บทที่ 1350 พลังของผู้ครองเนตร
“หยุดนะ!” เสียงเก่าแก่คลุมเครือดังสะท้อนก้องในโลกมืดมิด ราวกับเป็นเสียงที่ดังมาจากมิติอันไกลโพ้น
เสี้ยวขณะนี้ จอมเทพเทียนจี้ที่ราวเทพผู้สูงส่งในสายตาของทุกคนหยุดมือลงจริงๆ ก่อนเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย มองไปยังท้องฟ้า
“เสียงนี้!” แววตาของเทพโบราณชื่อเซียวเปล่งประกาย เผยสีหน้าประหลาดใจ
ขณะเดียวกันนี้เอง เหนือหัวของทุกคนก็มีเส้นแสงสุกสว่างสาดลงมา
จากนั้นโลกมืดหม่นทั้งใบก็สลายไปทีละน้อย ประหนึ่งเมฆดำเบิกรับฟ้าสดใสหลังพายุฝนอย่างไรอย่างนั้น แต่ทว่า ในตอนที่ทุกคนมองไปยังโลกภายนอกกลับตกตะลึงกันอีกครั้ง
“นั่นมัน?” สีหน้าของผู้อาวุโสเกล็ดเทาเปลี่ยนไป ร้องออกมาอย่างตกใจ
เห็นเพียงประกายแสงสีเงินในท้องฟ้าสอดประสานไปมา เหมือนกำลังถักทอภาพที่สลับซับซ้อนเป็นอย่างยิ่ง
เสี้ยวขณะนั้น ดวงตาสีเงินใหญ่มหึมาคู่หนึ่งปรากฏขึ้นในท้องฟ้า ในดวงตานั้นราวกับเป็นโลกใบหนึ่ง เป็นจักวาลแห่งหนึ่ง ข้างในมีแสงดารามากมายนับไม่ถ้วน ทำให้มองไปแล้วรู้สึกเหมือนตกอยู่ในมิติลึกลับ
ดวงตาสีเงินมหึมาปกคลุมทุกสรรพสิ่ง เป็นดุจดั่งผืนฟ้าในขณะนี้
เมื่ออยู่ภายใต้ดวงตาสีเงินคู่นี้ ทุกคนล้วนเล็กจ้อยด้อยค่าราวกับมดปลวก ร่างกายสั่นเทา ทรุดลงหมอบเคารพโดยไม่รู้ตัว
ถึงแม้โลกมืดมิดจะสลายไปแล้ว แต่รอบกายของทุกคนตอนนี้กลับปกคลุมไปด้วยสีเทาเงินชั้นหนึ่ง
ทั่วทั้งผืนฟ้ารางเลือนชวนให้รู้สึกเกินจริงเป็นอย่างยิ่ง
“เกิดอะไรขึ้น?” ผู้แข็งแกร่งทั้งหลายของหอมารสวรรค์ถามขึ้นด้วยความสงสัย
แต่ทายาทเนตรมิติจำนวนไม่น้อย ในยามที่มองไปยังดวงตาสวรรค์สีเงินคู่นั้นก็คาดเดาอะไรได้แล้ว ในแววตาของพวกเขาฉายแววเคารพบูชา!
“ท่านอาจารย์!” เทพโบราณชื่อเซียวคุกเข่าบนพื้น เอ่ยอย่างเคารพนบนอบ
ขณะเดียวกัน คนของแดนศักดิ์สิทธิ์มิติที่นั่นคุกเข่าลงทั้งหมด ตะโกนขึ้นพร้อมกัน “ท่านผู้ครอบครองเนตร!”
ใจพวกเขาตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง คิดไม่ถึงว่าผู้ครอบครองเนตรจะจับตามองการเคลื่อนไหวของพวกเขามาโดยตลอด
ในยามที่พวกเขาเจอกับอันตราย ผู้ครอบครองเนตรมิติจะใช้อภินิหารสูงสุดสำแดงเนตรข้ามมิติมาปรากฏขึ้นที่นี่ หากมิฉะนั้นแล้ว เมื่อครู่เกรงว่าจอมเทพเทียนจี้คงสังหารเทพโบราณแดนศักดิ์สิทธิ์มิติไปอีกคนหนึ่งแล้ว
“ท่านผู้ครอบครองเนตร!”
หอมารสวรรค์ทั้งหมดมองคนไปยังคนของแดนศักดิ์สิทธิ์มิติ สีหน้ายิ่งเพิ่มความหวาดกลัว
ผู้ที่มีสมญานามนี้ในแดนศักดิ์สิทธิ์มิติมีเพียงคนเดียวเท่านั้น นั่นก็คือเนตรมิติในแปดเนตรเทพเจ้า ปรมาจารย์ของสายเลือดดวงตาทั้งหมดที่เกี่ยวเนื่องกับเสวียนอ้าวมิติ!
แน่นอน เนตรสวรรค์สีเงินที่ปรากฏขึ้นในท้องฟ้าตอนนี้ไม่ใช่ร่างของผู้ครองเนตรมิติ เป็นเพียงแค่พลังข้ามผ่านฟ้าของเขาเท่านั้น!
เขตพยับฟ้าถึงแม้จะอยู่ติดกับเขตเนินสุริยา แต่แดนศักดิ์สิทธิ์มิติห่างจากหุบเหวเย็นยะเยือกไกลโพ้น หากเปลี่ยนเป็นเทพแท้จริงขั้นสามหรือสี่ทั่วไป ถึงบินต่อเนื่องไม่หยุดก็ต้องใช้เวลาเกือบสิบปี แต่ระยะที่ห่างไกลถึงเพียงนี้ พลังข้ามมิติของผู้ครอบครองเนตรมิติกลับมาปรากฏได้ทันที
“เป็นอย่างนี้ไปได้อย่างไร ผู้ครองเนตรมิติจับตามองมาถึงที่นี่แล้ว!”
ผู้อาวุโสเกล็ดเทาใจสั่นสะท้าน หน้าผากมีเหงื่อซึมชื้น
ในดินแดนเทพรกร้าง ผู้ที่สามารถได้สมญานามว่าท่านผู้ครอบครองมีนับนิ้วได้
พวกเขาคือเทพผู้ครอบครองเนตรที่ดินแดนเทพรกร้างยอมรับ ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้!
คนหอมารสวรรค์ทั้งหมดมองไปยังท้องฟ้าสีเงิน จิตใจกระสับกระส่ายเป็นอย่างยิ่ง
นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นพลังของท่านผู้ครอบครอง กลับคิดไม่ถึงว่าจะเป็นปฏิปักษ์กัน
“ผู้ครอบครอง…เนตรมิติ!” สีหน้าของจอมเทพเทียนจี้เคร่งเครียดเล็กน้อย
ผู้ครอบครองเนตรมิติยื่นมือเข้ามายุ่งในเรื่องนี้ นี่เป็นสิ่งที่เขาคิดไม่ถึง
ในหอมารสวรรค์
จ้าวเฟิงมองเห็นทุกสิ่งภายนอกเช่นกัน
“เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ถึงเพียงนี้เชียว!”
จิตใจของจ้าวเฟิงสั่นสะท้านเป็นอย่างยิ่ง
ก่อนหน้านี้เขาเกือบคิดว่าจอมเทพเทียนจี้จะสังหารแดนศักดิ์สิทธิ์มิติคนอื่นๆ จนหมดสิ้น แน่นอนว่ารวมถึงจ้าวเฟิงและเทพโบราณลั่วหลิงที่อยู่ในหอมารสวรรค์ด้วยเช่นกัน
แต่กลับคิดไม่ถึงว่าตอนที่จอมเทพเทียนจี้ลงมือสังหารคนที่สอง ผู้ครอบครองเนตรมิติก็ยื่นมือเข้ามาทันที
“แปดเนตรเทพเจ้า เนตรมิติ!” จ้าวเฟิงจ้องเขม็งไปยังดวงตาสีเงินบนท้องฟ้า
ตุบตุบ! ตุบตุบ!
ตาซ้ายของเขาเต้นตุบๆ ส่งความรู้สึกฮึกเหิมอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน!
หากดวงตาเทพเจ้าเป็นเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าจริงๆ สักวันหนึ่งเขาก็จะมีโอกาสไปถึงระดับสูงเช่นนี้ กลายเป็นยอดฝีมือผู้ครอบครองเนตรของดินแดนเทพรกร้าง เป็นผู้ปกครองไปชั่วกาลนาน
คิดถึงตรงนี้ ในใจของจ้าวเฟิงก็พลุ่งพล่านฮึกเหิมขึ้นมา
“เกิดอะไรขึ้น?” เทพโบราณลั่วหลิงถามขึ้น
เมื่อครู่ กลิ่นอายความตายที่กดดันกลุ่มนั้นสลายไป และเทพโบราณลั่วหลิงรู้สึกว่าจ้าวเฟิงเหมือนจะรู้อะไรบางอย่าง
“พลังของผู้ครองเนตรเทพเจ้ามาเยือนแล้ว!” จ้าวเฟิงพูดขึ้น
“ท่านผู้ครอบครองเนตร!”
เทพโบราณลั่วหลิงร้องอย่างตื่นตะลึง จากนั้นเผยสีหน้าประหลาดใจ
ในเมื่อเรื่องนี้ผู้ครอบครองเนตรมิติออกโรงเอง เช่นนั้นพวกเขาก็ไม่มีอันตรายใดๆ แล้ว กลับเป็นหอมารสวรรค์…
“ไม่สิ จะเป็นไปได้อย่างไร? เจ้าอย่ามาพูดเพ้อเจ้อ!”
อีกด้านหนึ่ง เทพโบราณโยวเฉวียนมีสีหน้าอึ้งไป ก่อนจะตวาดอย่างโกรธแค้น
หากตั้งแต่แรกเริ่มหอมารสวรรค์ใช้กลอุบายทั้งหมด แดนศักดิ์สิทธิ์มิติก็ไม่มีทางเอาชนะได้เลย กระทั่งจะบาดเจ็บล้มตายสาหัส
ทว่าพวกเขาไม่กล้าทำจนเกินไป ทั้งหมดก็เพราะการดำรงอยู่ของแดนศักดิ์สิทธิ์มิติ!
แต่ตอนนี้จ้าวเฟิงพูดว่าพลังผู้ครองเนตรของแดนศักดิ์สิทธิ์มิติมาปรากฏที่นี่ตอนนี้แม้กระทั่งเทพโบราณโยวเฉวียนก็ไม่มั่นใจ ไม่รู้ว่าเรื่องราวจะดำเนินไปเช่นไร
ทันใดนั้น ดวงตาสีเงินมหึมาในท้องฟ้าค่อยๆ หมุนวน
ในเวลาเดียวกัน ทั่วผืนฟ้าก็มีเงาเลือนรางทับซ้อนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น
ผู้แข็งแกร่งที่เชี่ยวชาญเสวียนอ้าวมิติพลันรู้สึกว่าฟ้าดินแปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง พลังมิติของพวกเขาไม่อาจสำแดงออกมาได้ นี่ก็คือพลังของผู้ครอบครองเนตรมิติ เป็นนายของมิติในฟ้าดินอย่างสมบูรณ์!
ฟู่! ดวงตาสีเงินมหึมาคู่นั้นเพ่งมองไปบนร่างของจอมเทพเทียนจี้
ฉับพลันนั้น สีหน้าของจอมเทพเทียนจี้ซีดเผือด เลือดสีดำไหลสายหนึ่งออกมาจากมุมปาก
ส่วนขาทั้งสองสั่นระริกเหมือนยืนไม่ไหวจนจะคุกเข่าลง
“เพียงแค่เงามายาข้ามมิติก็แข็งแกร่งถึงเพียงนี้!”
จอมเทพเทียนจี้ตื่นตะลึงเป็นอย่างยิ่ง
ท่าทางเขาจะประเมินพลังของผู้ครอบครองเนตรต่ำไป!
ตุบ! ส่วนสมาชิกหอมารสวรรค์ใกล้ๆ จอมเทพเทียนจี้ไม่มีแม้กระทั่งแรงต้านทาน คุกเข่าลงกับพื้นไปในพริบตา
หลังจากคุกเข่าลง สีหน้าท่าทางการและเคลื่อนไหวของพวกเขาแข็งทื่อเชื่องช้ายิ่งนัก ราวกับเคลื่อนไหวช้าๆ
“ท่านผู้ครอบครองเนตรคิดจะลงมือกับข้าที่เป็นจอมเทพคนหนึ่งด้วยตนเองรึ?”
ในกายของจอมเทพเทียนจี้แผ่กระจายพลังที่แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง ต้านทานพลังมิติในฟ้าดิน
เขากดตัวเองให้ต่ำลง ยกผู้ครอบครองเนตรมิติให้สูงขึ้น จากนั้นค่อยพูดว่าอีกฝ่ายรังแกคนที่อ่อนแอกว่า
“เจ้าเป็นถึงจอมเทพ ลงมือกับเทพโบราณไม่อายบ้างรึอย่างไร? ”
ตอนนี้เอง เทพโบราณชื่อเซียวหัวเราะเสียงเย็น
ในฐานะที่เป็นลูกศิษย์ การคลายความกลัดกลุ้มแก้เรื่องยากให้อาจารย์คือเรื่องที่เขาควรจะทำ
“นี่…” จอมเทพเทียนจี้พูดไม่ออก
เขาคิดกระทั่งว่าผู้ครอบครองเนตรมิติจับตาดูเรื่องนี้มาโดยตลอด และรอให้เขาลงมือใช่หรือไม่ แค่เพียงเขาสังหารเทพโบราณแดนศักดิ์สิทธิ์มิติ ผู้ครอบครองเนตรมิติจะสังหารเขาก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ร้ายแรงอะไรนัก
“ท่านผู้ครอบครองเนตร การกระทำของข้าเมื่อครู่เป็นเพราะลูกศิษย์ของท่านนำคนโจมตีหอมารสวรรค์ สร้างความเสียหายและการบาดเจ็บล้มตายให้กับหอมารสวรรค์เป็นจำนวนมาก… ”
จอมเทพเทียนจี้พูดขึ้นทันที
หากวิเคราะห์จากจุดนี้ จอมเทพเทียนจี้สังหารเทพโบราณของแดนศักดิ์สิทธิ์มิติก็เป็นเรื่องสมเหตุสมผล
ในเมื่อคนของแดนศักดิ์สิทธิ์มิติบุกโจมตีมา
“แต่ว่าเรื่องนี้หอมารสวรรค์เริ่มก่อน พวกเรายินยอมจ่ายค่าชดใช้ที่เทียบเท่ากับสมาชิกของแดนศักดิ์สิทธิ์มิติที่ตายไป!”
จอมเทพเทียนจี้อ่อนข้อให้ทันที อีกทั้งยังเสนอค่าชดเชยก่อน ต้นเหตุการต่อสู้ของสองขั้วอำนาจเป็นเพราะหอมารสวรรค์ อีกทั้งตอนนี้ พวกเขายินดีชดใช้ให้กับสมาชิกของแดนศักดิ์สิทธิ์มิติที่ตายไป
ผู้ตายของแดนศักดิ์สิทธิ์มิติจนถึงตอนนี้ นอกจากคนหนึ่งที่จอมเทพเทียนจี้สังหารไปเมื่อครู่ ก็เป็นลูกศิษย์คนสำคัญสองคนที่หอมารสวรรค์สังหารไปในตอนแรกสุด
ค่าชดเชยของคนทั้งสามที่ตายไป สำหรับจอมเทพคนหนึ่งแล้วไม่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร
“นี่…” เทพโบราณชื่อเซียวคิดอยากพูดแต่ไม่รู้จะพูดอย่างไร
การต่อสู้ของสองฝั่งในครั้งนี้ ฝั่งที่เสียหายสาหัสคือหอมารสวรรค์ และอีกฝ่ายก็เสนอมอบค่าชดใช้ที่เทียบเท่ากับสมาชิกของแดนศักดิ์สิทธิ์มิติที่ตายไปให้ก่อน หากแดนศักดิ์สิทธิ์มิติยังคงกัดไม่ปล่อย เช่นนั้นจะไม่เป็นการเสียชื่อหรอกหรือ
“ว่ากันเช่นนั้น คนของแดนศักดิ์สิทธิ์มิติไปจากที่นี่ให้หมด!”
ตอนนี้เอง เสียงวิญญาณดังสะท้อนก้องในท้องฟ้าอีกครั้ง
นี่คือประโยคที่สองที่ผู้ครอบครองเนตรมิติพูด
ประโยคแรกหยุดยั้งการสังหาร ประโยคที่สองจบเรื่องทุกอย่าง!
“ขอรับ!” คนของแดนศักดิ์สิทธิ์มิติทั้งหมดรับคำขึ้นอย่างพร้อมเพียง
ครั้นพูดประโยคนี้จบ ดวงตาสีเงินในท้องฟ้าก็หายไปทันที
“ไปแล้ว?” คนของหอมารสวรรค์ทั้งหมดโล่งอก พากันลุกยืนขึ้น
ถึงแม้ผู้ครอบครองเนตรมิติจากไปแล้ว แต่แรงกดดันไร้รูปร่างกลุ่มนั้นยังปกคลุมอยู่บนร่างของพวกเขา
ไม่ว่าใครก็ไม่มั่นใจว่าหากหอมารสวรรค์ไม่ทำตามที่พูดเมื่อครู่ พลังของผู้ครอบครองเนตรมิติจะมาเยือนอีกหรือไม่
“นี่คือค่าชดใช้!” จอมเทพเทียนจี้โยนมิติเก็บของออกมา ราคาในนั้นเทียบเท่ากับสามชีวิตได้อย่างสิ้นเชิง
“ท่านจอมเทพ ปล่อยคนได้แล้วกระมัง!” เทพโบราณชื่อเซียวพลันพูดขึ้น
จอมเทพเทียนจี้ย่อมรู้ว่าเทพโบราณชื่อเสี่ยวหมายถึงอะไร
วู้ม! ลูกแสงทรงกลมมืดหม่นที่ลอยอยู่ข้างๆ เขาพลันปรากฏรูขึ้นรูหนึ่ง
“คนของแดนศักดิ์สิทธิ์มิติ ออกไปจากหอมารสวรรค์เสีย!”
เสียงเย็นชาชวนขนลุกดังก้องไปทุกที่ของหอมารสวรรค์
“ข้าจะไปกับเจ้า!” จ้าวเฟิงมองเทพโบราณลั่วหลิงพลางพูดขึ้น
เขามองเห็นทุกอย่างเมื่อครู่ แต่ไม่รู้โดยละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้น แต่จ้าวเฟิงเดาว่าคนของแดนศักดิ์สิทธิ์มิติจะต้องจากไปได้อย่างปลอดภัยแน่ ส่วนตนเองก็ไม่แน่แล้ว
เทพโบราณลั่วหลิงไม่ได้คิดอะไรมาก จากไปพร้อมกับจ้าวเฟิง
ส่วนมังกรวารีล้างโลกา จ้าวหวาง และเจ้าแมวขโมยน้อยถูกจ้าวเฟิงนำเข้าไปในมิติเก็บของนานแล้ว
ฟุ่บ ฟุ่บ! เงาร่างสองร่างบินออกมาจากลูกแสงมืดหม่นทรงกลม
“เทพโบราณลั่วหลิง!”
เทพโบราณชื่อเซียวเห็นเทพโบราณลั่วหลิงไม่เป็นอะไร อีกทั้งพลังฝึกตนยังทะลวงขั้นแล้ว จึงร้องเรียกอย่างตื่นเต้นยินดี
“เอ๋? ยังมีอีกคน?”
เทพโบราณชื่อเซียวมองไปยังจ้าวเฟิง เผยสีหน้าประหลาดใจ เขาจำได้ว่าตอนนั้นส่งเทพโบราณลั่วหลิงแฝงตัวเข้าไปในหอมารสวรรค์คนเดียว!
แดนศักดิ์สิทธิ์มิติคนอื่นๆ ก็จ้องจ้าวเฟิงอย่างแปลกใจเช่นกัน พวกเขาไม่รู้จักคนคนนี้!
วู้ม ขวับ! จ้าวเฟิงแผ่เสวียนอ้าวมิติออกไป ก่อนสำแดงประกายมิติมายังกลุ่มคนจากแดนศักดิ์สิทธิ์มิติ
ภาพฉากนี้ทำให้สีหน้าของสมาชิกแดนศักดิ์สิทธิ์มิติตกตะลึง อีกฝ่ายอายุน้อย ไม่มีเนตรมิติ แต่เสวียนอ้าวมิติกลับแข็งแกร่งถึงเพียงนี้
“ไปได้หรือยัง?” เทพโบราณลั่วหลิงถาม
“ไปได้แล้ว!”
คนของแดนศักดิ์สิทธิ์มิติไม่ได้ถามอะไรมาก
พวกเขาคิดว่าจ้าวเฟิงอาจจะเป็นคนที่เทพโบราณลั่วหลิงพามาจากหอมารสวรรค์ หากพาเขาไปด้วยไม่แน่ว่าอาจล้วงความลับอะไรมาได้บ้าง
อีกทั้งพลังพรสวรรค์ที่จ้าวเฟิงสำแดงออกมาก็ไม่เลว หากเข้าร่วมกับแดนศักดิ์สิทธิ์มิติได้ก็ยิ่งดี
จากนั้นคนของแดนศักดิ์สิทธิ์มิติก็พาจ้าวเฟิงไปจากที่นี่
……
“พวกเราไป!” จอมเทพเทียนจี้พูดเสียงต่ำ
ครั้งนี้ถึงแม้จะถูกผู้ครอบครองเพ่งเล็ง แต่ยังดีที่ไม่เกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้น
ขณะที่เดินทาง ผู้อาวุโสเกล็ดเทาหยิบป้ายส่งข่าวขึ้นมาอย่างหงุดหงิด
“อะไรนะ? แมวความลับสวรรค์ถูกพาไปแล้ว?”
ผู้อาวุโสเกล็ดเทาร้องเสียงหลง
คนที่ส่งกระแสจิตมา แน่นอนว่าเป็นเทพโบราณโยวเฉวียน
เมื่อครู่เขาไม่รู้ว่าข้างนอกเกิดเรื่องอะไรขึ้น ตอนนี้ออกจากหอมารสวรรค์มาถึงรู้ว่าจ้าวเฟิงและคนของแดนศักดิ์สิทธิ์มิติหายไปหมดแล้ว
ส่วนจอมเทพเทียนจี้ที่ได้ยินประโยคนี้ ใบหน้าก็เคร่งเครียดเป็นอย่างยิ่งในทันที เสียงทุ้มต่ำเย็นเยียบดังขึ้นช้าๆ “แมวความลับสวรรค์ไม่อยู่ในหอมารสวรรค์?”