บทที่ 1359 กับดัก
“ท่านอู๋เหิน พวกเราจะไปไหนกัน?” เทพโบราณเฉิงอวิ๋นเอ่ยถาม
คนที่ผู้อาวุโสสูงสุดเลือกให้ติดตามซินอู๋เหินไปมีทั้งหมดสามคน
ก็คือเทพโบราณพั่วเยวี่ยขั้นแปด และเทพโบราณเฉิงอวิ๋นขั้นแปดสุดยอด และเทพโบราณหวาไฉ่ (แสงพร่างพราว) ขั้นแปดสุดยอด
อย่างไรเสียเทพโบราณจำนวนมากก็ต้องอยู่ที่สนามรบ เพื่อยื้อคนของตำหนักวิญญาณบรรพกาลเอาไว้ สามคนเป็นจำนวนมากที่สุดที่พอจะจัดแจงได้แล้ว
“รีบหนีออกจากที่นี่ก่อนแล้วค่อยว่ากัน มีเพียงทำแบบนี้เท่านั้น เหล่าคนในเผ่าถึงจะหนีไปได้โดยเร็ว!” ซินอู๋เหินกดเสียงต่ำ
ขอแค่พวกเขารอดพ้นจากอันตราย คนของเผ่าเทพยักษ์ที่อยู่ที่นั่นต่อก็จะหนีพ้นไปได้
ดังนั้นซินอู๋เหินในตอนนี้จึงไม่มีจุดหมายปลายทาง แค่พยายามหนีไปให้ไกลก่อนแล้วค่อยว่ากัน
“มีคนมา!” จู่ๆ จ้าวเฟิงก็เปิดปากเอ่ย
คนของตำหนักวิญญาณบรรพกาลมีมากมายนัก ทรงพลังกันมาก ถึงเผ่าเทพยักษ์จะทุ่มสุดตัวก็ไม่สามารถขวางคนทั้งหมดเอาไว้ได้
หนำซ้ำเป้าหมายจริงๆ ของตำหนักวิญญาณบรรพกาลก็คือตราเทพบรรพกาล พวกเขาย่อมคิดหาวิธีการต่างๆ อย่างสุดความสามารถเพื่อทำลายการป้องกันของผู้อาวุโสสูงสุด
“สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง?”
ซินอู๋เหินพลันเอ่ยถาม
สีหน้าทุกคนชะงักไปเล็กน้อย พวกเขาไม่เห็นอะไรเลย แต่ซินอู๋เหินกลับเชื่อจ้าวเฟิงทั้งหมดจึงถามทันใด
“เทพโบราณขั้นเก้าคนหนึ่ง ขั้นแปดสองคน!” จ้าวเฟิงตัดสินระดับพลังของฝ่ายตรงข้ามจากการสำรวจของตนเอง
ไม่นาน คนของตำหนักวิญญาณบรรพกาลทั้งสามก็เข้ามาในรัศมีประสาทสัมผัสของทุกคน
“เป็นเช่นนี้จริงๆ ด้วย!”
เทพโบราณหวาไฉ่ยากจะเชื่อได้ หรือว่าประสาทสัมผัสเทพของจ้าวเฟิงจะแข็งแกร่งกว่าพวกเขา?
“มีแค่สามคนเท่านั้น ต่อให้พวกมันตามมาทันก็ทำอะไรพวกเราไม่ได้!”
เทพโบราณเฉิงอวิ๋นโล่งอก
หากคนที่ตามมาเป็นคนกลุ่มใหญ่ อาจจะมีกระทั่งครึ่งก้าวสู่จอมเทพหรือไม่ก็จอมเทพ หากเป็นเช่นนั้นพวกเขาก็คงต้องตายแน่แล้ว
“ไม่ บางทีพวกมันอาจไม่คิดจะประมือกับพวกเรา!” จ้าวเฟิงพลันเอ่ย
เมื่อพวกเทพโบราณเฉิงอวิ๋นได้ยินเช่นนี้ก็ระแวงสงสัย ก่อนจะเข้าใจในฉับพลัน
“หากต่อสู้กันขึ้นมา พวกมันจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเรา เป้าหมายของพวกมันสามคนเกรงว่าจะแค่ติดตามเราเท่านั้น…”
สีหน้าเทพโบราณหวาไฉ่เคร่งขรึมลงทันที
ขอแค่ทั้งสามคนไล่ตามไปติดๆ ตำหนักวิญญาณบรรพกาลก็จะสามารถส่งกองหนุนมา ถึงตอนนั้นแล้วต่อให้เผ่าเทพยักษ์ติดปีกก็ยากจะบินหนีไปได้
“บัดซบ กลับกลายเป็นเช่นนี้ไปได้!” เทพโบราณพั่วเยวี่ยโมโหโกรธา
พวกตำหนักวิญญาณบรรพกาลคอยรักษาระยะห่างกับพวกเขา ไม่ตามติดแต่ก็ไม่อยู่ห่างจนเกินไป พวกเขาอยากจะสลัดฝ่ายตรงข้ามทิ้งก็ยากเย็นอย่างมาก
ถ้าหากตอบโต้กลับไป ฝ่ายตรงข้ามย่อมไม่ยอมต่อสู้ มีแต่จะหลบหนี คนของเผ่าเทพยักษ์ก็ทำอะไรพวกเขาไม่ได้อยู่ดี
หนำซ้ำหากเลือกสู้กลับ แต่ไม่จบการต่อสู้ให้เร็วที่สุดละก็ จะทำให้พวกเผ่าเทพยักษ์ต้องเสียเวลา มีแต่จะทำให้พวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายยิ่งกว่าเดิม
ชั่วเวลานั้น พวกเผ่าเทพยักษ์ทั้งสี่รวมถึงจ้าวเฟิงสีหน้าหนักอึ้งลงไป
“ข้ามีวิธีหนึ่ง!” จ้าวเฟิงโพล่งขึ้นท่ามกลางบรรยากาศที่อึมครึม
คนของเผ่าเทพยักษ์ทั้งสี่ฉายแววตื่นเต้นยินดีในทันที
“วิธีอะไร?” ซินอู๋เหินเอ่ยถาม
ยามนี้สถานการณ์เร่งด่วนนัก กระทั่งเขายังไม่รู้จะทำอย่างไร
“ข้าจะอยู่ที่นี่ ส่วนพวกเจ้าไปก่อน…”
……
ไกลออกไปสี่แสนลี้
“เฮอะๆ พวกเราแค่ไล่ตามไปอย่าให้คลาดสายตา รอกองหนุนของตำหนักวิญญาณบรรพกาลมา ก็จะสามารถทำลายพวกมันได้ในคราวเดียว และชิงเอาตราเทพบรรพกาลกลับมา!”
ผู้อาวุโสชุดดำเผ่าวิญญาณบรรพกาลคนหนึ่งหัวเราะเสียงเย็น
เป้าหมายของพวกเขาก็คือตราเทพบรรพกาล เมื่อเปรียบกับตราเทพบรรพกาลแล้ว จะสังหารคนของเผ่าเทพยักษ์หรือไม่นั้นก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญใดๆ
“ผู้อาวุโส ‘ตราเทพบรรพกาล’ ในมือเผ่าเทพยักษ์เป็นของอะไรกันแน่? ถึงทำให้ตำหนักวิญญาณบรรพกาลต้องลงทุนลงแรงถึงเพียงนี้!”
ชายผิวแดงคนหนึ่งถาม เขาไม่ใช่คนของเผ่าวิญญาณบรรพกาล จึงมีเรื่องที่ไม่เข้าใจอีกมาก
“เนิ่นนานก่อนนี้ เผ่าวิญญาณบรรพกาลและเผ่าเทพยักษ์ปกครองตำหนักวิญญาณบรรพกาลร่วมกัน และที่เผ่าวิญญาณบรรพกาลทรยศและสังหารเผ่าเทพยักษ์ก็เป็นเพราะตราเทพบรรพกาลชิ้นนี้!”
ผู้อาวุโสชุดดำเอ่ยยิ้มๆ
“เช่นนั้นแล้วตราเทพบรรพกาลมีความลับอะไรซุกซ่อนอยู่กันแน่?”
ชายผิวแดงตั้งใจฟัง ก่อนจะถามต่อ
ตราเทพบรรพกาลที่สามารถทำให้ทั้งสองเผ่าพันธุ์ทรยศประหัตประหารกันซุกซ่อนความลับอะไรเอาไว้กันแน่?
“ตราเทพบรรพกาลชิ้นนี้สามารถเปิด ‘คลังสมบัติบรรพชน’ ของเผ่าเทพยักษ์ได้ เจ้าต้องรู้เอาไว้ ในตอนนั้นที่เผ่าเทพยักษ์มีจอมเทพถึงสองคนถือกำเนิดขึ้นในระยะหลายพันปีก็เป็นเพราะคลังสมบัติบรรพชนนี้เอง!”
เมื่อพูดจบ เทพโบราณขั้นแปดอีกสองคนต่างเบิกตากว้าง
นอกจากราชาเทพแล้ว จอมเทพก็คือผู้แข็งแกร่งชั้นยอดในดินแดนเทพรกร้าง เรียกลมฝนได้ตามใจปรารถนา
“ร้ายกาจจริงๆ…ต้องเอามาครอบครองให้ได้!” ใบหน้าเทพโบราณขั้นแปดทั้งสองฉายแววละโมบ
“ว่ากันว่าคลังสมบัติบรรพชนนี้ไม่เพียงแต่มีความลับในการเลื่อนขั้นเป็นจอมเทพ ยังอาจจะเกี่ยวข้องกับเผ่าพันธุ์สิบลำดับแรกในรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณด้วย…”
ผู้อาวุโสชุดดำเอ่ยเสียงเบา
สิบเผ่าพันธุ์แรก!
อีกสองคนใจสั่นระรัวด้วยความหวาดกลัว!
แข็งแกร่งเช่นเผ่าเทพยักษ์ ยังเป็นเผ่าพันธุ์ในลำดับที่สิบห้าเท่านั้น ในสิบลำดับแรกล้วนเป็นเผ่าต้องห้ามที่สูญหายไปจากดินแดนเทพรกร้างแล้ว
อย่างเช่นเผ่าพันธุ์แห่งแสงในลำดับเจ็ด เผ่าวิหคทองในลำดับแปด เผ่าพันธุ์มังกรล้างโลกาลำดับเก้า ทั้งหมดเป็นเผ่าพันธุ์ต้องห้ามในตำนานทั้งสิ้น
ส่วนคลังสมบัติดังกล่าวกลับเชื่อมโยงกับสิบเผ่าพันธุ์แรกในบรรพกาล!
“ผู้อาวุโส สถานการณ์เปลี่ยนไป!” ชายผิวแดงชะงักไป
“มีเรื่องอะไรกัน? เจ้าคนนั้นอยู่ขวางพวกเราเพื่อปกป้องเผ่าเทพยักษ์เชียวรึ?”
เทพโบราณขั้นแปดอีกคนระบายยิ้มเอ่ยอย่างอดไม่ได้
ประสาทสัมผัสเทพของพวกเขาสัมผัสได้ว่าจู่ๆ จ้าวเฟิงก็ยืนนิ่งอยู่กับที่ ส่วนคนที่เหลือเคลื่อนย้ายชั่วพริบตาหนีไปหมดอย่างรวดเร็ว จากประสาทสัมผัสเทพของพวกเขา กลิ่นอายวิญญาณของคนที่หนีไปเหล่านั้นไม่มีการเปลี่ยนแปลง เรียกได้ว่าไม่ใช่การหลอกลวงอะไร พวกซินอู๋เหินหนีไปแล้วจริงๆ
“รีบสังหารมันเสีย จะคลาดกันไม่ได้!”
ผู้อาวุโสชุดดำเอ่ยด้วยแววตาเป็นประกายเย็นชา
พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ!
วินาทีต่อมา ทั้งสามคนก็ใช้เคลื่อนย้ายมิติชั่วพริบตาเข้าไปใกล้จ้าวเฟิง
“จ้าวเฟิง พวกข้านับถือใจของเจ้าจริงๆ คิดไม่ถึงเลยว่าจะเสียสละชีวิตตนเองเพื่อเผ่าเทพยักษ์ แต่การขัดขวางของเจ้ามันไร้ซึ่งความหมาย!”
ผู้อาวุโสชุดดำตะโกนทันใด ระลอกพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งในร่างทะลักออกมา
“วางใจเถอะ เมื่อเจ้าตายไปแล้ว พวกนั้นจะตามไปเป็นเพื่อนเจ้าอย่างรวดเร็ว!”
ชายผิวแดงหัวเราะอย่างชั่วร้าย
เทพโบราณขั้นแปดสองคน เทพโบราณขั้นแปดหนึ่งคน ลงมือในทันทีด้วยหมายจะสังหารจ้าวเฟิงในพริบตา
แต่จ้าวเฟิงยืนนิ่งไม่ไหวติง สีหน้าไม่ทุกข์ร้อน
“ฮ่าๆ หรือว่าพวกเจ้ามองไม่ออกหรือว่านี่เป็นกับดัก?” จ้าวเฟิงหัวเราะน้อยๆ
“แย่แล้ว!” ใบหน้าผู้อาวุโสชุดดำบึ้งตึง
จนถึงตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าพวกเขายังสังเกตถึงสิ่งผิดปกติไม่ได้ แต่คำพูดของจ้าวเฟิงทำให้ความรู้สึกหวาดระแวงของพวกเขาเพิ่มมากขึ้น แต่ประโยคนี้ของจ้าวเฟิงก็อาจจะใช้เพื่อยื้อเวลา ไม่ว่าอย่างไรก็รีบสังหารอีกฝ่ายก่อนแล้วค่อยว่ากัน
“คลื่นทำลายวิญญาณ!”
ผู้อาวุโสชุดดำโคจรพลังวิญญาณ เตรียมลงมือโจมตีที่วิญญาณอย่างรุนแรง
“ออกมาเลย!”
ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงพลันโคจร
เปรี๊ยะ พรึ่บ!
เบื้องหน้าเขาปรากฏระลอกน้ำวนพลังดวงตาขึ้นสี่อัน ภายในนั้นยังมีเงาคนสี่ร่างปรากฏขึ้น
“นี่มันวิชามิติ!”
ผู้อาวุโสชุดดำรู้แจ้งในใจทันที
ที่แท้แล้วก่อนนี้จ้าวเฟิงได้ตีตราประทับบนร่างเผ่าเทพยักษ์ทั้งสี่คน ส่วนสี่คนนั้นก็แค่หนีออกจากอาณาเขตประสาทสัมผัสเทพของพวกตำหนักวิญญาณบรรพกาล แต่ไม่ได้หนีไปจริงๆ
จนถึงตอนนี้ เมื่อตำหนักวิญญาณบรรพกาลรุดใกล้เข้ามา จ้าวเฟิงจึงใช้เคลื่อนย้ายมิติผ่านตราประทับ นำพวกเผ่าเทพยักษ์ทั้งสี่มาที่นี่ในทันที
“ตำหนักวิญญาณบรรพกาล ตายเสีย!”
วินาทีที่เทพโบราณหวาไฉ่ปรากฏกายขึ้นก็โคจรพลังสายเลือด ส่งหมัดโจมตีออกมา
ถึงแม้ร่างกายนางขยายใหญ่ไม่มากนัก แต่รอบๆ หมัดนั้นกลับมีเงาแขนขนาดใหญ่ยักษ์ที่แฝงด้วยพลานุภาพมหาศาล
“ดัชนีเทพยักษ์!”
ซินอู๋เหินกระตุ้นพลังสายเลือด รวบรวมพลังในฟ้าดินทั้งหมด ก่อนชี้นิ้วออกมา
รอบๆ แสงดัชนีสายนั้นพลันปรากฏเงานิ้วขนาดใหญ่ที่สมจริงอย่างยิ่งขึ้นมา ด้านบนยังมีพลังเสวียนอ้าวธาตุดินในฟ้าดินเกาะกลุ่มรวมกันจนเป็นประหนึ่งเสาค้ำฟ้า จากนั้นระเบิดออกอย่างรุนแรง
แสงดัชยังไม่ทันตกกระทบ พวกตำหนักวิญญาณบรรพกาลก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันมหาศาล
เลือดในร่างเทพโบราณขั้นแปดสองคนแข็งทื่อ ขยับเขยื้อนร่างกายไม่ได้ กระทั่งจะหนีก็ทำไม่ได้เช่นกัน
ผู้อาวุโสชุดดำจ้องภาพเหตุการณ์ตรงหน้างอย่างตื่นตระหนก
กำลังรบของเผ่าเทพยักษ์ส่วนใหญ่ไม่ได้น่ากลัวเท่าไหร่นัก แต่เผ่าเทพยักษ์แท้จริงที่สายเลือดเข้มข้นกลับมีพลังน่ากลัวที่ทำลายล้างสรรพสิ่ง
ยกตัวอย่างเช่นซินอู๋เหินในตอนนี้ ทำให้แม้แต่ความคิดที่จะรับมือยังไม่มีด้วยซ้ำ
“วิญญาณโบราณเปลี่ยนร่าง!”
ผู้อาวุโสชุดดำหยุดการโจมตีวิญญาณ และสำแดงเคล็ดวิชาอีกอย่างแทน ในวินาทีต่อมา ร่างของเขาก็เป็นสีดำโปร่งแสง เหมือนเป็นกายวิญญาณทั้งร่าง
การโจมตีของเทพโบราณจะทะลวงผ่านชั้นวิญญาณ กายวิญญาณสามารถต้านทานอาการบาดเจ็บต่างๆ ส่วนใหญ่ได้ แต่เดิมทีการป้องกันชั้นวิญญาณของเผ่าวิญญาณบรรพกาลนั้นแข็งแกร่งอย่างยิ่ง เมื่อใช้เคล็ดวิชานี้ โดยปกติแล้วจะต้านทานการโจมตีที่รุนแรงจากผู้แข็งแกร่งในระดับขั้นสูงกว่าตนเองขั้นหนึ่งได้
ตู้ม เปรี้ยง! ในเวลานี้เอง การโจมตีของพวกเผ่าเทพยักษ์บดขยี้เข้ามา
“เหอะ พวกโง่ที่หนีหัวซุกหัวซุน!”
เทพโบราณเฉิงอวิ๋นแค่นเสียงเย็น
หากต่อสู้กันซึ่งหน้า พวกตำหนักวิญญาณบรรพกาลทั้งสามสามารถสังหารพวกเขาได้อย่างรวดเร็ว
ในขณะนี้เอง
พรึ่บ! แสงสีดำหม่นอ่อนจางสายหนึ่งโบยบินออกมาจากคลื่นการระเบิด
“แย่ล่ะ เทพโบราณขั้นเก้าสำแดงวิชาลับ หนีรอดไปได้แล้ว!”
เทพโบราณพั่วเยวี่ยอุทานอย่างตื่นตระหนก
ก่อนจะกลายร่างเป็นกายวิญญาณ โบยบินด้วยความเร็วหลายเท่าตัวของเทพโบราณทั่วไปจนยากจะตามได้ทัน
ทันใดนั้น เจตจำนงดวงตาสายหนึ่งก็สว่างวาบ
ตู้ม! ผู้อาวุโสชุดดำที่เพิ่งหนีไปได้แสนกว่าลี้ก็ถูกเพลิงอัสนีเทวะกลุ่มหนึ่งระเบิดเข้าอย่างจัง
ผู้อาวุโสชุดดำเพิ่งหนีรอดจากการโจมตีของพวกเผ่าเทพยักษ์ วิญญาณได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้กลับโดนเพลิงดวงตาอัสนีเทวะของจ้าวเฟิงเข้าอีก
ดิ้นรนได้ไม่นานนัก ผู้อาวุโสชุดดำก็ตายลง
“ตายแล้ว!” เทพโบราณเฉิงอวิ๋นตื่นตะลึง
ทุกคนมองจ้าวเฟิง วิชาดวงตาดังกล่าวย่อมเป็นเขาที่สำแดงออกมา
แต่นั่นเป็นวิชาดวงตาที่ใช้อย่างกะทันหันชัดๆ แต่จ้าวเฟิงกลับทำเหมือนมองขาดทุกอย่างมาตั้งแต่ต้น เขารู้กระทั่งเส้นทางในการหลบหนีของผู้อาวุโสชุดดำ การโจมตีของวิชาดวงตาแม่นยำมาก จนสามารถสังหารผู้อาวุโสชุดดำที่วิญญาณอ่อนแอผู้ได้นั้นในพริบตา
“รีบไปเร็ว!” ซินอู๋เหินกดเสียงต่ำ
ทุกช่วงลมหายใจที่พวกเขารั้งอยู่ที่นี่ ได้มาจากคนเผ่าเทพยักษ์ใช้ชีวิตแลกมาทั้งนั้น!
พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ!
ทุกคนต่างรีบสำแดงวิชาข้ามมิติหลีกหนีไป
หนึ่งวันต่อมา ทุกคนหยุดพัก ณ จุดที่ไอสวรรค์ค่อนข้างเบาบางและไร้ผู้คนแห่งหนึ่ง
“สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง?”
ซินอู๋เหินมองจ้าวเฟิง
“ไม่เจออะไร คงจะปลอดภัยแล้ว!” จ้าวเฟิงเอ่ย
“ท่านอู๋เหิน พวกเราจะทำอย่างไรต่อไปดี?”
เทพโบราณพั่วเยวี่ยพลันถามขึ้น
“เปิดคลังสมบัติบรรพชน แล้วพวกเจ้าทุกคนติดตามข้าเข้าไปภายใน!”
ซินอู๋เหินเอ่ยด้วยใบหน้าเคร่ง
คนที่เหลือกายสั่นสะท้าน สำหรับคลังสมบัติบรรพชนที่เผ่าเทพยักษ์ครอบครอง พวกเขาเพียงแต่เคยได้ยินมา แต่ไม่เคยเห็นด้วยตาตนเองมาก่อน
“พวกเราจะต้องเข้าไปในคลังสมบัติบรรพชนให้ได้ แล้วคว้าเอาผลประโยชน์สูงสุดมา เพื่อช่วยให้เผ่าเทพยักษ์รุ่งเรืองขึ้น!” เทพโบราณเฉิงอวิ๋นตบอกพลางเอ่ย จากนั้นคนทั้งหมดจึงเดินทางลงไปใต้ดิน ก่อนจะวางค่ายกลอำพรางกาย
พรึ่บ!
ซินอู๋เหินหยิบเอาตราเทพบรรพกาลออกมา เตรียมจะเปิดคลังสมบัติบรรพชน