Skip to content

King of Gods 1368

King Of Gods

บทที่ 1368 อาสารับมือ

เผ่าเทพยักษ์ได้เปรียบในด้านจำนวนคน แต่ด้วยความแข็งแกร่งของครึ่งก้าวสู่จอมเทพจากตำหนักวิญญาณบรรพกาล ก็แทบจะสังหารเทพโบราณขั้นเก้าลงไปได้อย่างง่ายดาย

มีเพียงซินอู๋เหินเท่านั้นที่จะขวางเทพโบราณอวี้ห่ายเอาไว้ได้ชั่วขณะหนึ่ง แต่นั่นก็ต้องเป็นสถานการณ์ที่ซินอู๋เหินกระตุ้นใช้สายเลือดสุดพลังและใช้วิชาทั้งหมดที่มี

“เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร ทำไมพวกเขาถึงมาที่นี่ได้? หรือว่าเผ่าเทพยักษ์จะกลับมารุ่งเรืองไม่ได้อีกแล้ว?”

เทพโบราณหวาไฉ่มีสีหน้าท้อแท้

เดิมทีนางคิดว่าเมื่อมาถึงที่นี่ก็จะตัดขาดกับดินแดนเทพรกร้าง ขอแค่สะสมทรัพยากรได้ในระดับหนึ่ง เมื่อกลับเข้าเผ่า พักฟื้นบำรุงตน ค่อยๆ พัฒนาไป จะต้องอยู่เหนือตำหนักวิญญาณบรรพกาลได้แน่ แต่คาดไม่ถึงเลยว่าการไล่ล่าของตำหนักวิญญาณบรรพกาลจะตามมาถึงคลังสมบัติบรรพชนด้วย

คนของตำหนักวิญญาณบรรพกาลสามคนนี้ไม่ใช่คนที่พวกเขาจะรับมือได้ ไม่มีใครรู้ว่ายังมีผู้แข็งแกร่งคนอื่นๆ ของฝ่ายตรงข้ามอยู่แถวนี้หรือไม่

“พวกเจ้าเข้ามาที่นี่ได้อย่างไร?”

สีหน้าซินอู๋เหินเคร่งขรึม ถามออกมาทันที

นี่คือข้อสงสัยที่สุดในใจเขา

“คนกำลังจะตาย จะรู้อะไรเยอะแยะไปทำไม”

เทพโบราณอวี้ห่ายหัวเราะน้อยๆ

อันที่จริง เขาเองก็รู้เพียงว่าคนเหล่านี้เข้ามาที่นี่โดยค่ายกลส่งข้ามของจอมเทพซิงเซี่ยง

ความเป็นมาของจอมเทพซิงเซี่ยงและอวี่เหิงช่างลึกลับ คาดว่าน่าจะมีเพียงแค่ผู้แข็งแกร่งขั้นจอมเทพของตำหนักวิญญาณบรรพกาลถึงจะรู้สถานการณ์ที่แน่ชัด

เทพโบราณอวี้ห่ายลอบส่งกระแสจิตบอกเทพโบราณอีกสองคน “จัดการซินอู๋เหินก่อน การช่วงชิงเอาตราเทพบรรพกาลเป็นสิ่งสำคัญที่สุด!”

เทียบกับความหมดหวังของเหล่าคนเผ่าเทพยักษ์ จ้าวเฟิงกลับมองประเมินคนทั้งสามตรงหน้าอย่างสุขุม

“หรือว่าก่อนนี้ มนุษย์ที่ปรากฏตัวขึ้นแถวๆ สองฝูงอสูรก็คือคนพวกนี้เอง?”

จ้าวเฟิงหวนนึกถึงสถานการณ์ก่อนนี้อย่างละเอียด ตอนนั้นอสูรขั้นเก้าสุดยอดสองเผ่าร่วมมือกันก็เพราะเห็นมนุษย์คนอื่น และก็มีเพียงแค่ครึ่งก้าวสู่จอมเทพเท่าที่ฝูงอสูรทั้งสองให้ความสำคัญ จนต้องร่วมมือกันรับมือเช่นนี้

วิ้ง! ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงโคจรช้าๆ จ้องมองเทพโบราณอวี้ห่ายอย่างละเอียด

สภาพร่างกายและวิญญาณของเทพโบราณอวี้ห่ายถูกจ้าวเฟิงลอบสำรวจโดยละเอียดทีละน้อย

“เป็นพวกเขาจริงด้วย!” จ้าวเฟิงระบายยิ้มน้อยๆ

อาการบาดเจ็บบนร่างของคนทั้งสามยังไม่หายดีทั้งหมด

โดยเฉพาะเทพโบราณอวี้ห่ายที่ใช้พลังมากจนเกินไป แหล่งกำเนิดวิญญาณก็อ่อนแอลงเล็กน้อย ไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีที่สุด

“ซินอู๋เหิน ฟังข้า…”

จ้าวเฟิงส่งกระแสจิตคุยกับซินอู๋เหินด้วยใบหน้านิ่งเฉย

พวกเทพโบราณอวี้ห่ายทั้งสามจงใจปกปิดอาการบาดเจ็บของตน ทำให้คนของเผ่าเทพยักษ์ยากจะมองออก ดังนั้นจึงคิดว่าไม่มีโอกาสที่จะชนะอีกแล้ว ขนาดจิตมุ่งมั่นต่อสู้ยังยากจะพลุ่งพล่าน

“มอบชีวิตมาให้ข้าซะ!”

เทพโบราณอวี้ห่ายตะโกนลั่น โบกมือส่งประกายแสงสีดำกลุ่มหนึ่งบินออกมา

ในประกายแสงดำมีจระเข้ประหลาดใบหน้าชั่วร้ายตัวหนึ่ง ซึ่งก็คืออสูรวิญญาณของเทพโบราณอวี้ห่าย

ในเวลาเดียวกัน ร่างเทพโบราณอวี้ห่ายไหววูบ พุ่งไปโจมตีเทพโบราณหวาไฉ่พร้อมกับอสูรวิญญาณของตัวเอง

ทางฟากเทพโบราณสองคนของตำหนักวิญญาณบรรพกาลก็เรียกอสูรวิญญาณออกมาโจมตีเช่นกัน

“ดี แสร้งโจมตีคนอื่นๆ จากนั้นค่อยล้อมโจมตีซินอู๋เหินและสังหารมันเสีย!”

เทพโบราณอวี้ห่ายลอบหัวเราะในใจ

ตื้นลึกหนาบางของซินอู๋เหินนั้น พวกเขารู้ชัดดี ถ้าหากระเบิดพลังทั้งหมดอกมาจะน่ากลัวอย่างยิ่งยวด และในที่นั้น คนที่พอจะรับมือกับเทพโบราณอวี้ห่ายได้ก็มีเพียงซินอู๋เหิน แค่สังหารอีกฝ่ายได้ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลคนอื่นๆ แล้ว

ถ้าหากเทพโบราณอวี้ห่ายอยู่ในสภาพสมบูรณ์จะตรงไปสังหารซินอู๋เหินได้ในทันที เสียดายก็แต่อาการบาดเจ็บของแหล่งกำเนิดพลังวิญญาณยากจะฟื้นฟูได้ ด้วยเหตุนี้จึงต้องใช้แผนการนิดหน่อยเพื่อให้สำเร็จได้อย่างง่ายดาย

แต่การโจมตีของผู้แข็งแกร่งตำหนักวิญญาณบรรพกาลเพิ่งจะเริ่มเท่านั้น ซินอู๋เหินก็ตรงดิ่งเข้าไป

โครม! กลิ่นอายสายเลือดบรรพกาลสะเทือนฟ้าดินพลันปะทุออกมา ก่อนจะปะทะเข้ากับพวกตำหนักวิญญาณบรรพกาลสามคน

ในขณะเดียวกันกับที่กระตุ้นสายเลือดเผ่าเทพยักษ์ ซินอู๋เหินโบกมือสองข้างสำแดงเคล็ดวิชาป้องกัน

ฉับพลันนั้น แสงห้าสีสว่างเรืองรองปรากฏขึ้นในสองฝ่ามือของเขา

“ทำไม…”

เทพโบราณอวี้ห่ายหน้าเปลี่ยนสี ท่าทางยากจะเชื่อได้

เหมือนว่าซินอู๋เหินคาดเดาล่วงหน้าเอาไว้แล้ว เขาระเบิดพลังทั้งหมดออกมา พุ่งทะยานไปด้วยความเร็วสูงยิ่ง วิชาป้องกันที่เขาสำแดงลดทอนพลังโจมตีของพวกตำหนักวิญญาณบรรพกาลไปหลายส่วน

ครืน! ในตอนที่ซินอู๋เหินพุ่งปะทะฝ่ายตำหนักวิญญาณบรรพกาล ร่างกายของเขาก็ขยายใหญ่ขึ้นโดยพลัน

ยักษ์ร่างกายสูงใหญ่เกือบหมื่นจั้งปรากฏขึ้นด้านนอกสิ่งปลูกสร้างเผ่าความลับสวรรค์ ผืนดินสั่นสะเทือนทันใด

ตุบ ตุบ! ตำหนักวิญญาณบรรพกาลสามคนถูกกระแทกจนลอยไปไกลระยะหนึ่ง ถึงจะหยุดฝีเท้าได้อย่างทุกลักทุเล นอกเหนือจากเทพโบราณอวี้ห่าย สีหน้าของอีกสองคนเปลี่ยนสีไปมา มุมปากมีโลหิตไหลเป็นทาง

ตำหนักวิญญาณบรรพกาลชำนาญศาสตร์วิญญาณ ส่วนร่างกายและสายเลือดของเผ่าเทพยักษ์แข็งแกร่งอย่างที่สุด นับประสาอะไรกับซินอู๋เหินที่เป็นเผ่าเทพยักษ์ผู้มีสายเลือดเข้มข้นถึงขนาดนี้

ดังนั้นเมื่อปะทะกันอย่างจัง ตำหนักวิญญาณบรรพกาลสามคนจึงถูกซินอู๋เหินจู่โจมจนลอยออกไปไกล

“เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร? ดูจากภายนอกแล้วพวกเราเป็นฝ่ายได้เปรียบ พวกมันเป็นฝ่ายตั้งรับถึงจะถูก…”

ใบหน้าเทพโบราณขั้นแปดสุดยอดผู้นั้นฉายแววตื่นตระหนก

ส่วนสีหน้าคนอื่นที่เหลือก็หมองหม่นลงไปมาก ในใจหวาดเกรง ไม่มีกะจิตกะใจจะต่อสู้แม้แต่น้อย

“พวกมันมองข้อได้เปรียบของพวกเราออก!” สีหน้าเทพโบราณอวี้ห่ายหนักอึ้งลง

เมื่อจัดการตำหนักวิญญาณบรรพกาลสามคนจนลอยกระเด็นไปแล้ว ซินอู๋เหินก็ไม่ได้หยุดลง เขาบุกไปด้านหน้าต่อ ก่อนจะชี้นิ้วออกมา

ดัชนีนั้นใหญ่มหึมาประหนึ่งเป็นยอดเขาสูงค้ำฟ้า รวบรวมเอาพลังทั้งหมดของซินอู๋เหิน หลอมรวมเสวียนอ้าวธาตุทั้งห้า ตรงดิ่งบดขยี้ไปด้านหน้า

“เหอะ ก็แค่เทพโบราณขั้นเก้าเท่านั้น ต่อให้ข้าบาดเจ็บอยู่ จะสังหารเจ้าก็ง่ายดายนัก!” เทพโบราณอวี้ห่ายโกรธเกรี้ยวอย่างมาก

แผนการของพวกเขาพังพินาศไปหมดแล้ว ทั้งยังถูกซินอู๋เหินทำร้ายจนโต้กลับไม่ทัน ทำให้เขาเดือดดาลมาก เพิ่งเอ่ยจบ เทพโบราณอวี้ห่ายคล้ายจะรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง ดวงตาพลันชะงัก แล้วจึงเห็นซินอู๋เหินที่พุ่งทะยานมาเอียงศีรษะเล็กน้อย

เนตรมายาสวรรค์สีเงินเผยขึ้นด้านหน้าพวกตำหนักวิญญาณบรรพกาลทั้งสาม

“นั่นเหมือนเคล็ดวิชาเนตรข้ามนภา!” เทพโบราณขั้นเก้าของตำหนักวิญญาณบรรพกาลร้องเสียงหลง

เพราะร่างกายใหญ่โตของซินอู๋เหินบดบังเอาไว้ ทั้งยังมีกลิ่นอายสายเลือดที่รุนแรงสะเทือนฟ้าดินบดบังทุกสรรพสิ่งเอาไว้ พวกเขาจึงไม่ทันสังเกตเห็นเนตรข้ามนภาในผืนฟ้า

“เพลิงดวงตาอัสนีเทวะ!” จ้าวเฟิงสำแดงวิชาดวงตาวิญญาณอัสนีออกมาทันทีภายใต้สภาวะเนตรสวรรค์ เป้าหมายมีเพียงคนเดียวเท่านั้น คือเทพโบราณอวี้ห่าย!

จ้าวเฟิงเพิ่งจะทะลวงเทพโบราณขั้นแปด จึงรับมือเทพโบราณขั้นเก้าได้ แต่หากอยากจะสังหารขั้นเก้า จำเป็นต้องใช้พลังดั้งเดิมและไพ่ตายบางส่วน

ส่วนเทพโบราณอวี้ห่ายในตอนนี้เป็นครึ่งก้าวสู่จอมเทพ ต่างจากเทพโบราณขั้นเก้ามาก

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้เช่นนี้ จ้าวเฟิงย่อมไม่กล้าประมาทแน่ เขาตั้งรับการโจมตีด้วยสภาวะสมบูรณ์

เมื่อครู่เขาปลดผนึกพลังดั้งเดิมแล้ว

ในสภาวะของเนตรสวรรค์ พลานุภาพวิชาดวงตาของจ้าวเฟิงยังเพิ่มขึ้นได้อีก

ตูม! เพลิงแสงสายฟ้าบิดเบี้ยวกลุ่มหนึ่งระเบิดออกอย่างรุนแรงบนกายวิญญาณของเทพโบราณอวี้ห่าย

สายฟ้านับไม่ถ้วนปั่นป่วนบ้าคลั่ง พลังสายฟ้าทำลายล้างที่น่ากลัวทำให้เทพโบราณสองคนด้านข้างใจเต้นระรัว

ถ้าหากพวกเขาต้องเผชิญกับวิชาดวงตาเช่นนี้ ไม่ตายก็คงต้องบาดเจ็บสาหัส

เมื่อถูกทำร้ายจากเพลิงดวงตาอัสนีเทวะ สติของเทพโบราณอวี้ห่ายก็หยุดชะงักไปชั่วขณะหนึ่ง

ในเวลานี้เอง การโจมตีของซินอู๋เหินก็ตรงมา

“แย่ล่ะ!” สีหน้าเทพโบราณอีกทั้งสองคนเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย เมื่อสำแดงเคล็ดวิชาป้องกันออกมาเพื่อปกป้องเทพโบราณอวี้ห่าย

โครม! ซินอู๋เหินชี้นิ้วทำลายชั้นป้องกันพลังเทพด้านหน้าเทพโบราณอวี้ห่ายจนแหลกละเอียด ส่วนเทพโบราณอวี้ห่ายเองก็ถูกทำร้ายจนกระเด็นออกไปหลายพันลี้

เสียดายก็เพียงแต่ในตอนที่ซินอู๋เหินโจมตีเทพโบราณอวี้ห่าย ฝ่ายตรงข้ามฟื้นฟูจิตสำนึกบางส่วนแล้วโคจรพลังเทพ จนต้านการพลังส่วนใหญ่ได้

หลังจากทำทุกสิ่งจนลุล่วงแล้ว จ้าวเฟิงจึงไม่ได้ใส่ใจว่าเทพโบราณอวี้ห่ายจะเป็นอย่างไร เขามองผ่านไปด้านหลัง

“ยังไม่เสร็จอีกหรือ?” จ้าวเฟิงขมวดคิ้วมุ่น

ในตอนที่เขาและซินอู๋เหินเริ่มลงมือ เขาได้ให้พวกเทพโบราณหวาไฉ่ไปเก็บเกี่ยวเอา ‘หน่อไม้แสงจันทร์’ มาให้ได้เร็วที่สุด แต่จนถึงตอนนี้พวกเขาก็ยังไม่สำเร็จสักที

เมี้ยว! เจ้าแมวขโมยน้อยยกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้ม ดูท่าทางน่าจะถึงตามันแล้ว

เปรี๊ยะ!

ในตอนที่แสงสีเงินสว่างวาบผ่านไป เจ้าแมวขโมยน้อยจึงเข้าใกล้ ‘หน่อไม้แสงจันทร์’ อย่างรวดเร็ว

“เจ้าแมวตัวนี้ไม่โดนกดดันจากแรงกดดันของมิติแห่งนี้!”

ใบหน้าเทพโบราณหวาไฉ่ฉายแววยินดี

เจ้าแมวขโมยน้อยไม่โดนกดดันจากมิติแห่งนี้ แต่พลังเวลาที่หน่อไม้แสงจันทร์สาดซัดออกมานี้แข็งแกร่งเกินจะเปรียบ เจ้าแมวขโมยน้อยก็ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน

แต่มันก็ยังคงเข้าไปใกล้หน่อไม้แสงจันทร์อย่างรวดเร็ว ตวัดกรงเล็บเด็ดหน่อไม้มาทันที

ในเวลาเดียวกัน ที่ขอบฟ้าไกลๆ ก็มีกลิ่นอายที่ทรงพลังสาดซัดออกมาเช่นกัน

“ข้าจะสับพวกเจ้าเป็นชิ้นๆ!”

เทพโบราณอวี้ห่ายคำราม ก่อนจะกลายร่างเป็นระลอกคลื่นสีดำสนิทกวาดผ่านไปอย่างบ้าคลั่ง

“หลบเข้าไป!” จ้าวเฟิงเอ่ยในทันที

กลุ่มคนที่ตามมาด้านหลังเข้าไปในสิ่งปลูกสร้างเผ่าความลับสวรรค์

เมื่อครู่ทุกคนคาดคิดไม่ถึง จึงต่อสู้กับเทพโบราณอวี้ห่ายอย่างงุนงง ตั้งตัวไม่ทัน แต่เทพโบราณอวี้ห่ายไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส และพวกเผ่าวิญญาณบรรพกาลรวดเร็วว่องไว เทพโบราณอวี้ห่ายอยู่ในระดับครึ่งก้าวสู่จอมเทพ จึงย่อมเร็วที่สุดในที่แห่งนี้

ถ้าหากหนีไปเลยย่อมต้องไล่ตามทันแน่ ดังนั้นการหลบเข้าไปในสิ่งปลูกสร้างของเผ่าความลับสวรรค์จึงกลายเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า

“ตามข้ามา!” จ้าวเฟิงเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา

ในตอนที่ตัดสินใจเช่นนี้ เขาได้มองประเมินสิ่งปลูกสร้างแห่งนี้คร่าวๆ จึงพบว่าสิ่งปลูกสร้างแห่งนี้น่าจะใหญ่โตอย่างยิ่ง

ระหว่างทาง ที่ต่างๆ มีทรัพยากรฝึกตนประเภทเวลาเติบโตขึ้น แต่ไม่มีชิ้นไหนที่จะล้ำค่าดังเช่นสิ่งล้ำค่าประเภทเวลาอย่างหน่อไม้แสงจันทร์

ตอนนี้การเอาชีวิตรอดเป็นสิ่งสำคัญ ไม่มีเวลาไปเก็บเกี่ยวอะไรมา

และในตอนที่เข้าใกล้ทรัพยากรพวกนี้ ยังต้องแบกรับผลกระทบด้านเสวียนอ้าวเวลาด้วย เกรงว่ายังไม่ทันได้ลงมือ เทพโบราณอวี้ห่ายก็คงตามมาทันแล้ว

นอกเหนือจากทรัพยากรพวกนี้แล้ว ยังมีปีศาจร้ายด้วย

ในตอนที่ปีศาจร้ายมองเห็นพวกจ้าวเฟิง มันก็เผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา

“ส่งมาให้ข้า!”

ซินอู๋เหินเดินทางมาที่ด้านหลังกระตุ้นสายเลือดน้อยๆ โคจรพลังเทพ เรียกกลุ่มแสงห้าสีออกมา ขัดขวางการโจมตีของปีศาจร้ายเอาไว้

ดีที่พลังปีศาจร้ายพวกนี้ไม่แข็งแกร่งมากนัก ซินอู๋เหินคนเดียวก็รับมือไหว

เมี้ยว!

จู่ๆ เจ้าแมวขโมยน้อยก็กระโจนออกจากไหล่ของจ้าวเฟิงไปอีกข้าง

“เจ้าแมวตัวนั้นคิดจะทำอะไรกันแน่?” เทพโบราณเฉิงอวิ๋นเอ่ยถามขึ้นมา

เจ้าแมวขโมยน้อยกำหน่อไม้แสงจันทร์เอาไว้ จะให้เกิดเหตุไม่คาดฝันใดไม่ได้

เจ้าแมวขโมยน้อยแบ่งออกเป็นสี่ร่าง มันกระโจนไปที่สิ่งปลูกสร้างข้างๆ แสงสีเทาเงินหมุนวนรอบมือและเสาะหาเบาะแสต่างๆ

มิติแห่งนี้เดิมทีมืดมิดสีเข้ม จู่ๆ ก็ส่องแสงประกายสว่างแวววับ สาดซัดไอเหมันต์ประหลาดออกมา

พรึ่บ! พรึ่บ! ตำหนักวิญญาณบรรพกาลทั้งสามไล่ตามมาอย่างรวดเร็ว

และในตอนนี้เองก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น!

โครม! บนกำแพงสองด้านปรากฏรูมากมาย พ่นแสงสีดำนับไม่ถ้วน และถักทอกันจนกลายเป็นตาข่ายเพลิงขนาดยักษ์ผืนหนึ่ง

“ระวัง!” สีหน้าเทพโบราณอวี้ห่ายเปลี่ยนแปลงไปทันที แต่ก็สายเกินไปเสียแล้ว

“อ๊าก…” ปีศาจร้ายสองตนแถวนั้นถูกเพลิงสีดำปกคลุมเอาไว้ก่อนจะสลายกลายเป็นฝุ่นธุลีในทันที

ทั้งสามคนยังไม่ทันได้ตั้งตัว ก็ถูกตาข่ายเพลิงยักษ์สีดำปกคลุมเอาไว้ ร่างกายถูกเผาไหม้ พร้อมทั้งวิญญาณก็ถูกเผาไหม้ไปด้วยกัน

“บัดซบ! นี่มันกับดักกลไกเผ่าความลับสวรรค์…”

เสียงเกรี้ยวกราดดังลอดออกมา การกระทำที่อุกอาจของคนทั้งสามหยุดชะงัก และขัดขวางการเผาผลาญของเพลิงทมิฬที่น่ากลัวนั้นไว้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version