บทที่ 1362 สร้างความแตกแยก
ในกลุ่มตำหนักสีดำเหนืออากาศ
“สำเร็จแล้ว!” สีหน้าจอมเทพเทียนฮ่าวฉายแววยินดี
ก่อนนี้เขายังกังวลว่าค่ายกลส่งข้ามแห่งนี้จะมีปัญหาอะไรหรือไม่ ทั้งยังแนะให้ทดลองกับสัตว์อสูรก่อน แต่ศิษย์ของจอมเทพซิงเซี่ยงก้าวเข้าไปในค่ายกลเป็นคนแรก และขจัดข้อกังวลของเขาไป
อย่างไรเสีย จอมเทพซิงเซี่ยงไม่มีทางเอาชีวิตศิษย์ตนมาเสี่ยงแน่
หนำซ้ำทุกครั้งที่เคลื่อนย้ายคนยังสิ้นเปลืองพลังจำนวนมหาศาล หลังจากส่งคนทั้งสิบลุล่วงแล้ว ค่ายกลส่งข้ามก็เสียหายไปบางส่วน
“หลังจากที่ศิษย์ข้าเข้าไปภายในจะวางค่ายกลตอบสนองเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มอัตราส่วนการขนส่งของค่ายกลนี้ และลดการใช้พลังลง แต่พลังของค่ายกลส่งข้ามนี้ถูกใช้ไปเกือบหมดแล้ว หนำซ้ำยังเสียหายไปบางส่วน ทางที่ดีที่สุดคืออย่าใช้เคลื่อนย้ายอีกเป็นรอบที่สอง!”
จอมเทพซิงเซี่ยงเอ่ยเรียบๆ
ตอนแรกซินอู๋เหินก็พาคนเข้าไปภายในสี่คน หนำซ้ำพลังฝึกตนไม่ถึงขั้นเก้าทั้งหมด ตามหลักเหตุผลแล้วกลุ่มของตำหนักวิญญาณบรรพกาลน่าจะบดขยี้อีกฝ่ายได้อยู่แล้ว
ในเวลาเดียวกัน จอมเทพซิงเซี่ยงก็ตกลงสู่ห้วงความคิด
ยามเพิ่งทำการเคลื่อนย้าย จู่ๆ เขาก็รู้สึกได้ว่ากฎเกณฑ์แห่งศาสตร์โชคชะตาที่ลึกซึ้งแทรกแซงเข้ามา
ในดินแดนเทพรกร้าง คนที่ลึกซึ้งในศาสตร์โชคชะตากว่าเขามีไม่มากนัก
“หรือว่าจะเป็นพวกนั้น?” แววตาจอมเทพซิงเซี่ยงลุ่มลึกยิ่งขึ้น
อันที่จริงแล้ว ตอนเขาเดินทางมาถึงที่นี่ก็รู้สึกได้ถึงพลังโชคชะตาไร้รูปร่างกลุ่มหนึ่งที่กำลังรบกวนเขา ดังนั้นเขาจึงมาช้ากว่าเวลาที่คาดเอาไว้ในตอนแรกมาก
คนที่เหลือรอบบริเวณต่างตกตะลึงกับวิชาที่ทรงพลังของจอมเทพซิงเซี่ยง
ตำหนักวิญญาณบรรพกาลแค่รับผิดชอบเรื่องตำแหน่งที่ตั้งของคลังสมบัติบรรพชน แต่จอมเทพซิงเซี่ยงกลับหาช่องโหว่เข้าไปได้อย่างรวดเร็วผ่านเรื่องนี้ หนำซ้ำยังสามารถสร้างอุโมงค์เคลื่อนย้ายเข้าไปภายใน
ณ คลังสมบัติบรรพชน
อวี่เหิงและพวกตำหนักวิญญาณบรรพกาลโผล่มาที่กลางอากาศเหนือป่าไม้แห่งหนึ่ง
“ที่นี่คือคลังสมบัติบรรพชนของเผ่าเทพยักษ์หรือ?”
“แรงกดดันรุนแรงเหลือเกิน!”
ทั้งหมดต่างรู้สึกไม่สบายตัว พากันบ่นไปตามๆ กัน มีเพียงอวี่เหิงศิษย์ของจอมเทพซิงเซี่ยง อยู่ๆ บนใบหน้าที่สงบราบเรียบก็เผยรอยยิ้มน้อยๆ
“แบ่งกันเป็นสามกลุ่ม เป้าหมายคือตามหาตราเทพบรรพกาล!”
อวี่เหิงเปิดปากเอ่ย
อาณาเขตของมิติแห่งนี้กว้างใหญ่ไพศาลยิ่ง จะเรียกว่า ‘คลังสมบัติ’ ไม่ได้ด้วยซ้ำบวกกับแรงกดดันของมิติ อยากจะหาคนภายในนั้นไม่ง่ายเลย
ครึ่งก้าวสู่จอมเทพสามคนสีหน้ายุ่งยากเล็กน้อย
พวกเขามาที่นี่เพราะเห็นแก่ความลับที่จะช่วยให้ขึ้นเป็นจอมเทพ ทว่ายามนี้กลับต้องมาฟังคำสั่งของเทพโบราณขั้นเก้าผู้หนึ่ง แต่พวกเขาได้เห็นบุคคลเบื้องหลังอวี่เหิงแล้ว จอมเทพซิงเซี่ยงไม่เพียงแต่มีวิชาสูงส่ง ขนาดจอมเทพเทียนฮ่าวยังยำเกรงเขาอยู่ส่วนหนึ่ง
ในที่สุด คนทั้งสิบของตำหนักวิญญาณบรรพกาลก็แบ่งออกเป็นสามกลุ่มเรียบร้อย แต่ละกลุ่มจะนำโดยครึ่งก้าวสู่จอมเทพคนหนึ่ง
“นี่คือข้อมูลแผนที่ของที่นี่ แต่สถานการณ์จริงกับในแผนที่อาจแตกต่างกันมาก อย่างไรก็ผ่านมาเนิ่นนานแล้ว…”
อวี่เหิงเอาแผนที่ขนาดใหญ่ออกมา
แผนที่นี้ง่ายดายมาก เป็นแค่โครงสร้างคร่าวๆ เท่านั้น จากนั้นจึงทำสัญลักษณ์ไว้บนพื้นที่ที่อันตรายเป็นพิเศษเอาไว้
เมื่อมองไป ทุกคนก็พบว่าสัญลักษณ์ของพื้นที่อันตรายมีมากกว่าสี่ห้าสิบจุด!
แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนตื่นตกใจก็คือ อวี่เหิงมีแผนที่ของที่นี่ด้วย
……
ทางฟากของเผ่าเทพยักษ์ ก็เข้าไปใกล้คลังสมบัติของเผ่าเทพยักษ์อย่างช้าๆ
คนอื่นนอกจากจ้าวเฟิงค่อยๆ สังเกตเห็นร่องรอยเหล่านั้น แสดงชัดว่าคำพูดของจ้าวเฟิงไม่ผิด ที่นี่ถูกปีศาจยึดครองแล้วจริงๆ
“เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร ถูกฝูงสัตว์อสูรยึดครองไปหมดแล้ว!”
ใบหน้าเทพโบราณหวาไฉ่ฉายแววสิ้นหวังเล็กน้อย
“ผ่านมานานจนเกินไป ปราการป้องกันคลังสมบัติของเผ่าเทพยักษ์อ่อนลงไปทีละน้อย จนถูกสัตว์อสูรโจมตีและยึดครอง…” ซินอู๋เหินถอนหายใจ
คลังสมบัติของเผ่าเทพยักษ์ถูกยึดครอง สำหรับพวกเขาแล้วเป็นแรงกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงทีเดียว ถ้าได้ครอบครองทรัพยากรทั้งหมดในที่แห่งนั้น เผ่าเทพยักษ์ก็จะผงาดขึ้นมาแข็งแกร่งได้ในระยะเวลาสั้นๆ แต่ตอนนี้ ตามคำบอกเล่าของจ้าวเฟิง ภายในน่าจะมีปีศาจยี่สิบกว่าตัว
ปีศาจขั้นเก้าน่าจะมีเพียงแค่สองตัวโดยประมาณ โดยผู้นำในนั้นอยู่เหนือกว่าขั้นเก้าทั่วไป
ฝูงปีศาจที่น่ากลัวพวกนั้น ถึงพวกเขาจะร่วมมือกันงัดไพ่ตายออกมาใช้ทั้งหมด ก็อาจต้องตายลงที่นี่
หนำซ้ำปีศาจชำนาญเสวียนอ้าวมิติ หากทุกคนตัดสินใจบุกเข้าไปจะไม่มีทางถอยหนีได้เลย
“หากเป็นเช่นนี้ พวกเราคงทำได้เพียงไปรวบรวมทรัพยากรที่อื่นแล้ว!”
ซินอู๋เหินครุ่นคิดหาวิธีแก้ไขปัญหาในทันที
ถึงแม้ว่าสถานที่นี้มีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์และล้ำค่า แต่การไปรวบรวมทรัพยากรจากทุกที่ย่อมเทียบไม่ได้กับทรัพยากรในคลังสมบัติของเผ่าเทพยักษ์อยู่แล้วอีกทั้งทรัพยากรส่วนของมากที่นี่เป็นเสวียนอ้าวมิติ ทว่าสิ่งที่เผ่าเทพยักษ์ต้องการก็คือทรัพยากรเพิ่มพลังและขั้นพลังในระยะเวลาสั้นๆ
นอกจากนั้น การเที่ยวเก็บทรัพยากรไปทั่วจะต้องเผชิญหน้ากับอันตรายที่ไม่อาจล่วงรู้ได้จำนวนมาก
“ก็ใช่ว่าจะไม่มีวิธี!” ในตอนนี้เอง จู่ๆ เสียงจ้าวเฟิงก็ดังขึ้น
ร่างทุกคนสั่นเทิ้ม พากันมองไปที่จ้าวเฟิง
“ด้วยพลังของพวกเรา จะบุกเข้าไปในคลังสมบัติของเผ่าเทพยักษ์ก็เหมือนเอาไข่กระทบหินจริงๆ แต่พวกเราสามารถอาศัยพลังอื่นได้!”
จ้าวเฟิงบอกความคิดตนเองออกไป
เทพโบราณเฉิงอวิ๋นมองเขาตาเขียวทันใด “ปีศาจที่นี่เคืองแค้นผู้มาเยือนมากเพียงใด ก่อนนี้เจ้าก็เคยเห็นแล้ว พวกมันจะมาช่วยเราได้อย่างไร?”
“เจ้าโง่งมเกินไปแล้ว ยุแยงให้แตกแยก ยืมมีดฆ่าคน ทำกันไม่เป็นหรือ?”
จ้าวเฟิงยิ้มแย้มน้อยๆ ท่าทางไม่ค่อยแยแส
สีหน้าเทพโบราณเฉิงอวิ๋นพลันชะงักไป ส่วนคนอื่นเองก็เข้าใจอย่างแจ่มแจ้งเมื่อจ้าวเฟิงเอ่ย
“ยอดเขาดำก่อนหน้านี้เป็นที่ตั้งของฝูงสัตว์อสูรพอดี!”
ซินอู๋เหินตระหนักได้ถึงแผนการของจ้าวเฟิง
“พวกเจ้าจะบอกว่าให้ใช้พลังของฝูงปีศาจอีกกลุ่มหนึ่งมาข่มฝูงปีศาจในคลังสมบัติ จากนั้นพวกเราก็ลอบเข้าไปเพื่อชิงทรัพยากรหรือ!” เทพโบราณหวาไฉ่ทำหน้าตื่นตะลึง
ถึงแม้จะวางแผนไว้ดีมาก แต่ในทันทีที่เกิดข้อผิดพลาดขึ้น ทุกคนจะเผชิญหน้ากับการล้อมสังหารจากฝูงสัตว์อสูรสองกลุ่ม และต้องตายอย่างแน่นอน
“จ้าวเฟิง เจ้าคงจะมีวิธีกระมัง!”
ซินอู๋เหินคาดเดา
ตามความเข้าใจของเขา จ้าวเฟิงไม่ค่อยทำเรื่องที่ไม่มีหวัง
“เจ้าแมวขโมยน้อย ถึงตาเจ้าออกโรงแล้ว!”
จ้าวเฟิงเอ่ยกับแมวขโมยสีเทาเงินบนบ่า
‘เจ้าแมวตัวนี้เป็นสัตว์อะไรกันแน่?’
ซินอู๋เหินแอบพึมพำอย่างแปลกใจ
ยามอยู่ในดินแดนทวีป เจ้าแมวขโมยน้อยตัวนี้ก็อยู่เคียงข้างจ้าวเฟิง ในตอนนั้นเขาอ่านเจ้าแมวขโมยน้อยไม่ทะลุปรุโปร่ง และตอนนี้ก็ยิ่งอ่านไม่ขาดมากขึ้น
เมี้ยว เมี้ยว! เจ้าแมวขโมยตกปากรับคำอย่างจำใจ จากนั้นจึงทำทีเหมือนแบกรับภาระใหญ่หลวง
เปรี๊ยะ! เจ้าแมวขโมยน้อยเข้าใจแผนการของจ้าวเฟิง มันโผกระโจนออกมา อำพรางกายในความว่างเปล่า ก่อนค่อยๆ คืบคลานเข้าใกล้คลังสมบัติของเผ่าเทพยักษ์
“เป็นวิชาข้ามมิติที่ลึกล้ำนัก!” เทพโบราณพั่วเยวี่ยตื่นตกใจ
“เจ้าแมวตัวนั้นเหมือนไม่ได้รับแรงกดดันจากที่นี่เลย!”
ซินอู๋เหินเพิ่งสังเกตเห็นจากท่าทางเมื่อครู่ของเจ้าแมว
จ้าวเฟิงพยักหน้าห เจ้าแมวขโมยตัวน้อยไม่ได้รับแรงกดดันของที่นี่จริง นี่ทำให้เขาอิจฉาอยู่บ้าง เแมวความลับสวรรค์ตัวนี้มีความลับอะไรกันแน่ถึงได้พิเศษขนาดนี้แต่ก็เป็นเพราะจุดนี้เอง เขาถึงให้เจ้าแมวขโมยน้อยออกหน้า
ก้าวแรกของแผนการคือให้มันล่อสัตว์อสูรที่อยู่ลำพังตัวหนึ่งออกมา
หลังจากเจ้าแมวขโมยน้อยออกไปนานแล้ว ทันใดนั้นจ้าวเฟิงก็ชันกายขึ้น ทุกคนรีบตามไปติดๆ
“หยุดเดี๋ยวนี้ เจ้าแมวป่า!”
เสือยักษ์สีเงินที่ดุร้ายป่าเถื่อนตัวหนึ่งไล่ตามเจ้าแมวขโมยน้อยมา
เสือยักษ์สีเงินเป็นอสูรในขั้นแปด ชำนาญเสวียนอ้าวเวลา กลับยังคงถูกเจ้าแมวขโมยน้อยกลั่นแกล้งจนหัวหมุน
“ดี เจ้าแมวขโมยน้อยล่ออสูรตัวหนึ่งมาได้สำเร็จ!”
จ้าวเฟิงยิ้มน้อยๆ
ในตอนที่เสือยักษ์สีเงินอยู่ไกลจากคลังสมบัติมากแล้ว พวกจ้าวเฟิงก็พลันทะยานออกมา
“พวกมนุษย์?”
เสือยักษ์สีเงินสังเกตเห็นทันใด จึงเตรียมจะวิ่งหนีไป อย่างไรเสียจำนวนคนของฝ่ายตรงข้ามก็มีมาก ทั้งยังมีกลิ่นอายของคนผู้หนึ่งถึงขั้นเก้า แต่ในเวลานี้เอง แมวขโมยน้อยตวัดสองกรงเล็บ สำแดงเสวียนอ้าวผนึกที่แก่กล้ากลุ่มหนึ่งออกมาผนึกพลังของเสือยักษ์ไว้
เดิมทีเสือยักษ์สีเงินมีพลังขั้นแปดเท่านั้น จึงถูกพวกจ้าวเฟิงไล่ตามมาจนทัน
“หยุดมันเอาไว้!” จ้าวเฟิงตะโกนลั่น
พวกเผ่าเทพยักษ์ล้อมเสือยักษ์สีเงินเอาไว้ในวงล้อม และลงมือโจมตีวิญญาณไม่หยุด
“ตราผนึกดวงใจทมิฬ!”
ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงก่อตัวขึ้นเป็นตราประทับแสงสายฟ้าตราหนึ่ง และตีตราลงไปในพริบตา
“ดี ขั้นแรกสำเร็จแล้ว!” จ้าวเฟิงเอ่ยเสียงต่ำ
หลังจากเอาชนะอสูรตัวนี้แล้ว จ้าวเฟิงจึงเข้าใจจึงฝูงอสูรในคลังสมบัติละเอียดขึ้น
ต่อมา จ้าวเฟิงใช้อสูรตนหนึ่งล่อลวงอสูรสองตนออกมาได้อย่างสบายๆ โดยที่ในนั้นมีขั้นแปดสุดยอดอยู่ด้วย
ตอนนี้จ้าวเฟิงกำราบอสูรเสือเงินไปสามตัวแล้ว
“ดี ตอนนี้พวกเราไปปั่นป่วนฝูงสัตว์อสูรอีกกลุ่มกัน!”
จ้าวเฟิงเผยรอยยิ้มได้ใจ
“เจ้าเล่ห์นัก!” เทพโบราณหวาไฉ่อดอุทานไม่ได้
ไม่นานนัก พวกจ้าวเฟิงก็มาถึงละแวกใกล้เคียงยอดเขาสีดำขนาดยักษ์
จ้าวเฟิงควบคุมอสูรเสือเงินสามตัวให้บุกเข้าไปสังหารอสูรด้านใน และยังพูดจาเย่อหยิ่งโอหัง
ในตอนแรกฝูงสัตว์อสูรในยอดเขาดำไม่ตอบสนองแม้แต่น้อย แต่เมื่อถูกยั่วยุจากเสือเงินหลายๆ ครั้งเข้า ในที่สุดมันก็อดโมโหไม่ได้ จึงส่งอสูรที่แข็งแกร่งออกมา เพื่อเตรียมไปสืบสาวเรื่องราวจากฝูงอสูรในคลังสมบัติ
ก่อนหน้านี้จ้าวเฟิงควบคุมอสูรเสือเงินสามตัวให้กลับเข้าไปในคลังสมบัติของเผ่าเทพยักษ์
“ท่านหัวหน้า ฝูงอสูรในยอดเขาดำทำร้ายพวกเรา และยังสังหารพรรคพวกของเราด้วย!”
“พวกมันยังบอกว่าจะบุกเข้ามาไม่ช้าก็เร็ว เมื่อสังหารเสืออ่อนแออย่างท่านแล้วจะยึดครองอาณาเขตเรา!”
จ้าวเฟิงให้อสูรเสือเงินสองตัวนั้นโอดครวญกับผู้นำตน
“มีแบบนี้ที่ไหนกัน!” เสือยักษ์ลายสีเงินเข้มประหลาด ในดวงตาฉายแววชั่วร้ายและไม่นานนัก อสูรในภูเขาดำก็มาถึง ฝูงอสูรเสือเงินตรงดิ่งมาสังหารพวกมันทันที
เดิมทีอุปนิสัยของอสูรที่นี่ก็ชั่วร้ายโหดเหี้ยมจึงยุแยงได้ง่ายดาย เรื่องราวรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ไม่ถึงหนึ่งเดือน ฝูงอสูรสองฝูงก็เริ่มสู้รบกัน
ตรงกลางระหว่างภูเขาสีดำและคลังสมบัติ ฝูงสัตว์อสูรสองกลุ่มเข้าโรมรันกัน
“เจ้าบอกว่าข้าเป็นเสือป่วยกระเสาะกระแสะ ก็ให้ข้าได้เห็นสักหน่อย ว่างูอ้วนอย่างเจ้าจะเก่งกล้าสักเพียงไหน!”
เสือเงินตัวนั้นคำรามขึ้นฟ้า เข้าห้ำหั่นสังหารกับงูสีเขียวเงินขนาดยักษ์ตัวหนึ่ง ทั้งสองมีพลังฝึกตนขั้นเก้าสุดยอด กำลังรบทรงพลัง โดยเฉพาะเสวียนอ้าวเวลาที่สูงส่งลึกล้ำ ทำให้คนอื่นๆ เห็นการกระทำของพวกมันไม่ชัดเจน และหากเข้าไปใกล้ก็จะเหมือนเข้าไปในโลกที่เชื่องช้า ก้าวเดินลำบาก
“ลงมือได้!” จ้าวเฟิงเอ่ยเสียงต่ำ
จากนั้นจ้าวเฟิงและพวกซินอู๋เหินก็เข้าไปใกล้คลังสมบัติอย่างรวดเร็ว
พลังซินอู๋เหินลึกล้ำสูงส่ง ส่วนจ้าวเฟิงชำนาญการแฝงกาย ยากจะถูกพวกอสูรที่เฝ้าคลังสมบัติสังเกตเห็น
พวกเทพโบราณหวาไฉ่เดินทางจากไป รับผิดชอบรับมือ ส่วนเจ้าแมวขโมยน้อยกลับอยู่ที่สนามรบบริเวณใกล้เคียง เมื่ออสูรกลับมาจ้าวเฟิงถึงจะสังเกตเห็นในทันที
“ฝั่งนี้!” ซินอู๋เหินส่งเสียงบอก
ที่นี่คือคลังสมบัติที่เผ่าเทพยักษ์สร้างขึ้น โครงสร้างภูมิศาสตร์และการจัดวาง เขาชัดเจนแจ่มแจ้งอย่างยิ่ง
ส่วนจ้าวเฟิงมองเห็นโครงสร้างของคลังสมบัติแห่งนี้โดยการมองทะลุผ่าน มันคล้ายคลึงกับแผนที่เล็กๆ ของรูปภาพที่สลักเอาไว้ในตราเทพบรรพกาลไม่มีผิดเพี้ยน