บทที่ 1360 เปิดคลังสมบัติ
ภายในพื้นที่ว่างใต้ดิน ซินอู๋เหินจัดการวางค่ายกลความลับสวรรค์อย่างรวดเร็วเห็นได้ชัดว่าตราเทพบรรพกาลมีความเกี่ยวข้องกับเผ่าความลับสวรรค์ การจะใช้มันเปิดคลังสมบัติบรรพชนต้องเกี่ยวเนื่องกับอารยธรรมของเผ่าความลับสวรรค์แน่
เทพโบราณของเผ่าเทพยักษ์ต่างรู้ดีว่าในมรดกเผ่าตนมีอารยธรรมของเผ่าความลับสวรรค์อยู่ไม่น้อย ต้องมีตำแหน่งสูงจนถึงระดับหนึ่งถึงจะมีสิทธิ์ศึกษาตระหนักรู้ แต่คนน้อยนิดนักที่จะล่วงรู้ว่ามรดกอารยธรรมเผ่าความลับสวรรค์มีไว้เพื่อเปิด ‘คลังสมบัติบรรพชน’
หลังจากที่ค่ายกลสมบูรณ์แล้ว มือสองข้างของซินอู๋เหินก็ประสานสัญลักษณ์อยู่เรื่อยๆ อักษรสีดำยึกยือขนาดเล็กใหญ่ไม่เท่ากันพุ่งเข้าไปในค่ายกลไม่หยุด
วู้ม วู้ม!
ทันใดนั้น โครงสร้างค่ายกลที่ลึกลับเกินกว่าคนธรรมดาทั่วไปจะเข้าใจก็ก่อร่างขึ้น
“ไป!” ซินอู๋เหินผลักตราเทพบรรพกาลเข้าไปในค่ายกล
ในวินาทีต่อมา ระลอกแสงสีเขียวนับไม่ถ้วนทะลักออกจากค่ายกล แล้วสอดประสานเข้ากับตราเทพบรรพกาล ตราเทพบรรพกาลสั่นไหวอย่างรุนแรงทันใด ระลอกแสงสีเขียวบนนั้นเปล่งแสงสว่างพร่างพราว
เคร้ง เคร้ง!
ภายใต้การควบคุมของซินอู๋เหิน ตราเทพบรรพกาลยืดยาวออกและเริ่มเปลี่ยนรูปร่าง ไม่นานนัก บานประตูโลหะดำบานหนึ่งก็สร้างขึ้นจนสำเร็จเป็นรูปเป็นร่าง
ฟิ้ว! กลางประตูปรากฏรอยแยกตั้งตรงเส้นหนึ่ง แสงสีทองลึกลับโบราณลอดออกมา ประตูเปิดออกอย่างช้าๆ แล้วแสงสว่างพราวพร่างเหล่านั้นก็ปกคลุมทุกคนไว้ด้านใน
ตอนที่ถูกแสงสว่างลึกลับปกคลุม จ้าวเฟิงพบว่าประสาทสัมผัสและประสาทสัมผัสเทพของตนถูกสะกดไว้
ในเวลาเดียวกัน เขายังพบว่าทุกอิริยาบถของเขาเหมือนจะเชื่องช้ากว่าปกติมาก
“เสวียนอ้าวเวลา!” จ้าวเฟิงใจสั่น
นี่เป็นแค่แสงที่สาดส่องออกมาเท่านั้น แต่มีเสวียนอ้าวเวลาที่สูงส่งลึกล้ำถึงขนาดนี้ ดูไปแล้วคลังสมบัติบรรพชนน่าจะไม่ธรรมดาเลยจริงๆ
เทพโบราณเฉิงอวิ๋นกับเทพโบราณหวาไฉ่ก็สัมผัสได้ถึงเสวียนอ้าวเวลาที่ลึกล้ำกลุ่มนี้เช่นกัน
“เข้าไปได้!”
ซินอู๋เหินกดเสียงต่ำเอ่ย และทุกคนก็รีบพุ่งเข้าไปภายในอย่างอดใจไม่ไหว
……
หลังจากความอลหม่านโกลาหลผ่านไป ร่างจ้าวเฟิงหนักอึ้ง ก่อนจะปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศเหนือทุ่งหญ้าแห่งหนึ่ง พร้อมกันนั้นกลิ่นอายบรรพกาลที่เก่าแก่ก็ปะทะเข้ามา แทบไม่ต้องคิดอะไรมากนัก ก็สัมผัสได้ว่าที่นี่คือมิติที่เก่าแก่โบราณอย่างยิ่ง
ซินอู๋เหินและพวกต่างอยู่ข้างกายจ้าวเฟิง
ปฏิกิริยาแรกของทุกคนก็คือรีบสำรวจสถานการณ์รอบๆ อย่างไรเสียทุกคนก็ไม่รู้เรื่องคลังสมบัติบรรพชน ถึงแม้เป็นซินอู๋เหินก็เพิ่งเข้ามาภายในนี้เป็นครั้งแรก
“หืม?” จ้าวเฟิงตะลึงไปเล็กน้อย
หลังจากตรวจตรารอบๆ เขาพบว่าสถานที่แห่งนี้กดประสาทสัมผัสและประสาทสัมผัสเทพในแต่ละด้านของตนเอาไว้ที่หนึ่งในสิบส่วนเท่านั้น
เขาผู้เป็นเทพโบราณ เดิมทีเพียงใช้ประสาทสัมผัสเทพกวาดผ่าน ก็สามารถควบคุมทุกสรรพสิ่งในรัศมีสองสามแสนลี้เอาไว้ได้ แต่ตอนนี้พื้นที่ประสาทสัมผัสเทพกลับมีเพียงสามหมื่นลี้เท่านั้น
เมื่อมองสีหน้าท่าทีของคนอื่น เหมือนจะตกตะลึงเพราะแรงกดดันมหาศาลนี้เช่นกัน แต่ต่อให้ครรลองสายตาและประสาทสัมผัสของจ้าวเฟิงถูกจำกัด แต่การมองเห็นของเขาเหนือคนทั่วไปมากนัก
เขายังพบว่าถ้าหากกระตุ้นใช้ความสามารถในการมองเห็นสุดกำลัง จะเพิ่มขีดความสามารถของสายตาได้
“ข้อจำกัดของที่นี่ไม่ได้มีเพียงเท่านี้!” ซินอู๋เหินเอ่ยออกมาในทันที
เมื่อเขาเอ่ยดังนั้น ทุกคนก็สังเกตเห็นความผิดปกติที่เกิดขึ้น ความเร็วในการพูดของซินอู๋เหินช้ากว่าปกติหลายส่วน
“เสวียนอ้าวเวลา!” จ้าวเฟิงเองก็สัมผัสได้เช่นกัน
ถึงอย่างไรเสวียนอ้าวเวลาของเขาก็ไปถึงขั้นสี่ดยอดแล้ว
“เป็นแบบนี้ได้อย่างไร?” เทพโบราณพั่วเยวี่ยแทบไม่เชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น
ขณะนี้การสื่อสารของทุกคนช้ากว่าปกติไปหลายส่วนทีเดียว
“อย่าเพิ่งคิดอะไรให้มาก การค้นหาสมบัติสำคัญกว่า!”
ซินอู๋เหินเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา
ในตอนที่เขารับสืบทอดตราเทพบรรพกาลมา จอมเทพจากเผ่าเทพยักษ์ในตอนนั้นเคยบอกเอาไว้ว่า สมบัติและโอกาสในคลังสมบัติบรรพชนมีมากมาย แต่อันตรายก็เต็มไปหมดเช่นกัน ดังนั้นเผ่าเทพยักษ์จึงสร้างคลังสมบัติส่วนตัวไว้ด้วยที่หนึ่ง ภายในเป็นที่เก็บสะสมทรัพยากรล้ำค่าของเผ่าเทพยักษ์
พรึ่บ! ซินอู๋เหินหยิบเอาตราเทพบรรพกาลออกมา
เขารับรู้ถึงตำแหน่งคร่าวๆ ของคลังสมบัติที่เผ่าเทพยักษ์สร้างขึ้นตามตราเทพบรรพกาล เมื่อรู้ถึงทิศทางแล้ว ทุกคนก็เดินหน้าไปพลางสำรวจมิติที่ตัดขาดจากโลกภายนอกแห่งนี้
“ดูที่นั่นสิ!” เทพโบราณเฉิงอวิ๋นอุทานตกใจ ก่อนจะชี้ไปยังทิศทางหนึ่ง
สถานที่นั้นอยู่ในอาณาเขตขีดจำกัดประสาทสัมผัสของทุกคนพอดี ตรงนั้นเป็นแอ่งน้ำเล็กๆ ผืนหนึ่ง บนแอ่งน้ำที่อยู่ใกล้พวกเขาที่สุดมีบุปผาสีขาวสะอาดหลายดอก ด้านบนเปล่งแสงอ่อนๆ ดูสะดุดตาอย่างมาก
“ก็แค่ ‘บุปผากาลเวลา’ ทั่วไป จะตกใจอะไรนักหนา!”
เทพโบราณพั่วเยวี่ยพึมพำเสียงต่ำ
เสวียนอ้าวเวลาแข็งแกร่งยิ่งนัก จึงยากจะศึกษาให้ชำนาญ และทรัพยากรที่ใช้ในการฝึกฝนก็ล้ำค่ายิ่ง บุปผากาลเวลาเป็นทรัพยากรฝึกฝนเสวียนอ้าวเวลาระดับค่อนข้างต่ำทั่วไป เทพแท้จริงระดับขั้นต่ำมากมายก็สามารถซื้อบุปผากาลเวลาส่วนหนึ่งมาเพื่อทดลองทำความลึกซึ้งในเสวียนอ้าวเวลา
หากยากจะฝึกเข้าขั้นได้ก็รีบยอมแพ้เสีย หากสามารถเรียนรู้อะไรได้บ้าง ก็แสดงให้เห็นว่ามีพรสวรรค์ในการฝึกฝนเสวียนอ้าวเวลา…
“ข้าว่าตอนที่เจ้ายังเป็นเทพแท้จริงน่าจะไม่เคยลองฝึกเสวียนอ้าวเวลากระมัง!”
เทพโบราณเฉิงอวิ๋นหัวเราะเสียงเรียบ
สีหน้าเทพโบราณพั่วเยวี่ยชะงักไปเล็กน้อย ตอนแรกเขารู้สึกว่าเสวียนอ้าวเวลายากเกินไป หนำซ้ำก็ไม่ได้ช่วยให้การโจมตีรุนแรงขึ้น จึงไม่เคยอยากจะฝึกเสวียนอ้าวนี้
จ้าวเฟิงได้ยินเรื่องทั้งหมด ในตอนนั้นเขาทะลวงเทพโบราณขั้นเจ็ดได้ทันที จึงไม่เคยมีประสบการณ์ที่เทพแท้จริงระดับต่ำควรจะมี
“บุปผากาลเวลาไม่ได้ล้ำค่าอะไร เพียงแต่ว่าพลังชีวิตของมันแข็งแกร่ง ผ่านระยะเวลามายาวนาน ค่อยๆ สั่งสมพลังเสวียนเวลาเอาไว้ กลีบดอกไม้แต่ละดอกจึงแสดงให้เห็นช่วงอายุขัยทุกร้อยล้านปีของมัน!”
เทพโบราณหวาไฉ่สูดลมหายใจลึก สายตาตระหนกตกใจจ้องไปยังที่ไกลๆ
จ้าวเฟิงเพ่งมองไป กลีบดอกไม้ของบุปผากาลเวลาหลายดอกนั้นน่าจะมีเกินหกกลีบ บุปผากาลเวลาบางดอกมีกลีบถึงสิบสองกลีบเลยทีเดียว
“สองพันล้านปี!” จ้าวเฟิงพึมพำอย่างตื่นตระหนก
ทรัพยากรฝึกฝนที่มีอายุเก่าแก่เช่นนี้ เขาเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก
พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ! ชั่วขณะต่อมา ทุกคนบินตรงไปยังแอ่งน้ำแห่งนั้น
ถึงแม้บุปผากาลเวลาจะเป็นทรัพยากรฝึกตนระดับต่ำ แต่หากมีอายุขัยถึงหลายสิบล้านปี แม้จะเป็นทรัพยากรทั่วไปก็เปลี่ยนเป็นของล้ำค่าได้
หลังจากที่แบ่งบุปผากาลเวลาแล้ว กลับพบว่าในแอ่งน้ำไม่ไกลนักมีทรัพยากรฝึกตนอยู่เช่นกัน สำหรับเทพโบราณแล้ว ทรัพยากรหลากหลายประเภทนี้ไม่ได้ล้ำค่าอะไรมาก แต่ที่สำคัญคือมีอายุยาวนานอย่างยิ่ง
“ที่นี่เป็นคลังสมบัติจริงๆ ด้วย!”
เทพโบราณเฉิงอวิ๋นร้องอุทาน ก่อนจะตรงดิ่งเข้าไป
“รอก่อน!” ซินอู๋เหินโพล่งออกมา
ตอนรับสืบทอดตราเทพบรรพกาล ผู้อาวุโสของเผ่าเทพยักษ์เคยกล่าวเอาไว้ว่าโอกาสในคลังสมบัติบรรพชนมีมากมาย แต่อันตรายก็มากตามไปด้วยเช่นกัน
ทุกคนเจอแค่บุปผากาลเวลาหลายต้นเท่านั้น เขาจึงไม่ได้คิดอะไรมาก แต่ทางข้างหน้ายังมีทรัพยากรอีกเยอะ ที่แห่งนี้นับได้ว่าเป็นสถานที่แห่งโอกาสขนาดย่อมๆ เลยทีเดียว เช่นนั้นย่อมต้องมีอันตรายแฝงอยู่ ทว่าประสาทสัมผัสเทพของทุกคนถูกข่มให้เหลือเพียงหนึ่งในสิบส่วน ถ้าหากมีสิ่งกีดขวางที่เป็นรูปธรรมก็จะยิ่งต่ำลงไปอีก ดังนั้นระวังตัวเอาไว้ก่อนย่อมดีกว่า
โครม ตูม! ขณะนั้นเอง ทุกคนต่างสัมผัสได้ถึงการสั่นไหวเล็กน้อย
แล้วจึงเห็นบริเวณใต้ดินที่ไม่ไกลจากเทพโบราณเฉิงอวิ๋น จู่ๆ ก็มีปีศาจที่เหมือนมังกรวารีกระโจนออกมา ร่างปีศาจตัวนั้นเรียบลื่นเป็นสีเงินขาว ดวงตาสีขาวสองข้างจ้องทุกคนด้วยแววตาเย็นชา
ในวินาทีที่ปีศาจปรากฏกายขึ้น ทุกคนก็รู้สึกได้ถึงพลานุภาพมหาศาลของฝ่ายตรงข้ามที่หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับฟ้าดิน ทำให้รู้สึกถึงแรงกดดันซึ่งหนักหน่วงเกินจะเปรียบ
“ก็แค่ขั้นแปดสุดยอดเท่านั้น คิดไม่ถึงเลยว่าจะทำให้ข้ารู้สึกหวาดกลัวได้!”
เทพโบราณเฉิงอวิ๋นอึ้งมองปีศาจตนนี้ สีหน้าหวั่นเกรงเล็กน้อย
“รบกวนการพักผ่อนของข้า แล้วยังกล้าแตะของในถิ่นข้า วันนี้ข้าจะให้พวกเจ้ากลายเป็นเถ้าธุลีไปเสีย!”
ปีศาจงูมังกรตะโกนเสียงต่ำ ก่อนที่ร่างกายจะบิดโค้งโผทะยานไป
ฟิ้ว! แสงสีเงินสว่างวาบ ปีศาจมังกรตนนั้นเข้าใกล้เทพโบราณเฉิงอวิ๋น มันอ้าปากกว้างส่งระลอกพลังเทพที่แข็งแกร่งออกมา
“รวดเร็วเหลือเกิน!”
เทพโบราณเฉิงอวิ๋นหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย รีบถอยร่นไปทันที
แต่เขากลับพบว่าอุปสรรคจากเสวียนอ้าวเวลาที่ตนสัมผัสได้ช้ากว่าที่ผ่านมาถึงสองเท่าตัวเป็นอย่างน้อย
เปรี๊ยะ! ซินอู๋เหินพลันกระตุ้นพลังสายเลือดและพุ่งออกมา
สายเลือดที่ทรงพลังของเผ่าเทพยักษ์ ทำให้ผลกระทบจากเสวียนอ้าวเวลาเบาบางลงไปไม่น้อย
“ฝ่ามือเพลิงวายุ!” ซินอู๋เหินโคจรพลังเทพ สำแดงสำนึกรู้ลึกลับกลุ่มหนึ่งออกมา ดูดซึมพลังเพลิงวายุในฟ้าดินและหลอมรวมเข้าในการโจมตี
ฟิ้ว ตู้ม! ฝ่ามือยักษ์เพลิงวายุพุ่งผ่านไปพร้อมเสียงดัง
เดิมทีฝ่ามือเพลิงวายุเป็นการโจมตีรวดเร็วที่ทรงอานุภาพอย่างยิ่ง แต่เมื่ออยู่ที่นี่แล้วเชื่องช้าลงไปไม่น้อย
“เหอะ อ่อนหัด!” ร่างปีศาจงูมังกรบิดโค้ง สาดซัดพลังเสวียนอ้าวเวลาที่ลึกล้ำกระจายรอบบริเวณ ทันใดนั้นเอง การโจมตีของซินอู๋เหินถูกขัดขวางจากเสวียนอ้าวเวลาจึงยิ่งเชื่องช้าลงไปอีก
ปีศาจงูมังกรตัวนั้นขยับกายน้อยๆ เพื่อหลบการโจมตี
“นี่…” ยามนี้ทุกคนรวมถึงซินอู๋เหินล้วนพูดอะไรไม่ค่อยออก
“เสวียนอ้าวเวลาของปีศาจตนนี้น่าจะอยู่ในขั้นที่เจ็ดเป็นอย่างน้อย!”
จ้าวเฟิงร้องขึ้น
ถึงแม้เสวียนอ้าวเวลาจะไม่สามารถเพิ่มพลังการโจมตีได้ แต่ที่มันเป็นหนึ่งในเสวียนอ้าวที่ทรงพลังได้ ก็ต้องมีเหตุผลอะไรแน่
ด้วยความสามารถของซินอู๋เหิน เทพโบราณขั้นเก้าทั่วไปรับมือได้แค่ไม่กี่กระบวนท่าเท่านั้น แต่ปีศาจเทพโบราณขั้นแปดสุดยอดตนนี้กลับรับมือเขาได้
โครม! เทพโบราณเฉิงอวิ๋นถูกปีศาจขั้นแปดสุดยอดโจมตีกระเด็นไปหลายลี้ แต่เพราะมีสายเลือดเผ่าเทพยักษ์ ทำให้พลังป้องกันของเขาแข็งแกร่ง
เขายังพบอีกว่าถึงแม้ปีศาจตนนี้จะส่งเสียงดังสนั่น เสวียนอ้าวเวลาที่แกร่งกล้าทำให้ทุกคนตื่นตกใจมาก แต่พลังเทพโจมตีของมันเกือบเท่าเทพโบราณขั้นเก้าเท่านั้น จึงไม่นับว่าผิดปกติมากนัก
“โจมตี!” เทพโบราณหวาไฉ่ตะโกน
จากนั้นคนทั้งห้าจึงร่วมมือกันรับมือกับปีศาจงูมังกรตนนี้ หลังจากประมือกันไปครู่หนึ่ง ปีศาจงูมังกรจึงค้นพบว่ามนุษย์พวกนี้ไม่ธรรมดาแม้แต่น้อย ถึงตนเองจะมีเสวียนอ้าวเวลาก็รับมือพวกเขาไม่ไหว
ในระหว่างนั้น จ้าวเฟิงเองก็ลองใช้พลังดวงตาเพื่อโจมตี กลายเป็นว่าพลังวิญญาณของปีศาจตนนี้แข็งแกร่งมากนัก พลังที่ต้านการโจมตีชั้นวิญญาณแข็งแกร่งอย่างยิ่ง
“พวกเจ้ามันเผ่าพันธุ์น่ารังเกียจ!”
ปีศาจงูมังกรที่บาดเจ็บสาหัสคิดจะหนี
“จะหนีไปไหน!” เทพโบราณหวาไฉ่ตะโกนลั่น ก่อนจะหยิบอาวุธเทพประเภทจองจำชินหนึ่งออกมาในทันที
พวกเขาห้าคนล้อมโจมตีปีศาจขั้นแปดสุดยอดตนนั้น หากปล่อยให้อีกฝ่ายหนีไปได้ พวกเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
ในที่สุดคนทั้งห้าจึงพยายามงัดความสามารถทั้งหมดที่มีเพื่อสังหารปีศาจงูมังกรให้เร็วที่สุด หลังจากจัดการมันได้แล้ว ทุกคนก็พบว่าทั้งร่างของมันคือขุมทรัพย์
เช่น ‘อสรพิษวิญญาณวารี ’แฝงด้วยพลังเสวียนอ้าวเวลาและธาตุน้ำ เป็นทรัพยากรชั้นยอดในการสร้างอาวุธวิเศษประเภทจองจำ ส่วนหลังจากที่ดื่ม ‘สายเลือดวารี ’ไปแล้วก็สามารถเพิ่มระดับขั้นชีวิตได้ และเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับกายเทพ ฟื้นฟูอาการบาดเจ็บลับ และยังป็นทรัพยากรฝึกเสวียนอ้าวเวลาได้ด้วยหากถูกแยกส่วน ทุกคนยังค้นพบว่าอายุขัยของปีศาจมากกว่าร้อยล้านปี ส่วนทรัพยากรบนร่างมันก็มีมูลค่าเกินกว่าปกติเพราะผ่านกาลเวลามายาวนาน
“มิน่าล่ะจึงจัดการได้ยากเย็นนัก!” จ้าวเฟิงอุทานด้วยความตกใจ
ต่อให้เป็นผู้ฝึกตนที่พรสวรรค์ย่ำแย่ถึงเพียงใด หากอยู่ได้เป็นร้อยล้านปีก็น่าจะเอาชนะคนในระดับขั้นเดียวกันได้ ดูไปแล้วคลังสมบัติบรรพชนแห่งนี้คงจะไม่ธรรมดาเลยจริงๆ