บทที่ 1374 เมฆหมอกแห่งความสงสัย
“มา มาที่นี่เถอะ!”
เสียงเพรียกหาจากวิญญาณเสียงหนึ่งทะลวงผ่านอากาศ ดังขึ้นในหัวดวงจิตมาร
เสียงเพรียกหานั้นทั้งคุ้นเคยและสนิทสนม ปลอบประโลมความเกรี้ยวกราดของดวงจิต ทำให้เขาสงบเยือกเย็น และมีสติมากยิ่งขึ้น
“อวี้ห่าย คนผู้นี้เป็นอะไรกันแน่? พวกซินอู๋เหินล่ะ?”
เทพโบราณหานอวี้ถามเสียงเย็น
ตอนที่เทพโบราณอวี้ห่ายส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือก่อนหน้านี้ บอกว่ากำลังถูกซินอู๋เหินและจ้าวเฟิงไล่สังหาร
ด้วยเหตุนี้ เทพโบราณหานอวี้จึงรีบนำกลุ่มคนมา ย่อมเพราะต้องการจะเอาความดีความชอบ แต่เมื่อมาถึงที่นี่กลับเห็นแต่เทพโบราณเฉิงอวิ๋น
สำหรับสถานการณ์ของเทพโบราณเฉิงอวิ๋น เทพโบราณหานอวี้เองก็พอจะสัมผัสได้ และมองออกด้วย แต่เทพโบราณหานอวี้ยังคงไม่เห็นเขาในสายตา
“พวกมันหนีไปแล้ว คนผู้นี้ก็เป็นคนจากเผ่าเทพยักษ์ สังหารก่อนแล้วกัน!”
เทพโบราณอวี้ห่ายพลันเอ่ย
เทพโบราณเฉิงอวิ๋นทำลายแผนเขา หนำซ้ำยังสลัดทิ้งได้อย่างยากเย็น สลัดทิ้งอย่างไรก็สลัดไม่หลุด สร้างความยุ่งยากแก่เทพโบราณอวี้ห่ายมาก จนตอนนี้ ความแค้นที่เทพโบราณอวี้ห่ายมีต่อเทพโบราณเฉิงอวิ๋นถึงขั้นเหนือกว่าจ้าวเฟิงและซินอู๋เหิน
“ไร้ความสามารถจริงๆ กลับไปคราวนี้ข้าจะรอดูว่าเจ้าจะอ้างกับเจ้าตำหนักอย่างไร!”
เทพโบราณหานอวี้เหลือบตามองเทพโบราณอวี้ห่าย ก่อนเอ่ยอย่างไม่แยแส
เห็นได้ชัดเจนว่าเทพโบราณอวี้ห่ายเจอซินอู๋เหินนานแล้ว แต่เพื่อสนองความต้องการของตน จึงไม่แจ้งคนอื่นๆ ถ้าหากเขาทำภารกิจได้ลุล่วงก็คงไม่มีอะไร แต่ที่สำคัญก็คือเทพโบราณอวี้ห่ายพ่ายแพ้ และยังแพ้อย่างอเนจอนาถ สมาชิกสองคนก็ตายไปหมด
เทพโบราณอวี้ห่ายนิ่งเงียบ นี่ก็คือสิ่งที่เขากังวล แต่เขายังมีโอกาสจะกู้สถานการณ์ ขอแค่เขาทำผลงานต่อไปดี มีบทบาทสำคัญ และแย่งชิงเอาตราเทพบรรพกาลกลับมาได้สำเร็จ เชื่อมั่นว่าเจ้าตำหนักและจอมเทพซิงเซี่ยงจะไม่ลงโทษเขาแน่
เทพโบราณหานอวี้เคลื่อนตัวไปด้านหน้า มองไปที่เทพโบราณเฉิงอวิ๋น
ในเมื่อคนผู้นี้ถูกดวงจิตมารควบคุมเอาไว้แล้ว เช่นนั้นแล้วไยจึงเคืองแค้นพวกเขา เคืองแค้นตำหนักวิญญาณบรรพกาลมากขนาดนี้
แต่ในตอนนี้เอง เทพโบราณเฉิงอวิ๋นหมุนกายมองไปด้านหลัง
“ข้ามาแล้ว!” เขาเอ่ยอย่างตื่นเต้นด้วยใบหน้าเคารพนับถือ
เมื่อเอ่ยจบจึงกลายร่างเป็นแสงสว่างสายหนึ่งหนีไปไกลอย่างรวดเร็ว
“อย่าปล่อยให้มันหนีไป!” เทพโบราณอวี้ห่ายเอ่ยออกมาทันที
เขาเองก็ประหลาดใจ หรือว่าเทพโบราณเฉิงอวิ๋นจะเสียสติ เลยไล่ฆ่าเขาจนไม่แยแสสิ่งใด?
“รวดเร็วเหลือเกิน!” สีหน้าเทพโบราณหานอวี้จริงจังขึ้นเล็กน้อย นางประมาทเทพโบราณเฉิงอวิ๋นไป
“หยุดเสีย แล้วบอกความลับทั้งหมดกับข้ามา!”
เทพโบราณหานอวี้เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา ความหนาวเหน็บรอบตัวนางกระจายไปโดยรอบ
ฉับพลันนั้น ไอเหมันต์เย็นเสียดกระดูกกระจายตัวเต็มผืนฟ้า เหมือนจะแช่แข็งทุกสรรพสิ่งไป แต่ไอเหมันต์กลุ่มนี้ส่งผลต่อชั้นวิญญาณโดยเฉพาะ
ดวงวิญญาณเทพโบราณอวี้ห่ายก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ยามนี้จึงรู้สึกเหนื่อยล้า
ณ ที่ไกลลิบ ร่างดวงจิตในร่างเทพโบราณเฉิงอวิ๋นเองก็ถูกลอบโจมตีจากไอเหมันต์ ตัวสั่นเทิ้มอย่างอดไม่ได้
“ครึ่งก้าวสู่จอมเทพผู้นี้แข็งแกร่งกว่าเทพโบราณอวี้ห่าย?”
เทพโบราณเฉิงอวิ๋นพึมพำ
เขาในตอนนี้สงบนิ่งกว่าที่ผ่านมามาก รู้จักแยกแยะและสังเกตอย่างละเอียด แต่ต่อให้เทพโบราณหานอวี้แข็งแกร่งกว่าเทพโบราณอวี้ห่าย ถ้าเขาอยากจะหนี อีกฝ่ายก็ขวางไม่ได้
“กาลเวลาหลุดลอย!” เทพโบราณเฉิงอวิ๋นพึมพำเสียงต่ำ ระลอกแสงสว่างที่รุนแรงกลุ่มหนึ่งกระจายตัวออกมาและหมุนรอบทั่วร่างทันใด
สถานการณ์ที่เกินความคาดหมายบังเกิดขึ้น
ทั่วร่างเทพโบราณเฉิงอวิ๋นปรากฏระลอกแสงประหลาดที่บิดเบี้ยว จนทั้งร่างโปร่งแสงเป็นผลึกเรืองรอง หลังเสียงดัง ‘วิ้ง’ ก็กลายร่างเป็นลำแสงประหลาดสายหนึ่ง
พรึ่บ! ในวินาทีต่อมา ลำแสงประหลาดจากร่างของเทพโบราณเฉิงอวิ๋นก็เอาชนะไอเหมันต์กลุ่มนั้น พุ่งทะลวงผ่านไปด้วยความเร็วยิ่งกว่า
“นี่มัน…” แววตาเทพโบราณอวี้ห่ายตะลึงค้าง
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเทพโบราณหานอวี้ในสภาวะสุดยอด คิดไม่ถึงเลยว่าฝ่ายตรงข้ามจะถอยหนีไปอย่างนั้น
เมื่อครู่เป็นเคล็ดวิชาหลบหนีประเภทไหนกันแน่ ถึงแปลกประหลาดได้ขนาดนี้?
อีกสองคนในกลุ่มเทพโบราณหานอวี้ก็ตื่นตะลึง
“นี่ไม่ใช่เคล็ดวิชาเวลาธรรมดา แต่เป็นการใช้เวลาในระดับขั้นที่ลึกล้ำยิ่งกว่า หรือดวงจิตในชาติก่อนจะเป็นเผ่านั้น…”
ใบหน้างามราวเกล็ดน้ำแข็งของเทพโบราณหานอวี้ค่อยๆ เคร่งขรึม
ทันใดนั้น ในใจของนางก็หนักอึ้ง หากช่วงชีวิตก่อนฝ่ายตรงข้ามเป็นเผ่าพันธุ์นั้นจริงๆ นางถึงขั้นไม่อยากยั่วโทสะด้วย
ดีที่เป้าหมายของพวกเขาคราวนี้คือซินอู๋เหินและตราเทพบรรพกาล!
“ซินอู๋เหิน พวกเจ้าหนีไปไหนกันแล้ว?” เทพโบราณหานอวี้ถามเสียงเย็น
“ก็ทางเดียวกับที่คนของเผ่าเทพยักษ์หนีไปเมื่อครู่!”
……
ทางฝั่งจ้าวเฟิง พวกเขาเดินทางไปอย่างระมัดระวัง อย่างไรเสีย มิติลี้ลับแห่งนี้ก็มีสถานที่อันตรายอยู่จำนวนมาก
สภาพร่างกายของพวกเขาไม่ดีนัก จำเป็นต้องระมัดระวังให้มาก
“พยายามหนีออกไปจากที่นี่ให้ได้!” ซินอู๋เหินเอ่ย
ถ้าหากตำหนักวิญญาณบรรพกาลคนอื่นๆ ยังอยู่ที่นี่ หลังจากที่พวกเขารวมตัวกันแล้วย่อมต้องไล่ล่าตามมาอีกครั้งแน่
ในตอนนี้เอง จู่ๆ ทุกคนก็สัมผัสได้ถึงความแปลกประหลาดด้านหลัง พวกเขาใช้ประสาทสัมผัสเทพกวาดดู ก่อนที่สีหน้าทุกคนจะตื่นตะลึงไป
“เทพโบราณเฉิงอวิ๋น!” เทพโบราณพั่วเยวี่ยร้องเสียงหลงอย่างตื่นตกใจ
เทพโบราณเฉิงอวิ๋นที่ถูกมารครอบงำ ทิ้งความประทับใจฝังลึกไว้ให้ทุกคน
ในตอนนี้ เทพโบราณเฉิงอวิ๋นกำลังพุ่งตรงมาหาทุกคน หรือว่าเขาล้มเลิกความตั้งใจที่จะสังหารเทพโบราณอวี้ห่ายและกลับมาโจมตีพวกเขาอีกแล้ว?
ฝ่ายเทพโบราณเฉิงอวิ๋น เมื่อเห็นพวกจ้าวเฟิงสีหน้าท่าทางก็ฉายแววเกลียดชังเล็กน้อย แต่เคล็ดวิชาที่เขาใช้หนีจากเงื้อมมือครึ่งก้าวสู่จอมเทพเมื่อครู่ ทำให้ตอนนี้อ่อนแอไม่น้อย ไม่เหมาะจะสู้รบต่อไป อีกทั้งในตอนนี้เขามีเรื่องที่สำคัญกว่าต้องไปทำ จึงไม่มีเวลาไปสนใจพวกจ้าวเฟิงอีก
“ท่าทีของเขาเปลี่ยนไปมาก!” จ้าวเฟิงเอ่ยเสียงต่ำ
เทพโบราณเฉิงอวิ๋นในตอนนี้สงบนิ่งกว่าเดิมมาก แต่นั่นก็เป็นเพราะดวงจิตสงบนิ่งลง คาดว่าวิญญาณของเทพโบราณเฉิงอวิ๋นน่าจะถูกครอบงำไปหมดแล้ว
เปรี๊ยะ! เทพโบราณเฉิงอวิ๋นโฉบผ่านข้างกายทุกคนและหายไปไกล
“เขาอ่อนแอลงไปเล็กน้อย หรือว่าที่นี่มีคนจากตำหนักวิญญาณบรรพกาลคนอื่นอยู่จริง?”
เทพโบราณหวาไฉ่เอ่ยขึ้น
ความเกลียดชังที่เทพโบราณเฉิงอวิ๋นมีต่อตำหนักวิญญาณบรรพกาล เหมือนกับว่าทั้งสองฝ่ายมีความแค้นต่อกันล้ำลึก แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเทพโบราณเฉิงอวิ๋นจะไม่ไล่ล่าเทพโบราณอวี้ห่ายต่อ แต่หนีไปไกลด้วยท่าทางอ่อนแอ
หากเป็นเช่นนี้ จะต้องเป็นเพราะผู้แข็งแกร่งคนอื่นของตำหนักวิญญาณบรรพกาลกำลังเดินทางมา เทพโบราณเฉิงอวิ๋นไม่ใช่คู่ต่อสู้ จึงเลือกที่จะหนีไป
“ไม่ถูกต้อง เหมือนเขาอยากไปจะที่นั่นมาก!”
จ้าวเฟิงสังเกตอย่างละเอียด จากนั้นเอ่ยทันควัน
“พวกเราจะไปดูดีหรือไม่?” เทพโบราณหวาไฉ่เอ่ยถาม
ร่างดวงจิตที่อยู่ในร่างเทพโบราณเฉิงอวิ๋น ในชีวิตก่อนจะต้องเป็นสิ่งมีชีวิตในมิติแห่งนี้แน่
สถานที่ที่เขาอยากจะไปจนใจแทบขาดย่อมสำคัญมากแน่ๆ
“ตอนนี้ยังต้องออกจากที่นี่ก่อน หาที่รักษาบาดแผลแล้วค่อยว่ากัน!”
จ้าวเฟิงเอ่ยแนะนำ
สภาพของคนทั้งสี่ในตอนนี้อ่อนแอจนถึงขีดสุด หากว่าเจออันตรายอื่นหรือฝูงอสูรอาจต้องตายลงที่นี่
“ด้านหน้ามีสิ่งปลูกสร้างของเผ่าความลับสวรรค์!” แววตาเทพโบราณพั่วเยวี่ยเปล่งประกายแวววับ
ก่อนหน้านี้ หลังจากที่ทุกคนเข้าไปในสิ่งปลูกสร้างของเผ่าความลับสวรรค์ ต่างยืนยันคร่าวๆ ได้ว่าไม่ใช่แหล่งมรดกของเผ่าความลับสวรรค์ ดังนั้นในตอนนี้ เมื่อเห็นอาคารของเผ่าความลับสวรรค์จึงไม่ได้ตื่นเต้นอะไรมากนัก
“ไม่ใช่แค่ที่นี่เท่านั้น!”
แววตาจ้าวเฟิงทอดมองไปที่ไกลๆ เห็นสิ่งต่างๆ ได้มากขึ้น เขาพบว่าสิ่งปลูกสร้างจากเผ่าความลับสวรรค์ด้านหน้าไม่ได้มีเพียงแห่งเดียว อีกทั้งมรดกเผ่าความลับสวรรค์เหล่านี้ยังพิเศษอย่างยิ่ง ด้านบนมีอุปกรณ์กลไกประเภทโจมตีจำนวนมาก หอคอยที่ทั้งทรงพลังในการป้องกันและรุกคืบโจมตี จนเหมือนเตรียมไว้เพื่อทำศึกสงคราม
และสิ่งปลูกสร้างเหล่านี้เสียหายไปในระดับหนึ่งไม่มากก็น้อย ถึงกระทั่งว่าสิ่งปลูกสร้างเหล่านี้หลงเหลือแค่ซากปรักหักพังเท่านั้น
“สิ่งปลูกสร้างจากเผ่าความลับสวรรค์มากเหลือเกิน!”
เทพโบราณหวาไฉ่อุทานอย่างตกตะลึง
นางเคยเห็นอารยธรรมของความลับสวรรค์มาไม่น้อย แต่เป็นครั้งแรกที่เคยเห็นสิ่งปลูกสร้างประเภทสู้รบต่างๆ รอบบริเวณขนาดนี้
“หยุดก่อน วังสีเทาขนาดใหญ่หลังนั้นมีฝูงอสูรอยู่!”
จู่ๆ จ้าวเฟิงก็ชะงักแล้วส่งเสียงบอก
“ที่นี่มีการต่อสู้เกิดขึ้น!” ซินอู๋เหินเอ่ยเสียงต่ำ
“ทางฝ่ายที่สู้รบเกี่ยวข้องกับเผ่าความลับสวรรค์ หรืออาจจะเป็นเผ่าความลับสวรรค์เลย!”
เทพโบราณพั่วเยวี่ยคาดเดา
เผ่าความลับสวรรค์ถือว่าเป็นเผ่าพันธุ์ในตำนานลำดับที่สามในหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ ตำนานของพวกเขามีมากมาย
“หรือว่านายของ ‘คลังสมบัติบรรพชน’ ในตอนก่อนหน้านี้จะเป็นเผ่าความลับสวรรค์?”
ซินอู๋เหินเอ่ยเหมือนคิดอะไรอยู่
ตราเทพบรรพกาลเป็นอาวุธเทพพิเศษที่เผ่าความลับสวรรค์สร้างขึ้นมาเพื่อเป็นกุญแจไขมิติแห่งนี้ ส่วนในมิติแห่งนี้ยังมีสิ่งปลูกสร้างพวกที่ใช้ในการสู้รบของเผ่าความลับสวรรค์อยู่อีกจำนวนมาก เหมือนว่าเกิดเรื่องใหญ่โตอะไรอย่างนั้น อีกสองคนจากเผ่าเทพยักษ์และจ้าวเฟิงก็ยิ่งรู้สึก เกรงว่า ‘คลังสมบัติบรรพชน’ จะไม่ใช่ของเผ่าเทพยักษ์ แต่เป็นพื้นที่ลี้ลับที่เกี่ยวข้องกับเผ่าความลับสวรรค์…
ห้าวันต่อมา ทุกคนยังโบยบินในมิติแห่งนี้
พื้นที่ใหญ่โตกว้างขวาง ทุกระยะหนึ่งจะมองเห็นสิ่งปลูกสร้างของเผ่าความลับสวรรค์หลังหนึ่ง
“หืม? หอยักษ์สีเงินหลังนั้น…”
แววตาของจ้าวเฟิงพลันจ้องไปที่เหนือหอของเผ่าความลับสวรรค์แห่งหนึ่ง
หอคอยยักษ์สีเงินหลังนั้นตั้งตระหง่านกว่าสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดที่เคยเห็นมาไม่น้อย อีกทั้งยังอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์
ประสบการณ์ก่อนหน้านี้บอกจ้าวเฟิงว่า ขอแค่มีสิ่งปลูกสร้างสภาพสมบูรณ์ที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ ก็เหมือนจะถูกฝูงสัตว์อสูรยึดครองไปแล้ว แต่แถวหอยักษ์สีเงินหลังนั้นไม่มีร่องรอยอสูรอยู่เลย
หลังจากที่เข้าไปใกล้ จ้าวเฟิงถึงได้สติขึ้นมา
ที่แท้จริงแล้วสิ่งปลูกสร้างแห่งนี้เก็บไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทางเข้าทั้งหมดถูกปิดเอาไว้ ไม่มีรอยโหว่ที่จะมุดเข้าไปได้ อสูรทั่วไปไม่สามารถเข้าไป
“พวกเราเข้าไปในหอยักษ์แห่งนี้ก่อน รักษาบาดแผลแล้วค่อยวางแผนทำอย่างอื่น!”
จ้าวเฟิงเอ่ยแนะนำ
เมี้ยว! เจ้าแมวขโมยน้อยกระโจนออกจากมิติเก็บของ แววตาส่องประกายวิบวับ เหมือนว่ามันสนใจสิ่งปลูกสร้างแห่งนี้อย่างมาก
“ใช่แล้ว เจ้าแมวตัวนี้ชำนาญเคล็ดวิชาความลับสวรรค์ น่าจะสามารถเปิดทางเข้าหอคอยยักษ์แห่งนี้!” เทพโบราณหวาไฉ่มีสีหน้ายินดี
โครม!
เจ้าแมวขโมยน้อยโผไปที่ทางเข้าของหอคอย หลังจากค้นหาชั่วขณะหนึ่งแล้ว บานประตูเหล็กด้านหน้าบานหนึ่งเปิดออกทันใด
หลังจากที่ทุกคนเข้าไป ประตูหอคอยเหล็กก็ปิดลงทันที
“เจ้าแมวขโมย!” จ้าวเฟิงตื่นตะลึงเล็กน้อย
หลังจากเข้ามาที่นี่แล้ว เจ้าแมวขโมยน้อยก็หนีหายไป
พวกจ้าวเฟิงและเผ่าเทพยักษ์ไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง ก่อนเริ่มปิดด่านฝึกตน
ก่อนนี้คนที่สู้รบกับเทพโบราณหวาไฉ่เป็นเทพโบราณขั้นเก้า อาการบาดเจ็บหนักหน่วง รากฐานได้รับบาดเจ็บ
ส่วนซินอู๋เหินใช้พลังจอมเทพ ทำร้ายรากฐานจนบาดเจ็บ หากอาการบาดเจ็บเหล่านี้ยังไม่หาย จะส่งผลต่ออนาคต ก่อให้เกิดบาดแผลที่ยากจะรักษามากขึ้นทุกที
แต่ของจ้าวเฟิงนั้นดีเล็กน้อย เพียงแค่สูญเสียเจตจำนงดวงตาไปค่อนข้างมาก หลังจากที่ใช้โอสถวิเศษรักษาก็ค่อยๆ ดีขึ้น
ฟิ้ว! จ้าวเฟิงหยิบเอาหน่อไม้ที่ส่องแสงสีขาววิบวับขึ้นมา
ในวินาทีที่สิ่งนั้นปรากฏ พลังแห่งแสงที่แข็งแกร่งก็ปกคลุมรอบบริเวณและเปลี่ยนทุกอย่างไปช้าๆ หน่อไม้แสงจันทร์แฝงด้วยแก่นสำคัญแห่งแสง เป็นของล้ำค่าที่ใช้ฝึกฝนเสวียนอ้าวเวลา หรือถึงขั้นสามารถกินมันเพื่อเพิ่มการบรรลุเสวียนอ้าวเวลา
ในตอนนี้ เสวียนอ้าวเวลาของจ้าวเฟิงไปถึงขั้นห้า ถ้าหากใช้หน่อไม้แสงจันทร์ ไม่นานนักก็จะไปถึงขั้นหก ต้องรู้ว่าธาตุทั้งห้าของจ้าวเฟิง เสวียนอ้าววายุอัสนีเพิ่งถึงขั้นหกสุดยอดเท่านั้น จ้าวเฟิงกินหน่อไม้แสงจันทร์ไปทันที จากนั้นจึงค่อยๆ ตกอยู่ในสภาวะลึกซึ้งและฝึกตน