Skip to content

King of Gods 1366

King Of Gods

บทที่ 1366 รายชื่อบรรพกาลสิบลำดับแรก

“ไปหาทรัพยากรเสวียนอ้าวเวลาชั้นยอดมาก่อนแล้วกัน ถ้าหากพวกเราบรรลุเสวียนอ้าวเวลาพอควรแล้ว พลังทั้งหมดก็จะเพิ่มขึ้นมากไปด้วย!”

ซินอู๋เหินแนะนำ

เมื่อระดับพลังฝึกตนถึงขั้นเทพโบราณ จะบรรลุเสวียนอ้าวเวลาให้เข้าขั้นก็ง่ายดายอย่างมาก

แต่หากไม่มีพรสวรรค์ในด้านนี้ก็ยังยากจะยกระดับได้ สำหรับผู้แข็งแกร่งขั้นเทพโบราณแล้ว เสวียนอ้าวเวลาขั้นต่ำไม่มีประโยชน์อะไรมากนัก ใช้ในสถานการณ์จริงไม่ได้

แต่ทว่า ในตอนที่ทุกคนเพิ่งโผล่หน้าออกมาไม่นาน ประสาทสัมผัสเทพแก่กล้าก็กวาดผ่านสถานที่แห่งนี้มาจากที่ไกลๆ

สีหน้าทุกคนเปลี่ยนไปพร้อมกัน

“แย่ล่ะ นั่นหน่วยค้นหาของฝูงอสูรเสือเงิน!”

จากประสาทสัมผัสเทพของฝ่ายตรงข้าม ทุกคนจึงย้อนรอยกลับไปค้นหา จนแน่ใจในลักษณะของผู้ครอบครองประสาทสัมผัสเทพ

ถึงแม้ว่าฝ่ายตรงข้ามจะเป็นแค่เทพโบราณขั้นแปดทั่วไป แต่สังเกตเจอพวกจ้าวเฟิงจะต้องแจ้งอสูรตนอื่นแน่

“รีบไป!” ทุกคนไม่พูดพร่ำทำเพลง เลือกที่จะหนีไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน

ก่อนนี้พวกเขาหลอกฝูงอสูรทั้งสองให้ลงมือกับผู้แข็งแกร่งขั้นครึ่งก้าวสู่จอมเทพ

เรื่องผ่านมายาวนานขนาดนี้ ทั้งสองฝ่ายจะต้องรู้ชัดเจนแล้วแน่นอน

ต่อให้ไม่เข้าใจอะไรมากนัก พวกจ้าวเฟิงก็ขโมยทรัพย์สินในคลังสมบัติไป ฝูงอสูรเสือเงินไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปแน่

กริ๊ง กริ๊ง!

เจ้าแมวขโมยน้อยโยนเหรียญทองแดงโบราณออกมา ก่อนจะชี้บอกทิศทาง

ซินอู๋เหินเข้าใจในความสามารถของเจ้าแมวเป็นอย่างดี เขารีบพาทุกคนหนีไปตามทางที่มันชี้ให้

แต่อันที่จริง อสูรเสือขาวตัวนั้นก็แค่ลาดตระเวนไปมา เพราะพวกมันล้มหายตายจาก ดวงวิญญาณของฝูงอสูรเสือเงินบาดเจ็บสาหัส หากในเวลานี้มีศัตรูจากภายนอกลอบเข้ามาโจมตี พวกมันจะตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย

ภายในคลังสมบัติเผ่าเทพยักษ์

“เฮ้อ เจ้าพวกหัวขโมยทั้งหลาย!”

เสือยักษ์สีเงินถอนหายใจติดต่อกัน

ฝูงอสูรล้มตาย ตัวเขาเองก็ยิ่งบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้การรีบฟื้นฟูอาการบาดเจ็บเป็นเรื่องเร่งด่วน

ในขณะนี้เอง กลิ่นอายทรงพลังหลายสายก็ตรงดิ่งไปที่คลังสมบัติ กลิ่นอายที่เทียบเท่า ‘ครึ่งก้าวสู่จอมเทพ’ ในนั้นมีถึงสอง

“เจ้ามนุษย์!” เสือยักษ์สีเงินเปลี่ยนสีหน้า

ในบรรดาเงาร่างคนทั้งหก สามคนในนั้นก็คือพวกเทพโบราณอวี้ห่ายที่พวกมันเคยไล่ล่าสังหารมาก่อนหน้านี้

กลิ่นอายแข็งแกร่งทั้งหกสายมาเยือนคลังสมบัติของเผ่าเทพยักษ์ในพริบตา ทำให้อสูรเสือเงินในคลังสมบัติแต่ละตนรู้สึกราวเจอศัตรูผู้แข็งแกร่ง

วูบ วูบ!

อสูรเสือเงินทั้งหมดต่างเผยตัวออกมา มองคนทั้งหกที่กลางอากาศด้วยท่าทีเตรียมพร้อม

“เจ้ามนุษย์ พวกเจ้ามีกำลังคนมากมาย ข้ายอมแพ้แล้ว คลังสมบัตินี่ข้ายกให้พวกเจ้า!”

เสือยักษ์สีเงินขั้นเก้าสุดยอดเอ่ยด้วยท่าทีไม่ยินยอมนัก

เขายังนึกว่าคนพวกนี้สนใจคลังสมบัติที่มันยึดครองอยู่

“เทพโบราณอวี้ห่าย นี่เจ้าโดนขั้นเก้าสุดยอดที่อ่อนปวกเปียกนั่นรังแกจนมีสภาพแบบนี้หรือ?”

ผู้อาวุโสในชุดคลุมยาวสีครามเข้มหลุดหัวเราะ

“ท่านผู้อาวุโส ตอนนั้นฝูงอสูรสองฝูงร่วมมือกันต่างหากเล่า!”

เทพโบราณขั้นเก้าผู้หนึ่งออกตัวแทนเทพโบราณอวี้ห่าย

ผู้อาวุโสในชุดคลุมสีครามเข้มผู้นั้นก็คือเทพโบราณเมี่ยหลิว (กระแสธารแห่งความวินาศ) ผู้เป็นครึ่งก้าวสู่จอมเทพอีกคนของตำหนักวิญญาณบรรพกาล ว่ากันยามเยาว์วัยเขาและเทพโบราณอวี้ห่ายเป็นเพื่อนรักกันมาก่อน แต่เพราะเกิดไปแย่งชิงสมบัติกันในขณะที่ไปสำรวจมิติลึกลับ เลยมีความแค้นต่อกัน

“ก่อนหน้านี้ข้าเจอร่องรอยตราเทพบรรพกาลที่นี่ เสียดายก็แต่ถูกฝูงอสูรทั้งสองทำให้เสียเรื่อง จนพวกซินอู๋เหินหนีไปได้!”

เทพโบราณอวี้ห่ายมีสีหน้าบึ้งตึง เขาไม่สนใจเทพโบราณเมี่ยหลิว แต่พูดกับอวี่เหิงแทน

ดวงตาสองข้างของอวี่เหิงเปล่งประกายน้อยๆ ก่อนจะหยักนิ้วทำสัญลักษณ์มือ

เนิ่นนานจากนั้นเขาก็ลืมตาลุ่มลึกขึ้น ทว่าไม่พูดอะไร

‘ข้ามีเบาะแสอยู่แท้ๆ กลับไม่สามารถค้นหาตำแหน่งของพวกมันได้!’

อวี่เหิงนึกสงสัยในใจ รู้สึกว่าเรื่องนี้มีอะไรบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากล

หากอาจารย์เขาอยู่ที่นี่ด้วย คงจะสังเกตเห็นพลังของศาสตร์โชคชะตาที่ลึกล้ำกลุ่มหนึ่งส่งผลกระทบต่อการอนุมานของอวี่เหิง

“สังหารให้หมด อย่าทิ้งร่องรอยอะไรเอาไว้!” จู่ๆ อวี่เหิงก็เปิดปาก บนใบหน้าหล่อเหลามีรอยยิ้มประดับ

เผ่าวิญญาณบรรพกาลชำนาญศาสตร์วิญญาณ หลังจากที่กลืนกินวิญญาณของคู่ต่อสู้แล้วจะได้รับข้อมูลและความทรงจำทั้งหมดมา

“ถ้าพวกเจ้าต้องการสมบัติ พวกเรายกให้ก็ได้ แต่หากยังดึงดันจะลงมือทำร้ายเผ่าข้า พวกเราก็ไม่ปล่อยให้เจ้ารอดไปสบายๆ แน่!”

เสือยักษ์สีเงินพลันตะโกน พลังชั่วร้ายชวนเขย่าขวัญระเบิดออกทั่วร่าง ส่วนอสูรเสือเงินที่เหลือเองก็มีสีหน้าโกรธเกรี้ยวเช่นกัน เตรียมจะใช้ชีวิตเข้าแลก หากต่อสู้กันขึ้นมาจริงๆ ฝั่งที่เสียเปรียบต้องเป็นพวกมันอยู่แล้ว แต่ยามนี้พวกมันไม่มีวิธีอื่นๆ แล้ว ทำได้เพียงแค่คุกคามฝ่ายตรงข้ามเท่านั้น หากพวกมนุษย์ลงมือ พวกมันก็สามารถโจมตีโดยการฆ่าตัวตายแทน!

การคุกคามจากอสูรเสือเงินทำให้คนจากตำหนักวิญญาณบรรพกาลลังเลใจ

ถ้าหากไม่ระวัง การระเบิดตัวตายของขั้นเก้าสุดยอดจะสังหารได้กระทั่งครึ่งก้าวสู่จอมเทพ นับประสาอะไรกับเทพโบราณอวี้ห่ายที่บาดเจ็บอยู่

“ฝูงมดปลวก ยังคิดจะสู้อีก!” อวี่เหิงหัวเราะน้อยๆ แล้วยืนขึ้นทันใด

“เขาคิดจะทำอะไร?” เทพโบราณอวี้ห่ายและเทพโบราณเมี่ยหลิวจ้องอวี่เหิงด้วยท่าทีไม่ค่อยเข้าใจ

เหตุที่พวกเขาเชื่อฟังคำพูดของอวี่เหิง ไม่ใช่เพราะความสามารถของอีกฝ่าย แต่เป็นเพราะว่าจอมเทพซิงเซี่ยงที่อยู่เบื้องหลัง

ด้วยพลังระดับเทพโบราณขั้นเก้าของอวี่เหิง ถ้าหากไม่ระมัดระวัง อาจจะถึงขั้นถูกอสูรเสือเงินลอบสังหารได้

แต่ในวินาทีต่อมา ร่างอวี่เหิงก็สาดซัดกลิ่นอายสายเลือดบรรพกาลแผ่พวยพุ่งไปรอบทิศทาง

เปรี๊ยะ! ระลอกคลื่นสีทองเส้นสายหนึ่งหมุนวนทั่วร่างอวี่เหิง จนสอดประสานกันเป็นรูปลักษณ์ของเทพมารบรรพกาล

ในเวลาเดียวกัน เลือดในร่างของฝูงอสูรเสือเงินก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันหนักหน่วง ความรู้สึกแบบนี้เหมือนกับว่าอวี่เหิงในตอนนี้เป็นดั่งบรรพชนของพวกมัน อสูรแทบทุกตนต่างทรุดตัวแผ่ราบไปกับพื้น ร่างกายและวิญญาณสั่นไหวไม่หยุด มีเพียงแค่อสูรขั้นเก้าสองตนเท่านั้นที่จ้องอวี่เหิงเขม็งด้วยใบหน้าหวาดกลัว

ไม่เพียงเท่านั้น คนของตำหนักวิญญาณบรรพกาลด้านหลังอวี่เหิงต่างก็รู้สึกถึงแรงกดดันจากสายเลือดบรรพกาลที่แข็งแกร่งเกินจะเปรียบเช่นกัน

ครึ่งก้าวสู่จอมเทพแห่งตำหนักวิญญาณบรรพกาลผู้นั้นรู้สึกกระทั่งว่าสายเลือดเผ่าตนไม่สามารถไหลเวียน ร่างกายไม่อาจกลายเป็นกายวิญญาณโบราณได้

“นี่มัน…สายเลือดประเภทใดกันแน่!”

เทพโบราณอวี้ห่ายสั่นเทิ้ม เขาจ้องอวี่เหิง ในใจตื่นตระหนกอย่างยิ่ง

ถึงจะเผชิญหน้ากับเผ่าเทพยักษ์ เขาก็ยังไม่เคยรู้สึกเช่นนี้

หากพูดแบบนี้ สายเลือดในร่างอวี่เหิงจะต้องเป็นสิบอันดับแรกในรายชื่อสายเลือดบรรพกาล ถึงทำให้เขารู้สึกว่าน่าจะอยู่ในลำดับต้นๆ!

รายชื่อบรรพกาลสิบลำดับแรก เป็นดั่งเรื่องราวในตำนานของดินแดนเทพรกร้าง อวี่เหิงผู้นี้มีสายเลือดประเภทไหนกันแน่?

“สังหารให้สิ้น!”

อวี่เหิงกดเสียงต่ำ

ผู้แข็งแกร่งของตำหนักวิญญาณบรรพกาลหน้าตื่น พยักหน้ากันระรัว ก่อนจะพุ่งทะยานไป

ส่วนฝูงอสูรเสือเงิน เมื่อโดนกดดันจากสายเลือดอันสูงส่งของอวี่เหิง ก็ยากจะเกิดความคิดต่อต้าน และถึงต่อต้านกำลังรบก็ลดลงไปอยู่ดี

จนสุดท้าย อสูรเสือเงินก็โดนสังหารยกฝูง

ความทรงจำในดวงวิญญาณของพวกมันถูกยอดฝีมือจากตำหนักวิญญาณบรรพกาลเก็บสะสมเอาไว้

“มีข้อมูลเมื่อไม่กี่วัน พวกซินอู๋เหินเคยปรากฏกายขึ้นที่นั่น…”

เทพโบราณขั้นเก้าผู้หนึ่งบอกข่าวที่ตนเองหาได้กับทุกคน

ทว่าข้อมูลของพวกจ้าวเฟิงก็มีน้อยนิดเพียงแค่นี้เท่านั้น

“แยกย้าย ค้นหาต่อได้เรื่องอย่างไรแล้วจงบอกข้า!”

อวี่เหิงเอ่ยเสียงเรียบ

“คลังสมบัตินี้…”

แววตาเทพโบราณอวี้ห่ายมองคลังสมบัติแห่งนั้น

ในตอนนี้ฝูงอสูรเสือเงินถูกไล่ล่าสังหาร ในคลังสมบัติว่างเปล่าไร้ผู้คน

คลังสมบัติที่ล้ำค่าเช่นนี้ ถ้าทิ้งเอาไว้ที่นี่ก็นับว่าเสียของมาก

“ก็ดี ให้เวลาพวกเจ้าครึ่งก้านธูปแล้วกัน!”

เมื่ออวี่เหิงเพิ่งพูดจบ คนของตำหนักวิญญาณบรรพกาลก็กรูเข้าไปในคลังสมบัติ

มีแค่อวี่เหิงคนเดียวเท่านั้นที่ลอยอยู่กลางอากาศ ทอดสายตามองออกไปไกลๆ เหมือนกำลังค้นหาอะไรอยู่

เวลาครึ่งก้านธูปผ่านไป คนของตำหนักวิญญาณบรรพกาลก็ออกจากคลังสมบัติ

อวี่เหิงเลือกสิ่งของที่ตนเองต้องการมาจากทุกๆ คน ครึ่งก้าวสู่จอมเทพสองคนก็ไม่ได้ขัดแต่อย่างใด

……

หลังจากที่พวกจ้าวเฟิงหนีไปได้ระยะหนึ่งแล้วก็หยุดพัก

“เจ้าแมวตัวนี้พึ่งพาอาศัยได้จริงๆ พวกเราน่าจะกำลังเดินทางไปแถวคลังสมบัติบรรพชน!”

เทพโบราณหวาไฉ่ชื่นชมเจ้าแมวขโมยตัวน้อย

ในคลังสมบัติบรรพชนไม่รู้วันคืน ผืนฟ้าขมุกขมัว ประสาทสัมผัสเทพและทัศนวิสัยก็โดนขัดขวาง จนไม่สามารถแยกแยะทิศทางไหนได้ แต่ตลอดทางที่ทุกคนผ่านมา พบว่าต้นไม้รอบบริเวณอายุยิ่งเก่าแก่ยืนยาว มีทรัพยากรล้ำค่าปรากฏขึ้นบ้างเป็นครั้งคราว ต่างมีอายุเกือบจะสิบล้านปี ดังนั้นเทพโบราณหวาไฉ่ถึงคาดเดาว่าพวกเขากำลังเข้าไปใกล้อาณาเขตด้านใน

“ด้านหน้ามีสิ่งปลูกสร้าง!” จ้าวเฟิงพลันเปิดปากเอ่ย

ทุกคนไม่สงสัยแม้แต่น้อย รู้จักกันมานานขนาดนี้แล้ว พวกเขาเข้าใจในพลังสายเลือดดวงตาของจ้าวเฟิงอย่างมาก

“หรือว่าเป็นขั้วอำนาจอสูรที่นี่?” เทพโบราณพั่วเยวี่ยคาดเดา

“สิ่งปลูกสร้างของเผ่าความลับสวรรค์!”

จ้าวเฟิงตั้งสติจ้องอย่างละเอียดครู่หนึ่ง แล้วจึงเอ่ย

“เผ่าความลับสวรรค์?” คนอื่นที่เหลือต่างตกตะลึง

ทำไมมิติแห่งนี้จึงมีสิ่งปลูกสร้างของเผ่าความลับสวรรค์ได้?

คนส่วนมากของเผ่าเทพยักษ์คิดว่าจอมเทพของเผ่าตนเป็นผู้สร้างคลังสมบัติบรรพชน

“ทุกท่าน ที่จริงแล้วผู้อาวุโสของเผ่าเทพยักษ์ได้ตราเทพบรรพกาลมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ จากนั้นจึงเปิดมิติแห่งนี้ สืบทอดต่อกันมาเป็นรุ่นๆ จึงเรียกว่า ‘คลังสมบัติบรรพชน’!”

ซินอู๋เหินเล่าเรื่องที่รู้เฉพาะผู้แข็งแกร่งขั้นจอมเทพในเผ่าเทพยักษ์ให้ทุกคนฟัง

ถ้าตราเทพบรรพกาลมีความเกี่ยวข้องกับเผ่าความลับสวรรค์ มิติแห่งนี้จะไปเกี่ยวข้องกับเผ่าความลับสวรรค์ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้

“ว่ากันว่าเผ่าความลับสวรรค์แบ่งมรดกหลักออกเป็นจำนวนยิบย่อย ทั้งใหญ่และน้อย กระจัดกระจายอยู่ทั่วผืนพสุธา หรือว่ามิติแห่งนี้ก็เป็นหนึ่งในมรดกแยกย่อยของเผ่าความลับสวรรค์?”

เทพโบราณเฉิงอวิ๋นเอ่ยเดา

ถ้าเป็นเช่นนี้ มรดกแห่งนี้จะต้องเป็นมรดกระดับสูงมากของเผ่าความลับสวรรค์

“ข้าเองก็ไม่รู้ชัดเจนในจุดนี้ ในตอนแรกข้าเคยถามพบรรพชนของเผ่าเทพยักษ์ กระทั่งเขาเองก็ยังไม่มีคำตอบที่แน่ชัดให้ข้า!”

ซินอู๋เหินส่ายศีรษะพลางเอ่ย

จากนั้นทุกคนค่อยๆ เข้าไปใกล้สิ่งปลูกสร้างของเผ่าความลับสวรรค์

อย่างแรก มรดกเผ่าความลับสวรรค์เย้ายวนใจอย่างมากอยู่แล้ว เคล็ดวิชาของเผ่าความลับสวรรค์จำนวนมากอาจถึงขั้นเปลี่ยนชะตาของขั้วอำนาจได้ รองลงมา ทุกคนเองก็อยากจะรู้ประวัติความเป็นมาที่ชัดเจนของมิติแห่งนี้ให้ได้

ระดับขั้นมิติแห่งนี้สูงมากโดยไม่ต้องสงสัย ต่อให้เป็นครึ่งก้าวสู่จอมเทพก็ยังต้องแบกรับแรงกดดันเอาไว้ และความแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นในมิติแห่งนี้ อสูรทั้งหมดชำนาญเสวียนอ้าวเวลา ทรัพยากรประเภททต่างๆ ล้วนแต่มีเสวียนอ้าวเวลาเป็นหลัก

ไม่นาน สิ่งปลูกสร้างเหล็กกล้าขนาดใหญ่ก็ปรากฏสู่สายตาทุกคน

เมี้ยว! เจ้าแมวขโมยน้อยโบกกรงเล็บ

“มีอันตรายอะไรหรือ?” สีหน้าจ้าวเฟิงชะงักไป

ทางนี้มันเป็นคนนำมามิใช่หรือ หลังจากพามาถึงที่นี่แล้วทำไมถึงเพิ่งมาบอกว่าอันตราย

เจ้าแมวขโมยน้อยรีบอธิบาย มันก็แค่นำทุกคนมาทางนี้ ไม่ได้จะให้เข้าไปในสิ่งปลูกสร้าง

จ้าวเฟิงกำลังจะบอกเจตนาของเจ้าแมวขโมยน้อยให้คนอื่นๆ ฟัง

ทันใดนั้นเอง เทพโบราณเฉิงอวิ๋นก็ร้องอย่างตื่นตระหนก “นั่นมัน ‘หน่อไม้แสงจันทร์’ ว่ากันว่าต้องการเวลายี่สิบล้านปีเป็นอย่างน้อย จึงจะสร้างทรัพยากรฝึกศาสตร์เวลาออกมาได้”

เห็นเพียงบริเวณกำแพงสิ่งปลูกสร้างมีหน่อไม้เปล่งแสงสีขาวสว่าง ในตอนที่ทุกคนมองไปก็เกิดรู้สึกเหมือนมีมิติทับซ้อนกันไปมา

“ว่ากันว่าหน่อไม้แสงจันทร์แฝงไปด้วยแก่นสำคัญของเวลาที่ละเอียดยิบย่อย เป็นหนึ่งในสมบัติหลายชิ้นที่ล้ำค่า ใช้ตอนฝึกฝนเสวียนอ้าวเวลา หลังจากใช้แล้วจะช่วยเพิ่มความสามารถในการบรรลุเสวียนอ้าวเวลาด้วย…”

ทรัพยากรล้ำค่าที่จะใช้ฝึกเสวียนอ้าวเวลาระดับนี้ เป็นสมบัติในฝันของผู้ฝึกฝนเสวียนอ้าวเวลา ล้ำค่าจนหาไม่ได้ในโลกภายนอก

ร้อยปีก่อนนี้ ส่วนหนึ่งของดินแดนเทพรกร้างเคยมีข่าวว่ามีทรัพยากรเช่นนี้เกิดขึ้น ทำให้ผู้แข็งแกร่งที่ฝึกฝนเสวียนอ้าวเวลาจำนวนมากแถวนั้นต่างกรูไปที่นั่น ขนาดจอมเทพยังออกหน้าลงมือด้วยตนเอง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version