บทที่ 1361 ไปถึงคลังสมบัติ
เขตดาราชาด
การต่อสู้ระหว่างตำหนักวิญญาณบรรพกาลและเผ่าเทพยักษ์ทำลายล้างแผ่นดินด้านหนึ่งจนราบคาบ ระยะเวลาในการต่อสู้ของทั้งสองฝั่งไม่นานนัก พวกเผ่าเทพยักษ์ก็รีบร้อนสลายตัว ส่วนตำหนักวิญญาณบรรพกาลเองก็รีบร้อนตามหาซินอู๋เหินและตราเทพบรรพกาล จึงไม่ได้ร่วมศึกต่อ
บนท้องนภากว้างไกล ภายในกลุ่มตำหนักสีดำสนิท บรรยากาศกดดันอย่างยิ่ง
“ท่านเทียนฮ่าว ไม่เจอเบาะแสของพวกซินอู๋เหินเลยขอรับ!” คนของตำหนักวิญญาณบรรพกาลคุกเข่ารายงานด้วยร่างกายสั่นเทา
“เจ้าพวกขยะไร้ประโยชน์!” จอมเทพเทียนฮ่าวตะโกนเสียงต่ำมาจากด้านบนสุดของตำหนัก
ก่อนนี้พวกเขาขัดขวางเผ่าเทพยักษ์สุดความสามารถ ทุ่มสุดกำลังเพื่อฝ่าทะลวง และสร้างช่องโหว่ในชั่วพริบตาเพื่อส่งเทพโบราณสามคนออกไป พร้อมทั้งกำชับให้สะกดรอยตามพวกซินอู๋เหินก็พอ แต่ว่าภารกิจง่ายๆ แบบนี้พวกเขายังทำไม่ได้ และยังล้มตายไปด้วย
ภายในตำหนัก คนระดับสูงของตำหนักวิญญาณบรรพกาลจำนวนมากมีสีหน้าเคร่งเครียด ครั้งนี้พวกเขาหาโอกาสเหมาะๆ เพื่อลอบโจมตีในฉับพลัน แต่คิดไม่ถึงเลยว่ายังปล่อยให้ซินอู๋เหินหอบตราเทพบรรพกาลหนีไปได้ ถ้าหากเผ่าเทพยักษ์เปิด ‘คลังสมบัติบรรพชน’ แล้วได้รับโอกาสครั้งใหญ่ภายใน ก็อาจจะเแข็งแกร่งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ถึงตอนนั้นตำหนักวิญญาณบรรพกาลอาจตกที่นั่งลำบากก็เป็นได้
“จอมเทพเทียนฮ่าว เหตุใดต้องโกรธเกรี้ยวเช่นนี้ด้วย?”
ในเวลานี้เอง จู่ๆ ในตำหนักก็มีเสียงคนชราที่ผ่อนคลายไม่ทุกข์ร้อนดังขึ้น
สีหน้าทุกคนในตำหนักเปลี่ยนไป คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีคนกล้าทำท่าทีดีอกดีใจเช่นนี้ต่อหน้าจอมเทพเทียนฮ่าว ช่างขวัญกล้าเทียมฟ้าเสียเหลือเกิน
พรึ่บ! ชายชราและคนรุ่นเยาว์พลันเผยกายในตำหนัก
คนสูงวัยกว่าร่างสูงใหญ่ ทั่วตัวเต็มไปด้วยรอยสักเก่าแก่ หนวดขาวยาวระพื้น มือกำไม้เท้าสีเงิน ดวงตาที่ลุ่มลึกราวฟ้ากระจ่างดาว กำลังจ้องจอมเทพเทียนฮ่าวอยู่เหนือตำหนัก
ส่วนฝ่ายผู้ยาว์ข้างกายคนสูงวัยมีรูปลักษณ์ที่ไม่ต่างกันมากนัก แต่หล่อเหลาและสุขุมยิ่งนัก
“ใครกัน?” ผู้นำระดับสูงหลายคนหน้าถอดสีก
กลุ่มตำหนักที่พวกเขาอยู่มีค่ายกลคุ้มกัน ตำหนักประชุมหลังนี้ก็มีปราการพลังคุ้มกันด้วย
แต่ผู้อาวุโสและผู้เยาว์คนนี้มาถึงที่นี่ประหนึ่งไม่มีใครอยู่
และสิ่งที่ทำให้พวกเขาตื่นตะลึงก็คือ พวกเขายังไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าคนสองคนนี้เข้ามาที่นี่ได้อย่างไร
“จอมเทพซิงเซี่ยง ในที่สุดเจ้าก็มา!”
จู่ๆ จอมเทพเทียนฮ่าวก็มีสีหน้าราบเรียบ ก่อนจะมองไปที่ผู้สูงวัย
“จอมเทพ!”
เมื่อเห็นจอมเทพเทียนฮ่าวเปิดปากเอ่ย ทุกคนถึงจะรู้ว่าคนที่มามิใช่ศัตรู แต่สถานะของผู้อาวุโสคนนั้นกลับทำให้พวกเขาต้องตื่นตะลึง
“เป็นดังที่เจ้าคาดเอาไว้ พวกเราเอาตราเทพบรรพกาลกลับมาด้วยไม่ได้!”
จอมเทพเทียนฮ่าวเอ่ยอีกครั้ง
ในตอนที่ตำหนักวิญญาณบรรพกาลเตรียมไปโจมตีเผ่าเทพยักษ์ จอมเทพซิงเซี่ยงก็พูดกับเขาว่าการเดินทางครั้งนี้จะไม่ได้ตราเทพบรรพกาลมา
ยามนั้นจอมเทพเทียนฮ่าวหัวเสียอย่างมาก ตำหนักวิญญาณบรรพกาลแข็งแกร่งขนาดนี้ ไยจะรับมือพวกคนชั่วเผ่าเทพยักษ์ไม่ไหว จึงตัดสินใจว่าจะต้องช่วงชิงเอาตราเทพบรรพกาลมาให้ได้ แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ยังล้มเหลวอยู่ดี
“อะไรนะ คิดไม่ถึงว่าจอมเทพท่านนี้จะคาดเดาเอาไว้นานแล้ว!”
ทุกคนในตำหนักใจเต้นระรัวอีกครั้ง ผ่านไปเนิ่นนานกว่าจะสงบลง
ทุกคนมองประเมินผู้อาวุโสและผู้เยาว์ที่เยือกเย็นเกินจะเปรียบ แต่กลับมองไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น เหมือนว่าฝ่ายตรงข้ามจะเป็นจอมเทพ แต่ก่อนนี้พวกเขากลับไม่ได้สังเกต
“ข้าเสียเวลาเพราะเรื่องบางเรื่อง เรื่องที่ข้าให้เจ้าทำ จัดการเสร็จแล้วหรือ!”
จอมเทพซิงเซี่ยงระบายยิ้ม
“เรียบร้อยตั้งนานแล้ว เชิญ!”
จอมเทพเทียนฮ่าวพลันชันกายยืนขึ้น
ในตอนนี้ เกรงว่าเผ่าเทพยักษ์น่าจะเปิดคลังสมบัติบรรพชนไปนานแล้ว ตำหนักเทพโบราณต้องอาศัยจอมเทพซิงเซี่ยงกู้สถานการณ์กลับมา ต่อมา จอมเทพสองคนและผู้แข็งแกร่งทุกคนในตำหนักต่างก็ไปยังสถานที่ลับอีกแห่ง
ในมิติแยกเดี่ยวที่ว่างเปล่าแห่งหนึ่ง มีแท่นหินขนาดมโหฬาร บนแท่นหินมีค่ายกลที่สอดประสานเป็นโครงสร้างจากลำแสงสีเงิน บนค่ายกลมีระลอกแสงพร่างพราย ละม้ายเป็นทะเลดาว
“ในตอนที่เผ่าเทพยักษ์เปิดคลังสมบัติบรรพชน ข้าได้ทำตามคำสั่งของเจ้า จึงยืนยันตำแหน่งของคลังสมบัติบรรพชนได้แล้ว!”
จอมเทพเทียนฮ่าวหัวเราะชั่วร้าย
คลังสมบัติบรรพชนเป็นมิติโดดเดี่ยว ไร้ซึ่งร่องรอยใดๆ อาจสามารถไปปรากฏที่ตำแหน่งใดก็ได้ในพสุธาผืนนี้
ในขณะที่เผ่าเทพยักษ์เปิดคลังสมบัติบรรพชน พวกเขาใช้วิธีพิเศษบางอย่างยืนยันตำแหน่งของคลังสมบัติ
“เจ้ามีวิธีเปิดคลังสมบัติบรรพชนอีกครั้งจริงหรือ?”
จอมเทพเทียนฮ่าวถามหยั่งเชิง
ก่อนนี้เขาเองก็เป็นคนของตำหนักเทพโบราณ จึงพอจะรู้จักคลังสมบัติบรรพชนไม่น้อย คลังสมบัตินั้นไม่เพียงแต่เคลื่อนย้ายไปมาไม่แน่ชัด หนำซ้ำยังต้องเข้าไปด้านในผ่านอุโมงค์ที่ตราเทพบรรพกาลสร้างขึ้นเท่านั้น
และเปิดคลังสมบัติบรรพชนอีกครั้ง!
ผู้แข็งแกร่งจำนวนมากของตำหนักเทพโบราณจ้องผู้เยาว์และคนสูงวัยอย่างตกตะลึง
“ถึงแม้ว่ามิติแห่งนี้จะเปิดได้โดยตราเทพบรรพกาลเท่านั้น แต่ก็ไม่รู้ว่ามิติแห่งนี้ผ่านร้อนผ่านหนาวมากี่สิบล้านปี บวกกับภายในไม่มีคนควบคุม ดังนั้นตัวของมิติเองน่าจะมีช่องโหว่ไม่น้อย”
จอมเทพซิงเซี่ยงเอ่ยเสียงเรียบ
เมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย ทุกคนต่างรับรู้โดยทั่วกันว่าอีกฝ่ายมีหวังที่จะเปิดคลังสมบัติบรรพชนอีกครั้ง!
“หากจะพูดเรื่องความเข้าใจที่มีต่อมิติแห่งนี้ ต่อให้เป็นผู้อาวุโสของเผ่าเทพยักษ์ที่ครอบครองตราเทพบรรพกาลยังห่างชั้นกับข้านัก พวกเจ้าวางใจเถอะ!”
จอมเทพซิงเซี่ยงแย้มยิ้มด้วยท่าทางมั่นอกมั่นใจ
“จอมเทพซิงเซี่ยงล้อเล่นแล้ว เผ่าเทพยักษ์จะมาเทียบเคียงกับเจ้าได้อย่างไร!”
จอมเทพเทียนฮ่าวหัวเราะร่วน
ผู้แข็งแกร่งคนอื่นในที่นั้น ยิ่งได้ยินคำพูดของจอมเทพสองคนก็ยิ่งตกใจ!
จอมเทพซิงเซี่ยงที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นมาเป็นใครจากที่ไหนกันแน่? จึงทำให้จอมเทพเทียนฮ่าวเคารพนับถือถึงเพียงนี้ ทั้งยังสามารถสร้างทางเชื่อมเข้าไปในคลังสมบัติบรรพชนอีกครั้ง และยังบอกว่าเข้าใจคลังสมบัติบรรพชนมากกว่าเผ่าเทพยักษ์เสียอีก
พรึ่บ! จอมเทพซิงเซี่ยงเอาฐานแปดเหลี่ยมโลหะขนาดยักษ์ออกมา ด้านบนนั้นมีค่ายกลลับความลับสวรรค์ที่กางเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
รอบค่ายกลมีรูร้อยแปดรู สิ่งที่ผสานเข้าไปด้านในล้วนเป็นสมบัติล้ำค่าและอัญมณีที่หายากยิ่ง ตรงที่ใจกลางค่ายกลมีกลุ่มแสงสว่างเจิดจ้า ภายในมีระลอกพลังเทพสาดซัดออกมา ทำให้ทุกคนในที่นั้นไม่กล้ามองตรงๆ
“นี่คือผลึกเทพระดับสุดยอด ทรัพย์สมบัติที่ใช้ไปในการตั้งค่ายกลนี้ข้าคงไม่ต้องพูดเยอะ ถ้าหากภารกิจครั้งนี้ตำหนักวิญญาณบรรพกาลไม่ทำตามคำสั่งข้า พวกเจ้าต้องรับผิดชอบผลที่ตามมา!”
จอมเทพซิงเซี่ยงเอ่ยด้วยท่าทีเย็นชา
“ผลึกเทพระดับสุดยอด!” จอมเทพเทียนฮ่าวมองตาค้าง
ผลึกเทพระดับสุดยอดลึกลับ ไร้ร่องรอย มีจำนวนน้อยนิดไม่ต่างจากสิบเผ่าพันธุ์แรกในรายชื่อเลย เรียกได้ว่าเป็นสมบัติล้ำค่ายิ่งนัก
ผลึกเทพระดับสุดยอดที่ใจกลางค่ายกลดูไปแล้วเสียหายหนักมาก แต่มูลค่าของมันยังคงล้ำค่าเกินจะเปรียบเปรย
และคำว่า ‘รับผิดชอบผลที่ตามมาเอง’ ของจอมเทพซิงเซี่ยงก็ไม่ได้ทำให้คนหงุดหงิดและโมโห แต่กลับทำให้ต้องระมัดระวังเพิ่มมากขึ้น
“ตอนนี้ค่ายกลแห่งนี้ยังสามารถส่งผู้แข็งแกร่งที่มีพลังฝึกตนเทียบเท่ากับจอมเทพประมาณสิบคนเข้าไปในนั้น!” จอมเทพซิงเซี่ยงเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
เมื่อพูดจบ จอมเทพเทียนฮ่าวก็รีบเลือกสมาชิก สมาชิกระดับสูงทุกคนที่นี่ต่างก็แย่งกันเข้าไปภายใน ได้ยินมาว่าคลังสมบัติบรรพชนแห่งนั้นซุกซ่อนความลับที่ช่วยให้เลื่อนขึ้นเป็นจอมเทพได้
สำหรับผู้แข็งแกร่งขั้นเทพโบราณ ความหวังสูงสุดของของคนรุ่นนี้ก็คือทะลวงขั้นจอมเทพ ต่อให้ด้านในอันตรายมากขนาดไหน พวกเขาก็ยินดีที่จะเสี่ยงดู
จอมเทพเทียนฮ่าวเลือกครึ่งก้าวสู่จอมเทพสามคนที่เป็นลำดับแรกๆ ในตำหนักวิญญาณบรรพกาล ต่อมาเป็นเทพโบราณขั้นเก้าและขั้นแปดสุดยอด
“ศิษย์ของข้าจะเป็นผู้นำในครั้งนี้!”
จอมเทพซิงเซี่ยงโพล่งขึ้น
ทุกคนจึงมองไปที่ศิษย์ของจอมเทพซิงเซี่ยงเป็นตาเดียว ถึงแม้จะยังอายุน้อย แต่พลังฝึกตนเทียบเท่ากับเทพโบราณขั้นเก้า จากนั้นจอมเทพเทียนฮ่าวก็เลือกอีกคนมา
ในที่สุดกลุ่มสิบคนก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
“อวี่เหิง ออกเดินทางกันเถอะ!” จอมเทพซิงเซี่ยงกดเสียงต่ำ
……
คลังสมบัติบรรพชน
กลุ่มจ้าวเฟิงเดินทางภายในอย่างระแวดระวัง จนตอนนี้พวกเขาเดินทางอยู่ในคลังสมบัติบรรพชนมากว่าหนึ่งเดือน เพราะแรงกดดันจากเสวียนอ้าวเวลา จึงทำให้ทุกคนเดินทางไปได้อย่างเชื่องช้า หนำซ้ำสถานที่แห่งนี้ก็มีแรงกดดันต่อพลังจำพวกเคลื่อนย้ายมิติชั่วพริบตาต่างๆ
บวกกับที่นี่อันตรายอย่างมาก ทุกคนจึงไม่กล้าเคลื่อนย้ายซี้ซั้ว ดังนั้นระยะทางที่เดินทางกันมาตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาจึงไม่ได้ไกลมากนัก
“เฮ้อ ตราเทพบรรพกาลทำได้เพียงกะตำแหน่งเท่านั้น ไม่รู้จำนวนระยะทางที่แน่ชัด!”
ซินอู๋เหินถอนใจ
เดินทางมาเป็นเวลาเดือนหนึ่ง พวกเขาก็ยังไม่เจอสมบัติที่เผ่าเทพยักษ์ทิ้งเอาไว้ที่นี่เลย
“ดูด้านหน้านั่น!” จู่ๆ เทพโบราณหวาไฉ่ก็เอ่ยขึ้น
ยอดเขายักษ์สีดำขนาดใหญ่ที่ไกลลิบด้านหน้า ปกคลุมไปด้วยหมอกควันสีดำที่ลอยเอื่อยๆ
จ้าวเฟิงก็ค้นพบว่าเขตรอบนอกของยอดเขาสีดำมีทรัพยากรระดับต่ำที่อายุเก่าแก่จำนวนมาก
“ยอดเขาแห่งนี้ตั้งอยู่ในทิศที่ตราเทพบรรพกาลชี้มาพอดี คลังสมบัติบรรพชนของเผ่าเทพยักษ์อาจจะอยู่บนนั้นก็ได้?” เทพโบราณเฉิงอวิ๋นกล่าวเสียงต่ำ
ทุกคนเข้าไปใกล้ยอดเขาสีดำอย่างอดไม่ได้ ยิ่งเข้าไปใกล้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเห็นทรัพยากรล้ำค่าที่เติบโตขึ้นรอบบริเวณเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงขั้นที่บางครั้งก็อาจมีทรัพยากรชิ้นสองชิ้นที่ทำให้เทพโบราณขั้นแปดยังต้องอยากได้ แต่ครั้งนี้ทุกคนไม่ได้ผลีผลามลงมือ
เห็นได้ชัดว่า สถานที่แห่งนี้จะต้องเป็นขุมสมบัติแห่งหนึ่ง และต้องมีอันตรายแฝงอยู่ด้วยเช่นกัน
เมี้ยว! ในเวลานี้เองจู่ๆ เจ้าแมวขโมยน้อยก็ปรากฏตัวขึ้น ก่อนจะโบกกรงเล็บให้จ้าวเฟิง
จ้าวเฟิงทอดสายตาไปด้านหน้า ก่อนกระตุ้นความสามารถในการมองเห็น ทัศนวิสัยจึงมองเห็นได้ไกลยิ่งกว่าประสาทสัมผัสเทพ
“รีบหนีเร็ว!” จ้าวเฟิงตะโกนทันที
“มีเรื่องอะไรกัน?” ซินอู๋เหินถามทันควัน
“ฝูงปีศาจ ในภูเขาดำแห่งนี้เป็นที่อยู่ของฝูงปีศาจ!”
จ้าวเฟิงเอ่ยต่อ
ทันทีที่ทุกคนได้ยินก็ต่างตกใจจนตัวชา
ความแข็งแกร่งของปีศาจที่นี่เหนือกว่าที่โลกภายนอกมากนัก สาเหตุหนึ่งในนั้นก็เพราะเสวียนอ้าวเวลา
หนึ่งเดือนก่อนนี้ ทุกคนเผชิญหน้ากับปีศาจมาไม่น้อย ทุกตนควบคุมเสวียนอ้าวเวลาได้เป็นอย่างดี
ในตอนนี้พวกเขากำลังเข้าใกล้ฝูงปีศาจฝูงหนึ่ง!
“ไป!” ทุกคนไม่พูดพร่ำทำเพลง รีบหนีไปทันที
เสวียนอ้าวเวลาแข็งแกร่งเกินไป ถ้าหากถูกพวกฝูงสัตว์ปีศาจเพ่งเล็งแล้วละก็ ทุกคนคงยากจะหนีรอดไปได้
“ภูเขานั่นอันตรายเกินไป หวังว่าคลังสมบัติจะไม่อยู่ด้านบนนั้น!”
ซินอู๋เหินสูดลมหายใจลึก ก่อนจะอ้อมภูเขาทมิฬและเดินทางต่อไป
ยิ่งทุกคนเผชิญกับสิ่งต่างๆ มากมายมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งหวาดกลัวคลังสมบัติบรรพชนมากขึ้น ต่อให้พวกเขาเป็นถึงเทพโบราณ ถ้าหากไม่ระมัดระวังก็อาจตายที่นี่
หลังจากอ้อมหุบเขาแล้ว ทิศทางที่ตราเทพบรรพกาลชี้ก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ทุกคนนึกยินดี จากนั้นออกเดินทางต่อไป ทันใดนั้นเอง แสงสีขาวบนตราเทพบรรพกาลก็เรืองรองขึ้นมา
“ใกล้ถึงคลังสมบัติของเผ่าเทพยักษ์แล้ว!” ซินอู๋เหินเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
ถึงแม้ว่าในคลังสมบัติบรรพชนจะเต็มไปด้วยสิ่งของมีค่า แต่ก็ยังเสี่ยงเกินไปอยู่ดีส่วนคลังสมบัติที่เผ่าเทพยักษ์ทิ้งเอาไว้ ไม่เป็นอันตรายต่อพวกเขาที่อยู่ในเผ่าเทพยักษ์อยู่แล้ว ไม่นาน เบื้องหน้าทุกคนปรากฏเป็นกำแพงเมืองสีเหลืองเข้มขนาดใหญ่โตเกินจะเปรียบ
“คลังสมบัติเผ่าเทพยักษ์!” เทพโบราณหวาไฉ่เอ่ยด้วยความดีใจ คิดไม่ถึงเลยว่าไม่ไกลจากภูเขาดำจะเป็นคลังสมบัติของเผ่าเทพยักษ์ แค่ได้ครอบครองสมบัติทั้งหมดในคลังสมบัติก็จะบรรลุภารกิจของพวกเขา สามารถไปสู้หน้าคนในเผ่าได้แล้ว
“มีบางอย่างไม่ชอบมาพากลนัก!” จู่ๆ จ้าวเฟิงก็เปิดปากเอ่ย
จากการสังเกตโดยดวงตาซ้ายของเขา รอบๆ คลังสมบัติที่เผ่าเทพยักษ์สร้างขึ้นมีร่องรอยประหลาดจำนวนมาก และยังมีกลิ่นอายผสมปนเปหลงเหลืออยู่ หลังจากเข้าไปใกล้ๆ จ้าวเฟิงก็มองเห็นสภาพการณ์ภายในได้อย่างชัดเจน หน้าเปลี่ยนสีไปทันที
“คลังสมบัติของเผ่าเทพยักษ์เหมือนจะถูกพวกปีศาจยึดครองเอาไว้แล้ว!”
จ้าวเฟิงบอกข่าวที่ทำให้พวกเผ่าเทพยักษ์ตกตะลึงราวมีสายฟ้าฟาดลงกลางใจ