บทที่ 1370 จิตมาร
เมื่อเข้าไปในชุดคลุมมิติ จ้าวเฟิงลองคัดลอก ‘หน่อไม้แสงจันทร์’ เป็นอย่างแรก
แน่นอน ถ้าไม่ใช่เพราะอยู่ในชุดคลุมมิติทำให้มีเวลาเหลือเฟือ จ้าวเฟิงคงไม่กล้าคัดลอกสมบัติชิ้นอื่นๆ ในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานนี้
หน่อไม้แสงจันทร์ท่อนนี้ล้ำค่าอย่างมาก ระดับที่คุณสมบัติสอดคล้องอยู่เหนือกว่าพลังฝึกตนของจ้าวเฟิงมาก จะคัดลอกก็ยากเย็นยิ่ง
อีกทั้งการใช้ ‘เนตรเทพลอกแบบ’ จะสิ้นเปลืองพลังดั้งเดิมในลูกกลมสีเงินมายาไป ทั้งวิญญาณและพลังดวงตาของจ้าวเฟิงก็หมดพลังไปค่อนข้างมาก
ซึ่งก็พูดได้ว่า ในตอนที่คัดลอกหรือหลังคัดลอก พลังของจ้าวเฟิงจะอยู่ในช่วงอ่อนแอ
หลังจากที่เริ่มคัดลอกหน่อไม้แสงจันทร์แล้ว จ้าวเฟิงเอาทรัพยากรฝึกฝนเสวียนอ้าวเวลาชิ้นอื่นออกมา ยกตัวอย่างเช่นบุปผากาลเวลาที่ธรรมดาที่สุด และยังมีสิ่งของชิ้นอื่นๆ เป็นต้น
ระดับขั้นของทรัพยากรเหล่านี้ เมื่อเทียบกับทรัพยากรฝึกตนประเภทเวลาซึ่งปรากฏที่นี่จะอยู่ในระดับต่ำกว่าเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นจ้าวเฟิงจึงไม่คิดจะคัดลอก แต่ใช้ให้หมดไปแทน
ไม่ถึงสามวัน เมื่อจ้าวเฟิงใช้ทรัพยากรฝึกประเภทเวลาสี่ชิ้นไปแล้ว มุมปากเขายกขึ้นน้อยๆ ก่อนจะลืมตาขึ้น
“ในที่สุดก็ฝึกฝนเสวียนอ้าวเวลาจนถึงขั้นห้าแล้ว!”
ก่อนนี้เสวียนอ้าวเวลาของจ้าวเฟิงก็ไปถึงขั้นที่สี่สุดยอดเรียบร้อย
ตอนนี้เมื่อมาถึงมิติพิเศษเฉพาะแห่งนี้ บวกกับทรัพยากรเสวียนอ้าวเวลาที่เก่าแก่ จึงสามารถทะลวงขั้นได้อย่างง่ายดาย
ถึงแม้ว่าสำหรับเทพโบราณแล้ว เสวียนอ้าวเวลาขั้นห้าใช้งานจริงไม่ได้ แต่พอเสวียนอ้าวเวลาของจ้าวเฟิงไปแตะขั้นห้าแล้ว กลับสามารถใช้จัดแจงภายในร่วมกับชุดคลุมมิติได้
วู้ม! เขาโคจรเสวียนอ้าวเวลา ค่อยๆ หลอมรวมเข้าไปในมิติของชุดคลุม
ทันใดนั้น ดวงดาวบนฟ้าเปล่งประกายระยิบระยับ หนำซ้ำตำแหน่งยังเกิดการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ในเวลาเดียวกัน พลังเสวียนอ้าวเวลาที่สูงส่งก็สาดลงมาปกคลุมทั่วทั้งมิติ
ขอแค่เข้าใจเสวียนอ้าวเวลาเพียงเล็กน้อย ก็จะเห็นได้ว่ามิติแห่งนี้มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น
“เสวียนอ้าวเวลาของนายท่านไปแตะขั้นที่ห้าแล้ว!” สีหน้ามังกรวารีล้างโลกาตกตะลึงอยู่บ้าง
เขาเองก็รู้ว่าพลังเสวียนอ้าวที่จ้าวเฟิงฝึกฝนมีอยู่หลากหลายประเภท ทว่าเสวียนอ้าวที่ยากจะเข้าใจอย่างเสวียนอ้าวเวลา จ้าวเฟิงยังสามารถฝึกจนถึงระดับนี้ นับว่าหายากนัก
“ในตอนนี้ ยี่สิบวันในชุดคลุมมิติจะเท่ากับระยะเวลาเพียงหนึ่งวันของโลกภายนอก!” จ้าวเฟิงสัมผัสเล็กน้อย ก่อนคาดเดาจำนวนโดยประมาณ
“พวกเจ้าเองก็ฝึกฝนเสวียนอ้าวเวลาบ้างแล้วกัน!”
จ้าวเฟิงเอาทรัพยากรเวลาบางส่วนที่เหลือมอบให้กับจ้าวหวังและมังกรวารีล้างโลกา
บางทีต่อจากนี้ อาจต้องการความช่วยเหลือของพวกเขาสองคน ถ้าหากไม่ชำนาญเสวียนอ้าวเวลาจะเสียเปรียบเมื่ออยู่ในมิติแห่งนี้
“ขอบคุณนายท่านมาก!” มังกรวารีล้างโลกาเอ่ยอย่างนอบน้อม
เขาเห็นความไม่ธรรมดาของทรัพยากรที่จ้าวเฟิงใช้นานแล้ว
ตอนนี้เมื่อสังเกตอย่างละเอียด จึงพบว่าอายุของทรัพยากรเหล่านี้เก่าแก่มาก มีสิ่งของหลายชิ้นถึงขั้นเกินพันล้านปี หลังจากทำทั้งหมดลุล่วงแล้ว จ้าวเฟิงจึงกลับไปที่เดิม หยิบเอา ‘หินหยกเทวะ’ ออกมา
การใช้ทรัพยากรเพื่อเพิ่มพลังฝึกตนครั้งที่สอง ผลลัพธ์จะลดลงเยอะมาก แต่ตอนนี้จ้าวเฟิงเผชิญหน้ากับอันตราย จำเป็นต้องเพิ่มพลังอย่างเร่งด่วน จึงไม่ได้คัดลอกแต่ใช้มันในทันที
เมื่อใช้วิชาแล้ว จ้าวเฟิงจึงดึงพลังประหลาดในหินหยกเทวะออกมา
พลังกลุ่มนี้บริสุทธิ์เป็นที่สุด และยังมีไอหนาวเหน็บเบาบาง หลังจากโคจรในร่างรอบหนึ่งแล้วจึงหลอมรวมเข้าไปในรากฐานเทพโดยตรง
ขณะที่เวลาเคลื่อนคล้อยไป กลิ่นอายพลังบนร่างของจ้าวเฟิงเพิ่มขึ้นไม่หยุด
ณ โลกภายนอก พวกซินอู๋เหินเองก็ฝึกตนอยู่ในมิติพิเศษที่ตัดขาดจากที่อื่น
ชั่วขณะหนึ่ง จู่ๆ ในร่างซินอู๋เหินก็สาดกลิ่นอายสายเลือดบรรพกาลที่แก่กล้าออกมา ก่อนจะเก็บกลับเข้าไปอย่างรวดเร็ว
ตอนแรกทุกคนถูกกลิ่นอายกลุ่มนี้รบกวน แต่จากนั้นก็ทำทุกอย่างตามปกติ
พลังจอมเทพแฝงอยู่ในร่างซินอู๋เหิน ในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน ศักยภาพเขาถูกกระตุ้นออกมา จนพลังฝึกตนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ส่วนด้านนอกของมิติแห่งนี้ แมวขโมยน้อยค้นหาทรัพยากรฝึกตนไปพลาง กระตุ้นกลไกค่ายกลไปพลาง
ทางฟากตำหนักวิญญาณบรรพกาลเองก็ไม่รีบ ‘แก้’ ค่ายกลกลไก
การแก้ค่ายกลของพวกเขาย่อมเป็นการทำลายล้าง อย่างไรเสียพวกเขาไม่ชำนาญค่ายกลกลไก หากให้ใช้สมองทั้งหมดไปกับการแก้ค่ายกล ไม่สู้ทำลายไปเลย
ถ้าสิ่งปลูกสร้างแห่งนี้มีคนควบคุมโคจรตามปกติ กับดักกลไกในอาณาเขตหนึ่งจะเชื่อมโยงเข้าหากัน หากทำลายกลไกด้วยวิธีแบบนี้จะต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีจากกลไกอื่นๆ อีกอยู่ดี
แต่ในวินาทีนี้ กับดักกลไกเหล่านี้เพียงเกิดขึ้นจากการกระตุ้นอย่างรีบร้อนของเจ้าแมวขโมยน้อย จึงไม่ได้เชื่อมต่อกับกับดักกลไกอื่นในสิ่งปลูกสร้างอีก
โครม เปรี้ยง!
พวกตำหนักวิญญาณบรรพกาลทั้งสามทำลายกลไกแห่งหนึ่ง และรุกคืบเข้าไประยะหนึ่ง
เมื่อเพิ่งเข้ามาด้านใน
“เจ้ามนุษย์ ตายไปซะ!”
ปีศาจร้ายพวกนี้ไม่หวั่นเกรงความตายแม้แต่น้อย ตรงดิ่งมาทันที
“เหอะ โง่งมเหลือเกิน!”
คนจากตำหนักวิญญาณบรรพกาลคุ้นชินกับอะไรแบบนี้นานแล้ว จึงสำแดงการโจมตีในวงกว้าง สังหารจนหมด
นอกจากจะพยายามรุกคืบ พวกเขายังค้นหาทรัพยากรล้ำค่าไปด้วย
“หญ้าจันทราขาว และยังมีหยกแก่นวิญญาณ…”
สีหน้าเทพโบราณขั้นแปดสุดยอดของตำหนักวิญญาณบรรพกาลฉายแววยินดี ก่อนจะบินตรงไปในห้องข้างๆ
“นี่มันหยาดน้ำค้างชะล้างวิญญาณ!”
ดวงตาเทพโบราณอวี้ห่ายทอแสงประกาย เขาหยิบน้ำค้างสุกสกาวสองหยดบนหญ้าเซียนเขียวชอุ่มที่เว้าลงไป
“หยาดน้ำค้างชะล้างวิญญาณ มีสรรพคุณในการชะล้างและฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของวิญญาณ พร้อมทั้งเติมเต็มพลังดวงวิญญาณในพริบตา!”
“ยินดีกับผู้อาวุโสด้วยที่ได้ครอบครองน้ำค้างนี้!”
สมาชิกตำหนักวิญญาณบรรพกาลอีกสองคน ถึงแม้ว่าอยากได้หยาดน้ำค้างนี้ แต่พวกเขาเองก็รู้จักวางตัว ไม่ขอแบ่งแต่อย่างใด
“หยาดน้ำค้างนี้เป็นของข้า ทรัพยากรล้ำค่าที่เหลือแถวนี้ข้าไม่เอาแล้ว!”
เทพโบราณอวี้ห่ายมีสีหน้าตื่นเต้น หัวเราะร่วนติดๆ กัน
“มีหยาดน้ำค้างนี้แล้ว สามารถรักษาอาการบาดเจ็บในดวงวิญญาณของผู้อาวุโสได้ไม่เกินวันเดียว ถึงขนาดที่ว่าพลังในด้านศาสตร์วิญญาณจะเพิ่มขึ้นขั้นหนึ่ง ถึงตอนนั้นพวกซินอู๋เหินต้องตายแน่นอน!”
เทพโบราณขั้นเก้าของตำหนักวิญญาณบรรพกาลรับคำทันควัน
ถ้าหากกลุ่มพวกเขาสำเร็จภารกิจโดยลำพัง ผลประโยชน์ที่จะได้ย่อมเหนือกว่าหยาดน้ำค้างชะล้างวิญญาณสองหยดนั้นแน่นอน
“พวกเจ้ารีบได้แล้ว!”
เทพโบราณอวี้ห่ายเอ่ย
เมื่อได้หยาดน้ำค้างชะล้างวิญญาณมา ไม่ถึงวันอาการบาดเจ็บของพวกเขาก็ฟื้นฟูได้แล้ว หนำซ้ำพลังวิญญาณยังพัฒนาได้
ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ก็ไม่อาจให้เวลาพวกซินอู๋เหินได้อีก ต้องรีบสังหารให้ได้โดยเร็ว
หนึ่งวันต่อมา อาการบาดเจ็บของเทพโบราณอวี้ห่ายก็ฟื้นฟู กลิ่นอายวิญญาณแข็งแกร่งขึ้นมาก
ทั้งสามคนร่วมมือกันโผบินไปยังส่วนลึกของสิ่งปลูกสร้างอย่างรวดเร็ว
……
จ้าวเฟิงฝึกฝนมากกว่าร้อยวันในชุดคลุมมิติ
กลิ่นอายพลังของเขาแข็งแกร่งกว่าที่ผ่านมาไม่น้อย ภายในร่างกายสาดระลอกพลังเทพที่เขย่าขวัญออกมา
ฟิ้ว! หินหยกเทวะในมือจ้าวเฟิงเปล่งแสงอ่อนๆ ประหนึ่งหินสีเขียวธรรมดา
ในเวลาหนึ่ง จ้าวเฟิงเพิ่มระดับแรงดูด ระลอกแสงสีเขียวก็อับแสงลงไปอย่างรวดเร็ว
ผัวะ! หินหยกเทวะในมือเขาระเบิดจนแหลกละเอียด
ไม่นานเท่าไหร่นัก กลิ่นอายบนร่างจ้าวเฟิงค่อยๆ หดเล็กลง
“ดีมาก พลังฝึกตนของข้าไปแตะขั้นแปดสุดยอดแล้ว!”
ใบหน้าจ้าวเฟิงเผยแววยินดี
จะต้องรู้ว่า สามปีก่อนนี้เขาเพิ่งจะทะลวงถึงเทพโบราณขั้นแปด
ความเร็วในการฝึกระดับนี้ นอกเหนือจากคนที่เอาแต่ฝึกใหม่อีกครั้ง น่าจะไม่มีใครทำได้เช่นนี้ หนำซ้ำในวันที่สามสิบของการปิดด่านฝึกตน หน่อไม้แสงจันทร์ท่อนนั้นก็ถูกคัดลอกจนสำเร็จ
ยามนี้พลังดวงตาและวิญญาณที่เขาใช้ไปฟื้นฟูกลับมาเจ็ดถึงแปดส่วน
ในตอนที่จ้าวเฟิงเอาหน่อไม้แสงจันทร์ออกมาเพื่อดูดซึมแก่นเวลา จู่ๆ โลกภายนอกก็ปรากฏระลอกเสวียนอ้าวเวลาที่แกร่งกล้า
“นี่คืออะไรกัน?” ขณะเดียวกัน เสียงเทพโบราณเฉิงอวิ๋นแว่วมา
จ้าวเฟิงออกจากชุดคลุมมิติในทันที แววตาจ้องเขม็งไป
ในห้องแห่งหนึ่งที่อยู่ขอบมิติแห่งนี้ เทพโบราณเฉิงอวิ๋นยินนิ่งอยู่หน้าอุปกรณ์กลไกขนาดใหญ่
เหนืออุปกรณ์กลไกมีหลอดผลึกแถวหนึ่ง หลอดผลึกในนั้นแหลกสลายเป็นผุยผงแล้ว
ส่วนตำแหน่งตรงกลางในหลอดทดลองที่แหลกละเอียด มีแสงสีขาวสว่างทอประกาย แผ่ระลอกเสวียนอ้าวเวลาออกมา
“แย่ล่ะ!”
หลังจากที่ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงมองทะลุผ่าน เขามองเห็นสิ่งของที่คนทั่วไปมองไม่เห็น ก่อนนี้เขาไม่เคยตรวจสอบอุปกรณ์กลไกฟากนั้นอย่างละเอียด จากการมองทะลุผ่านในตอนนี้ เขาพบว่าหลอดผลึกแถวนั้นยังเชื่อมโยงกับอุปกรณ์ชิ้นโดดๆ ที่อยู่ลึกเข้าไป
ฟิ้ว! ระลอกเสวียนอ้าวในหลอดผลึกที่แหลกละเอียดรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
สามารถมองเห็นระลอกแสงสีขาวกลุ่มหนึ่งที่พุ่งทะยานออกมาจากภายใน ตรงดิ่งเข้าไปปะทะเทพโบราณเฉิงอวิ๋นที่อยู่ใกล้ที่สุด
“อะไรกัน…” เทพโบราณเฉิงอวิ๋นสังเกตเห็นความประหลาดจึงอุทานออกมา
เขาอยากจะหลบ แต่แสงสีขาวกลุ่มนั้นรวดเร็วอย่างยิ่ง พุ่งตรงเข้ามาในร่างเขาทันที
“จิตวิญญาณร่างความคิด!” สีหน้าจ้าวเฟิงตื่นตระหนก
“มีเรื่องอะไร?” ในตอนนี้คนอื่นๆ ที่ปิดด่านฝึกตนก็เริ่มได้สติช้าๆ
ประสาทสัมผัสเทพของทุกคนกวาดผ่าน สังเกตเห็นความผิดปกติของเทพโบราณเฉิงอวิ๋น
“มีจิตอื่นเข้าไปในร่างของเทพโบราณเฉิงอวิ๋น!”
เทพโบราณหวาไฉ่รีบเอ่ย
“หนำซ้ำจิตวิญญาณนี้แข็งแกร่งมาก…”
สีหน้าซินอู๋เหินอึมครึมเล็กน้อย
สิ่งที่เขาไม่อยากเห็นในตอนนี้ก็คือสมาชิกกลุ่มหนึ่งเผชิญหน้ากับอันตราย
สวบ! ทุกคนรีบเข้าไปใกล้ เพื่อจะได้ช่วยเทพโบราณเฉิงอวิ๋นสะกดร่างจิตนั้น
“อ๊าก…” เทพโบราณเฉิงอวิ๋นร้องโหยหวนติดต่อกัน ใบหน้าบิดเบี้ยวดิ้นรน เหมือนทุกข์ทรมานจากสิ่งที่ไม่ใช่มนุษย์ หวาดกลัวอย่างยิ่งยวด
ในตอนที่ทุกคนเร่งรุดไป จู่ๆ เทพโบราณเฉิงอวิ๋นก็นิ่งสงบ ก่อนจะเผยรอยยิ้มชั่วร้าย
“เจ้ามนุษย์ ข้าจะสังหารพวกเจ้าให้หมด!”
เทพโบราณเฉิงอวิ๋นพลันมองไปที่พวกจ้าวเฟิง จิตต่อสู้ที่เข้มข้นกลุ่มนี้สาดซัดออกมา
เมื่อมองเห็นภาพเหตุการณ์นี้ ทุกคนหวนระลึกถึงปีศาจร้ายพวกนั้นอย่างอดไม่ได้
เทพโบราณเฉิงอวิ๋นในวินาทีนี้ไม่ต่างจากพวกมันเลย สูญเสียสติปัญญาประหนึ่งถูกมารควบคุม รู้เพียงแต่ว่าต้องสังหารพวกมนุษย์
พรึ่บ! เทพโบราณเฉิงอวิ๋นกลายร่างเป็นแสงสีขาวตรงไปหากลุ่มคน เขาโบกมือสองข้าง เรียกคมดาบสีขาวหลายสายฟาดลงไป
“รีบหลบไปเร็ว!” จ้าวเฟิงตะโกนออกมา
ร่างจิตมารที่ฝังอยู่ในตัวเทพโบราณเฉิงอวิ๋นแข็งแกร่งนัก หลังจากควบคุมเทพโบราณเฉิงอวิ๋นได้แล้ว พลังที่สำแดงออกมาก็แตกต่างจากปีศาจร้ายที่เคยเจอมาก่อนนี้โดยสิ้นเชิง หนำซ้ำเสวียนอ้าวเวลาที่เขาสำแดงออกมารวดเร็วแปลกประหลาดเกินจะเปรียบ
จ้าวเฟิงมีปฏิกิริยาตอบโต้รวดเร็ว ตัวของเสวียนอ้าวเวลาไปแตะขั้นที่ห้า จึงสามารถหลบเลี่ยงได้อย่างง่ายดาย
โครม! แต่เทพโบราณหวาไฉ่และเทพโบราณพั่วเยวี่ยหลบไม่ทัน จึงถูกคมดาบสีขาวโจมตีโดน บริเวณทรวงอกเทพโบราณพั่วเยวี่ยปรากฏสองรู เลือดไหลทะลัก พลังเสวียนอ้าวเวลาหลงเหลืออยู่ที่ปากแผล ยากจะรักษาได้
เทพโบราณหวาไฉ่ดีกว่าหน่อย มีรอยแผลทิ้งไว้บริเวณฝ่ามือสองแผล
“ทำอย่างไรกันดี?” ใบหน้าเทพโบราณหวาไฉ่เต็มไปด้วยคำถาม มองไปที่ซินอู๋เหิน
“พยายามจับเขาเอาไว้ มิฉะนั้นก็สังหารเสีย!” ซินอู๋เหินครุ่นคิดชั่วขณะหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยยืนยัน