บทที่ 1373 การเพรียกหาจากที่ไกล
“เนตรเทพลอกแบบ เสียงคำรามทลายวิญญาณ!”
พายุหมุนทมิฬพุ่งออกมาในทันใด กลืนกินพวกตำหนักวิญญาณบรรพกาลทั้งสามไป
มองเห็นได้ว่ากายวิญญาณของเทพโบราณขั้นแปดสุดยอดถูกพายุทมิฬหมุนกวาดเข้าไป ไม่นานนักก็ถูกบดจนแหลกละเอียด กลายร่างเป็นแหล่งกำเนิดพลังของพายุหมุนทมิฬ และช่วยเพิ่มพลานุภาพให้มัน
เทพโบราณขั้นเก้าแห่งตำหนักวิญญาณบรรพกาลสังเกตเห็นนานแล้วว่าไม่อาจหลบหลีกได้ จึงทำได้เพียงยันเอาไว้สุดแรง
“เป็นไปได้อย่างไรกัน นี่คือเคล็ดวิชาของข้า!”
เทพโบราณอวี้ห่ายตื่นตะลึงอย่างมาก
แต่เมื่อเผชิญหน้ากับอันตราย เขาเองก็ไม่ทันได้คิดอะไรมาก ได้แต่กระตุ้นเคล็ดวิชาป้องกันดวงวิญญาณ บนร่างมีระลอกน้ำสีเข้มหมุนวน
เปรี๊ยะ โครม!
พายุหมุนทมิฬพุ่งทะลุผ่านกลุ่มคนตำหนักวิญญาณบรรพกาลจนพุ่งไปไกลลิบ
โครม!
ร่างของเทพโบราณขั้นเก้าสุดยอดและเทพโบราณขั้นเก้าร่วงลงไป วิญญาณของพวกเขาถูกพายุหมุนกลุ่มนั้นพัดกวาด ฉีกทึ้งจนไม่หลงเหลืออะไรทั้งสิ้น
มีเพียงกายวิญญาณราวสายน้ำดำมืดของเทพโบราณอวี้ห่ายที่ยังล่องลอยอยู่กลางอากาศ เขาอ่อนแออย่างเห็นได้ชัด จากนั้นจึงอ่อนแสงทีละน้อยจนมืดดับไป
อย่างไรเสีย เสียงคำรามทลายวิญญาณก็เป็นไม้ตายที่ล้ำค่าของเขา เหตุผลหนึ่งในนั้นเป็นเพราะเทพโบราณอวี้ห่ายคุ้นเคยกับมันจึงรับมือได้ค่อนข้างง่ายดาย
ครืน!
ท้องฟ้าปั่นป่วนรุนแรง ความรู้สึกที่กดดันเหนือสรรพสิ่งก็สลายหายไปทันควัน
สีหน้าซินอู๋เหินที่อยู่ไกลออกไปอ่อนล้าเล็กน้อย ร่างกายค่อยๆ หดเล็กลงไป
การใช้พลังจอมเทพส่งผลมหาศาลต่อร่างเขา หากควบคุมได้ไม่ดีเท่าไหร่ อาจทำให้รากฐานเสียหายร้ายแรงได้เลย
“เจ้า…” เทพโบราณอวี้ห่ายจ้องซินอู๋เหิน เกิดความหวาดกลัวขึ้นมา
หากเมื่อครู่พลังควบคุมของซินอู๋เหินแข็งแกร่งมากกว่านี้ อาจจะถึงขั้นสามารถใช้พลังจอมเทพทำร้ายเขาจนบาดเจ็บสาหัสได้
“เหตุใดเจ้าจึงรู้เคล็ดวิชาวิญญาณของข้าได้?”
แววตาเทพโบราณอวี้ห่ายจ้องจ้าวเฟิง
อันที่จริง หลังจากที่ซินอู๋เหินสำแดงพลังเทพออกมาจะตกอยู่ในสภาพอ่อนแอ ขอแค่เขารอโอกาสเหมาะๆ ก็จะสามารถจัดการทุกคนได้
แต่ไม่รู้ว่าจ้าวเฟิงผู้นั้นใช้วิธีไหนจึงเรียกเคล็ดวิชา ‘เสียงคำรามทลายวิญญาณ’ ของเขาออกมาได้
พวกตำหนักวิญญาณบรรพกาลก็ยังคิดไม่ถึงจุดนี้
สมาชิกจากตำหนักวิญญาณบรรพกาลสองคนตายไปโดยไม่ได้ตั้งตัว ส่วนวิญญาณของเทพโบราณอวี้ห่ายก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส
ในวินาทีนี้ อย่างมากเขาก็สำแดงพลังของยามสมบูรณ์ได้เพียงแค่สามส่วนเท่านั้น
“นี่มันเรื่องอะไรกัน?” เทพโบราณหวาไฉ่และเทพโบราณพั่วเยวี่ยอึ้งงัน ในสมองขาวโพลนไปหมด
วินาทีเมื่อครู่มีเรื่องชวนเขย่าขวัญเกิดขึ้นมากมาย
ลำดับแรก เทพโบราณอวี้ห่ายสำแดงกระบวนท่าสังหารที่ทรงพลังเพื่อปลิดชีพซินอู๋เหิน แต่ซินอู๋เหินกลับสำแดงพลังจอมเทพที่ซุกซ่อนไว้ในร่าง เขย่าขวัญพวกเทพโบราณอวี้ห่ายเอาไว้เสียอยู่หมัด
จากนั้นจ้าวเฟิงก็สำแดงเคล็ดวิชาของเทพโบราณอวี้ห่าย ไล่ล่าคนฝั่งตำหนักวิญญาณบรรพกาลโดยที่พวกเขารับมือไม่ทันจึงสังหารเทพโบราณสองคนนั้นลงได้
วูบ! เนตรสวรรค์สีเงินบนขอบฟ้าพลันสลายไป
การสิ้นเปลืองพลังของเนตรเทพลอกแบบจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของสิ่งของที่จะคัดลอก จ้าวเฟิงคัดลอกท่าไม้ตายของครึ่งก้าวสู่จอมเทพ จำนวนพลังที่ใช้ไปจึงไม่ธรรมดาเลย
“เจ้าไม่กังวลชีวิตของตนเอง แต่กลับมาห่วงเรื่องนี้”
จ้าวเฟิงมองเทพโบราณอวี้ห่ายพลางหัวเราะเสียงเรียบ
“ฮ่าๆ ต่อให้เจ้าสังหารสองคนนั้น แต่หากพึ่งพลังในตอนนี้ของพวกเจ้าก็ทำอะไรข้าไม่ได้หรอก!” เทพโบราณอวี้ห่ายชะงักไป ก่อนหัวเราะเสียงดัง
อย่างแรก ในฐานะที่เป็นครึ่งก้าวสู่จอมเทพจากเผ่าวิญญาณบรรพกาล เขารวดเร็วที่สุดในที่แห่งนี้
ลำดับต่อมา ซินอู๋เหินสำแดงพลังขั้นจอมเทพ มีภาระที่ต้องแบกรับมหาศาล ทำให้ต่อจากนี้ยากจะปลดปล่อยพลังจำนวนมากได้
ถึงแม้จะไม่รู้ว่าจ้าวเฟิงรู้เรื่องเคล็ดวิชาของตนได้อย่างไร แต่เขาต้องเสียพลังไปแล้วจำนวนมาก พละกำลังก็น่าจะลดลงมากตามไปด้วย
ส่วนพวกที่เหลืออย่างเทพโบราณพั่วเยวี่ยและเทพโบราณหวาไฉ่ เขาไม่ได้กังวลอะไรนัก
“สังหาร!” จ้าวเฟิงตะโกนเสียงต่ำ
คนจากเผ่าเทพยักษ์รีบร้อนขยับกาย ความแค้นที่พวกเขามีต่อตำหนักวิญญาณบรรพกาลเหนือกว่าจ้าวเฟิงมาก
พวกจ้าวเฟิงรุกเข้าไปใกล้เทพโบราณอวี้ห่าย
“เพลิงดวงตาอัสนีเทวะ!” จ้าวเฟิงโคจรพลังดวงตาอัสนีเทวะ รวบรวมเพลิงสายฟ้ากลุ่มหนึ่งและปลดปล่อยออกไปโจมตี
ในตอนนั้นเทพโบราณอวี้ห่ายอ่อนแอเปราะบาง สัมผัสได้ว่าแรงต่อต้านลดลงอย่างมหาศาล และจะถูกปลิดชีพโดยเพลิงดวงตาอัสนีเทวะของจ้าวเฟิง
อีกทั้งพลังของเพลิงดวงตาอัสนีเทวะเกี่ยวโยงกับระดับความแข็งแกร่งและจำนวนของพลังอัสนีเทวะ ซ้ำยังเกี่ยวข้องกับวิญญาณและพลังดวงตาไม่น้อย
“อั่ก…!” เทพโบราณอวี้ห่ายร้องลั่น สีหน้าตื่นตะลึง
วิชาดวงตาที่จ้าวเฟิงใช้ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าที่ผ่านมาเท่าไหร่นัก
“ดัชนีเพลิงวายุ!” ซินอู๋เหินบินตรงดิ่งไปอย่างรวดเร็ว และชี้นิ้วออกมา
ถึงจะไม่ได้กระตุ้นพลังสายเลือดของเผ่าเทพยักษ์ แต่พลังของตัวเขาเองก็แข็งแกร่งมากอยู่แล้ว เมื่อบวกกับสำนึกรู้ที่สูงส่ง จึงส่งผลร้ายต่ออีกฝ่ายไม่เบา
ตูม โครม! ส่วนทางฝั่งเทพโบราณหวาไฉ่และเทพโบราณพั่วเยวี่ยก็ส่งเงาแสงฝ่ามือนับไม่ถ้วน ตรงไปปะทะเทพโบราณอวี้ห่ายอย่างรุนแรง
“บัดซบ…” สีหน้าเทพโบราณอวี้ห่ายย่ำแย่ยิ่งนัก
ในตอนนี้สมาชิกของเขาสองคนตายลงไปแล้ว ตัวเขาเองก็บาดเจ็บสาหัส ทำอะไรจ้าวเฟิงและซินอู๋เหินไม่ได้อีกแล้ว
แต่ที่เทพโบราณอวี้ห่ายไม่ยอมหนีไปไหน เพราะเขาไม่อยากยอมรับความล้มเหลวครั้งนี้
นี่เป็นการพ่ายแพ้ครั้งที่สามของเขาแล้ว และครั้งนี้จะเรียกว่าพ่ายแพ้เฉยๆ ไม่ได้ ต้องเรียกว่าพ่ายแพ้หมดรูป แพ้จนไม่เหลืออะไรทั้งสิ้น!
แต่ฝ่ายตรงข้ามยังมีคนอยู่เป็นจำนวนมาก หากยังโรมรันกันต่อไปย่อมส่งผลเสียต่อเทพโบราณอวี้ห่าย
“ข้าจะชำระแค้นคราวนี้แน่!” เทพโบราณอวี้ห่ายกัดฟัน ก่อนเลือกจะหนีไป
“เหอะ เทพโบราณอวี้ห่าย เจ้าลืมอะไรไปหรือเปล่า?”
จู่ๆ จ้าวเฟิงก็ยิ้มน้อยๆ
“แย่ล่ะ!” เทพโบราณอวี้ห่ายหน้าถอดสี
เปรี๊ยะ! แสงสว่างสีขาวกระจ่างส่องประกายขึ้นที่เบื้องหน้าเขา และยังรุกเข้าใกล้ด้วยความรวดเร็ว
“ข้าจะฆ่า ฆ่าเจ้า!”
ใบหน้าของเทพโบราณเฉิงอวิ๋นฉายแววโกรธเกรี้ยว เขาเผยกายขึ้นด้านหน้าเทพโบราณอวี้ห่าย
เปรี๊ยะ! คมดาบสีขาวหลายสายฟาดลงมาในทันใด ก่อนจะพุ่งผ่านร่างเทพโบราณอวี้ห่ายไป
หนำซ้ำระลอกพลังประหลาดกลุ่มหนึ่งยังปกคลุมรอบกายเขา ทำให้ความเร็วและอากัปกิริยาต่างๆ เชื่องช้าลงไป
พรึ่บ พรึ่บ…
จ้าวเฟิงและพวกเผ่าเทพยักษ์รุกคืบเข้าไปใกล้อย่างรวดเร็ว ระลอกพลังหลากสีกลืนกินเทพโบราณอวี้ห่ายไป
“พวกเจ้า…” เทพโบราณอวี้ห่ายมีสีหน้าดูไม่ได้
ตอนแรกเขายังคิดว่าถึงตนเองจะทำอะไรจ้าวเฟิงกับซินอู๋เหินไม่ได้ แต่อีกฝ่ายก็คงจะทำอะไรตนไม่ได้เช่นกัน ด้วยความเร็วของเขา คิดจะหลบหนีไปนั้นก็ง่ายดาย แต่เทพโบราณอวี้ห่ายกลับมองข้ามเทพโบราณเฉิงอวิ๋นตัวปัญหาไปเสียได้
“บัดซบเอ๊ย คงต้องรีบขอความช่วยเหลือแล้ว!” สีหน้าเขาคล้ำเขียว
ครึ่งก้าวสู่จอมเทพถูกเทพโบราณขั้นแปดขั้นเก้ากลุ่มหนึ่งจู่โจมจนต้องร้องขอความช่วยเหลือ เมื่อนึกถึงตรงนี้ เทพโบราณอวี้ห่ายก็รู้สึกอับอายเกินจะทน
แต่มีเทพโบราณเฉิงอวิ๋นอยู่ด้วย เขาจึงสลัดคนพวกนี้ไปไม่ไหว ถ้าหากเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ อาการบาดเจ็บในดวงวิญญาณของเขาก็จะยิ่งหนักขึ้นเรื่อยๆ อาจทำให้เขาไม่สามารถเข้าไปถึงขั้นจอมเทพได้เลยตลอดชีวิต
เทพโบราณอวี้ห่ายรีบใช้ป้ายส่งข่าวติดต่อขอความช่วยเหลือจากครึ่งก้าวสู่จอมเทพและอวี่เหิง
“ขอความช่วยเหลือหรือ?” หลังจากที่อวี่เหิงได้รับข่าวนี้ก็ชะงักไป สีหน้าเย็นชา
“เป็นกลุ่มไหนกัน ยามเข้ามาในพื้นที่อันตรายของมิติแห่งนี้ เมื่อเจอกับอันตรายถึงค่อยมาขอความช่วยเหลือจากข้า?”
เทพโบราณเมี่ยหลิวถาม
อย่างไรเสีย ทุกแห่งหนในมิติแห่งนี้ก็ล้วนเป็นสมบัติ ถึงจะเป็นครึ่งก้าวสู่จอมเทพก็ยังทนความเย้ายวนใจจากสมบัติล้ำค่าไม่ได้
ส่วนกลุ่มกำลังอีกสองคน นอกเหนือจากหาข่าวคราวของพวกซินอู๋เหิน ย่อมต้องไปหาทรัพยากร
เป็นเพราะเทพโบราณเมี่ยหลิวอยู่กลุ่มเดียวกันกับอวี่เหิง จึงทำได้เพียงติดตามอวี่เหิงค้นหาตราเทพบรรพกาล ไม่เช่นนั้นเมื่อเขาเจอทรัพยากรที่ตนเองต้องการก็จะวางภารกิจค้นหาไว้ก่อน
“กลุ่มของเทพโบราณอวี้ห่ายจากตำหนักวิญญาณบรรพกาล เมื่อเจอพวกซินอู๋เหินผลลัพธ์กลายเป็นว่าถูกเอาชนะ จนไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้!”
ใบหน้าเย็นชาของอวี่เหิงเผยรอยยิ้มออกมาในทันใด ทำให้คนมองหนาวเหน็บ
ประโยคนี้ของอวี่เหิงเน้นคำว่าตำหนักวิญญาณบรรพกาล
ก่อนจะเข้ามาที่นี่ จอมเทพซิงเซี่ยงเน้นย้ำให้เชื่อฟังคำสั่งอวี่เหิง มิฉะนั้นจะต้องรับผิดชอบผลที่ตามมาด้วยตนเอง แต่คนของตำหนักวิญญาณบรรพกาล สุดท้ายก็มิได้ทำตามคำพูดจอมเทพซิงเซี่ยง
“นี่เป็นไปได้อย่างไรกัน กลุ่มเทพโบราณอวี้ห่ายแพ้ไปแล้วหรือ?”
เทพโบราณเมี่ยหลิวตกตะลึง
ถึงแม้ว่าเขาจะหวังให้เทพโบราณอวี้ห่ายพ่ายแพ้ แต่การพ่ายแพ้แบบนี้ก็ไม่สมเหตุสมผลมากเกินไป
เทพโบราณขั้นแปดสุดยอดอีกผู้หนึ่งก็รู้สึกเหลือเชื่อ
คิดไม่ถึงว่าเทพโบราณอวี้ห่ายจะพ่ายแพ้จนถึงขนาดต้องร้องขอความช่วยเหลือจากกลุ่มอื่นๆ
“พวกเรารีบไปกันเถิด!” เทพโบราณเมี่ยหลิวเอ่ยอย่างตื่นเต้น
กลุ่มซินอู๋เหินและเทพโบราณอวี้ห่ายเพิ่งผ่านการสู้รบกันมา คงจะอ่อนแอแน่ หากพวกเขารีบไปจะต้องเป็นฝ่ายได้เปรียบและจัดการทั้งหมดได้!
ตอนนั้นอาจยังได้เห็นเรื่องตลกของเทพโบราณอวี้ห่ายด้วย
“อยู่ไกลมากทีเดียว!” อวี่เหิงพึมพำ
‘หรือว่าพลังศาสตร์โชคชะตากลุ่มนั้นจงใจล่อข้ามาที่นี่?’ อวี่เหิงลอบคิดในใจ ใบหน้าเคร่งขรึมเล็กน้อย
ก่อนนี้เขาไม่เคยมีความรู้สึกเช่นนี้มาก่อน แต่ตอนนี้เมื่อปะติดปะต่อรายละเอียดต่างๆ ก่อนหน้าเข้าด้วยกัน เขาจึงเกิดความคิดเช่นนี้ขึ้น
……
ทางฝั่งจ้าวเฟิงและพวกเผ่าเทพยักษ์ร่วมกันไล่สังหารเทพโบราณอวี้ห่าย
“พวกเจ้า…จะต้องตายอย่างอนาถ!”
ร่างเทพโบราณอวี้ห่ายอับแสงลง ใบหน้าบิดเบี้ยว ทำได้เพียงโคจรเคล็ดวิชาป้องกัน พยายามลดทอนอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นให้ได้มากที่สุด
แต่ทันใดนั้น จ้าวเฟิงก็หยุดลง
“ไป แยกกันก่อน!” เขาเอ่ยเสียงเรียบ
“เพราะอะไร?” เทพโบราณหวาไฉ่ถามขึ้นทันใด
ในตอนนี้พวกเขากำลังได้เปรียบ หากไล่ล่าต่อไป มีความเป็นไปได้มากที่จะสังหารเทพโบราณอวี้ห่ายลงได้ ไยถึงต้องมาแยกกัน
“ที่นี่อาจยังมีผู้แข็งแกร่งคนอื่นของตำหนักวิญญาณบรรพกาลอีก!”
จ้าวเฟิงเอ่ยเข้าประเด็น
ก่อนนี้เทพโบราณอวี้ห่ายร้อนรน แต่จู่ๆ ตอนนี้ก็สงบนิ่ง ต้องมีเหตุผลอะไรแน่
ทันทีที่เอ่ยจบ คนจากเผ่าเทพยักษ์ก็ใจเย็นวาบ
สิ่งที่จ้าวฟิงพูดนั้นมีความเป็นไปได้อย่างมาก!
หากผู้แข็งแกร่งคนอื่นจากตำหนักวิญญาณบรรพกาลตามมา ด้วยสภาวะของพวกเขาในตอนนี้ ไม่มีแรงจะรับมือได้แม้แต่น้อย
ส่วนเทพโบราณเฉิงอวิ๋น เขาสูญเสียสติสัมปชัญญะไปแล้วอย่างสิ้นเชิง หากทุกคนขวางเขา ไม่แน่ว่าอาจจะตกเป็นฝ่ายโดนโจมตีกลับ หาเรื่องใส่ตัวเสียเอง
พรึ่บ! จู่ๆ พวกจ้าวเฟิงก็หยุดการไล่ตาม
“คิดไม่ถึงว่าจะหนีไปเสียแล้ว!” สีหน้าของเทพโบราณอวี้ห่ายอึมครึม
กำลังเสริมของเขาใกล้จะมาถึงแล้ว แต่พวกจ้าวเฟิงกลับหนีไปเสียได้
อาการบาดเจ็บของเขาในตอนนี้สาหัส ไม่อาจขวางพวกจ้าวเฟิงอีกต่อไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังมีเทพโบราณเฉิงอวิ๋นที่ตามเขาอย่างไม่ลดละอีก
ฟิ้ว! บนฟากฟ้าไกลออกไป จู่ๆ ก็มีไอเหมันต์ที่หยั่งรู้ดวงวิญญาณลอยล่องมา
จากนั้นจึงปรากฏเงาคนทั้งสามขึ้น ร่างคนเป็นผู้นำถูกปกคลุมอยู่ภายใต้น้ำแข็งหนาวเหน็บ มีเพียงใบหน้าเย็นชาเท่านั้นที่โผล่ออกมาให้เห็น
“เทพโบราณหานอวี้!” ใบหน้าเทพโบราณอวี้ห่ายฉายแววยินดี
“อวี้ห่าย คิดไม่ถึงเลยว่าท่านจะประมาทมากจนตกอยู่สภาพอนาถาเช่นนี้!”
เทพโบราณหานอวี้เอ่ยเสียงเรียบขณะกวาดสายตามองเทพโบราณเฉิงอวิ๋น
ไอเหมันต์ที่หยั่งรู้วิญญาณพุ่งลึกลงในร่างเทพโบราณเฉิงอวิ๋น เหมือนจะทำให้เขามีสติขึ้น
เทพโบราณหานอวี้เองก็เป็นครึ่งก้าวสู่จอมเทพ พลานุภาพและแรงกดดันจากเขา รุนแรงยิ่งกว่าเทพโบราณอวี้ห่ายในสภาพสมบูรณ์เสียอีก
“บนร่างพวกเจ้าก็มีกลิ่นอายของ ‘พวกมัน’!”
สีหน้าเทพโบราณเฉิงอวิ๋นเกรี้ยวกราดชะงักงันอยู่กลางอากาศ
ในตอนนี้มีครึ่งก้าวสู่จอมเทพสองคนอยู่เบื้องหน้าเขา แต่เทพโบราณเฉิงอวิ๋นยังคงไม่รีบถอยหนีไปแต่อย่างใด เห็นได้ว่าความแค้นที่เขามีต่อคนจากตำหนักวิญญาณบรรพกาลสลักแน่นถึงเพียงใด ทันใดนั้นเอง สีหน้าเทพโบราณเฉิงอวิ๋นก็เปลี่ยนแปลงไปในทันที ความโกรธเกรี้ยวหายไปมากกว่าครึ่ง
“มา มาที่นี่!” เสียงเพรียกหาจากวิญญาณเสียงหนึ่งทะลวงผ่านอากาศมา ดังขึ้นในดวงจิตมาร
เสียงเพรียกหานั้นทั้งคุ้นเคยและสนิทสนม ทำให้ดวงจิตในร่างเทพโบราณเฉิงอวิ๋นนิ่งสงบมากขึ้น และคล้อยตามไปมาก