Skip to content

King of Gods 1369

King Of Gods

บทที่ 1369 หินหยกเทวะ

“บัดซบ! นี่มันกับดักกลไกเผ่าความลับสวรรค์…”

เสียงเกรี้ยวกราดดังลอดออกมา คนทั้งสามหยุดการกระทำที่อุกอาจ แล้วขัดขวางการเผาผลาญของเพลิงทมิฬที่น่ากลัวนั้นไว้

“นี่มันเพลิงอะไรกัน?” เทพโบราณขั้นแปดสุดยอดของตำหนักวิญญาณบรรพกาลร้องอย่างตื่นตระหนก

เพลิงดำทมิฬสามารถดูดซึมพลังในร่างพวกเขามาเพิ่มระดับความร้อนที่เผาผลาญได้ เพลิงกลุ่มนี้ยังส่งผลต่อชั้นวิญญาณอีกด้วย

เขาที่มีพลังฝึกตนต่ำที่สุดในกลุ่มคนตำหนักวิญญาณบรรพกาลจึงทรมานที่สุด

โครม! ทางฝั่งเทพโบราณอวี้ห่ายสาดซัดพลังเทพเสวียนอ้าวธาตุน้ำที่แข็งแกร่งออกมา ดับเพลิงสีดำจนมอดไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อจัดการทุกสิ่งเรียบร้อยแล้ว เขาจึงรีบไปช่วยสมาชิกอีกสองคนแก้วิกฤตอันตราย

“คิดไม่ถึงเลยว่าแมวตัวนั้นจะมีความสามารถขนาดนี้?”

ใบหน้าเทพโบราณอวี้ห่ายฉายแววสงสัย

เดิมทีประวัติความเป็นมาของสิ่งปลูกสร้างนี้ก็ยาวนานมาก สิ่งของรวมไปถึงกับดักกลไกภายในหยุดทำงานไปแล้ว แต่การกระทำเมื่อครู่ของเจ้าแมวขโมยกลับกระตุ้นกับดักกลไกบางส่วน หากพวกเขาต้องการจะบุกเข้าไปภายในเรื่อยๆ จะต้องพบเจอกับอุปสรรคต่างๆ

“เจ้ามนุษย์ ตายเสีย!”

และในตอนนี้ เสียงคำรามก็ดังขึ้น

หลังจากเสียง ‘ฟุ่บ’ ก็เห็นเพียงลำแสงสีขาวหลายสายตรงเข้าไปใกล้คนจากตำหนักวิญญาณบรรพกาลสามคน พวกมันกลายเป็นปีศาจตัวเล็กที่เปล่งแสงสีขาวเป็นประกาย โบกกรงเล็บทั้งสองตวัดลำแสงสีขาวออกมาหลายเส้นสาย

“พวกนี้นี่มันอะไรกันแน่?”

เทพโบราณขั้นแปดสุดยอดของตำหนักวิญญาณบรรพกาลขมวดคิ้ว

พวกเขาเพิ่งเคยเจอปีศาจประเภทนี้เป็นครั้งแรก แล้วฝ่ายตรงข้ามยังโจมตีพวกเขาอย่างไม่สนใจสิ่งใด เห็นได้ชัดว่ามันขาดสติหรือไม่ก็เป็นเพราะจิตมาร

“สิ่งมีชีวิตโง่เง่า!”

สีหน้าเทพโบราณอวี้ห่ายเย็นชา ในขณะที่โบกฝ่ามือก็ส่งคลื่นสีดำทมิฬออกมา

คลื่นสีดำนั้นมีขนาดใหญ่ยิ่ง สาดซัดกระหน่ำออกไปรอบบริเวณ

ปีศาจร้ายเพียงแค่ว่องไวปราดเปรียว พลังฝึกตนก็ยังต่ำต้อยอย่างมาก ไหนเลยจะต้านทานการโจมตีของครึ่งก้าวสู่จอมเทพได้

“อ๊าก…” เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นไม่หยุด ปีศาจร้ายตายลงทั้งหมดทันใด

“ท่านผู้อาวุโส ทำอย่างไรกันดี?”

เทพโบราณขั้นเก้าจากตำหนักวิญญาณบรรพกาลเอ่ยถาม หากพวกเขาบุกต่อไปเรื่อยๆ ย่อมต้องเจออุปสรรคอีกมากมายแน่

ความคิดของเขาในตอนนี้ก็คือเรียกอวี่เหิงมา

จอมเทพซิงเซี่ยงศึกษามรดกและอารยธรรมของเผ่าความลับสวรรค์มาก่อน อวี่เหิงที่เป็นศิษย์ของเขาก็คงจะจัดการกับดักกลไกที่นี่ได้

“พวกมันถูกกักตัวเอาไว้ที่นี่ พวกเราเองก็อย่ารีบร้อนนักเลย ค่อยๆ จัดการค่ายกลไป ก็น่าจะสามารถสังหารพวกมันและทำภารกิจให้สำเร็จไปพร้อมกันได้!”

เทพโบราณอวี้ห่ายเอ่ยทันใด

ถ้าหากติดต่อพวกอวี่เหิง ไม่ใช่เป็นการบอกหรอกหรือว่าตนเองพบพวกซินอู๋เหินอีกครั้งแต่กลับถูกฝ่ายตรงข้ามจู่โจมจนรับมือไม่ทัน

ในฐานะที่เป็นครึ่งก้าวสู่จอมเทพ กลับถูกซินอู๋เหินและเทพโบราณขั้นแปดผู้หนึ่งร่วมมือกันจนเอาชนะได้ นี่เป็นเรื่องที่น่าขายหน้าที่สุดในชีวิตเขา

หากว่าเทพโบราณเมี่ยหลิวศัตรูคู่แค้นของเขาล่วงรู้เรื่องนี้ ต้องเหน็บแนมเขาไปอีกหลายร้อยหลายพันปีแน่ แต่ขอแค่สังหารพวกซินอู๋เหิน แล้วช่วงชิงเอาตราเทพบรรพกาลกลับมาได้ เรื่องทั้งหมดนี้ก็จะเหมือนไม่เคยเกิดขึ้น

“พอดีเลย พวกเราก็ต้องการเวลาเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บด้วย!”

เทพโบราณอวี้ห่ายเอ่ยต่อ

“ผู้อาวุโสพูดได้ถูกนัก จนถึงตอนนั้นต่อให้พวกมันมีปีกก็ยากจะบินหนีไปได้!”

เทพโบราณขั้นเก้าระบายยิ้ม

ทุกคนล้วนแต่มีความต้องการส่วนตัว พวกเขาก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ต่างต้องการได้รับความดีความชอบแต่เพียงผู้เดียว

ทั้งสามคนจากตำหนักวิญญาณบรรพกาลถูกกับดักกลไกของเผ่าความลับสวรรค์ขวางเอาไว้

พวกเผ่าเทพยักษ์เองก็มองเห็นในจุดนี้เช่นกัน

“เคล็ดวิชาความลับสวรรค์!”

ซินอู๋เหินที่อยู่รั้งท้ายเห็นทุกสิ่งได้อย่างชัดเจน

ที่นี่มีความเป็นมายาวนานอย่างยิ่ง สิ่งของรวมไปถึงกับดักกลไกต่างหยุดทำงานไปแล้ว แต่เมื่อครู่เจ้าแมวขโมยน้อยกลับกระตุ้นปราการกลไกพวกนั้นขึ้นอีกครั้ง

ต้องรู้ว่า ถึงซินอู๋เหินชำนาญเคล็ดวิชาความลับสวรรค์ ก็ไม่สามารถกระตุ้นกลไกของเผ่าความลับสวรรค์ได้ในเวลาสั้นๆ เช่นนี้ ทำให้เห็นว่าความสามารถของเจ้าแมวขโมยน้อยไม่ธรรมดานัก

“คิดไม่ถึงเลยว่าแมวตัวนี้จะเก่งกาจถึงเพียงนี้!”

แววตาเทพโบราณเฉิงอวิ๋นตะลึงไปเล็กน้อย

ทว่าท่าทีของเทพโบราณพั่วเยวี่ยกลับดีขึ้นเล็กน้อย ก่อนนี้เขายังเคยเห็นเจ้าแมวขโมยสำแดงพลังสายเลือดเผ่าวิญญาณบรรพกาลออกมา จนสามารถเอาชนะอสูรวิญญาณของเผ่าวิญญาณบรรพกาลได้

ไม่นาน ทุกคนก็หนีออกจากส่วนลึกใต้ดินของสิ่งปลูกสร้างแห่งนี้

“ตอนนี้พวกเราควรจะทำอย่างไรกันดี?” เทพโบราณหวาไฉ่ถามขึ้น

จากเหตุการณ์เมื่อครู่ ต่อให้พวกเขาหนีไปในตอนนี้ก็อาจถูกสามคนของตำหนักวิญญาณบรรพกาลตามมาทันอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ว่าในวินาทีนี้ พวกเขาหลบอยู่ที่นี่ก็ไม่มีอันตรายใดๆ

แต่ก็เท่ากับว่าพวกเขาถูกกักตัวเอาไว้ที่นี่ คนของตำหนักวิญญาณบรรพกาลคงจะมาถึงไม่ช้าก็เร็ว พอถึงตอนนั้นจะทำอย่างไร?

“อย่างน้อยพวกเราก็ยังไม่ตาย ยังพอมีเวลาขบคิดวางแผน ยังพอมีความเป็นไปได้ที่จะมีชีวิตรอดต่อไป!”

ซินอู๋เหินเอ่ยเสียงราบเรียบ

“อย่าเพิ่งคุยกันเลย จัดการพวกปีศาจแถวนี้ก่อน!”

จ้าวเฟิงกวาดสายตาดูรอบๆ แล้วจึงเอ่ยขึ้น

จากนั้นทุกคนจึงร่วมแรงกันสังหารปีศาจร้ายทั้งหมดในพื้นที่เล็กๆ แห่งนี้

“เอา ‘หน่อไม้แสงจันทร์’ ออกมาแบ่งกันเถอะ!”

เทพโบราณเฉิงอวิ๋นมองเจ้าแมวขโมยตัวน้อยบนบ่าจ้าวเฟิง

ถึงแม้ว่าก่อนนี้ทุกคนตกลงกันเอาไว้แล้วว่าพวกเขาจะไม่ก้าวก่ายสมบัติที่จ้าวเฟิงเจอ

แต่การได้ ‘หน่อไม้แสงจันทร์’ มานั้น เผ่าเทพยักษ์เองก็ลงแรงไปไม่น้อย ยิ่งไปกว่านั้นสมบัติชิ้นนี้ยังล้ำค่าขนาดนี้อีกด้วย

เมี้ยว เมี้ยว!

แมวขโมยน้อยไม่ยอมหยิบหน่อไม้แสงจันทร์ออกมา

“หน่อไม้แสงจันทร์นี้มีสามท่อน ข้าขอท่อนหนึ่งก็แล้วกัน!”

เมื่อจ้าวเฟิงเอ่ยจบก็มองพวกเผ่าเทพยักษ์

“ตกลง แบ่งแบบนี้ก็ได้!”

พวกเทพโบราณเฉิงอวิ๋นชะงักไปชั่วครู่ และเห็นด้วยอย่างรวดเร็ว

ถ้าหากแบ่งกันตามแรงที่ลงไป จ้าวเฟิงและซินอู๋เหินขัดขวางอวี้ห่าย เจ้าแมวขโมยเด็ดหน่อไม้แสงจันทร์มา ดังนั้นตามหลักเหตุผลแล้วจ้าวเฟิงควรจะได้สองท่อน

ทว่าตอนนี้จ้าวเฟิงต้องการเพียงท่อนเดียวเท่านั้น พวกเขาย่อมยินดีอย่างยิ่ง ไม่มีใครรู้ว่าจ้าวเฟิงมีพลังเนตรเทพลอกแบบ สามารถคัดลอกทรัพยากรได้

ระดับขั้นของหน่อไม้แสงจันทร์สูงส่งจนเกินไป หากคัดลอกทั้งท่อนจะสิ้นเปลืองพลังมากจนเกินไป หรืออาจล้มเหลว ดังนั้นที่เขาต้องการเพียงแค่ท่อนเดียวก็เพื่อเพิ่มสัดส่วนในการคัดลอกสำเร็จ

หลังจากแบ่งหน่อไม้แสงจันทร์แล้ว แววตาของทุกคนก็จ้องทรัพยากรที่งอกเงยในมิติแห่งนี้

พรึ่บ พรึ่บ!

ต่างคนต่างแยกย้ายกันลงมือ

ถึงแม้มิติแห่งนี้จะเล็กมาก แต่ส่วนลึกใต้ดินมีทรัพยากรมากมาย ระดับขั้นก็สูงส่งมากด้วยเช่นกัน

“หญ้าจันทราขาว ไม่เพียงแต่เป็นทรัพยากรฝึกฝนเสวียนอ้าวเวลา ยังสามารถหล่อเลี้ยงวิญญาณ ชะล้างจิตวิญญาณด้วย…”

เทพโบราณเฉิงอวิ๋นร้องตกใจ ย้ายหินยักษ์ก้อนหนึ่งออกไป ก่อนจะเด็ดสมุนไพรรูปทรงจันทร์เสี้ยวชิ้นหนึ่งออกมา

ทรัพยากรที่นี่เป็นประเภทเสวียนอ้าวเวลาเป็นหลัก แต่ก็มีทรัพยากรประเภทอื่นๆ ด้วย

คนของเผ่าเทพยักษ์ตื่นเต้นไม่น้อย สำรวจรอบบริเวณและเด็ดทรัพยากรทั้งหมดที่เห็นเก็บไว้

“หืม? ทำไมเจ้าเด็กนั่นไม่ขยับเลย…”

เทพโบราณเฉิงอวิ๋นปรายตามองจ้าวเฟิง แต่กลับเห็นว่าอีกฝ่ายยืนนิ่งอยู่กับที่

ครุ่นคิดไปมา เทพโบราณเฉิงอวิ๋นก็คิดว่าอาจจะเป็นเพราะคนของเผ่าเทพยักษ์มาค่อนข้างมาก จ้าวเฟิงรู้สึกว่าไม่มีหวังที่จะได้ครอบครองทรัพยากรล้ำค่า จึงไม่ทำอะไรทั้งสิ้น

แต่ทันใดนั้น จ้าวเฟิงก็เริ่มขยับตัว เขาเดินไปที่กำแพงหักพังฝั่งหนึ่ง ฟาดฝ่ามือลงไปจนกำแพงเป็นรู

แสงสีมรกตสุกสกาวส่องออกมาจากด้านในทันใด

ฟิ้ว! จ้าวเฟิงล้วงเข้าไปเอาหินขนาดเท่าไข่ห่านออกมา ภายในยังมีแสงสว่างสีมรกตหมุนวน ทั้งยังสาดซัดไอหนาวออกมาจางๆ

“หินหยกเทวะ!” เมื่อเทพโบราณเฉิงอวิ๋นเห็นหินสีมรกตชิ้นนี้ก็อุทานออกมา

“คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นหินชิ้นนี้ เป็นแก่นหินเทพที่พิเศษมาก ภายในมีแก่นสารสำคัญของฟ้าดินจำนวนมหาศาล สามารถเพิ่มความมั่นคงให้กับรากฐานเทพ เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับพลังฝึกตนของเทพโบราณ…”

เทพโบราณพั่วเยวี่ยเองก็ปรายตามองมา สีหน้าตกใจมาก ถึงแม้พวกเขาจะเก็บเกี่ยวได้มาก แต่มูลค่าที่พอเทียบเคียงกับหินหยกเทวะได้มีอยู่แค่ไม่กี่ชิ้น

เมื่อเก็บหินนั้นเข้าไปในมิติเก็บของแล้ว จ้าวเฟิงก็กวาดตามองรอบๆ อีกครั้ง

ของจำพวกเสวียนอ้าวเวลามีหน่อไม้แสงจันทร์แล้ว เขาจึงไม่จำเป็นต้องแย่งชิงทรัพยากรที่ใช้ฝึกฝนเสียนอ้าวเวลาประเภทอื่นๆอีก นอกเสียจากว่าจะมีสิ่งของที่ระดับสูงกว่าหน่อไม้แสงจันทร์

ดังนั้นจ้าวเฟิงจึงไม่รีบร้อนลงมือ แต่สำรวจก่อน เขาค้นหาสิ่งของที่เหมาะสมกับตนเองหรือไม่ก็ทรัพยากรที่ตนเองยังไม่มี

หินหยกเทวะชิ้นนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้น มันสามารถชะล้างร่างกายและสายเลือด เพิ่มพลังฝึกตน และสรรสร้างพลังเทพ

ไม่นานนักจ้าวเฟิงก็เริ่มทำบางอย่างอีกครั้ง

เขาเดินตรงไปด้านหลังอุปกรณ์กลไกชิ้นหนึ่งที่ด้านหลัง จากนั้นส่งหมัดใส่มัน

โครม! อุปกรณ์กลไกชิ้นนั้นถูกจ้าวเฟิงทำลายทิ้ง ทำให้มองเห็นผลไม้สองลูกบริเวณมุมกำแพง

“หมากพันใบ!” ใบหน้าจ้าวเฟิงฉายแววยินดี

ถึงแม้หมากพันใบจะเป็นทรัพยากรเสวียนอ้าวมิติเช่นกัน แต่ภายในยังแฝงเสวียนอ้าวเวลาไว้ด้วย จึงเป็นทรัพยากรฝึกเสวียนอ้าวเวลาที่ระดับขั้นค่อนข้างสูง

ถึงแม้มูลค่าของทรัพยากรชิ้นนั้นจะด้อยกว่าหินหยกเทวะ แต่เสวียนอ้าวมิติเป็นพลังเสวียนอ้าวที่ทุกคนเคยลองฝึกฝน และทรัพยากรชิ้นนี้ยังแฝงพลังเสวียนอ้าวมิติด้วย ย่อมล้ำค่ากว่าทรัพยากรประเภทเวลาระดับเดียวกันไม่น้อย

“บัดซบ เจ้านี่เลือกเอาแต่ของดีๆ ไปหมด!”

ยามนี้ เทพโบราณเฉิงอวิ๋นย่อมเข้าใจความคิดของจ้าวเฟิง ไม่ร้องขออะไรมากมายนัก แต่ขอแค่ของสำคัญๆ เท่านั้น

ส่วนผลเก็บเกี่ยวของเจ้าแมวขโมยก็อุดมสมบูรณ์อย่างยิ่ง

ผ่านไปไม่นานเท่าไหร่ มิติแห่งนี้ก็ถูกเก็บกวาดสำรวจจนหมด ถึงแม้ว่าจำนวนคนของเผ่าเทพยักษ์มีค่อนข้างมาก จึงทำให้จำนวนได้มามีมาก แต่หากนับเรื่องมูลค่าอาจจะเทียบไม่ได้กับของที่จ้าวเฟิงและเจ้าแมวขโมยตัวน้อยได้มา

ส่วนเทพโบราณหวาไฉ่และเทพโบราณเฉิงอวิ๋นก็ต้องการแลกเปลี่ยนหมากพันใบและหินหยกเทวะที่จ้าวเฟิงได้มาเมื่อครู่ แต่ของที่พวกเขาเอาออกมา จ้าวเฟิงไม่ต้องการแม้แต่น้อย ดังนั้นจึงปฏิเสธไป

เมื่อการสำรวจทรัพยากรเสร็จสิ้นแล้ว ทุกคนจึงเริ่มคิดเรื่องอื่น

“กว่าคนจากตำหนักวิญญาณบรรพกาลจะบุกมาถึงก็ยังมีเวลาเหลือ ถ้าหากระหว่างนั้นพวกเราทุกคนพอเพิ่มพลังขึ้นมา ก็อาจจะรับมือกับพวกนั้นได้!”

เมื่อซินอู๋เหินพูดจบก็ทรุดกายนั่งลง

“ท่านอู๋เหินพูดถูก!”

เทพโบราณพั่วเยวี่ยเองก็นั่งขัดสมาธิทันที หยิบเอาทรัพยากรที่หาได้แล้วเข้าไปอยู่ในสภาวะฝึกตน

อันที่จริงจ้าวเฟิงก็คิดเช่นนี้

ฟิ้ว! เขาเข้าไปชุดคลุมมิติและเริ่มฝึกตน

ส่วนเจ้าแมวขโมยตัวน้อยก็ทำตามคำสั่งของจ้าวเฟิง ไปจัดการกับดักกลไกรอบมิติแห่งนี้ พยายามยื้อเวลาของพวกตำหนักวิญญาณบรรพกาลไปอีก

ทางฟากเทพโบราณหวาไฉ่เองก็เริ่มฝึกฝน มีเพียงเทพโบราณเฉิงอวิ๋นที่เที่ยวค้นหาทรัพยากร

เมื่อออกจากมิติแห่งนี้ เทพโบราณเฉิงอวิ๋นมาถึงด้านหน้าอุปกรณ์จำนวนมาก

อุปกรณ์เหล่านี้หยุดทำงานนานแล้ว ดูได้จากฝุ่นละอองหนาที่จับบนพื้นผิว

เทพโบราณเฉิงอวิ๋นมาด้านหน้าของหลอดผลึก ภายในหลอดผลึกมีทรัพยากรล้ำค่าจำนวนมาก แต่ว่าเหี่ยวแห้งไปหมดแล้ว และในทันใดนั้นเอง ด้านล่างของทรัพยากรจำนวนมากก็มีแสงสว่างอ่อนๆ เรืองรองออกมา

เพราะมีการขวางกั้นของหลอดผลึก และการบดบังจากทรัพยากร จึงทำให้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

“หรือว่าในนี้มีของล้ำค่าอะไรอยู่?” เทพโบราณเฉิงอวิ๋นใจเต้นระรัว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version