บทที่ 1406 เผ่าเทพสงคราม

พรึ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ! กงล้อเพลิงยังคงหมุนกลิ้งไปอย่างเนิบช้าเบื้องหน้าเขา แต่กลับเหมือนไม่มีวันจะเข้าใกล้จ้าวเฟิงได้

ภาพนี้ทำเอาใจของเทพโบราณทั้งสามเต้นระรัว ใบหน้าหวาดผวา

“เสวียนอ้าวเวลา!” เทพโบราณสามคนย่อมสัมผัสได้ถึงพลังกลุ่มนั้น

แต่สามารถทำให้การโจมตีของเทพโบราณจินหลุนหยุดอยู่ต่อหน้าเช่นนี้ได้ เสวียนอ้าวเวลาของจ้าวเฟิงจะถึงระดับขั้นใดกัน?

“นี่เป็นไปไม่ได้ ไยเจ้าจึง…” เทพโบราณจินหลุนสั่นเทิ้มไปทั้งตัว จ้องจ้าวเฟิงเขม็งด้วยสายตายากที่จะเชื่อ

ในรายงานข่าวของเผ่าเปลวทอง จ้าวเฟิงยังเป็นเพียงแค่เทพโบราณขั้นเจ็ด

แต่เทพโบราณขั้นเจ็ดสามารถสลายไม้ตายของเทพโบราณขั้นแปดได้ง่ายดายราวพลิกฝ่ามือเช่นนี้หรือ?

ยังไม่ถึงสิบปี จ้าวเฟิงกลับเติบโตได้ถึงเพียงนี้!

“น่าจะมีเจ้ามาคนเดียวกระมัง!” สายตาของจ้าวเฟิงกวาดไปยังที่ไกลๆ พบว่าไม่มีใครคนอื่นอีก

เทพโบราณจินหลุนผู้นี้จะต้องวางแผนฮุบความดีความชอบไปคนเดียวแน่นอน จึงมาเป็นคนแรก

ครืน! หมัดหนึ่งของจ้าวเฟิงโจมตีออกมา ทำลายการโจมตีของกงล้อทองเปลวเพลิงจนย่อยยับ

อีกทั้งพลังเทพรวมศูนย์ที่อยู่ในหมัดนั้น หลังจากที่กลืนกินพลังอื่นๆ ไปแล้วก็กลับไปในกายจ้าวเฟิง

“หนี!” ครั้นเห็นภาพนี้ เทพโบราณจินหลุนไม่พูดพร่ำทำเพลง เตรียมหนีไปทันที

ครืน วูบ แสงทองของเปลวเพลิงสาดออกจากทั่วร่างเทพโบราณจินหลุน ใช้วิธีเผาไหม้พลังเทพกระตุ้นวิชาลับ เพิ่มความเร็วให้กับตัวเองแล้วหนีไปไกล

ด้วยพลังที่จ้าวเฟิงแสดงออกมา พวกเขาสามคนร่วมมือกันก็ไม่มีโอกาสชนะได้

ชายผิวแดงและสตรีชุดม่วงก็หนีไปอีกสองทางในชั่วพริบตา

ทั้งสามคนต่างหนีไปคนละทาง

ตอนนี้พวกเขากำลังเดิมพัน ขอแค่จ้าวเฟิงตามไปจับอีกคนหนึ่ง พวกเขาก็จะรอดไปได้

“จะหนีพ้นรึ?” ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงพลันทะลักคลื่นพลังดวงตาที่แข็งแกร่ง

ฟิ้ว! ฟิ้ว! ทันใดนั้น กระบี่เทพรวมศูนย์ที่หนาเท่าแขนสองสายพุ่งออกมาจากในนั้น แยกกันตรงไปยังชายวัยกลางคนผิวแดงและสตรีชุดม่วง

ไม่ถึงเสี้ยวขณะ กระบี่เทพรวมศูนย์สองเล่มนั้นก็ทะลวงผ่านไปหลายแสนลี้ ทะลุร่างของทั้งสองคนไป

เสียงร้องน่าอนาถดังขึ้น ร่างของทั้งสองกลายเป็นเศษชิ้นส่วนนับไม่ถ้วนก่อนหายวับไป

บนต้นไม้โบราณเขียวชอุ่มมีคลื่นมิติแผ่ระลอกขึ้นมา

ขวับ! เงาร่างสีทองร่างหนึ่งโผล่ออกมาจากในท้องฟ้า ทั้งยังหนีไปไกลอย่างรวดเร็ว

“อันตรายจริง จ้าวเฟิงเลือกสังหารสองคนนั้น ข้ารอดเคราะห์นี้มาได้แล้ว!”

เทพโบราณจินหลุนถอนหายใจโล่งอกเบาๆ

“จะต้องรายงานข่าวนี้กับเผ่าเปลวทอง ต้องสังหารจ้าวเฟิงให้ได้ก่อนที่มันจะกลับไปถึงเผ่าพันธุ์วิญญาณ!” สีหน้าของเทพโบราณจินหลุนตึงเครียด

จากพลังที่จ้าวเฟิงสำแดงออกมาเมื่อครู่ พลังของเขาอย่างน้อยก็ถึงขั้นแปดสุดยอดหรือกระทั่งขั้นเก้า

ความเร็วในการเติบโตที่น่ากลัวเช่นนี้ จะปล่อยให้จ้าวเฟิงก้าวหน้าต่อไปไม่ได้เด็ดขาด แต่ในตอนนี้เอง ห่างไปไกลลิบข้างหน้าเทพโบราณจินหลุน มีเสียงหัวเราะราบเรียบดังมา “เจ้ายังคิดจะฆ่าข้าอีก?”

“เป็นไปได้อย่างไร? เจ้ามาอยู่ข้างหน้าข้าได้อย่างไร?”

เทพโบราณจินหลุนสีหน้าขาวซีดราวกับตกใจเป็นที่สุด มองไปยังจ้าวเฟิงอย่างหวาดผวา

ต่อให้จ้าวเฟิงรวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง อย่างไรก็ควรที่จะตามมาจากข้างหลัง เหตุใดจู่ๆ จึงมาปรากฏอยู่ข้างหน้าเขาเล่า?

ฟุ่บ! จ้าวเฟิงบินมาช้าๆ ตรงไปยังเทพโบราณจินหลุน

เนิ่นนานก่อนหน้านี้ เขาก็เรียนรู้ ‘เคลื่อนย้ายมิติ’ เองได้แล้ว

ระยะทางของเคลื่อนย้ายมิติไกลเป็นอย่างมาก เมื่อครู่จ้าวเฟิงก็สำแดงเคลื่อนย้ายมิติ แต่กลับไปไกลเกิน ยังต้องวกกลับมาหาเทพโบราณจินหลุนอีก

“จ้าวเฟิง เช่นนั้นก็ตายพร้อมกันไปเถอะ!”

เทพโบราณจินหลุนเผยสีหน้าเหี้ยมโหดน่าสังเวช กัดฟันกรอด พลังเทพในกายลุกไหม้ทันใด

ด้วยบุญคุณความแค้นของเผ่าเปลวทองกับจ้าวเฟิง อีกฝ่ายไม่มีวันปล่อยตนไปแน่ ดังนั้นเขาตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะระเบิดตัวเอง หากสามารถสังหารจ้าวเฟิงได้ก็กำไรแล้ว

“คิดจะระเบิดตัวเอง?” ฝ่ามือของจ้าวเฟิงสะบัดไปทันที

พลังแปลกประหลาดสีขาวชั้นหนึ่งพลันปกคลุมเทพโบราณจินหลุนไว้ภายในทันใดนั้นเทพโบราณจินหลุนเหมือนเข้าไปยังโลกที่เคลื่อนไหวช้า ทุกการกระทำทุกความคิด อีกทั้งขั้นตอนการระเบิดตัวเองล้วนเนิบช้าหาใดเปรียบ

ฟุ่บ! จ้าวเฟิงเข้าประชิดไปยังเทพโบราณจินหลุนที่เตรียมจะระเบิดตัวเอง ในตาซ้ายปลดปล่อยพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งออกมาสืบวิญญาณฝ่ายตรงข้าม

“เป็นเช่นนี้นี่เอง ทั้งสองเผ่าเปิดศึกกันแล้วงั้นรึ!” จ้าวเฟิงอึ้งตะลึง

ตลอดมา เผ่าพันธุ์วิญญาณและเผ่าเปลวทองกระทบกระทั่งและประมือกันไม่หยุด หากไม่ใช่เพราะการควบคุมจากแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิต เกรงว่าเมื่อหลายร้อยล้านปีก่อนทั้งสองเผ่าก็เปิดสงครามแล้ว แต่ครั้งนี้แดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตกลับไม่ได้ควบคุมไว้

รายละเอียดของเรื่องต้องย้อนกลับไปยังปีที่สามที่จ้าวเฟิงไปจากเผ่าพันธุ์วิญญาณ

ตอนนั้น เขตเทพสวรรค์มีมิติลับปรากฏขึ้น จากปรากฏการณ์ประหลาดต่างๆ ที่เกิดขึ้น มิติลับนี้เกี่ยวพันกับเผ่าพันธุ์ในรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณสิบอันดับแรกมากด้วยเหตุนี้ เขตเทพสวรรค์จึงร่วมมือกับขั้วอำนาจห้าดาวทั้งสี่ปิดข่าวไว้ แล้วทำการสำรวจเพียงลำพัง

แต่เนื่องจากข้อจำกัดของมิติลับ ทำให้มีเพียงแค่เทพโบราณลงไปเท่านั้นจึงจะสามารถเข้าไปได้ ทุกขั้วอำนาจจึงต่างส่งผู้แข็งแกร่งชั้นยอดขั้นต่ำกว่าเทพโบราณเข้าไปข้างใน

และช่วงเวลาสำคัญสุดท้าย ลูกศิษย์เผ่าพันธุ์วิญญาณช่วงชิงของล้ำค่าที่สำคัญอย่างยิ่งยวดมาจากมือของลูกศิษย์เผ่าเปลวทอง

แรกเริ่ม ทั้งสองเผ่าเคยเจรจากันแต่ว่าล้มเหลว จากนั้นก็กลายเป็นต่างรุกรานช่วงชิง

เป็นเพราะเหตุนี้ ตำหนักอโรคาที่เคยอยู่ในขอบเขตของขั้วอำนาจเผ่าพันธุ์วิญญาณจึงถูกเผ่าเปลวทองยึดไป

“ข่าวที่เทพโบราณจินหลุนรู้ค่อนข้างน้อย อีกทั้งอาจจะไม่แม่นยำ…”

จ้าวเฟิงไม่ได้เชื่อความทรงจำของเทพโบราณจินหลุนเสียทั้งหมด เพียงแค่เอามาอ้างอิงเท่านั้น

ส่วนเหตุการณ์โดยละเอียด กลับไปถึงเผ่าพันธุ์วิญญาณแล้วจ้าวเฟิงย่อมรู้อย่างกระจ่างแจ้งเอง

“เจ้าตายได้แล้ว!” จ้าวเฟิงมองไปยังเทพโบราณจินหลุน ก่อนสะบัดมือ

ทันใดนั้น ทุกอย่างของเทพโบราณจินหลุนกลับสู่สภาพเดิม อีกทั้งเร็วขึ้นในพริบตา

“ไม่…” เทพโบราณจินหลุนคิดอยากจะหยุดการระเบิดตัวเอง แต่ไม่อาจขัดขวางได้เลย ราวกับว่าเข้าไปในโลกที่เร่งความเร็วขึ้น

ครืน บึ้ม! พลังทำลายล้างเพลิงทองส่งเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ระเบิดอย่างบ้าคลั่ง ลุกลามทำลายไปทั่วท้องฟ้า

ส่วนจ้าวเฟิงไปจากอาณาเขตการระเบิดนานแล้ว

“ตอนนี้ตัวตนของข้าถูกเปิดเผยแล้ว ใช้เรือบินเดินทางไม่ได้อีก!”

จ้าวเฟิงพูดพึมพำ

นอกจากนั้น เขาจะทำให้เผ่าเปลวทองรู้ตื้นลึกหนาบางที่แท้จริงของตนไม่ได้ หากให้เผ่าเปลวทองรู้ว่าตนเองเลื่อนจากเทพโบราณขั้นเจ็ดไปถึงเทพโบราณขั้นเก้าภายในระยะเวลาสั้นๆ ไม่กี่ปี เกรงว่าคงส่งผู้แข็งแกร่งขั้นจอมเทพมาไล่สังหารทันที

ถึงแม้ก่อนหน้านี้จ้าวเฟิงร่วมมือกับซินอู๋เหินเอาชนะจอมเทพไปได้

แต่นั่นก็มีซินอู๋เหินเป็นกำลังหลัก จ้าวเฟิงลอบโจมตีและตรึงกำลัง หากจ้าวเฟิงเผชิญหน้ากับจอมเทพเพียงลำพัง เกรงว่าคงทำได้แค่เพียงหลบหนีเท่านั้น อีกทั้งพลังฝึกตนของจ้าวเฟิงก็ก้าวหน้าขึ้นเร็วเกินไปจริงๆ เผ่าพันธุ์วิญญาณรู้เรื่องนี้ ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะมีคนคิดละโมบ

ขวับ! จ้าวเฟิงหยิบเอาเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนออกมาจากมิติเก็บของ

“มีวิธีใดที่จะปกปิดหรืออำพรางกลิ่นอายพลังฝึกตนของข้าได้บ้าง ให้ดีที่สุดคือจอมเทพก็ไม่อาจสังเกตได้!” จ้าวเฟิงขอคำชี้แนะทันที

“เรื่องนี้ง่ายดายนัก!” ท่าทีของเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนผ่อนคลายเป็นอย่างยิ่ง

เศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนในยุคสมบูรณ์ ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นมากี่ปีก่อนหน้านี้ มันรอบรู้กว้างไกล มีกลวิชาเคล็ดลับมากมาย วิชาลับอำพรางพลังฝึกตน แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องยากอะไร

“นี่คือเคล็ดวิชาผนึกอำพรางของเผ่าผนึกเทพ หลังจากบรรลุแล้ว เจ้าและข้าสำแดงร่วมกัน ต่อให้เป็นจอมเทพขั้นหนึ่งก็สามารถปิดบังได้!”

ลำแสงเลือนรางกลุ่มหนึ่งที่เศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนสาดออกมาเข้าไปในหัวของจ้าวเฟิง

หลังจากนั้นสามวัน จ้าวเฟิงก็บรรลุเคล็ดวิชาผนึกของเผ่าผนึกเทพได้สำเร็จ และร่วมมือกับเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนผนึกกลิ่นอายพลังฝึกตนถึงขั้นแปดสุดยอดไว้

ต่อมา จ้าวเฟิงก็เริ่มใช้เคลื่อนย้ายมิติออกเดินทาง

วู้ม ฟิ้ว! คลื่นมิติเป็นชั้นๆ หมุนวนขึ้นโดยมีจ้าวเฟิงเป็นศูนย์กลาง

คลื่นวนมิติค่อยๆ เล็กลงเรื่อยๆ แต่คลื่นมิติผันผวนกลับยิ่งรุนแรงขึ้น เสี้ยวขณะต่อมา ร่างของจ้าวเฟิงก็ตกอยู่ในคลื่นวนมิติขนาดเล็ก

ยามนี้มาถึงเขตเทพสวรรค์แล้ว ระยะทางที่เหลือไม่นับว่าไกลมากนัก ใช้เคลื่อนย้ายมิติเดินทางจะเร็วกว่า

วู้ม ฟิ้ว ฟิ้ว! คลื่นวนมิติพลันปรากฏขึ้น ร่างของจ้าวเฟิงค่อยๆ ปรากฏออกมาจากความว่างเปล่า หลังจากใช้เคลื่อนย้ายมิติติดๆ กันหลายครั้ง จ้าวเฟิงก็พักชั่วขณะหนึ่ง

ไม่ถึงสามเดือน จ้าวเฟิงก็มาถึงเผ่าพันธุ์วิญญาณอย่างราบรื่น

ด้วยฐานะของจ้าวเฟิงในเผ่าพันธุ์วิญญาณ ย่อมนำความปั่นป่วนโกลาหลมาแน่นอน

ก่อนหน้านี้จ้าวเฟิงหายตัวไปอย่างไร้สาเหตุหลายปี ไร้ซึ่งข่าวคราว กระทั่งหลายคนคิดว่าเขาเกิดเหตุไม่คาดฝันจนล้มตาย หรือไม่ก็ถูกเผ่าเปลวทองแอบลอบสังหารไปแล้ว

ตอนนี้ จ้าวเฟิงไม่เพียงแต่กลับมายังเผ่าพันธุ์วิญญาณ พลังฝึกตนของเขายังถึงขั้นแปดสุดยอดแล้ว!

เห็นได้ชัดว่าจ้าวเฟิงที่ออกไปฝึกฝนข้างนอกพบเจอกับโอกาสใหญ่ มิฉะนั้นไม่ถึงสิบปีจะไปถึงขั้นแปดสุดยอดได้อย่างไร

เรื่องแรกที่ทำหลังจากกลับมา จ้าวเฟิงมุ่งหน้าไปหาจ้าวหยูเฟย แต่ว่านางกำลังปิดด่านอยู่ในพื้นที่ต้องห้ามของเผ่าพันธุ์วิญญาณ

“จ้าวเฟิง เจ้าออกไปข้างนอกเจอโอกาสอะไร จึงได้ทะลวงถึงขั้นแปดสุดยอด?”

อาจารย์ของจ้าวหยูเฟยหรือผู้อาวุโสสามของเผ่าพันธุ์วิญญาณถามขึ้น

ตลอดมา เขาสั่งสอนอบรมจ้าวหยูเฟยอย่างสุดกำลัง กระตุ้นพลังสายเลือดเผ่าพันธุ์วิญญาณของนาง หวังว่านางจะล้ำหน้าจ้าวเฟิง

ไม่ง่ายเลยที่หยูเฟยจะได้โอกาสใหญ่จากในมิติลับ กลับมาแล้วก็ปิดด่านฝึกตน ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว แต่จ้าวเฟิงกลับไปถึงขั้นแปดสุดยอด!

“ข้าเข้าไปในมิติที่เผ่าแสงหลงเหลือเอาไว้โดยบังเอิญ เลยได้โอกาสมาไม่น้อย…”

จ้าวเฟิงพูดค่อนข้างคลุมเครือ

“ท่าทางเจ้าและหยูเฟยล้วนเป็นคนที่โชคดียิ่งนัก!” ผู้อาวุโสที่สามเอ่ยทอดถอนใจ

“หยูเฟยทำไมรึ?” จ้าวเฟิงถามทันที

สำหรับมิติลับของสิบอันดับแรกในรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณที่เขตเทพสวรรค์ จ้าวหยูเฟยน่าจะเข้าไปแล้ว

จากความทรงจำของเทพโบราณจินหลุน เหมือนว่าจะมีข่าวลือเกี่ยวกับนางอยู่ แต่ว่าก็ไม่ยืนยันชัดเจน

“นางได้รับมรดกของ ‘เผ่าเทพสงคราม’ ที่อยู่ในสิบอันดับแรกของรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณมา!”

ผู้อาวุโสที่สามพูดอย่างตื่นเต้นและได้ใจ

ก่อนหน้านี้เขารับจ้าวเฟิงเป็นศิษย์แต่กลับถูกปฏิเสธ ผู้อาวุโสที่สามไม่พอใจมาโดยตลอด ตอนนี้จ้าวหยูเฟยได้รับมรดกของ ‘เผ่าเทพสงคราม’ มา ในวันหน้าจะต้องล้ำหน้าจ้าวเฟิง และนำพาเผ่าพันธุ์วิญญาณเดินไปสู่ความรุ่งโรจน์อย่างแน่นอน

“เผ่าเทพสงคราม?” จ้าวเฟิงค่อนข้างตกใจ

เผ่าเทพสงครามคือเผ่าพันธุ์ในตำนานอันดับห้าของรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ เป็นเผ่าพันธุ์ที่มีความสามารถในการเรียนรู้สูงที่สุด

ขอบเขตพลังของคนเผ่านี้ โดยทั่วไปแล้วล้ำหน้ากว่าพลังฝึกตนของตัว บรรลุพลังเสวียนอ้าวประเภทต่างๆ ได้ทุกเมื่อ บรรลุพลังกฎเกณฑ์ก็ค่อนข้างง่ายกว่าเผ่าพันธุ์อื่น

นอกจากนั้น คนเผ่าเทพสงครามล้วนชื่นชอบการต่อสู้ พรสวรรค์ด้านการต่อสู้ไร้เทียมทาน ด้านการใช้กลยุทธ์วิชาและวิชาลับประเภทต่างๆ ก็มักจะบรรลุถึงขั้นสูงสุด ถือเป็นเผ่าพันธุ์ในตำนานที่มีพลังรบแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง

‘น่ากลัวว่านี่คงเป็นสาเหตุที่เผ่าเปลวทองและเผ่าพันธุ์วิญญาณเปิดศึกกันกระมัง!’

จ้าวเฟิงใจหนักอึ้ง

ความเร็วในการฝึกฝนของเผ่าพันธุ์วิญญาณ เดิมก็อยู่ในอันดับหนึ่งของรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ และวันนี้จ้าวหยูเฟยได้มรดกของเผ่าเทพสงครามมาชดเชยจุดด้อยด้านขอบเขตพลังและการบรรลุ

น่ากลัวว่าไม่ถึงพันปีหมื่นปี นางก็จะสามารถทะลวงขั้นจอมเทพได้ อีกทั้งเป็นจอมเทพเผ่าพันธุ์วิญญาณที่มีพลังรบแข็งแกร่งที่สุด นี่มากพอที่จะเปลี่ยนชะตาของเผ่าพันธุ์วิญญาณได้เลย

เผ่าเปลวทองที่เป็นปฏิปักษ์ของเผ่าพันธุ์วิญญาณไม่มีทางยอมให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นเด็ดขาด