บทที่ 1354 เผ่าวิญญาณบรรพกาล
เรือบินเล็กสภาพเก่าแก่ลำหนึ่งทะลวงผ่านน่านฟ้าด้วยความเร็วสูงยิ่ง
นี่คืออุปกรณ์สำหรับโบยบินของสองคนจากตำหนักเทพยักษ์ ความเร็วสูงจนไปแตะขั้นเจ็ดสุดยอด พลังป้องกันก็แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง มูลค่าจึงสูงลิ่ว
เขตดาราชาดและเขตพยับฟ้าซึ่งเป็นที่ตั้งของตำหนักเทพยักษ์มีเขตเนินสุริยาคั่นกลาง ด้วยระยะทางที่ยาวไกลขนาดนี้ การใช้พาหนะโบยบินย่อมดีกว่าอยู่แล้ว
ระหว่างทาง จ้าวเฟิงจึงรู้ว่าชายร่างกำยำมีนามว่าเทพโบราณพั่วเยวี่ย (ทลายขุนเขา) ส่วนสตรีร่างอวบอัดคือเทพโบราณหนิงเยวี่ย (เพ่งจันทรา) ทั้งสองเป็นคนของตำหนักเทพยักษ์ และยังเป็นผู้ครอบครองสายเลือดเผ่าเทพยักษ์ด้วย
“คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นเผ่าพันธุ์ลำดับที่สิบห้าในหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ!”
จ้าวเฟิงตื่นตะลึงใจ
เผ่าเทพยักษ์เป็นเผ่าพันธุ์ลำดับที่สิบห้าของหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ ว่ากันว่าหลังจากที่เผ่าเทพยักษ์กระตุ้นสายเลือดแล้ว ร่างกายจะมีขนาดใหญ่เกินจะเปรียบ สามารถพลิกเขาถล่มสมุทรได้ตามอำเภอใจ
บางทีก่อนนี้ตนอาจประมาทคนเหล่านี้มากจนเกินไป เผ่าพันธุ์ลำดับที่สิบห้าคงจะไม่ธรรมดาเหมือนรูปลักษณ์ภายนอกแน่
“อันที่จริงสถานการณ์ไม่ได้เป็นอย่างที่คุณชายจ้าวคิดไว้ ถึงแม้เผ่าเทพยักษ์จะแข็งแกร่ง แต่สายเลือดก็ค่อนข้างพิเศษ…”
เทพโบราณหนิงเยวี่ยค่อนข้างอัธยาศัยดี จึงเอ่ยแนะนำอย่างกระตือรือร้น
ทุกเผ่าพันธ์สายเลือดในรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณมีความพิเศษเฉพาะกันทั้งนั้น
สายเลือดเผ่าเทพยักษ์แข็งแกร่งอย่างยิ่ง แต่เผ่าพันธุ์นี้ก็มีข้อด้อยบางอย่างที่สายเลือดอื่นไม่มี นั่นก็คืออัตราส่วนในการสืบทอดสายเลือดค่อนข้างต่ำ ส่วนที่สายเลือดเข้มข้นก็มีน้อย เพิ่มขึ้นยากนัก
ตัวอย่างเช่นเทพโบราณพั่วเยวี่ยและเทพโบราณหนิงเยวี่ย ถึงแม้จะเป็นเผ่าเทพยักษ์กันทั้งหมด แต่สายเลือดเจือจางมาก ต่างจากเผ่าเทพยักษ์ที่แท้จริง
ดังนั้นถึงแม้พวกเขาจะเป็นเผ่าเทพยักษ์ในลำดับที่สิบห้า แต่ถ้าพูดเรื่องพลังที่แท้จริง ก็คงจะไม่ต่างจากเผ่าวิญญาณบรรพกาลที่เป็นลำดับที่ยี่สิบหกมากนัก
“แต่สายเลือดของท่านอู๋เหินเข้มข้นที่สุดในเผ่าเทพยักษ์ หากให้เวลาเขาสักหน่อย…”
ใบหน้าเทพโบราณหนิงเยวี่ยฉายแววนับถือ
จ้าวเฟิงผงกศีรษะ เขาไม่ได้เข้าใจแต่ละเผ่าในรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณละเอียดมากนัก
แต่จากคำพูดของเทพโบราณหนิงเยวี่ย เขาก็เข้าใจว่าถึงแม้สายเลือดเผ่าเทพยักษ์จะแกร่งกล้า แต่ผู้ที่มีสายเลือดนี้มีไม่มากนัก ส่วนคนที่สายเลือดเข้มข้นมากๆ ก็มีน้อยลงไปอีก
‘ดูแล้วความเป็นมาของซินอู๋เหินจะไม่ธรรมดาเลย!’
จ้าวเฟิงตกอยู่ในภวังค์ความคิด แต่เขามั่นใจว่าตอนที่รู้จักซินอู๋เหิน อีกฝ่ายไม่มีสายเลือดพิเศษอะไร
เมื่อนึกถึงร่างเทพของเผ่าเทพยักษ์ที่ดินแดนทวีป จ้าวเฟิงก็นึกอะไรบางอย่างออกอย่างรวดเร็ว
‘บางที ร่างเทพนี้อาจเป็นชาติก่อนของซินอู๋เหิน เมื่อซินอู๋เหินที่มาเกิดใหม่กลับเข้าไปในร่างเทพจึงได้รับความทรงจำ มรดกสืบทอด รวมไปถึงสายเลือดจากชาติก่อนมาด้วย ส่วนร่างเทพเผ่าเทพยักษ์จากชาติก่อนจะต้องเป็นยอดฝีมืออย่างแน่นอน!’
มีเพียงแบบนี้เท่านั้นจึงจะอธิบายได้ว่าทำไมซินอู๋เหินถึงมีสายเลือดเผ่าเทพยักษ์ และกลายเป็นเจ้าตำหนักเทพยักษ์ได้
แต่พอคิดได้แบบนี้ ปริศนาก็มากขึ้นแล้ว
ซินอู๋เหินในชาติก่อนแข็งแกร่งขนาดนี้ เหตุใดจึงตายลง หนำซ้ำยังตายที่ดินแดนทวีปเสียด้วย
ทำไมตำหนักวิญญาณบรรพกาลจึงคิดจะชิงตราเทพบรรพกาลไป และตำหนักเทพยักษ์ที่ซินอู๋เหินอยู่ เหตุใดจึงต้องการตราเทพบรรพกาลด้วยเช่นกัน?
ปัญหาพวกนี้คงเป็นความลับของตำหนักเทพยักษ์ จ้าวเฟิงไม่ได้ถามอะไรมากมาย
“เจ้าบาดเจ็บได้อย่างไร?” จ้าวเฟิงมองเทพโบราณพั่วเยวี่ย อาการบาดเจ็บทั้งหมดของวิญญาณเขา จ้าวเฟิงมองออกก่อนนี้นานแล้ว
“ในตอนที่พวกเราตามหาเจ้า ถูกเผ่าวิญญาณบรรพกาล…”
สีหน้าเทพโบราณพั่วเยวี่ยไม่สู้ดีนัก ก่อนจะเอ่ยออกมา ในตอนนั้นเอง ทั้งสามคนรู้สึกว่าเรือบินลำเล็กนี้สั่นอย่างรุนแรง
“ต้องเป็นพวกเทพโบราณโยวหยา (เขี้ยวทะมึน) นั่นแน่!”
เทพโบราณพั่วเยวี่ยสีหน้าเปลี่ยนโดยพลัน ส่วนเทพโบราณหนิงเยวี่ยเองก็เคร่งขรึมไม่น้อย
วู้ม! จ้าวเฟิงกระตุ้นดวงตาซ้าย ใช้ครรลองสายตามองทะลุออกไป
แล้วจึงมองเห็นว่ารอบเรือบินมีคนสามคน กำลังจะโจมตีเรือโบราณลำนี้ด้วยใบหน้าประดับยิ้มบาง
ทั้งสามคนเป็นเทพโบราณขั้นแปดทั้งสิ้น ผู้นำเป็นชายชราผมขาวดอกเลา ซึ่งก็คือเทพโบราณโยวหยาที่เทพโบราณพั่วเยวี่ยพูดถึง พลังแตะขั้นแปดสุดยอด ที่เหลือเป็นหญิงหนึ่งชายหนึ่ง
ทั้งสามคนมีลักษณะพิเศษอย่างหนึ่งคือร่างกายขมุกขมัวและโปร่งแสง
“พวกตำหนักเทพยักษ์ ยอมตายเสียดีๆ เถอะ!”
คนวัยกลางคนผมสั้นหัวเราะเสียงเหี้ยม
“เผ่าวิญญาณบรรพกาล!”
จ้าวเฟิงแยกแยะได้จากรูปลักษณ์ภายนอกของคนเหล่านี้
เมื่อบวกกับข้อมูลที่เขารู้มาก่อนหน้า จ้าวเฟิงจึงเดาได้ไม่ยากว่าคนพวกนี้มาจากตำหนักวิญญาณบรรพกาล
“ทำไมพวกเขาถึงรู้ตำแหน่งของพวกเรา? จบเห่กันแล้ว!”
เทพโบราณหนิงเยวี่ยมีสีหน้าร้อนรน
“ตอนนี้ข้าบาดเจ็บหนัก และพวกมันมียอดฝีมือขั้นแปดสุดยอดอยู่ พวกเราคงจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ด้วย!”
เทพโบราณพั่วเยวี่ยเอ่ยด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดยิ่ง
“ตอนนี้พวกเรามีคุณชายจ้าวด้วย สามคนร่วมมือกันน่าจะรับมือไหว!”
เทพโบราณหนิงเยวี่ยมองยังจ้าวเฟิง
จากการพูดคุยกันก่อนนี้ นางรู้สึกว่าพลังของจ้าวเฟิงต้องไม่อ่อนแอแน่
“ถึงแม้สหายจ้าวจะเพิ่งทะลวงขั้นแปด พลังต้องไม่ธรรมดาแน่ แต่เจ้าชำนาญศาสตร์วิญญาณ และเผ่าวิญญาณบรรพกาลนั่นเป็นถึงเผ่าพันธุ์ศาสตร์วิญญาณด้วย…”
เทพโบราณพั่วเยวี่ยมองจ้าวเฟิง ก่อนจะส่ายศีรษะน้อยๆ
ถึงแม้สายเลือดดวงตาของจ้าวเฟิงจะลึกลับ แต่ไม่ถือว่าเป็นแปดเนตรเทพเจ้า จึงไม่มีประโยชน์มากนัก ส่วนเผ่าวิญญาณบรรพกาลเป็นถึงเผ่าพันธุ์บรรพกาลที่ฝึกฝนศาสตร์วิญญาณโดยเฉพาะ จ้าวเฟิงไม่มีทางเป็นคู่มือของเผ่านั้นได้ แล้วยังอาจถูกฝ่ายตรงข้ามควบคุมด้วย
“หลบอยู่ที่นี่ก็คงจะไม่ได้แล้ว!” จ้าวเฟิงเอ่ยเสียงเรียบ
ถึงแม้การป้องกันของเรือลำนี้จะดียิ่ง แต่ก็ต้านทานการล้อมโจมตีของเทพโบราณขั้นแปดสามคนพร้อมกันไม่ไหว
ฟิ้ว! คนทั้งสามเก็บเรือก่อนปรากฏตัวขึ้นทันที
“หืม? มีเพิ่มมาหนึ่งคน เจ้าก็คือจ้าวเฟิงที่ครอบครองตราเทพบรรพกาลกระมัง!”
ชายผมสั้นจ้องจ้าวเฟิงด้วยสีหน้ายินดี
“คิดไม่ถึงเลยว่าการไว้ชีวิตพวกเจ้าจะทำให้ได้ปลาตัวใหญ่มาด้วย!”
สตรีที่แลดูชั่วร้ายอย่างยิ่งระบายยิ้มร้ายกาจ
“อะไรนะ จงใจปล่อยพวกข้างั้นรึ?” แววตาเทพโบราณหนิงเยวี่ยตะลึงลาน
“ไม่อย่างนั้น แค่พวกเจ้าสองคนจะหนีจากเงื้อมมือพวกข้าได้เรอะ?”
เทพโบราณโยวหยายิ้มชั่วร้ายอย่างอดไม่ได้
เมื่อเทพโบราณพั่วเยวี่ยและเทพโบราณหนิงเยวี่ยรู้เรื่องนี้ แววตาก็อ่อนแสงลงทันที
“พวกเจ้าคงจะรู้จักเทพโบราณเฮยเทียนกระมัง!” จ้าวเฟิงโพล่งออกมา
“เหอะ เจ้าคนนั้นเสนอตัวรับคำสั่งไปจับเจ้า ไม่ได้ผลอะไรแต่ยังเดือดร้อนเสียอีก น่าขายหน้าเหลือเกิน!”
วัยกลางคนผมสั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็คงไม่ต้องเกรงใจแล้ว!”
สีหน้าจ้าวเฟิงเย็นชา จิตสังหารที่หนาวเย็นกระจายตัวออกมา
ตอนที่เทพโบราณเฮยเทียนและเทพโบราณเยี่ยหลงร่วมมือกันไล่ล่า ก็เกือบจะสังหารจ้าวเฟิงได้แล้ว
ต่อมาเขาสังหารเทพโบราณเยี่ยหลง จึงทำให้เทพโบราณเฮยเทียนหนีเตลิดไป
ยามนี้ขั้วอำนาจของเทพโบราณเฮยเทียนมาหาถึงที่ เขาย่อมไม่เกรงใจอยู่แล้ว
“จ้าวเฟิง!” เทพโบราณหนิงเยวี่ยชะงักมองจ้าวเฟิง
หรือว่าจ้าวเฟิงจะมองสถานการณ์ไม่ออก? ตอนนี้ฝั่งพวกเขาตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด
“ฮ่าๆ เจ้าอย่าออมมือดีกว่า ไม่เช่นนั้นเจ้าตายศพไม่สวยแน่!”
คนวัยกลางคนผมสั้นผู้นั้นหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
“อย่าพูดจาไร้สาระนักเลย สังหารให้หมดเสีย!”
สีหน้าของเทพโบราณโยวหยาเย็นยะเยือก เอ่ยอย่างหัวเสีย
“สู้สุดกำลัง!” เทพโบราณหนิงเยวี่ยขบฟันแน่น ก่อนที่กลิ่นอายสายเลือดบรรพกาลอันทรงพลังจะสาดซัดออกมาจากในร่าง
พรึ่บ! เงาดำพาดผ่านไป คนวัยกลางคนปรากฏขึ้นข้างจ้าวเฟิง
“ฮ่าๆ เจ้าเด็กน้อย เจ้าเองก็อย่าออมมือเลย!”
คนวัยกลางคนผมสั้นยิ้มเย็น
เขามองออกว่าจ้าวเฟิงเพิ่งทะลวงขั้นแปดได้ไม่นานนัก ส่วนสายเลือดในร่างก็เหมือนจะอ่อนแออย่างยิ่ง ดังนั้นเขาจึงไม่กังวลแม้แต่น้อย
“ฝ่ามือเทพรวมศูนย์!”
จ้าวเฟิงโคจรพลังฝ่ามือเทพรวมศูนย์เพื่อหยั่งเชิง
เขาไม่เคยมีประสบการณ์กับเผ่าวิญญาณบรรพกาลมาก่อน แต่เขารู้ดีว่าเผ่าพันธุ์ที่อยู่ในลำดับต้นๆ จะมองข้ามไม่ได้
“พลังเทพแข็งแกร่งถึงเพียงนี้เชียว?”
คนวัยกลางคนผมสั้นทำสีหน้าประหลาด ก่อนจะหัวเราะออกมาทันที “แเต่เจ้าช้าไปเสียแล้ว!”
พรึ่บ! เขากลายร่างเป็นระลอกแสงสีดำสนิท หลบฝ่ามือของจ้าวเฟิงไปได้
“ทีข้าบ้างล่ะ!”
จู่ๆ อีกฝ่ายก็ปรากฏกายขึ้น แล้วฟาดฝ่ามือแสงสีดำสนิทเส้นหนึ่งออกมา
แสงฝ่ามือแผ่กลิ่นอายวิญญาณที่แข็งแกร่งออกมา ใจกลางฝ่ามือปรากฏงูสีดำตัวเล็กๆ ราวกับมีชีวิต มันเลื้อยคดเคี้ยวพลางขู่ฟ่อ
“โจมตีวิญญาณ!” ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงเพ่งมอง วิเคราะห์การโจมตีจากฝ่ายตรงข้าม
ฝ่ามือนั้นเป็นการโจมตีวิญญาณที่ทั้งรวดเร็วและทรงพลัง
พรึ่บ! ร่างจ้าวเฟิงสว่างวาบ หลบการโจมตีของฝ่ายตรงข้าม
“ประกายมิติ…จะมีประโยชน์อะไรอีก?” คนวัยกลางคนผมสั้นชะงักไปเล็กน้อย ก่อนเผยยิ้มชั่วร้ายออกมา
เขาเห็นแสงฝ่ามือสีดำที่ดิ่งลงมาเปลี่ยนทิศทางไปยังตำแหน่งที่จ้าวเฟิงอยู่
“มีอะไรจริงๆ ด้วย!” สีหน้าจ้าวเฟิงเคร่งขรึมลงเล็กน้อย
เงาร่างงูในฝ่ามือเมื่อครู่ของฝ่ายตรงข้าม จ้าวเฟิงยังมองไม่ทะลุปรุโปร่ง ดังนั้นต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่
พรึ่บ! ร่างจ้าวเฟิงสว่างวาบติดต่อกันหลายคราเพื่อหลบการโจมตีของฝ่ามือแสงดำ
แต่ฝ่ามือแสงดำนั้นราวมีจิตวิญญาณ มันไล่ตามเขามาติดๆ
ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ จ้าวเฟิงพบว่าคนวัยกลางคนผมสั้นไม่ได้ชำนาญการโจมตีวิญญาณเท่าไหร่นัก
“จ้าวเฟิง นี่คือวิชาพิเศษของเผ่าวิญญาณบรรพกาล เงาอสรพิษในนั้นคือ ‘อสูรวิญญาณ’ ที่พวกเขาฝึกฝนสร้างขึ้น เทียบเท่ากับสัตว์วิเศษของนักฝึกสัตว์…”
และในเวลานี้เอง เทพโบราณหนิงเยวี่ยที่กำลังสู้รบกับเทพโบราณโยวหยาพลันเตือนขึ้น
“แบบนี้เองหรือ?”
จ้าวเฟิงมีสีหน้าตื่นตกใจ
มิน่าล่ะ ฝ่ามือแสงสีดำสนิทจึงไล่ตามตนเองเหมือนมีวิญญาณจริงๆ หนำซ้ำพลังยังไม่อ่อนแอลงแม้แต่น้อย คิดไม่ถึงว่าจะเป็นวิชาฝึกตนที่พิเศษมาก ถึงกับสร้างอสูรวิญญาณออกมาได้
สำหรับเผ่าวิญญาณบรรพกาล อสูรวิญญาณก็คือสัตว์วิเศษของพวกเขา แต่ควบคุมได้ง่ายดายอย่างยิ่ง และยังสามารถหลอมรวมการโจมตีวิญญาณเข้าไปภายในได้ด้วย
เมี้ยว เมี้ยว! ยามนี้เอง เจ้าแมวขโมยน้อยก็โผล่ออกมาจากมิติเก็บของ
“เช่นนั้นก็มาลองดูกันว่าสัตว์วิเศษของใครจะเก่งกว่า!”
จู่ๆ จ้าวเฟิงก็ระบายยิ้มออกมา
ในเมื่อแมวขโมยน้อยโผล่ออกมาด้วยตนเอง ย่อมเพราะอยากออกมาวิ่งเล่น เขาจึงเชื่อมั่นว่ามันก็มีวิธีรับมือกับเผ่าวิญญาณบรรพกาลเช่นกัน
“เหอะ ก็แค่แมวป่าธรรมดาๆ จะมาเทียบกับอสูรวิญญาณของข้าได้อย่างไร?”
ชายวัยกลางคนผมสั้นแค่นเสียงเย็น ท่าทีโกรธเกรี้ยวไม่น้อย เมื่อเขากระตุ้นวิชา ระลอกแสงสีดำพวยพุ่งออกทั่วร่าง ในเวลาเดียวกัน ขนาดตัวของงูล็กในฝ่ามือแสงดำก็ค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้น จากนั้นพุ่งออกจากฝ่ามือแสงดำและกลืนกินแสงดังกล่าวไป
เปรี๊ยะ! ขนาดของงูแสงหลังจากขยายออกมาเทียบเท่าได้กับห้องย่อมๆ ห้องหนึ่ง ทั้งโหดเหี้ยมและน่ากลัว ขณะกระโจนไปหาจ้าวเฟิง มันเหมือนต้องการจะกลืนวิญญาณของฝ่ายตรงข้ามลงไป
เมี้ยว! เจ้าแมวขโมยยื่นมือสองข้างออกมา หลังจากที่อักขระและระลอกแสงสีเงินสว่างวาบขึ้น ก็ปรากฏร่างแมวสีขาวสว่างโผกระโจนออกมา
ขนาดตัวแมวสีเงินค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้น จนใหญ่กว่างูแสงสีดำตัวนั้นมาก
แควก!
แมวสีเงินกระโจนไปหางูแสงดำ ทิ้งรอยข่วนจำนวนมากไว้บนร่างและกัดทึ้งอีกฝ่ายอย่างรุนแรง
“นั่น…ทำไมเจ้าถึงรู้จักเคล็ดวิชาสายเลือดเผ่าวิญญาณบรรพกาลอย่าง ‘การโจมตีกลืนวิญญาณ’ ด้วย!”
ชายวัยกลางคนผมสั้นอุร้องทาน
การโจมตีเมื่อครู่ของเจ้าแมวขโมยก็คือ ‘การโจมตีกลืนวิญญาณ’ ซึ่งเป็นเคล็ดวิชาสายเลือดที่ลึกซึ้งยิ่งของเผ่าวิญญาณบรรพกาล ในทันทีที่ปลดปล่อยออกมาจะสามารถเรียกอสูรวิญญาณออกมาได้ชั่วคราว และฉีกทิ้งดวงวิญญาณของฝ่ายตรงข้ามอย่างบ้าคลั่ง
“ไม่ งูมายาของข้า!”
ในตอนนั้น คนวัยกลางคนผมสั้นเพิ่งได้สติ เมื่อเห็นอสูรวิญญาณของตนเองกำลังจะตายลงไป
“เจ้าต้องตายก่อนมัน!”
ทันใดนั้นเอง ข้างกายชายวัยกลางคนก็มีเสียงเย็นยะเยือกดังขึ้น
“แย่ล่ะ!” ชายวัยกลางคนผมสั้นหน้าเปลี่ยนสี
“เพลิงดวงตาอัสนีเทวะ!” เมื่อจ้าวเฟิงเอ่ยจบ วิญญาณของชายวัยกลางคนก็ถูกอัสนีเพลิงกลุ่มหนึ่งเผาผลาญ
โครม!
ระลอกสายฟ้านับไม่ถ้วนสาดซัดกลิ่นอายทำลายล้างที่ทรงพลังออกมา ก่อนจะระเบิดในร่างเขาติดต่อกัน
“นี่มันเรื่องอะไรกัน?” เทพโบราณโยวหยาสังเกตเห็นความผิดปกติที่เกิดขึ้น จึงกวาดประสาทสัมผัสเทพมา แล้วหน้าก็ต้องเปลี่ยนสี
“คิดไม่ถึงเลยว่าจ้าวเฟิงจะเป็นฝ่ายได้เปรียบ!”
เทพโบราณพั่วเยวี่ยมองสถานการณ์ของจ้าวเฟิงแล้วก็อุทานด้วยความตกใจ การต่อสู้ยังเริ่มได้ไม่นานเท่าไหร่นัก ยอดฝีมือจากเผ่าวิญญาณบรรพกาลก็พ่ายแพ้ในเงื้อมมือของจ้าวเฟิงแล้ว!