟิงที่ต่อต้านอัสนีเทวะได้อย่างมหาศาล และยังเกือบจะป้องกันสายฟ้าทั่วไปได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถกลืนกินสายฟ้า เพิ่มพลังวิญญาณ
วิญญาณคือรากฐานของมนุษย์ทุกคน กายเนื้อเสียหายไปยังสามารถสร้างขึ้นได้อีก แต่หากวิญญาณสูญสลายไปก็สูญสิ้นทุกสิ้น
จากจุดนี้จะเห็นได้ว่า โอสถที่สามารถเปลี่ยนแปลงสภาพวิญญาณและเพิ่มพลังวิญญาณล้ำค่าขนาดไหน
นอกจากสองประเภทนี้แล้ว ยังมีโอสถอีกสองชนิดที่ค่อนข้างล้ำค่า
สุดท้ายยังเหลือโอสถอีกหนึ่งประเภท จ้าวเฟิงยังไม่แน่ใจถึงสรรพคุณของมัน
นอกจากของพวกนี้แล้ว ยังมีทรัพยากรฝึกฝนที่ไม่มีอยู่ในโลกภายนอกอีกมากมาย ยกตัวอย่างเช่นว่านสังสารวัฏหรือผลไม้วิญญาณศักดิ์สิทธิ์เป็นต้น
หลังจากจัดการสิ่งของทั้งหมดเรียบร้อย จ้าวเฟิงกำลังคิดหาวิธีว่าจะแบ่งทรัพยากรอย่างไร อย่างแรก ผลึกเสวียนอ้าวมรณะจำนวนมากที่ได้รับมาก็มอบให้กับจ้าวหวางได้เลย ก่อนนี้จ้าวเฟิงเคยครอบครองผลึกเสวียนอ้าวที่มีเนตรมรณะภายในชิ้นหนึ่ง
“เจ้าดูซิ พอจะเก็บเนตรมรณะที่อยู่ในผลึกเสวียนอ้าวชิ้นนี้เอาใช้ไว้ได้หรือไม่”
จ้าวเฟิงยกเรื่องนี้ให้จ้าวหวางไปจัดการ
ถ้าหากเขาต้องการก็จัดการยึดครองไว้เอง ถ้าหากเขาไม่ต้องการก็แล้วแต่ใจ
อย่างไรเสีย สายเลือดดวงตาใช่ว่ามีมากแล้วจะฝีมือร้ายกาจ อย่างเช่นเทพโบราณเสวียนหมัวผู้มีดวงตาข้างเดียว ถึงแม้จะมีเนตรหมื่นปรากฏการณ์เพียงหนึ่งข้าง แต่กลับมีกำลังรบแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มพวกเขา
“สายเลือดเผ่าเทพเพลิง คัดลอกเสร็จแล้ว!”
จ้าวเฟิงเอาเลือดออกมาสองส่วน แต่ไม่ได้มอบให้กับมังกรวารีล้างโลกา
“สายเลือดเผ่าเทพเพลิงจะมีประโยชน์กับเผ่าพันธุ์กิเลนเพลิงโลหิตมาก!”
สตินึกคิดของจ้าวเฟิงสัมผัสลูกกลมแสงเงินมายาในมิติเนตรเทพเจ้า
ในวินาทีต่อมา เขาก็หายวับไปจากที่นี่
“นี่คือสายเลือดเผ่าเทพเพลิง” ร่างกิเลนเพลิงโลหิตสั่นเทิ้มอย่างหวาดกลัว
เป็นสายเลือดศาสตร์ไฟเหมือนกัน แต่สายเลือดของเขากลับด้อยกว่าสายเลือดเผ่าเทพเพลิงมาก นอกเหนือจากนี้ จ้าวเฟิงยังเอาสมบัติฝึกตนศาสตร์ไฟหลายชิ้นมอบให้กับผู้อาวุโสสูงสุดเผ่าพันธุ์กิเลนเพลิงโลหิตด้วย อย่างไรเสีย อีกฝ่ายก็ช่วยเหลือตนเองให้รอดพ้นจากอันตราย
“ขอบคุณนายท่านมาก!” ผู้อาวุโสสูงสุดรับของทั้งหมดอย่างกระตือรือร้น
ในสายตาเขา ต้องจ่ายไปมากมายขนาดนี้เพื่อช่วยชีวิตจ้าวเฟิงเอาไว้ก็นับว่าคุ้มค่าแล้ว
จากนั้นจ้าวเฟิงจึงกลับไปที่มิติในชุดคลุม
“สิ่งของเหล่านี้ล้ำค่าเกินไป มีประโยชน์ยิ่งสำหรับข้า มังกรวารีล้างโลกา จ้าวหวาง จ้าววั่น และจ้าวหุยด้วย…”
จ้าวเฟิงเตรียมจะคัดลอกทรัพยากรพวกนี้ไว้สักหลายชิ้น แล้วค่อยแบ่งสรรปันส่วน ถึงแม้ว่าหลังจากดวงตาเทพเจ้าเปลี่ยนสภาพ พลังคัดลอกจะพัฒนาขึ้นมาก แต่ของวิเศษเหล่านี้มีคุณสมบัติไม่ธรรมดา พอคัดลอกแล้วต้องใช้เวลาไม่น้อยทีเดียว
โชคดีที่มิติในชุดคลุมมีเวลาอยู่ค่อนข้างมาก เวลาเดือนกว่า จ้าวเฟิงก็คัดลอกสิ่งของทั้งหมดสำเร็จรอบหนึ่ง
ส่วนมังกรวารีล้างโลกาได้ครอบครองสายเลือดเผ่าเทพเพลิงที่ตนเฝ้าใฝ่หา
หลังจากคัดลอกสิ่งของเหล่านี้เรียบร้อยแล้ว จ้าวเฟิงเข้าสู่สภาวะฝึกตนอย่างอดรนทนไม่ไหว
“หากคิดหาทางไปช่วยเจ้าแมวขโมยน้อย ต้องเข้าไปใกล้ขั้วอำนาจเบื้องหลังพวกเทพโบราณเสวียนหมัว พลังของข้าไม่แข็งแกร่งมากพอ จะเป็นการหาเหาใส่หัวเสียเปล่าๆ!”
หลังจากเพิ่มความเสถียรครู่หนึ่งแล้ว จากนั้นเขาจึงใช้โอสถฝึกตนไปหลายเม็ด ระดับพลังฝึกตนจึงพัฒนาขึ้นไปอีกก้าว เข้าใกล้ขั้นเจ็ดสุดยอด
จ้าวเฟิงไม่รีบร้อนเพิ่มระดับพลังฝึกตน แต่หยุดเพื่อทำความเข้าใจพลังเสวียนอ้าว
ในวันหนึ่ง จ้าวเฟิงใจสั่น ก่อนลืมตาขึ้น
“ไม่ได้การ สัมผัสของพันธะสัญญากับเจ้าแมวขโมยถูกบดบังไปแล้ว!”
จ้าวเฟิงหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย
วิชาของพวกเทพโบราณเสวียนหมัวไม่ใช่สิ่งที่วิชาทั่วไปรับมือได้ พวกเขาอาจรู้แล้วว่าจ้าวเฟิงยังมีชีวิตอยู่ผ่านพันธะสัญญาของเจ้าแมวขโมยน้อย แต่ตัวจ้าวเฟิงอยู่ที่เผ่าพันธุ์วิญญาณ คงจะไม่มีอันตรายใดๆ
เพียงแต่ไม่มีสัมผัสพันธะสัญญาของสัตว์วิเศษ จ้าวเฟิงจะตามหาเจ้าแมวขโมยตัวน้อยได้อย่างไร?
และในเวลานี้เอง สิ่งของชิ้นหนึ่งในมิติเก็บของของจ้าวเฟิงส่องประกายวิบวับ นั่นคือเหรียญทองแดงโบราณวาววับเหรียญหนึ่ง
“เป็นไปได้อย่างไร? เหรียญทองแดงเหรียญนี้…” จ้าวเฟิงรีบหยิบเหรียญทองแดงออกมา
เหรียญทองแดงนี้ก็คือของที่หลิวฉินอินมอบให้เขาที่ตำหนักฟั่นหลุนกู่อินในตอนนั้น
เขาจำได้ว่าพลังในเหรียญทองแดงใช้หมดไปแล้ว แต่ยามนี้ไม่รู้ว่าเหรียญทองแดงเป็นอะไร จึงมีพลังได้อีก
“ข้าจำได้ว่ายามหนีงานแต่งงานที่เมืองหงหูตอนนั้น หลิวฉินอินเคยใช้เหรียญทองแดงเหรียญนี้ตามหาตำแหน่งเจ้าแมวขโมย จนสุดท้ายถึงตามข้าเจอ…”
ดวงตาจ้าวเฟิงเปล่งประกาย
ถึงแม้ว่าพันธะสัญญาระหว่างเขาและเจ้าแมวขโมยตัวน้อยถูกคนอื่นใช้วิชาพิเศษพิเศษอำพรางเอาไว้ แต่ตอนนี้ จ้าวเฟิงจะอาศัยการชี้นำจากเหรียญทองแดงโบราณยืนยันตำแหน่งเจ้าแมวขโมย