Skip to content

King of Gods 1355

King Of Gods

บทที่ 1355 โจมตีสวนกลับ

การต่อสู้เริ่มขึ้นไม่นานเท่าไหร่ เทพโบราณหนิงเยวี่ยก็ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ถูกเทพโบราณโยวหยาโจมตีจนทำได้เพียงป้องกันจนสุดแรง ส่วนตัวเทพโบราณพั่วเยวี่ยเดิมก็บาดเจ็บอยู่ ย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของสตรีเผ่าวิญญาณบรรพกาล

แต่สถานการณ์ของจ้าวเฟิงกลับอยู่เหนือความคาดหมาย

“อ๊าก…” คนวัยกลางคนผมสั้นที่อยู่กลางเพลิงดวงตาอัสนีเทวะกรีดร้องโหยหวน

อสูรวิญญาณของเขาที่อยู่ไม่ไกลนักก็ถูกสะกดไว้ แทบจะถูกวิชาของเจ้าแมวขโมยน้อยกลืนกินไปแล้ว

“หืม? ไม่เสียทีที่เป็นเผ่าบรรพกาลศาสตร์วิญญาณ ความแข็งแกร่งของวิญญาณเหนือคนทั่วไปนัก!”

จ้าวเฟิงพบว่าชายวัยกลางคนที่ตกอยู่ในเพลิงดวงตาอัสนีเทวะของตนยังไม่ตาย

จุดเด่นของเผ่าพันธุ์ศาสตร์วิญญาณก็คือพลังสายเลือดจะปรากฏที่ชั้นวิญญาณ วิญญาณของชายวัยกลางคนผมสั้นคล้ายคลึงกับกายวิญญาณอัสนีของจ้าวเฟิง เป็นรูปธรรมยิ่งนัก จึงไม่ถูกสังหารได้อย่างง่ายดาย

ดังนั้นหากกับเผ่าพันธุ์ประเภทนี้ โดยปกติจะใช้วิธีกักขัง ปล่อยให้ใช้พลังไปเรื่อยๆ จนตายไปเอง

“ข้าต้องสังหารเจ้าให้ได้!”

ชายวัยกลางคนผมสั้นที่ฟื้นกลับมาจากเพลิงดวงตาอัสนีเทวะ วิญญาณโปร่งแสงสีเข้มบิดเบี้ยวไปมา

ในฐานะที่เป็นเผ่าพันธุ์ศาสตร์วิญญาณ เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีวิญญาณ เขาจึงมีความมั่นใจที่คนทั่วไปไม่มี

แต่การโจมตีชั้นวิญญาณของจ้าวเฟิงแฝงด้วยพลังอัสนีเทวะ แข็งแกร่งเกินจะเปรียบ จึงสร้างการบาดเจ็บต่อ ‘กายวิญญาณโบราณ’ ของเขาอย่างรุนแรง

ส่วนทางฟากอสูรวิญญาณก็พ่ายแพ้ให้กับสัตว์วิเศษของจ้าวเฟิง นี่ทำให้เขาหัวเสียอย่างมาก

“การโจมตีวิญญาณของเจ้าทรงพลังมาก แต่ไม่อาจสังหารข้าได้ ตอนนี้จะให้เจ้าลองการโจมตีวิญญาณของข้าหน่อยเป็นไร!”

ร่างของชายวัยกลางคนผมสั้นบิดเบี้ยวจนกลายเป็นระลอกน้ำสีเข้มนับไม่ถ้วน

เผ่าวิญญาณบรรพกาลไม่เพียงแต่มีการป้องกันที่แข็งแกร่ง วิธีที่ใช้ในการโจมตีก็มีหลากหลาย ทำให้คนตั้งรับไม่ทัน

“แปลกนัก ทั้งร่างเหมือนกลายเป็นกายวิญญาณ และจากนั้นยังใช้กายวิญญาณเป็นกระบวนท่าโจมตีเสียด้วย!” จ้าวเฟิงมองฝ่ายตรงข้ามอย่างตื่นตกใจ

“ทะเลหลอมวิญญาณ!”

ระลอกสายน้ำสีดำสนิทล้อมรอบจ้าวเฟิง ประหนึ่งเป็นม่านวารีสีดำ สาดซัดกลิ่นอายวิญญาณชั่วร้ายที่ทำให้อึดอัดเข้าปกคลุมทั่วร่างจ้าวเฟิงอย่างรวดเร็ว

หากคนทั่วไปเจอสถานการณ์เช่นนี้ พลังวิญญาณอาจได้รับผลกระทบไปด้วย กำลังรบและแรงต้านทานจะลดลงมาก

“ตายเสีย จงยอมให้ข้าครอบครองวิญญาณของเจ้า เพื่อใช้มันฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของข้าและความเสียหายของอสรพิษเงา!”

ระลอกแสงรอบบริเวณมีเสียงหัวเราะเย็นชาดังออกมา

จากนั้น คลื่นน้ำวนนับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้น ก่อนจะเข้าประชิดร่างจ้าวเฟิงในพริบตา หมายจะปลิดชีพดวงวิญญาณที่อยู่ภายในเสีย

“คิดไม่ถึงเลยว่ามันจะใช้กระบวนท่านี้!” สีหน้าเทพโบราณโยวหยาตะลึงค้าง

วิญญาณของเผ่าวิญญาณบรรพกาลพิเศษอย่างยิ่ง เคล็ดวิชาที่สำแดงออกมาสามารถเปลี่ยนวิญญาณให้กลายเป็นสิ่งที่ใช้โจมตี ‘ทะเลหลอมวิญญาณ’ คือการใช้วิญญาณตนเองข่มวิญญาณของฝ่ายตรงข้าม และเปลี่ยนเป็นเคล็ดวิชาอย่างรวดเร็ว หากทำได้สำเร็จจะครอบครองความทรงจำและพลังวิญญาณของฝ่ายตรงข้ามได้

แต่เคล็ดวิชานี้ก็มีความเสี่ยงสูงยิ่ง ในขณะที่เรียกใช้วิชาจะทำให้วิญญาณบาดเจ็บเพิ่มมากขึ้น หากเรียกไม่สำเร็จ วิญญาณของฝ่ายที่เรียกวิชาจะโดนสะท้อนกลับอย่างรุนแรง

ชายวัยกลางคนผมสั้นใช้กระบวนท่านี้ก็เป็นเพราะว่าวิญญาณของเขาถูกกดข่มเอาไว้ ทำให้กำลังรบลดลงมาก เขาจึงใช้วิชาเพื่อวัดผลแพ้ชนะกับจ้าวเฟิงและกู้หน้ากลับมา

“หึ วิญญาณของศิษย์พี่แข็งแกร่งยิ่ง ต้องดูดและยึดครองวิญญาณของเจ้านั่นได้ในพริบตาแน่!”

หญิงเจ้าเล่ห์อีกคนหนึ่งเอ่ยพร้อมอมยิ้ม

“แย่แล้ว กระบวนท่านี้!” สีหน้าของเทพโบราณหนิงเยวี่ยชาวาบ

วิญญาณของคนทั่วไปด้อยกว่าเผ่าวิญญาณบรรพกาลมากนัก เมื่อเผชิญกับกระบวนท่านี้จะไร้ซึ่งแรงต้านทาน ทำได้เพียงรอให้วิญญาณถูกกลืนกินและยึดครองไป

ส่วนนางและเทพโบราณพั่วเยวี่ยตกอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบ ไม่มีปัญญาจะไปช่วยเหลือจ้าวเฟิง

แต่จ้าวเฟิงที่ถูกม่านวารีสีดำปกคลุมกลับมีใบหน้านิ่งเฉย

วู้ม! เขากระตุ้นดวงตาซ้ายตรวจตรารอบบริเวณ

ม่านวารีดำสนิทนี้เกิดขึ้นจากชายผมสั้น สิ่งของส่วนมากภายในนั้นคือวิญญาณ

“หากใช้วิญญาณเป็นอาวุธในการโจมตี ถึงแม้จะอันตรายอย่างมาก แต่ก็ทำให้การโจมตีนั้นทรงพลังเหนือใดเปรียบ ยิ่งกายวิญญาณแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ วิชาที่ใช้โจมตีก็ยิ่งน่ากลัว…”

ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงเริ่มวิเคราะห์เคล็ดวิชาที่ชายวัยกลางคนเรียกออกมาเมื่อครู่

วิ้ง วิ้ง! ม่านวารีดำแทบจะแนบเข้ากับร่างของจ้าวเฟิง หมายจะยึดครองวิญญาณของอีกฝ่าย

“เป็นอย่างไร? เพิ่งเคยเจอเคล็ดวิชาวิญญาณแบบนี้เป็นครั้งแรก ดิ้นรนไม่ไหวแล้วใช่ไหมเล่า?”

จู่ๆ ด้านหน้าของจ้าวเฟิงก็ปรากฏใบหน้าโปร่งแสงขมุกขมัวขึ้นพร้อมกับเสียงหัวเราะดังสนั่น

“ข้าเพิ่งเคยเห็นวิชานี้เป็นครั้งแรกจริงๆ แต่ก็แค่แปลกใจเท่านั้น”

จ้าวเฟิงพลันตอบ มุมปากยกยิ้มบาง

“แย่ล่ะ!” คำพูดของจ้าวเฟิงทำให้ชายวัยกลางคนผมสั้นรู้สึกไม่สู้ดี

บวกกับการโจมตีวิญญาณของเขาไปถึงกายวิญญาณของจ้าวเฟิงแล้ว แต่กลับรู้สึกเหน็บชา

วู้ม แซ่ด แซ่ด!

ตอนนี้เอง วิญญาณสีม่วงเข้มของจ้าวเฟิงแผ่ระลอกสายฟ้าสีขาวสุกสกาวนับไม่ถ้วนออกมา

“พลังอัสนีเทวะ!” ชายวัยกลางคนที่สัมผัสได้ถึงจุดนี้เผยอาการหวาดกลัว

จ๋อม จ๋อม!

เขาที่กลายร่างเป็นม่านวารีดำสลายตัวไปอย่างรวดเร็ว และกำลังจะหนีไป

‘เป็นไปได้อย่างไรกัน? วิญญาณของมันกลับมีพลังอัสนีเทวะด้วย!’

ชายวัยกลางคนผมสั้นตื่นตะลึงในใจยิ่งนัก

เคล็ดวิชาโจมตีวิญญาณนี้เกิดขึ้นโดยที่พลังวิญญาณของตนเองต้องแข็งแกร่งกว่าฝ่ายตรงข้าม แต่เมื่อพลังวิญญาณของทั้งสองฝ่ายไม่ต่างกันมาก ผู้ที่เสียเปรียบจะเป็นคนเรียกใช้วิชา ยิ่งไปกว่านั้น ดวงวิญญาณของจ้าวเฟิงก็แปลกประหลาดมาก ภายในยังซุกซ่อนพลังอัสนีเทวะเอาไว้ด้วย

“คุกมายาอัสนีวารี!”

จ้าวเฟิงกดเสียงต่ำ

ทันใดนั้นเอง สายฟ้าวิญญาณที่พวยพุ่งออกมาจากดวงวิญญาณของเขาเกาะกลุ่มกันเป็นคุกสายฟ้า

ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงหมุนวน เปลี่ยนพลังกลุ่มนี้ให้กลายเป็นกรงขังอัสนีวารีขนาดยักษ์ที่ยากจะทำลาย

“หดลง!”

ห้วงความคิดขยับเล็กน้อย ก่อนที่คุกมายาอัสนีวารีจะหดเล็กลงโดยมีจ้าวเฟิงเป็นจุดศูนย์กลาง

“ไม่…” ใบหน้าชายวัยกลางคนฉายแววหวาดกลัว แต่คุกมายาอัสนีวารีมุ่งกักขังเป็นหลัก เขาไม่มีกำลังจะหนีได้เลย

หนำซ้ำคุกมายาอัสนีวารียังสอดรับกับกายวิญญาณอัสนีของจ้าวเฟิง ยิ่งกรงกักขังเล็กเท่าไหร่ พลังภายในนั้นก็ยิ่งรุนแรงขึ้นเท่านั้น

“อย่า ปล่อยข้าไป…” ชายวัยกลางคนผมสั้นร้องลั่นอย่างตื่นตกใจ

สีหน้าจ้าวเฟิงเรียบเฉย สายฟ้าวิญญาณแข็งแกร่ง็ที่พวยพุ่งออกจากกายวิญญาณอัสนีสอดประสานเข้ากับคุกมายาอัสนีวารี เรียกได้ว่าดวงวิญญาณของจ้าวเฟิงเป็นระเบิดลูกหนึ่ง

แต่เพราะการหดกลับของคุกมายาอัสนีวารี ดวงวิญญาณของชายวัยกลางคนผมสั้นจึงเข้าใกล้ระเบิดลูกนี้เข้าไปทุกที

โครม แซ่ด แซ่ด!

คุกมายาอัสนีวารีหดจนเล็กลงในพริบตา ในมิตินั้นมีแค่ดวงวิญญาณของชายวัยกลางคนที่ต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีจากระเบิดอัสนีอันไร้สิ้นสุด

“รีบปล่อยศิษย์พี่ของข้าเดี๋ยวนี้!”

ในวินาทีนั้นเอง หญิงเจ้าเล่ห์นางโจมตีเทพโบราณพั่วเยวี่ยจนล่าถอย จากนั้นพุ่งทะยานมาหาจ้าวเฟิง

ทางฟากเทพโบราณโยวหยาเองก็กำลังจะลงมือ

“จะไปไหน!”เทพโบราณหนิงเยวี่ยกัดฟัน พลันกระตุ้นสายเลือดเผ่าเทพยักษ์ในร่าง

วินาทีต่อมา ร่างของนางเปล่งแสงสุกสว่างพร่างพรายออกมามากมาย แสงสว่างนั้นพุ่งขึ้นฟ้า สว่างจ้าไปทั่วบริเวณ

ส่วนร่างกายของนางก็ขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็วในประกายแสงนี้ จนกลายเป็นยักษ์สูงพันจั้ง

วินาทีนั้น สรรพสิ่งในรัศมีหมื่นลี้ต่างสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่ทรงพลังเกินจะเปรียบ

“ดัชนีเทพยักษ์!” เทพโบราณหนิงเยวี่ยชี้นิ้วออกมา

นิ้วชี้นี้รวบรวมเอาพลังทั้งหมดของนางไว้ ประหนึ่งเสาหินมหึมาต้นหนึ่งร่วงลงมาจากฟ้า ทำลายล้างทุกสรรพสิ่ง

พลังมหาศาลของมัน ต่อให้เป็นเทพโบราณโยวหยาก็ยังทำได้เพียงหลีกหนีไปเท่านั้น

“พลังของเผ่าเทพยักษ์ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ!” จ้าวเฟิงร้องอุทาน

เทพโบราณหนิงเยวี่ยในยามนี้ ถึงแม้เป็นจ้าวเฟิงก็ยังไม่กล้าปะทะด้วย และจะเลือกโจมตีวิญญาณหรือไม่ก็โจมตีระยะไกล

“ตายเสีย!”

พลังอัสนีเทวะในกายวิญญาณอัสนีของจ้าวเฟิงระเบิดออกอย่างรุนแรง ฉับพลันนั้น วิญญาณของชายผมสั้นถูกจ้าวเฟิงฟาดสายฟ้าใส่จนตายทั้งเป็น

“ข้าจะทำให้เจ้าตายไปเสีย!” หญิงเจ้าเล่ห์เอ่ยด้วยใบหน้าเหี้ยมโหด

“เจ้าอยากเจอศิษย์พี่ขนาดนี้ เขาก็จะส่งเจ้าไปเจอเขา!”

จ้าวเฟิงหัวเราะเสียงเย็น มองไปที่หญิงเจ้าเล่ห์พร้อมโคจรดวงตาซ้าย

เหมือนสัมผัสได้ถึงการเล็งเป้าหมายจากพลังดวงตา หญิงเจ้าเล่ห์เพิ่มความเร็วขึ้น เคลื่อนย้ายไปมา ทำให้ความยากในการเล็งเป้าหมายของจ้าวเฟิงสูงขึ้นอีก

แต่ตอนนี้นั้นเอง ริมหูของหญิงเจ้าเล่ห์ก็มีเสียงแมวร้องดังขึ้น

“ไม่ได้การแล้ว แมวตัวนี้!” หญิงเจ้าเล่ห์หน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย

เมื่อชายวัยกลางคนผมสั้นตายตก พลังชีวิตของอสูรวิญญาณก็ลดต่ำลงจนกระทั่งถูกเจ้าแมวขโมยตัวน้อยสังหาร

หญิงเจ้าเล่ห์รู้ถึงความน่ากลัวของเจ้าแมวตัวนี้ จึงไม่กล้าปล่อยอสูรวิญญาณออกมา

“ตรารวมศูนย์สะกดเทพ!” จ้าวเฟิงโคจรพลังเทพรวมศูนย์ รวมตราขนาดใหญ่ราวขุนเขาขึ้นแล้วปกคลุมลงไป

การปรากฏกายของเจ้าแมวขโมยทำให้หญิงเจ้าเล่ห์หวาดระแวงไปทุกสิ่ง กำลังรบลดลงไปมาก ส่วนอีกด้าน เทพโบราณพั่วเยวี่ยไปช่วยเทพโบราณหนิงเยวี่ย เมื่อทั้งสองคนร่วมมือกันรับมือเทพโบราณโยวหยาจึงสู้ได้สูสี

“สถานการณ์ไม่สู้ดีเท่าไหร่!” สีหน้าเทพโบราณโยวหยาหนักอึ้ง

สัตว์วิเศษของจ้าวเฟิงประหลาดอย่างยิ่ง บวกกับพลังของจ้าวเฟิงเองที่ยิ่งแข็งแกร่ง สองคนที่ตนเองพามา หากสู้กันตัวต่อตัวก็ล้วนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจ้าวเฟิง และยามนี้เอง เขาถูกผู้แข็งแกร่งเผ่าเทพยักษ์สองคนเข้าขัดขวาง ต่อให้ใช้ไพ่ตายก็ยากจะเห็นผล

ความพ่ายแพ้ของหญิงเจ้าเล่ห์เป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็ว จนถึงตอนนั้น เมื่อเขาต้องเผชิญหน้ากับคนทั้งสามก็อาจต้องตายอยู่ที่นี่

“ถอย!” เมื่อรู้จุดจบแล้ว เทพโบราณโยวหยาจึงรีบส่งเสียงบอกทันใด

ชั่วขณะต่อมา เทพโบราณโยวหยากลายร่างเป็นแสงมืดหม่นหนีไปอย่างรวดเร็ว

“คิดจะหนีงั้นรึ?” จ้าวเฟิงสังเกตเห็นว่าหญิงเจ้าเล่ห์คิดจะหนี จึงโคจรเสวียนอ้าวมิติในทันที ก่อนส่งฝ่ามือมายาใหญ่ยักษ์ออกมา

ฝ่ามือแสงดังทะลวงผ่านไปในอากาศ ดิ่งลงใกล้หญิงเจ้าเล่ห์ ทำให้นางหลบไม่พ้น

อั๊ก! หญิงเจ้าเล่ห์กระอักเลือด การเคลื่อนไหวหยุดชะงัก

“อย่าปล่อยให้นางหนีไปได้!”

เทพโบราณหนิงเยวี่ยเห็นจ้าวเฟิงเข้าขวาง สีหน้าก็เผยแววยินดี แล้วชี้นิ้วออกมา

พลังของเทพโบราณโยวหยาแข็งแกร่ง ชำนาญการหลบหนี พวกเขาสามคนไล่ล่าไปก็ไม่ได้มีผลอะไร แต่หญิงนางนี้ถูกจ้าวเฟิงขัดขวางไว้แล้ว จะปล่อยให้ไปง่ายๆ ไม่ได้

“ตายเสีย!” เทพโบราณพั่วเยวี่ยกระตุ้นพลังสายเลือดสุดแรง อานุภาพการโจมตีเพิ่มขึ้นมหาศาล

เมื่อโดนล้อมโจมตีจากทุกคน ผ่านไปไม่นานหญิงเจ้าเล่ห์ก็ตายลง

“ไม่นึกเลยว่าจะเอาชนะพวกมันได้ แถมยังสังหารไปถึงสองคน!” เมื่อทุกอย่างจบลง เทพโบราณพั่วเยวี่ยออกจะคาดคิดไม่ถึง

“เป็นเพราะวิชาของคุณชายจ้าวล้ำเลิศ ความลึกซึ้งในศาสตร์วิญญาณเก่งกาจมากกว่าเผ่าวิญญาณบรรพกาลเสียอีก!”

เทพโบราณหนิงเยวี่ยหันมองจ้าวเฟิงทันที ก่อนจะเอ่ยอย่างเป็นมิตร

ชัยชนะของการต่อสู้ครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะจ้าวเฟิงเอาชนะคนผู้หนึ่งในนั้น จึงพลิกสถานการณ์ได้

เทพโบราณพั่วเยวี่ยมองจ้าวเฟิงด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ยอมรับในพลังของจ้าวเฟิงแต่โดยดี

เมี้ยว เมี้ยว!

แมวขโมยน้อยกระโจนออกมา แสดงท่าทีว่ามันเก่งกาจเสียยิ่งกว่าจ้าวเฟิงผู้เป็นนาย มีบทบาทมากมายเหลือเกิน

“จริงสิ เจ้าเองก็เก่งมากเหมือนกัน!” เทพโบราณหนิงเยวี่ยหัวเราะร่วน

เดิมคิดว่าจะจบลงด้วยความตาย ผลกลับทำให้พวกเผ่าวิญญาณบรรพกาลตายไปสอง หนีรอดไปอีกหนึ่ง ไม่ต้องบอกเลยว่าคนของเผ่าเทพยักษ์จะยินดีมากขนาดไหน

“เทพโบราณโยวหยาหนีไปได้ พวกเรารีบเร่งเดินทางกันเถอะ เพื่อเลี่ยงไม่ให้ตำหนักวิญญาณบรรพกาลส่งผู้แข็งแกร่งคนอื่นมาเป็นกองหนุนอีก!”

เทพโบราณพั่วเยวี่ยเสนอแนะ

จากนั้นทั้งสามเข้าไปในเรือโบราณลำเล็ก ก่อนจะหายวับไปจากผืนฟ้า

สามปีต่อมา เรือโบราณลอยผ่านชั้นเมฆเหนือยอดเขาสูงชันแห่งหนึ่งที่เขตดาราชาด

“ใกล้จะถึงตำหนักเทพยักษ์แล้ว!” สีหน้าเทพโบราณหนิงเยวี่ยฉายแววยินดี

ตั้งแต่สู้กับพวกเทพโบราณโยวหยา ตลอดทางของพวกเขาราบรื่นปลอดภัย ตอนนี้กำลังจะเดินทางถึง พวกเขานำตราเทพบรรพกาลมาด้วย ภารกิจสำเร็จลุล่วงด้วยดี ตำหนักเทพยักษ์จะต้องรุ่งเรืองขึ้นเป็นแน่!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version