บทที่ 1400 แมวอ้วนจอมขี้เกียจ
“จอมเทพซิงเซี่ยง คนตำหนักวิญญาณบรรพกาลของข้าตายหมดแล้ว!”
จอมเทพเทียนหมิงกายสั่นเทิ้ม พูดเสียงต่ำ
เทพโบราณขั้นแปดสุดยอดและขั้นเก้าพวกนั้นเป็นเรื่องรอง ที่สำคัญคือครึ่งก้าวสู่จอมเทพทั้งสามล้วนตายอยู่ในนั้นหมด
คนที่สามารถกลายเป็นครึ่งก้าวสู่จอมเทพได้ ล้วนมีเศษเสี้ยวความหวังว่าจะไปถึงขั้นจอมเทพกันแทบทั้งสิ้น
บรรยากาศรอบด้านกดดันเป็นอย่างยิ่ง ใจของทุกคนหวาดกลัวจนสั่น
ในคลังสมบัติบรรพชน ตกลงเป็นสถานที่ที่อันตรายเช่นไรกันแน่ คนที่เข้าไปรวมถึงครึ่งก้าวสู่จอมเทพทั้งสามล้วนมอดม้วย
คนไม่น้อยที่ก่อนหน้านี้แย่งชิงกันเข้าไปพลันรู้สึกโชคดีเกินจะเปรียบ ดีที่พวกเขาไม่เดินเข้าไปตาย
“ศิษย์ของข้าก็ประสบกับเหตุไม่คาดคิดเช่นกัน!” จอมเทพซิงเซี่ยงพูดเสียงต่ำ
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าของจอมเทพเทียนหมิงถึงค่อยผ่อนคลายลง
สามารถเป็นศิษย์ของจอมเทพซิงเซี่ยงได้ อวี่เหิงจะต้องเป็นคนของเผ่าความลับสวรรค์เช่นกันแน่ คำนวณดูแล้ว ความเสียหายของจอมเทพซิงเซี่ยงมากกว่าตำหนักวิญญาณบรรพกาลเสียอีก
แต่ว่าหากจอมเทพเทียนหมิงรู้ว่าอวี่เหิงมีสายเลือดของเผ่าบรรพกาลด้วย คุณค่าของอวี่เหิงคนเดียว เกรงว่าเทียบได้กับทั้งตำหนักวิญญาณบรรพกาลแล้ว
“คลังสมบัติบรรพชนเป็นสถานที่เช่นไรกันแน่? อันตรายมากถึงเพียงนี้เลย?”
จอมเทพเทียนหมิงถามขึ้น
เขารู้สึกว่าคลังสมบัติบรรพชนจะต้องมีความลับที่ไม่ธรรมดา มิฉะนั้นเผ่าความลับสวรรค์จะให้ความสำคัญได้อย่างไร
คนตำหนักวิญญาณบรรพกาลรอบด้านรีบตั้งสติ เตรียมตัวตั้งใจฟัง
“ ‘คลังสมบัติบรรพชน’ ที่พวกเจ้าพูดกัน ที่จริงแล้วคือ ‘อาณาจักรเทพ’ แห่งหนึ่งของเผ่าแสง เพียงแต่ว่าในภายหลังตกไปอยู่ในมือของเผ่าเทพยักษ์!”
จอมเทพซิงเซี่ยงพูดอย่างง่ายๆ
“อาณาจักรเทพ?” สีหน้าของคนตำหนักวิญญาณบรรพกาลส่วนใหญ่ตกใจเล็กน้อย
สภาพดั้งเดิมของอาณาจักรเทพก็คือโลกมิติส่วนตัว แต่โลกมิติส่วนตัวเรียบง่ายและเปราะบางเกินไป จึงค่อยๆ สูญเสียประโยชน์ตามการยกระดับขึ้นของพลัง
แต่หลังจากที่ไปถึงขอบเขตพลังขั้นจอมเทพแล้ว ก็สามารถใช้พลังกฎเกณฑ์ปรับปรุงและสร้างมันให้เป็น ‘อาณาจักรเทพ’ ได้
“เป็นเช่นนี้นี่เอง!” จอมเทพเทียนหมิงมีสีหน้าตกตะลึง ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดเผ่าความลับสวรรค์จึงสนใจ ‘อาณาจักรเทพเผ่าแสง’ ถึงเพียงนี้
ขวับ!
ผลึกเทพระดับสุดยอดที่เสียหายก้อนหนึ่งปรากฏขึ้นในมือของจอมเทพซิงเซี่ยง
‘ยังมีอีกงั้นรึ!’ จอมเทพเทียนหมิงแอบตกใจ
“นี่ยังไม่พอ การส่งข้ามจอมเทพคนหนึ่งจะใช้พลังมหาศาล เจ้าไปเรียกจอมเทพอีกคนหนึ่งมา พวกเราจอมเทพสามคนรวมพลังกัน…”
จอมเทพซิงเซี่ยงตวาดโดยพลัน
ในตอนนี้เขารอไม่ได้แล้ว
……
ข้างๆ ต้นไม้แห่งกาลเวลา
คนทั้งหมดต่างเข้าไปในมิติสำหรับฝึกฝนของตน แล้วฟื้นฟูอาการบาดเจ็บและการใช้พลัง
โดยเฉพาะซินอู๋เหินและมู่กู่กำลังหลักทั้งสอง พวกเขาใช้พลังขั้นจอมเทพอยู่ตลอด ทำให้ร่างกายต้องแบกรับมหาศาล หากไม่ดูแลให้ดี ภายภาคหน้าการยกระดับจะเป็นอุปสรรค
ในมิติของชุดคลุม
ขวับ ขวับ!
จ้าวเฟิงหยิบวัตถุดิบล้ำค่าที่รักษากายเทพกับวิญญาณ และฟื้นฟูการใช้พลังออกมาหลายชนิด จากนั้นดื่มกินลงไปทันที
ต่อมาเขาก็แบ่งความคิดออกเป็นสองส่วน ความคิดส่วนหนึ่งในนั้นรับรู้ดูดซับผลเก็บเกี่ยวของศึกใหญ่ในครั้งนี้
ศึกครั้งนี้เขาประมือกับครึ่งก้าวสู่จอมเทพและอวี่เหิงที่มีสายเลือดเผ่าบรรพกาล ผลเก็บเกี่ยวจึงมากมายนัก สิ่งที่เห็นได้ชัดที่สุดคือ ความเข้าใจต่อเสวียนอ้าวบางอย่างของจ้าวเฟิงยิ่งล้ำลึกขึ้น ขอบเขตพลังก็ยกระดับขึ้นไม่น้อย หากซึมซับของพวกนี้เสร็จสิ้น พลังฝึกตนเทพโบราณขั้นเก้าของจ้าวเฟิงน่าจะมั่นคงพอประมาณแล้ว
ส่วนความคิดส่วนสุดท้าย จ้าวเฟิงนำมาสำรวจตรวจค้นดวงตาเทพเจ้า
เขายังจำได้ว่าก่อนหน้าที่จะไปช่วยแมวขโมยน้อย เนตรเทพมายาทำลายล้างของตนยังไม่สำเร็จ และก็ไม่ได้สำแดงวิชาดวงตาอื่นๆ ออกมาเช่นกัน แต่เปลวไฟลึกลับกลางหน้าผากเจ้าแมวขโมยน้อยกลับพลันอ่อนแรงลงไป
ถึงแม้ตอนนี้จ้าวเฟิงจะยังไม่รู้ถึงสาเหตุ แต่ทุกอย่างจะต้องเกี่ยวกับตาซ้ายของเขาแน่นอน
“ลองดู!” ความคิดของจ้าวเฟิงขยับเล็กน้อย เปลวไฟร้อนแรงสีแดงกลุ่มหนึ่งก็ลุกไหม้ขึ้นในท้องฟ้าทันที จากนั้นจ้าวเฟิงขับเคลื่อนพลังดั้งเดิม หมอกแสงมายาแต่ละชั้นๆ หมุนวนออกมาจากดวงตาซ้ายของเขา ก่อนผสานเข้าไปในอากาศ
ทันใดนั้น โลกเบื้องหน้าจ้าวเฟิงเปลี่ยนเป็นภาพสวยงามพร่างพรายเป็นอย่างยิ่ง สรรพสิ่งทุกอย่างปกคลุมไปด้วยสีสันราวกับความฝัน แม้กระทั่งมังกรวารีล้างโลกาที่อยู่ไกลๆ มองไปแล้วก็ยังเป็นมังกรวารีหลากสี
วู้ม! ตาซ้ายของจ้าวเฟิงจ้องเพ่งไปยังไฟสีสันสดใสในท้องฟ้า
ครั้งนี้จ้าวเฟิงไม่ได้ใช้เนตรเทพมายาทำลายล้าง เพียงแค่รวบรวมสมาธิไปยังเปลวไฟพร่างพรายกองนั้น แต่ผ่านไปนาน ไฟกองนั้นก็ยังคงลุกไหม้อยู่ในท้องฟ้า ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ
“เป็นไปได้อย่างไร?” จ้าวเฟิงค่อนข้างงุนงง
ก่อนหน้านี้เขาก็จ้องกลุ่มไฟลึกลับกลางหน้าผากแมวขโมยน้อย ไม่ได้สำแดงวิชาดวงตาอะไร ไฟกลุ่มนั้นก็พลันอ่อนกำลังลง เหตุใดตอนนี้จึงทำไม่ได้แล้วเล่า?
“ใช่แล้ว บางทีอาจจะเกี่ยวกับจิตใจและความคิดของข้า!”
จ้าวเฟิงนึกได้โดยพลัน
ในตอนนั้น นอกจากเขาจะรวบรวมสมาธิทั้งหมดไปบนไฟลึกลับกลุ่มนั้นแล้ว ในใจยังมีความคิดที่รุนแรงอีกอย่าง นั่นก็คือหวังว่าพลังของไฟลึกลับจะอ่อนแรงลง
“เป็นเพราะความคิดเดียวเท่านั้นรึ?” จ้าวเฟิงรู้สึกว่าค่อนข้างเหลวไหล
ไม่ได้สำแดงวิชาดวงตา แต่เป็นเพราะเขาหวังให้ไฟลึกลับอ่อนกำลังลง ไฟลึกลับก็อ่อนลงได้เลย นี่มันจะเหลือเชื่อเกินไปแล้วกระมัง แต่ก็ไม่มีจุดน่าสงสัยอื่นแล้ว ทำได้เพียงแค่ลองเท่านั้น
จ้าวเฟิงเพ่งมองไฟในท้องฟ้ากองนั้นอีกครั้ง
“อ่อนแรงลง…อ่อนแรงลง…” ในใจของเขาคิดเช่นนี้ไม่หยุด
ทันใดนั้น ภาพที่ชวนให้ตกใจก็ปรากฏขึ้น
ฟึ่บ! กองไฟที่ลุกไหม้ในท้องฟ้าหดเล็กลงไปครึ่งหนึ่ง
“เป็นเช่นนี้จริงๆ หรือ?” จ้าวเฟิงตื่นตะลึงเกินบรรยาย จากนั้นก็ยินดีแทบบ้าหลังจากใช้พลังดั้งเดิม ความคิดของเขาก็สามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งของได้!
“ลองดูอีกครั้ง!” จ้าวเฟิงรวบรวมสมาธิและความคิด เพ่งไปที่ไฟกองนั้น
“มอดดับ…มอดดับ…” ครั้งนี้จ้าวเฟิงหวังให้ไฟกองนั้นดับลง
เป็นไปดังคาด เปลวไฟกองนั้นหายไปอย่างไร้ร่องรอยทันใด ราวกับว่าไม่เคยมีอยู่อย่างไรอย่างนั้น
“เป็นเรื่องจริง!”
จ้าวเฟิงนิ่งอึ้งอยู่กับที่
บนโลกนี้มีเรื่องที่น่าอัศจรรย์และแปลกประหลาดเช่นนี้จริงๆ
แต่ว่าเมื่อคิดๆ ไป เขาทำได้แค่สรุปเรื่องไว้ที่ดวงตาเทพเจ้า
“ลองอย่างอื่นดูอีกครั้งหนึ่ง!” จ้าวเฟิงนึกสนุกขึ้นมาทันที
ครืน! เขาซัดหมัดแสงรวมศูนย์สีเงินเข้มอันใหญ่ยักษ์ออกมา จากนั้นเขากระตุ้นพลังดั้งเดิม จ้องเพ่งไปบนหมัดเทพรวมศูนย์
“พลังเพิ่มขึ้นเท่าตัว!” นี่คือความคิดของจ้าวเฟิงในครั้งนี้
แต่หมัดเทพรวมศูนย์มหึมาไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ กลับเป็นพลังดั้งเดิมของจ้าวเฟิงที่หลั่งไหลออกไปอย่างรวดเร็ว
นี่ทำให้จ้าวเฟิงไม่อาจสงบนิ่งได้
พลังของหมัดเทพรวมศูนย์ไม่เพิ่มขึ้น แต่กลับเป็นพลังดั้งเดิมที่หลั่งไหลออกไปอย่างเร็วรี่ เพราะเพิ่งจะจบการต่อสู้ครั้งใหญ่ได้ไม่นาน พลังดั้งเดิมของจ้าวเฟิงเหลือไม่มาก ไม่นานก็ใช้หมดเกลี้ยง
“ทำไมถึงไม่ได้อีกแล้ว!” จ้าวเฟิงนั่งขัดสมาธิ คิดวิเคราะห์อย่างละเอียด
วู้ม วู้ม! ในตอนนี้เอง มิติในชุดคลุมมิติสั่นไหวเบาๆ
“เกิดอะไรขึ้น?” จ้าวเฟิงออกไปจากมิติแห่งนี้ทันที
ณ โลกภายนอก คนอื่นๆ ที่เหลือยืนอยู่บนพื้นรกร้าง
“อาณาจักรเทพแห่งนี้เกิดคลื่นมิติกระเพื่อม เหมือนจะมีคนภายนอกคิดบุกเข้ามา!”
มู่กู่พูดขึ้นทันใด
ต้นไม้แห่งกาลเวลาไม่ได้โรยราไปเสียทั้งหมด ยังเชื่อมโยงกับเขาอยู่บ้าง ดังนั้นเขาจึงสามารถสัมผัสได้
“เป็นไปไม่ได้กระมัง ไม่ใช่ว่าท่านขัดขวางการส่งข่าวของอวี่เหิงไปแล้วรึ?”
สีหน้าเทพโบราณหวาไฉ่เปลี่ยนไปเล็กน้อย ถามขึ้นทันที
“ถึงจะพูดเช่นนั้นก็เถอะ แต่หากอวี่เหิงสิ้นชีพลง เผ่าความลับสวรรค์ไม่มีทางไม่รู้แน่!”
มู่กู่ทอดถอนใจ
ทุกคนนิ่งเงียบทันที
ในเวลานี้ คนที่มีความสามารถเข้ามาในมิติแห่งนี้ได้มีเพียงเผ่าความลับสวรรค์เท่านั้นแล้ว
“เผ่าความลับสวรรค์!” ซินอู๋เหินมีสีหน้าเคร่งเครียด
ศึกใหญ่เพิ่งจบสิ้นลง พวกเขายังฟื้นคืนสภาพไม่สมบูรณ์ดี หากคนเผ่าความลับสวรรค์มาอีกสองสามคน เกรงว่าพวกเขาล้วนต้องตายลงที่นี่
“ไม่มีวิธีขัดขวางเลยรึ?” จ้าวเฟิงถามขึ้นตามตรง
“หากเป็นขั้นต่ำกว่าจอมเทพก็ยังขัดขวางไว้ได้…”
มู่กู่พูดเนิบช้า
แต่เห็นได้ชัดว่าหากเผ่าความลับสวรรค์ส่งคนมาอีก จะต้องเป็นผู้แข็งแกร่งขั้นจอมเทพแน่นอน
“หากต้นไม้แห่งกาลเวลาไม่แห้งเหี่ยว ใครหน้าไหนก็ยากจะบุกเข้ามาที่นี่!”
เทพโบราณเฉิงอวิ๋นพูดอย่างเจ็บใจ
“ลองดูก็แล้วกัน บางทีอาจจะทำได้!”
จ้าวเฟิงพูดขึ้น
คนอื่นที่เหลือพยักหน้า ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาถอดใจยอมแพ้
“เป็นที่นั่น!” จิตใจของมู่กู่สัมผัสรับรู้ มือโบกสะบัดไป
หมอกแสงสีขาวมืดครึ้มชั้นหนึ่งพลันปรากฏขึ้นในท้องฟ้า สถานที่แห่งหนึ่งนอกเศษซากป้อมปราการเก่าปรากฏขึ้นในหมอกแสง เห็นเพียงท้องฟ้าที่นั่นสั่นไหวรุนแรงและเกิดระลอกคลื่นขึ้น
แต่ตอนนี้สายตาของทุกคนไม่ได้จ้องมองไปยังท้องฟ้าที่เป็นระลอกคลื่น แต่มองไปยังเหตุการณ์ใต้ท้องฟ้า เห็นเพียงที่แห่งนั้นมีค่ายกลซับซ้อนขนาดใหญ่มหึมาสองค่ายกล ด้านข้างของค่ายกลมีสตรีสองนางหันหลังให้กับทุกคนอยู่
สตรีหนึ่งในนั้นรูปร่างเล็กบาง สวมชุดสีเขียว ผิวขาวผ่อง
ส่วนสตรีอีกนางหนึ่งสูงโปร่งสวมชุดขาว ร่างอรชรเดี๋ยวเลือนรางเดี๋ยวปรากฏ เส้นไหมดำขลับราวกับน้ำตกพลิ้วไหวไปตามลม ให้ความรู้สึกอยู่เหนือทุกสิ่ง สูงส่งเย็นชา ลึกลับจนไม่อาจคาดเดา
นอกจากนั้น บนบ่าของสตรีชุดขาวมีแมวท่าทางขี้เกียจสีดำเงินตัวหนึ่ง
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น พวกเผ่าความลับสวรรค์มาแล้ว?” มู่กู่พูดอย่างตกใจ
ตามหลักแล้ว เผ่าความลับสวรรค์กำลังพยายามเข้ามาที่นี่ แต่ไยจึงมีคนของเผ่าความลับสวรรค์อีก ที่พูดว่าสตรีสองคนนั้นคือเผ่าความลับสวรรค์ แน่นอนว่าเป็นเพราะแมวความลับสวรรค์
“เจ้าแมวอ้วนขี้เกียจ?”
สีหน้าของจ้าวเฟิงตื่นตะลึง
เมี้ยว เมี้ยว~ แมวขโมยน้อยก็ร้องเรียกทันทีเช่นกัน
ความทรงจำที่มีแต่ฝุ่นเกาะปรากฏขึ้นในหัวของทั้งสอง
นั่นคือหอคอยลิ่วอูของอาณาจักรนภา ในนั้นมีบุคคลในตำนานคนหนึ่งนามว่าปราชญ์ลิ่วอู และข้างกายนักปราชญ์มีแมวขี้เกียจอยู่ตัวหนึ่ง
……
“เจ้าแมวขี้เกียจ ลงมือเถอะ!” สตรีชุดขาวพูดขึ้น
เหมียว เหมียว!
เจ้าแมวขี้เกียจกระโดดมายังค่ายกลส่งข้ามแห่งหนึ่ง กรงเล็บลูบคลำอยู่ครู่หนึ่ง
วู้ม ครืน!
ค่ายกลมหึมาพลันทะลักพลังมิติแข็งแกร่งกลุ่มหนึ่งออกมาทันที พุ่งเฉียดผ่านไปในฟ้าดินรอบด้าน เปลี่ยนแปลงฟ้าดินและมิติ
เห็นเพียงท้องฟ้าที่เดิมแผ่เป็นระลอกคลื่นพลันกลับคืนสู่ความสงบ
“พี่ฉิน พวกเรามาที่นี่ทำไมกัน?” สตรีชุดเขียวถามขึ้น
“ข้าไม่ให้เจ้ามา เป็นเจ้าที่ดื้อตามมาเอง!” สตรีชุดขาวหัวเราะตอบ
“เอาละ ควรออกไปได้แล้ว!” สตรีขุดขาวพูด นางมายังเบื้องหน้าของค่ายกลมหึมาอีกค่ายกลหนึ่งกับดรุณีน้อยชุดเขียวและแมวอ้วนจอมขี้เกียจ
ค่ายกลเปิดขึ้นมา สองคนหนึ่งแมวหายวับไปจากค่ายกลส่งข้าม
“จอมเทพซิงเซี่ยงเข้าไป ครั้งนี้น่าจะไม่มีปัญหาแล้วกระมัง!”
สีหน้าของจอมเทพเทียนหมิงค่อนข้างขาวซีด เมื่อครู่พวกเขาทั้งสามกระตุ้นค่ายกลส่งข้าม ใช้พลังไปไม่น้อยเลย
วู้ม วู้ม ในตอนนี้เอง แท่นค่ายกลโลหะเบื้องหน้าเขาพลันสั่นสะเทือน ทางเดินมิติในค่ายกลก็บิดเบี้ยวไปชั่วขณะหนึ่ง
พลั่ก! เงาคนร่างหนึ่งลอยออกมากระแทกไปไม่ไกลนัก
มองให้ดีๆ ก็เป็นจอมเทพซิงเซี่ยงนั่นเอง!
พรวด! จอมเทพซิงเซี่ยงกระอักเลือดออกมา ใบหน้าตื่นตระหนกระคนโกรธแค้น “ในอาณาจักรเทพมีค่ายกลส่งกลับ ใครเป็นคนทำกัน?”
ค่ายกลซับซ้อนประเภทนี้ หากไม่ใช่คนของเผ่าความลับสวรรค์ก็ยากที่จะจัดวางออกมาได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงค่ายกลส่งกลับที่ซับซ้อนกว่าค่ายกลส่งข้ามเลย
ในขณะเดียวกัน
ครืน โครม! แท่นค่ายกลโลหะแปดเหลี่ยมระเบิดทลายลงทันที