บทที่ 1399 มอดม้วยทั้งหมด
“บัดซบ เผ่าความลับสวรรค์ไม่มีทางปล่อยพวกเจ้าไปแน่!” ใบหน้าของอวี่เหิงเผยแววเหี้ยมโหด สายตากวาดมองกลุ่มคนเบื้องหน้า
คิดไม่ถึงเลยว่าเขาที่เป็นเผ่าความลับสวรรค์ ทั้งยังมีพลังเผ่าบรรพกาล จะพ่ายแพ้ในเงื้อมมือคนกลุ่มนี้
“จ้าวเฟิง เจ้าทำลายแผนของข้า เจ้าต้องไม่ตายดีแน่!” สายตาของอวี่เหิงหยุดลงบนร่างของจ้าวเฟิง
สาเหตุที่เขาพ่ายแพ้ในครั้งนี้แทบจะเป็นเพราะจ้าวเฟิงทั้งสิ้น
“เจ้าห่วงตัวเจ้าเองก่อนจะดีกว่า!” สีหน้าของจ้าวเฟิงเย็นชา
บุญคุณความแค้นระหว่างเขากับอวี่เหิงผูกกันแล้วอย่างสมบูรณ์ อวี่เหิงต้องตายสถานเดียว
“ฮ่าๆ ต่อให้ตาย ข้าก็จะไม่ให้เจ้าอยู่เป็นสุข!” จู่ๆ อวี่เหิงก็หัวเราะเสียงเย็นขึ้น
เขาขับเคลื่อนพลังสายเลือดบรรพกาลที่เหลืออยู่ในกายทันที มือทั้งสองขยับกระตุ้นเคล็ดวิชา
วู้ม วู้ม! อักษรเผ่าความลับสวรรค์กึ่งโปร่งแสงแต่ละตัวลอยออกมาพร้อมด้วยพลังลึกลับ
“มันจะทำอะไร?” สีหน้าซินอู๋เหินเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ถึงแม้ตอนนี้จะเหลือเพียงอวี่เหิงคนเดียว แต่เขาคือเผ่าความลับสวรรค์ที่อยู่ในรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ ทุกคนไม่เคยดูแคลนเขาเลย
จ้าวเฟิงก็มีความรู้สึกไม่ชอบมาพากล จึงอดระวังตัวขึ้นมาไม่ได้ และถอยหลังออกไป
ไม่ใช่เพียงแค่จ้าวเฟิง คนทั้งหมดที่นั่นต่างถอยหลัง จ้องอวี่เหิงเขม็งเช่นกัน เพื่อไม่ให้เขาสำแดงเคล็ดวิชาลับพิเศษบางอย่างหลบหนีไป
“ฮ่าๆ แมวความลับสวรรค์ เจ้าคิดจะหนีไปไหน?” อวี่เหิงยิ้มเหี้ยมเกรียม
วู้ม วู้ม! ตัวอักษรเผ่าความลับสวรรค์กึ่งโปร่งแสงพุ่งเข้าไปในร่างของแมวขโมยน้อยด้วยความเร็วที่สูงเกินจะเปรียบ
“แมวขโมยน้อย!” จ้าวเฟิงร้องอย่างตกใจทันที
อย่างไรเขาก็คาดไม่ถึงว่าสุดท้ายแล้วอวี่เหิงจะลงมือกับแมวขโมยน้อย คนทั้งหมดที่นั่นล้วนจ้องเจ้าแมวขโมยน้อยทันใด
เมี้ยว เมี้ยว~
ร่างของเจ้าแมวขโมยร่วงลงมาบนพื้น ร้องอย่างน่าอนาถไม่หยุด
เห็นเพียงบนหน้าผากของมันมีตราเพลิงที่ก่อขึ้นจากอักษรเผ่าความลับสวรรค์ค่อยๆ ปรากฏขึ้น ทั้งยังลุกไหม้อย่างเนิบช้า
“เจ้าแมวขโมยน้อย?” จ้าวเฟิงร้องอย่างตกใจทันที
เขาได้ยินแมวขโมยน้อยส่งเสียงร้องอย่างน่าเวทนาเป็นครั้งแรก เขาสามารถสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดของมันในตอนนี้ผ่านพันธะสัญญา
“เจ้าทำอะไรกับมัน?” จ้าวเฟิงมองอย่างโกรธแค้น ตาซ้ายหมุนโคจร
“ฮี่ๆ ขอเตือนเจ้า ทางที่ดีอย่าลงมือกับข้าจะดีกว่า!” อวี่เหิงหัวเราะเสียงเย็น ท่าทางไม่กังวลแม้แต่น้อย
เมี้ยว เมี้ยว~ เจ้าแมวขโมยน้อยร้องอย่างน่าเวทนา พลางเดินไปยังอวี่เหิงช้าๆ
ราวกับว่าตอนนี้นายของมันไม่ใช่จ้าวเฟิงอีกต่อไป แต่เป็นอวี่เหิง ภาพฉากนี้ทำเอาทุกคนที่อยู่ที่นั่นหน้าตาตื่นตะลึง
“แมวความลับสวรรค์คือผลงานจากภูมิปัญญาของเผ่าความลับสวรรค์ข้า เพื่อที่จะจำกัด ‘พลังที่แข็งแกร่ง’ กลุ่มนี้ ในยามที่คิดค้น เผ่าความลับสวรรค์ใส่การจำกัดเอาไว้ในตัวของมันด้วย!”
อวี่เหิงพูดอย่างทะนงตน
แต่เดิม เขาวางแผนไว้ว่าหลังจากฆ่าคนอื่นๆ แล้วก็จะอาศัยวิชาลับนี้จับแมวความลับสวรรค์ไป คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายเขาจะทำได้เพียงใช้กระบวนท่านี้รักษาชีวิต
“มีเรื่องเช่นนี้ด้วย?” สีหน้าจ้าวเฟิงโกรธแค้นเป็นอย่างยิ่งแน่นอน ด้วยลักษณะนิสัยของเผ่าความลับสวรรค์ ทำเรื่องเช่นนี้ออกมาก็เป็นเรื่องปกติมาก
ยกตัวอย่างเช่น สิ่งก่อสร้างเผ่าความลับสวรรค์ที่สำคัญส่วนใหญ่ล้วนติดตั้งการทำลายตัวเองไว้
“หากเจ้าโจมตีข้า เช่นนั้นข้าก็จะสังหารแมวความลับสวรรค์เสีย!”
อวี่เหิงจ้องจ้าวเฟิงด้วยแววตาอำมหิต
จ้าวเฟิงจ้องอวี่เหิงเขม็ง แต่กลับไม่ลงมือ
แมวขโมยตัวน้อยอยู่เคียงข้างเขามา ผ่านร้อนผ่านหนาวมาด้วยกันนับไม่ถ้วน ตั้งแต่ตอนอยู่ที่สำนักจันทร์สลาย ตราบจนถึงดินแดนเทพรกร้าง จ้าวเฟิงจะปล่อยให้แมวขโมยน้อยถูกสังหารไปเช่นนี้ได้อย่างไร แต่จุดประสงค์ที่อวี่เหิงควบคุมแมวขโมยน้อย คาดว่าคงคิดที่จะหนี
จ้าวเฟิงไม่อาจลงมือได้เพราะเจ้าแมวขโมยน้อย แต่เผ่าแสงไม่มีทางปล่อยอวี่เหิงไปแน่
หรือว่าถึงตอนนั้นเขายังต้องร่วมมือกับเผ่าเทพยักษ์ขัดขวางเผ่าแสงอีก?
“หึ หากข้าเป็นอะไรไป แมวความลับสวรรค์ก็ต้องตายไปพร้อมกับข้า!”
อวี่เหิงหัวเราะเยาะหยัน ผุดลุกยืนขึ้น จากนั้นถอยไปข้างหลังช้าๆ
ณ ที่แห่งนั้น เผ่าเทพยักษ์คนอื่นๆ ยืนนิ่งไม่ขยับ
ส่วนคนเผ่าแสงจ้องอวี่เหิงอย่างอาฆาต กำลังลังเลอยู่เช่นกัน
“ฮ่าๆ ไป แมวความลับสวรรค์!” อวี่เหิงหัวเราะเสียงดัง แล้วพาแมวขโมยน้อยจากไป
แต่เดิมอวี่เหิงคิดว่าก่อนตายจะลากใครสักคนไปด้วยคนหนึ่ง เพื่อไม่ให้จ้าวเฟิงอยู่อย่างเป็นสุข
แต่ตำแหน่งของเจ้าแมวขโมยน้อยในใจจ้าวเฟิงเหมือนจะอยู่สูงมาก และบทบาทของจ้าวเฟิงในตอนนี้ก็ไม่ธรรมดาเลย ทั้งยังเป็นพวกเดียวกับเผ่าเทพยักษ์ แม้กระทั่งเผ่าแสงก็ยังไม่บุ่มบ่ามลงมือ
เมี้ยว เมี้ยว~
แมวขโมยตัวน้อยดิ้นรนสุดกำลัง แต่ยิ่งมันขัดขืน ไฟสีขาวกลางหน้าผากก็ยิ่งลุกไหม้รุนแรง ราวกับจะเผาไหม้ทุกอณูทั่วร่างและวิญญาณของมัน
แมวขโมยน้อยมองไปยังจ้าวเฟิง สายตาแฝงไว้ด้วยความจนปัญญา ขอความช่วยเหลือ และเจ็บปวด
เมื่อมองแมวขโมยน้อย ใจของจ้าวเฟิงขมขื่นนัก
“ไม่รู้ว่า…จะใช้เนตรเทพมายาทำลายล้างสลายกระบวนท่านี้ได้หรือไม่!”
ในหัวเขามีความคิดแล่นผ่าน ตาซ้ายโคจรขึ้นมา
“เจ้ากล้าลงมือกับข้า?” จากที่ไกลๆ อวี่เหิงที่กำลังเตรียมจากไปสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย ตวาดออกมาทันที
แต่ตอนที่เขารู้สึกว่าวิชาดวงตาของจ้าวเฟิงไม่ได้เล็งมาที่เขา แต่เล็งไปที่เจ้าแมวขโมยน้อย อวี่เหิงก็ถอนหายใจโล่งอก
วู้ม! หมอกแสงมายาชั้นหนึ่งหมุนวนออกมาจากตาซ้ายของจ้าวเฟิงไม่หยุด ก่อนจะแทรกซึมไปในท้องฟ้า
“กลิ่นอายบรรพกาลที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ตาของเจ้าคนนี้คงใกล้ถึงขั้นเนตรเทพเจ้าแล้ว!”
อวี่เหิงเคร่งเครียดเล็กน้อย
ก่อนหน้านี้เขาอาศัยว่าตนมีสายเลือดเผ่าบรรพกาล สายเลือดใดๆ ไม่อยู่ในสายตาทั้งสิ้น แต่เพราะวิชาดวงตาที่คาดคิดไม่ถึงของจ้าวเฟิง เขาถึงได้พ่ายแพ้เช่นนี้
ตอนนี้เขาถึงเพิ่งมาให้ความสำคัญกับสายเลือดดวงตาของจ้าวเฟิง
“ฮ่าๆ ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะยังมีพลังเหลือมาสำแดงวิชาลับดวงตานั่นได้!”
อวี่เหิงหัวเราะพลางพูด
เพิ่งพูดประโยคนี้จบ ในใจของอวี่เหิงก็ไม่ค่อยแน่ใจแล้ว
ตามสถานการณ์ปกติ จ้าวเฟิงในตอนนี้ใช้พลังไปมหาศาล ไม่มีพลังเหลือมาสลายวิชาลับที่ควบคุมแมวขโมยน้อย แต่จ้าวเฟิงสร้างความไม่คาดฝันให้เขามากเกินไปแล้ว
“รีบหยุดเสีย มิฉะนั้นข้าจะฆ่าแมวความลับสวรรค์ทิ้ง!”
อวี่เหิงตวาดออกไปอีกครั้ง
แต่วิชาดวงตาของจ้าวเฟิงสำแดงมาแล้ว โลกเบื้องหน้าเขาตอนนี้เปลี่ยนเป็นสีสันตระการตา พราวพร่างราวสรวงสวรรค์
ความคิดของจ้าวเฟิงรวมไปยังไฟอักษรเผ่าความลับสวรรค์ที่อยู่กลางหน้าผากของเจ้าแมวขโมยน้อย
“สลายไปซะ!” จ้าวเฟิงกระตุ้นพลังดั้งเดิมศาสตร์ลวงตา แล้วจ้องเพ่งไปที่ไฟลึกลับนั่นอย่างแน่วแน่
วู้ม! ไฟลึกลับวูบไหวอยู่สองสามทีแต่ไม่มอดดับ ยังลุกไหม้อย่างช้าๆ ต่อไป
“ไม่ไหว ก่อนหน้านี้ต่อสู้ติดต่อกัน พลังดั้งเดิมใช้หมดไปมากเกิน สลายพลังนี้ไม่ได้!”
แววตาของจ้าวเฟิงหนักอึ้ง ฉายแววผิดหวัง
“ฮ่าๆ ไร้ประโยชน์!” อวี่เหิงพลันหัวเราะพูดขึ้น
คนอื่นๆ ที่เหลือส่ายหน้าเบาๆ หนึ่งในนั้น มู่กู่แห่งเผ่าแสงพลังเทพในกายพลุ่งพล่าน อดใจไม่ลงมือไม่ได้แล้ว
“ไม่ได้ จะต้องช่วยเจ้าแมวขโมยน้อย!”
นัยน์ตาจ้าวเฟิงฉายแววเด็ดขาด ตาซ้ายเพ่งไปยังไฟลึกลับนั่นอีกครั้ง
‘ถ้าสลายมันไปไม่ได้ ลดทอนพลังของมันก็ได้กระมัง!’ จ้าวเฟิงแอบพูดในใจ
พลังดั้งเดิมไม่เพียงพอ สลายพลังไม่ได้ เช่นนั้นจะสามารถควบคุมไฟลึกลับกลุ่มนั้นแล้วลดทอนพลังมันได้หรือไม่?
ขอเพียงพลังของไฟนั่นลดลงได้ แมวขโมยน้อยน่าจะพอขัดขืนได้บ้างกระมัง
‘ลดลง…ลดลง!’
ความคิดทั้งหมดของจ้าวเฟิงรวมไปที่ไฟกลุ่มนั้นทั้งหมด ในใจร้องคำรามไม่หยุด
เนตรเทพมายาทำลายล้างเป็นวิชาที่จ้าวเฟิงเรียนมาจากผู้อื่น จะพลิกแพลงใช้อย่างไรเขาก็ไม่มั่นใจ แต่ตอนนี้ จ้าวเฟิงทำได้เพียงแค่พยายามอย่างสุดกำลังเท่านั้น
ในใจเขามีเพียงแค่ความคิดเดียว ก็คือทำให้ไฟกลุ่มนั้นอ่อนแรงลง หดเล็กลง
วู้ม! ในมิติเนตรเทพเจ้า ลูกทรงกลมสีเงินมายาพลันสั่นไหว
ในตอนนี้เอง เหตุการณ์ประหลาดพลันบังเกิดขึ้น
แสงมายาหลากสีปกคลุมไปบนไฟที่กลางหน้าผากของแมวขโมยน้อย จากนั้นเปลวเพลิงก็พลันอ่อนแรงลงทันใด ราวกับว่าจู่ๆ ถูกน้ำราดลงไปอย่างไรอย่างนั้น
กองไฟที่แต่เดิมใหญ่ราวกำปั้นเด็กทารก ตอนนี้ใหญ่เพียงแค่เล็บมือเท่านั้น
“สำเร็จแล้ว?” จ้าวเฟิงค่อนข้างยากจะเชื่อได้
เนตรเทพมายาทำลายล้างเมื่อครู่ของเขาไม่ได้สำแดงออกมาทั้งหมด และก็ไม่ได้สำแดงวิชาดวงตาอื่นๆ ด้วยเช่นกัน แต่เปลวเพลิงกลับอ่อนกำลังลงดั่งใจเขาคิด
นี่ช่างอัศจรรย์นัก! หรือว่านี่ต่างหากถึงจะเป็นศาสตร์ดั้งเดิมของดวงตาเทพเจ้า
“เอ๋? นี่มัน…เกิดอะไรขึ้น?” แน่นอนว่าอวี่เหิงสังเกตถึงจุดนี้ได้เช่นกัน จึงร้องเสียงหลงโดยพลัน
เหมียว เหมียว~ ความเจ็บปวดของแมวขโมยน้อยลดลงทันใด การจำกัดที่ได้รับก็เหมือนจะอ่อนกำลังลงด้วย
ฟิ้ว! เจ้าแมวขโมยน้อยแปลงเป็นประกายแสงสีเทาเงินเส้นหนึ่งบินมายังจ้าวเฟิงทันที
“ไม่…อย่าไป!” อวี่เหิงหน้าเปลี่ยนสีไปทันใด
เห็นเพียงไฟที่กลางหน้าผากเจ้าแมวมอดดับลงหลังออกห่างจากอวี่เหิงได้ระยะหนึ่ง
ที่แท้การสำแดงเคล็ดวิชาควบคุมแมวความลับสวรรค์นี้ ยังมีข้อจำกัดด้านพื้นที่ในระดับหนึ่ง
“ดี!” มู่กู่ร้องออกมาทันใด
ถึงแม้จะไม่รู้ว่าจ้าวเฟิงทำได้อย่างไร แต่ขอเพียงช่วยแมวความลับสวรรค์ออกมาได้ เรื่องทั้งหมดก็พูดง่ายแล้ว
และในขณะนี้ ทุกคนก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายบรรพกาลที่แข็งแกร่งจากดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงได้อย่างชัดเจน
“สังหาร!” มู่กู่คำรามเสียงต่ำ เตรียมจะพุ่งออกไปสังหาร
“ให้ข้าฆ่าเอง!” จู่ๆ จ้าวเฟิงก็เอ่ยปากขึ้น
หลังจากมู่กู่ยินยอมแล้ว เขาก็เคลื่อนย้ายชั่วพริบตาออกไปทันที
ขวับ! ตอนนี้ออกมาจากขอบเขตของค่ายกลกั้นเวหาแล้ว จ้าวเฟิงจึงเคลื่อนย้ายชั่วพริบตามายังข้างกายอวี่เหิงได้ทันที
“นี่เป็นไปไม่ได้ ดวงตาของเจ้าไยจึงแข็งแกร่งถึงเพียงนี้?” อวี่เหิงคุ้มคลั่ง ตะโกนพูดเสียงดัง
พลังที่ดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงสำแดงออกมาเกินกว่าความเข้าใจของเขาไปนานแล้ว
“เก้าอัสนีหลอมวิญญาณ!”
จ้าวเฟิงหยิบกระจกเก้าอัสนีหลอมวิญญาณออกมา ก่อนผสานพลังเทพเข้าไปในนั้น
วู้ม แซ่ด แซ่ด! ทันใดนั้น โซ่อัสนีเก้าเส้นพุ่งออกมาจากในกระจก เข้าพันรัดวิญญาณของอวี่เหิงเอาไว้
อวี่เหิงในตอนนี้เป็นเพียงแค่ขั้นเก้าสุดยอดทั่วไปคนหนึ่ง อีกทั้งกายยังได้รับบาดเจ็บหนัก อ่อนแอเป็นอย่างยิ่ง จะต้านทานพลังของอาวุธเทพระดับสุดยอดได้อย่างไร
“ดวงตาของเจ้าใกล้ถึงขั้นเนตรเทพเจ้า แต่สายเลือดดวงตาทั้งหมดในฟ้าดินล้วนมาจากแปดเนตรเทพเจ้า ส่วนตาของเจ้า…”
ความตายใกล้เข้ามา อวี่เหิงยังคงจ้องตาซ้ายของจ้าวเฟิงเขม็ง ความคิดหมุนวนอย่างรวดเร็ว
“ไม่ใช่…หรือตาซ้ายของเจ้าจะเป็นดวงที่เก้า…” อวี่เหิงพลันนึกอะไรขึ้นได้ จึงร้องลั่นออกมา
“เก็บมา!” จ้าวเฟิงกระตุ้นกระจกเก้าอัสนีหลอมวิญญาณ
เคร้ง ครืด ครืด! โซ่อัสนีเก้าเส้นลากวิญญาณของอวี่เหิงเข้าไปข้างในทันที
“จะให้เจ้าได้ลองลิ้มรสการทรมานจากอัสนีที่ไม่สิ้นสุด!” จ้าวเฟิงแค่นเสียงต่ำ
เหมียว เหมียว!
แมวขโมยน้อยมายังบนบ่าของจ้าวเฟิงแล้วคลอเคลียอยู่แถวคอเขา
“ตายแล้ว!” มู่กู่ทอดถอนใจเสียงเบา
ทุกคนที่นั่นล้วนถอนหายใจโล่งอก
ศึกนี้สู้กันได้อันตรายเป็นอย่างยิ่ง ดีที่สุดท้ายได้รับชัยชนะ
ในขณะเดียวกัน ณ เขตดาราชาด
จอมเทพซิงเซี่ยงที่กำลังซ่อมแซมและจัดวางค่ายกลพลันมีสีหน้าโกรธแค้นอย่างยิ่ง ร่างสั่นเทิ้มเล็กน้อย เลือดไหลรินออกจากมุมปาก