บทที่ 1375 ร่วมมือบุกสำรวจ
หลังกินหน่อไม้แสงจันทร์ท่อนหนึ่งไปแล้ว จ้าวเฟิงก็รู้สึกว่าสรรพสิ่งในฟ้าดินเชื่องช้าลงไปในทันที สตินึกคิดของเขาดำดิ่งลงไปในโลกประหลาด เวลาในนั้นเดี๋ยวเชื่องช้าเดี๋ยวรวดเร็ว
“แก่นของกาลเวลาไม่ธรรมดาเลยจริงๆ ด้วย!” จ้าวเฟิงตะลึงในใจ
สตินึกคิดของเขาว่างเปล่าล่องลอย พลังเสวียนอ้าวที่ยากหยั่งถึงกลุ่มหนึ่งปรากฏขึ้นในใจช้าๆ ในวินาทีนั้น ความเข้าใจที่จ้าวเฟิงมีต่อเสวียนอ้าวเวลาก็เพิ่มขึ้นไปอีกระดับขั้นหนึ่ง
ไม่ถึงยี่สิบวัน เสวียนอ้าวเวลาของจ้าวเฟิงก็ไปถึงขั้นห้าสุดยอด!
ก่อนหน้านี้ไม่นานนัก เสวียนอ้าวเวลาของเขาเพิ่งจะทะลวงถึงขั้นที่ห้า ยามนี้มาถึงขั้นห้าสุดยอดอย่างรวดเร็วเช่นนี้ ก็เป็นเพราะความน่าอัศจรรย์ของ ‘หน่อไม้แสงจันทร์’แต่เมื่อเสวียนอ้าวเวลาของจ้าวเฟิงไปแตะขั้นห้าสุดยอดแล้ว แก่นเวลาก็ยังใช้ไม่หมด
ยี่สิบวันต่อมา พลังเสวียนอ้าวเวลารอบตัวจ้าวเฟิงอ่อนจางลงจนเกือบจะสลายไป
แต่ทันใดนั้นเอง พลังเสวียนอ้าวเวลากลุ่มหนึ่งทะลักออกจากร่างจ้าวเฟิง ส่งผลกระทบต่ออากาศรอบบริเวณ จนทำให้มันช้าผิดปกติ
“ขั้นหก!” จ้าวเฟิงเปิดเปลือกตาชิ้น
หน่อไม้แสงจันทร์ท่อนเดียวทำให้เขาเสวียนอ้าวเวลาของเขาจากขั้นที่ห้าไปถึงขั้นหก
ไม่เสียแรงที่เป็นสิ่งล้ำค่าในบรรดาทรัพยากรเสวียนอ้าวเวลา
เพราะดวงตาเทพเจ้า ตัวจ้าวเฟิงจึงมีความสามารถในการทำความเข้าใจสูงมาก หน่อไม้แสงจันทร์ก็ยังเพิ่มความลึกซึ้งในเสวียนอ้าวเวลาของเขาได้ด้วย
นี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่เสวียนอ้าวเวลาของจ้าวเฟิงทะลวงมาขั้นหนึ่ง
เสวียนอ้าวเวลาไปถึงขั้นที่หกได้ ก็มีพลานุภาพขั้นต้นแล้ว สามารถเชื่อมโยงกับพลังเสวียนอ้าวอื่นๆ และหลอมรวมเข้าในฝ่ามือเทพรวมศูนย์ จนถึงตอนนี้ พลังฝ่ามือเทพรวมศูนย์ของจ้าวเฟิงเพิ่มขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง ในหมู่เทพโบราณขั้นแปดมีน้อยคนนักจะเทียบเทียมได้
“พลังดวงตาที่เสียไปก็ฟื้นฟูขึ้นมามากแล้ว!” จ้าวเฟิงตรวจสอบสภาพของตนเอง
พรึ่บ! เขาออกจากชุดคลุมมิติ กลับมาที่หอคอยยักษ์สีเงิน
ส่วนคนของเผ่าเทพยักษ์ยังซ่อนตัวอยู่ในอากาศ ปิดด่านฝึกตน
กลิ่นอายสายเลือดบรรพกาลที่แข็งแกร่งแทรกซึมออกมาไม่หยุด ส่วนกลิ่นอายสายเลือดที่ซินอู๋เหินปลดปล่อยออกมาแกร่งที่สุด จนถึงขั้นบดบังอีกสองคนได้
เมื่ออยู่ที่นี่ จ้าวเฟิงยังสัมผัสได้ถึงแรงกดดันสายเลือดที่ไร้รูปร่างด้วย
“ความสามารถในการทำความเข้าใจของซินอู๋เหินก็แข็งแกร่งอย่างมาก ใช้พลังจอมเทพมาสู้กับครึ่งก้าวสู่จอมเทพคราวนี้ เชื่อว่าพลังเขาจะเพิ่มขึ้นสูงนัก!”
จ้าวเฟิงคาดเดา
วูบ! ในตอนนี้เอง กลิ่นอายสายเลือดบรรพกาลจำนวนมหาศาลอ่อนแรงลงไปในทันที
กลางอากาศเกิดระลอกมิติสีเขียว ซินอู๋เหินทะยานออกมาจากภายใน
“อาการบาดเจ็บไม่มีปัญหาใดแล้ว ดูสถานการณ์ที่นี่ก่อนแล้วค่อยว่ากัน…”
ซินอู๋เหินแนะนำ
ก่อนนี้เขาเคยรื้อค้นคลังสมบัติเผ่าเทพยักษ์มาก่อน เคยได้ครอบครองทรัพยากรประหลาดจำนวนไม่น้อยจากสิ่งปลูกสร้างเผ่าความลับสวรรค์หลังก่อน หากจะรักษาอาการบาดเจ็บทั้งหมดของเขาก็ไม่ถือว่ายากเย็นอะไร
หนำซ้ำความสามารถในการฟื้นฟูของเผ่าเทพยักษ์ก็แข็งแกร่งยิ่ง ไม่จำเป็นต้องกังวลอาการบาดเจ็บและการสิ้นเปลืองพลังธรรมดา แค่ต้องจัดการแหล่งกำเนิดพลังรากฐานให้มั่นคงก็พอ
“ได้!” จ้าวเฟิงเห็นด้วยมาก
หลังจากที่เขาฟื้นฟูเจตจำนงดวงตาแล้วก็ไม่ได้ปิดด่านฝึกตนต่อ เพราะต้องการสำรวจในหอคอยยักษ์สีเงินหลังนี้
บางทีที่นี่อาจยังมีอันตรายแอบแฝงอยู่ หรืออาจยังมีโอกาสดีอะไร
“เจ้าแมวขโมยอยู่ด้านบนสุด!”
จ้าวเฟิงอาศัยพันธะสัญญาคาดเดาตำแหน่งเจ้าแมวคร่าวๆ
ท่ามกลางสิ่งปลูกสร้างของเผ่าความลับสวรรค์จำนวนมาก หอคอยยักษ์สีเงินแห่งนี้น่าจะสมบูรณ์ที่สุดแล้ว เช่นนั้นย่อมแปลว่าที่นี่ต้องเป็นจุดพิเศษหรือไม่ก็มีประโยชน์พิเศษบางอย่าง มิฉะนั้นเจ้าแมวขโมยน้อยคงไม่สนใจจนไปเดินตระเวนบนยอดของมัน
เช่นเดียวกัน เพราะรกร้างมานาน ดังนั้นอาคารเผ่าความลับสวรรค์หลังนี้จึงไม่มีกับดักกลไกอะไร
จ้าวเฟิงและซินอู๋เหินตรงขึ้นไปสำรวจด้านบน
ระหว่างทางไม่ได้เจอเหตุการณ์พิเศษอะไร คนทั้งสองจึงรู้สึกเหมือนที่นี่เป็นแค่หอคอยยักษ์ทั่วไป แต่พอจ้าวเฟิงใช้ดวงตาซ้ายมองทะลุผ่าน ก็พบว่าโครงสร้างหอคอยยักษ์นี้ซับซ้อนมาก
ทั้งสองคนไปถึงยอดหอคอยอย่างรวดเร็ว
“นี่คือ?” สีหน้าซินอู๋เหินตะลึงไปเล็กน้อย
ภาพของยอดหอคอยต่างจากโครงสร้างด้านล่างโดยสิ้นเชิง
รอบๆ ยอดหอคอยเต็มไปด้วยอุปกรณ์กลไกที่ไม่รู้นาม หลอดทดลองผลึกขนาดค่อนข้างเล็กนับไม่ถ้วน สลับซับซ้อนอยู่ทั่วห้องนั้น ส่วนกลางในห้องมีแผ่นทรงกลมสีดำขนาดใหญ่ชิ้นหนึ่ง ด้านบนแผ่นทรงกลมมีแท่นโลหะเก้าอัน
ส่วนเจ้าแมวขโมยน้อยกำลังขูดกรงเล็บสองข้างบนพื้นที่ตรงกลางแท่นโลหะเก้าอันนี้ไม่หยุด
“มันกำลังทำอะไร?” ซินอู๋เหินถาม
เห็นเพียงเส้นแสงสีขาวอ่อนจางนับไม่ถ้วนอยู่บนแผ่นสีดำนั้น ส่วนกรงเล็บของเจ้าแมวก็ขยับไปมาในลายเส้นแน่นขนัดพวกนั้น
จ้าวเฟิงแปลกประหลาดใจนัก แมวขโมยน้อยจะทำอะไรกันแน่
ในตอนที่เขากำลังจะถามนั้นเอง
วู้ม! จู่ๆ แผ่นทรงกลมสีดำก็เปล่งแสงขาววูบวาบ ในนั้นมีอักษรสีดำยึกยือเก่าแก่ลอยออกมาไม่หยุด ก่อนหลั่งไหลเข้าไปในแท่นโลหะทั้งเก้ารอบแผ่นทรงกลม ฉับพลันนั้น แท่นโลหะทั้งเก้าเปล่งแสงขึ้นพร้อมกัน ลำแสงสีขาวสายหนึ่งพุ่งออกไปสองด้าน สอดประสานเข้าด้วยกันจนเป็นทรงเก้าเหลี่ยม และเหนือทรงเก้าเหลี่ยมนั้น สีสันต่างๆ สว่างขึ้น บนเส้นยังมีจุดแสงอยู่ด้วย
“นี่มัน…” แววตาจ้าวเฟิงจ้องภาพเหตุการณ์นี้ สีหน้าฉายแววตกตะลึง
“นี่คือสภาพพื้นที่แถวนี้!”
ซินอู๋เหินอุทานออกมาทันใด
ในฐานะที่เป็นเทพโบราณ พวกเขาแทบจะไม่ลืมสถานที่ที่เคยเดินทางผ่านมา
เมื่อมองเห็นภาพนี้ พวกเขาจึงนึกถึงภูมิประเทศแถวนี้ได้
เมี้ยว เมี้ยว! เจ้าแมวขโมยน้อยส่งเสียง มันโบกมือไม้สื่อสารกับจ้าวเฟิง จากนั้นทำท่าทีหงอยเหงา
ซินอู๋เหินรีบมองจ้าวเฟิง มีเพียงจ้าวเฟิงเท่านั้นที่เข้าใจว่าเจ้าแมวขโมยน้อยกำลังพูดอะไร
“นี่คือ ‘หอหยั่งรู้’!” จ้าวเฟิงพูด
เมื่อเข้ามาในมิติแห่งนี้ แรงกดดันที่มีต่อประสาทสัมผัสเทพและการรับรู้ของทุกคนเหลือเพียงหนึ่งในสิบส่วนของที่ผ่านมา แต่ที่นี่มีอันตรายเต็มไปหมด ทำให้ทุกคนไม่กล้าบุกเข้าไปตามอำเภอใจ
แต่หอหยั่งรู้แห่งนี้สร้างขึ้นโดยสติปัญญาของเผ่าความลับสวรรค์ ข้อมูลของแผนที่ที่ล่วงรู้มากว้างไกลอย่างยิ่ง
เมี้ยว! เจ้าแมวยื่นอุ้งเท้าของมันออกมาด้วยท่าทางลำพองใจ!
“ห้าล้านลี้!” สีหน้าจ้าวเฟิงฉายแววตกใจ
ประสาทสัมผัสเทพของทุกคนในตอนนี้ขยายออกไปด้านหน้าได้เพียงแค่สามสี่หมื่นลี้เท่านั้น แต่หอหยั่งรู้แห่งนี้กลับสามารถสำรวจข้อมูลของพื้นที่ห้าล้านลี้ได้ อีกทั้งห้าล้านลี้นี้เป็นอาณาเขตของประสาทสัมผัสที่กว้างที่สุดยามนี้ ซึ่งแปลว่าจำนวนนี้น่าจะยังเพิ่มขึ้นอีก
นอกจากนี้ ถ้าหากลดระยะประสาทสัมผัสลง ก็จะแสดงข้อมูลในอาณาเขตที่กำหนดได้ครบถ้วนและละเอียดมากยิ่งขึ้น
เจ้าแมวขโมยตัวน้อยกระโดดโลดเต้นอีกครั้ง
ไม่นานนัก อาณาเขตที่แสดงในแผนที่ก็หดเล็กลงไม่หยุด จนสุดท้ายเหลือเพียงห้าแสนลี้ แต่สถานการณ์ทั้งหมดในห้าสิบลี้นี้อย่างชัดเจนมาก รวมไปถึงจำนวนอสูร หรือกระทั่งเห็นภาพเหตุการณ์ที่เลือนราง
“ผลนภาโลหิต!” ซินอู๋เหินพลันเอ่ย
ในรายละเอียดบนแผนที่ เมื่อครู่นี้เขามองเห็นต้นไม้ออกผลสีแดงขนาดใหญ่ยักษ์ต้นหนึ่ง ด้านบนนั้นมีผลแวววาวสีเลือดขนาดประมาณหัวกะโหลกสามสี่ชิ้น
ผลนภาโลหิตนี้รวบรวมพลังในฟ้าดินไว้ สามารถเพิ่มระดับขั้นชีวิตได้มากอย่างรวดเร็ว และยังผสานเข้าในสายเลือดบรรพกาลที่พิเศษเฉพาะบางอย่างเพื่อเพิ่มความเข้มข้นได้
เผ่าเทพยักษ์เลือดลมสมบูรณ์ แล้วยังฝึกฝนร่างกาย ซึ่งพอดีกันกับที่ผลนภาโลหิตส่งผลช่วยพัฒนาสายเลือดเผ่าเทพยักษ์ได้
เมี้ยว เมี้ยว!
สีหน้าเจ้าแมวขโมยน้อยฉายแววเจ้าเล่ห์ ปรึกษาหารือกับจ้าวเฟิงและซินอู๋เหิน
สิ่งที่สื่อสารก็คือมันจะอยู่ที่นี่ และใช้หอหยั่งรู้สำรวจละแวกใกล้เคียง
ส่วนจ้าวเฟิงและซินอู๋เหินออกไปค้นหาทรัพยากรตามคำชี้แนะของมัน
อย่างไรเสีย เมื่อมีหอหยั่งรู้ก็เข้าใจสภาพการณ์ทุกอย่างแจ่มแจ้ง สัดส่วนที่จะช่วงชิงเอาสมบัติมาได้สำเร็จก็เพิ่มขึ้น
“ดี!” จ้าวเฟิงและซินอู๋เหินตอบตกลง
ซินอู๋เหินแบกรับหน้าที่ที่ต้องทำให้เผ่าเทพยักษ์รุ่งเรืองขึ้นมา เป้าหมายแรกของเขาเมื่อมาถึงที่นี่ก็คือค้นหาสมบัติล้ำค่าไปให้ได้มากที่สุด จากนั้นจ้าวเฟิงและซินอู๋เหินจึงออกไปจากที่นี่
จ้าวเฟิงสื่อสารกับเจ้าแมวขโมย เพียงใช้ความคิด ก็สามารถส่งข้อมูลภาพมาได้อย่างสบาย
“ไปที่นี่!”
จ้าวเฟิงพาซินอู๋เหินมาที่ซากปรักหักพังแห่งหนึ่ง จากนั้นลงไปใต้ดิน
ไม่นานนัก พวกเขาก็พบก้อนหินแสงทรงกลมหลายชิ้นในชั้นหิน
“นี่คือ ‘หินกำเนิดเทพ’ หากใช้เป็นทรัพยากรฝึกตนจะรวมพลังเทพได้ หากใช้ในการสู้รบจะสามารถดูดซึมพลังในหินกำเนิดเทพ เพื่อเติมพลังเทพและไอสวรรค์ที่ใช้ไปได้ในทันที!” ซินอู๋เหินรีบเอ่ย
ถึงแม้ว่าหินกำเนิดเทพเหล่านี้จะด้อยค่ากว่าหน่อไม้แสงจันทร์และหินหยกเทวะก่อนหน้านี้ แต่ก็ล้ำค่าอย่างมาก อีกทั้งหินกำเนิดเทพหลายชิ้นนี้ พวกจ้าวเฟิงไม่ได้ลงทุนลงแรงก็ได้มาครอบครองอย่างง่ายดาย
ต่อมา ทั้งสองตรงไปที่จุดที่สอง
สถานที่แห่งนี้ก็คือที่ซุกซ่อน ‘ผลนภาโลหิต’ เป็นถิ่นอาศัยของฝูงอสูร อันตรายค่อนข้างมาก
แต่จ้าวเฟิงและซินอู๋เหินเข้าใจการกระจายตัวของฝูงอสูรภายในนั้นอย่างชัดเจน กระทั่งพลังฝึกตนของพวกมันยังรู้มาพอประมาณ ดังนั้นจึงวางแผนรับมือได้ง่ายดายอย่างยิ่ง
“ข้าไปล่อพวกมัน เจ้าอาศัยโอกาสเข้าไปภายใน แล้วชิงผลนภาโลหิตกับทรัพยากรล้ำค่าชิ้นอื่นมาด้วย!”
เสวียนอ้าวเวลาของจ้าวเฟิงไปแตะขั้นหก เมื่อบวกกับเสวียนอ้าวมิติ ความสามารถในการหลบหนีจึงแข็งแกร่งขึ้น
เปรี๊ยะ! จ้าวเฟิงพุ่งเข้าไปในสิ่งปลูกสร้างแห่งนี้ หลังจากสังหารอสูรหลายตนแล้วก็รีบหนีออกไป
เพื่อยั่วโทสะอสูรขั้นเก้าสุดยอดในสิ่งปลูกสร้าง เขายังกระตุ้นเนตรข้ามนภาเพื่อลอบสังหารพวกมัน
“เจ้ามนุษย์ เจ้ารนหาที่ตาย!”
ฝูงอสูรแทบจะใช้แรงทั้งหมดไล่โจมตีจ้าวเฟิง
จ้าวเฟิงเข้าใจสถานการณ์นี้อย่างชัดเจนผ่านเจ้าแมวขโมยน้อย เขาเตรียมตัวนานแล้ว หนีเข้าไปในหอหยั่งรู้อย่างรวดเร็ว
หอหยั่งรู้ยังคงสภาพเดิมไว้อย่างสมบูรณ์ พลังการป้องกันโดดเด่นมาก ฝูงอสูรเหล่านี้ทำอะไรไม่ได้เลย
ซินอู๋เหินจึงอาศัยโอกาสนี้แฝงตัวเข้าไปในรังพวกมันอย่างราบรื่น จนได้ผลนภาโลหิตกับทรัพยากรฝึกเสวียนอ้าวเวลามาหลายชิ้น หลังจากที่ฝูงอสูรถอยร่นไปแล้ว พวกจ้าวเฟิงทั้งสองก็เดินทางไปอีกหนึ่งจุดหมายปลายทาง
ครั้งนี้ทั้งสองคนได้ ‘ดอกบัวเก้ามรกต’ มา ของชิ้นนี้แฝงด้วยพลังเทพที่บริสุทธิ์ที่ทรงอานุภาพ ส่วนใบไม้หลายใบเหนือดอกก็ช่วยผลักดันพลังเทพของเทพโบราณ
เมื่อครู่บัวเก้ามรกตสามดอกที่ทั้งสองคนได้มามีใบบัวทั้งสิ้นเก้าใบ
เมื่อเป็นเช่นนี้ ด้วยความช่วยเหลือของเจ้าแมวขโมยน้อย พวกเขาจึงสามารถครอบครองทรัพยากรรอบๆ หอหยั่งรู้ได้มากพอควร
ทรัพยากรส่วนใหญ่ในพื้นที่ห้าแสนลี้รอบๆ ถูกทั้งสองกวาดจนเกลี้ยง ส่วนทรัพยากรที่อยู่ไกลๆ จนข้อมูลที่สัมผัสได้เลือนรางจะค่อนข้างเสี่ยง
แน่นอนว่ายังมีพื้นที่ที่ฝูงอสูรแข็งแกร่งหรือที่อันตรายบางส่วน พวกเขาสองคนไม่อาจเข้าไปได้
วันนี้พวกเขากำลังมุ่งไปที่จุดหมายปลายทางอีกแห่งเพื่อสำรวจตรวจตรา
ในหัวจ้าวเฟิงปรากฏข้อมูลและรูปภาพ
“ไม่ดีแล้ว ผู้แข็งแกร่งจากตำหนักวิญญาณบรรพกาลกำลังเข้ามาใกล้ที่นี่!”
จ้าวเฟิงบอกซินอู๋เหินในทันที
“สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง?” ซินอู๋เหินเอ่ยถาม
ข้อมูลที่หอหยั่งรู้สัมผัสได้ละเอียดอย่างมาก
“นอกเหนือจากเทพโบราณอวี้ห่ายแล้วยังมีครึ่งก้าวสู่จอมเทพอีกคนหนึ่ง…”