บทที่ 1429 ลานแลกเปลี่ยนซื้อขายอาณาจักรเทพ
“สำเร็จแล้ว!” ใบหน้าจ้าวเฟิงฉายแววยินดี
ไม่นึกเลยว่าความสามารถของดวงตาเทพเจ้า จะถึงขนาดลบล้างพลังของคำสาปมรณะได้ จะต้องรู้ไว้ก่อนว่า พลังของคำสาปมรณะ กระทั่งเผ่าบรรพกาลในยุคบรรพกาลยังต้องหวาดกลัว นี่ยิ่งพิสูจน์ให้เห็นความพิเศษและไม่ธรรมดาของดวงตาเทพเจ้า
“จ้าวเฟิง เมื่อครู่เจ้าทำอะไร?” ผู้อาวุโสที่สองเอ่ยถามด้วยความตื่นเต้นเป็นที่สุด
จอมเทพทั่วไปก็ทำได้เพียงกดพลังของคำสาปมรณะเอาไว้ชั่วคราว แต่ทำอะไรคำสาปมรณะไม่ได้ แต่เมื่อครู่นี้ คำสาปมรณะส่วนเล็กๆ ในร่างเขาหายไปอย่างน่าประหลาด
ผู้อาวุโสที่สองแน่ใจว่าทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะจ้าวเฟิง
แต่หลังจากถามเช่นนี้แล้ว ผู้อาวุโสที่สองถึงรู้สึกว่าตนเองหุนหันพลันแล่นจนเกินไป สามารถกดข่มคำสาปมรณะได้ ความล้ำค่าของวิธีนี้ย่อมมากเกินประมาณ จ้าวเฟิงจะบอกต่อง่ายๆ ได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้น จ้าวเฟิงในตอนนี้ก็ไม่ใช่ผู้เยาว์คนก่อนอีก แต่เป็นถึงอัจฉริยะที่เอาชนะจอมเทพได้
พลังในตอนนี้ของจ้าวเฟิงไม่ด้อยกว่าจอมเทพทั่วไปเลย แถมยังมีศักยภาพมหาศาล สำเร็จในภายหน้ายิ่งใหญ่แน่นอน
“จ้าวเฟิง ไม่รู้ว่าเจ้ามีวิธีกำจัดคำสาปมรณะในร่างข้าหรือไม่?”
สีหน้าท่าทางผู้อาวุโสที่สองสงบนิ่งลง ถามกลั้วยิ้ม
“คำสาปมรณะยากจะจัดการได้ ต่อให้เมื่อครู่ข้าใช้พลังทั้งหมด ก็ทำได้เพียงกำจัดส่วนเล็กๆ ไปเท่านั้น!”
จ้าวเฟิงส่ายศีรษะน้อยๆ ด้วยท่าทีอิดโรย ความจริงแล้ว เพียงกำจัดคำสาปมรณะส่วนเล็กๆ ไม่ได้สิ้นเปลืองพลังมากนัก แต่หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป อาจจะทำให้ส่งผลในวงกว้าง พยายามปกปิดเอาไว้น่าจะเป็นการดี
สำหรับคำถามของผู้อาวุโส จ้าวเฟิงไม่ได้ให้คำตอบที่แน่ชัด
ถ้าหากจ้าวเฟิงพูดอย่างตรงไปตรงมา เขายังพอมีหวังที่จะคลี่คลายได้ นั่นก็ทำให้คนตื่นตะลึงมากแล้ว
“ไม่เป็นไร เจ้าทำสุดแรงก็พอ!” ผู้อาวุโสที่สองระบายยิ้มน้อยๆ
ก่อนนี้เขาไม่ได้มีความหวังใดๆ แต่ตอนนี้จ้าวเฟิงไม่ได้บอกว่าทำไม่ได้ แสดงว่ายังพอมีหวังอยู่บ้าง ดังนั้นผู้อาวุโสที่สองจึงมั่นใจเต็มเปี่ยม ต่อให้สุดท้ายจ้าวเฟิงไม่สามารถคลายคำสาปมรณะได้ทั้งหมด แต่ก็สามารถลดความทุกข์ทรมานที่เขาได้รับจากคำสาปมรณะ
“ผู้เยาว์ขอตัวก่อน ขอเวลากลับไปศึกษาเตรียมตัวก่อนสักพัก แล้วค่อยดูให้ท่านผู้อาวุโส!” จ้าวเฟิงเอ่ยปากลาผู้อาวุโสที่สองทันที
หลังจากกลับมาถึงที่พักแล้ว จ้าวเฟิงไม่ได้ศึกษาเตรียมตัวอะไรทั้งสิ้น แต่เข้าสู่สภาวะปิดด่านฝึกตน
เมื่อผ่านศึกใหญ่คราวก่อน วงแสงรวมศูนย์ของจ้าวเฟิงไปถึงระดับที่สมบูรณ์แล้ว ความสามารถในการป้องกันแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก
“รอให้ ‘วิชาพลังฟ้าประสานหนึ่ง’ ทะลวงไปขั้นห้า วงแสงรวมศูนย์ก็จะสร้างเคล็ดวิชาที่แข็งแกร่งอีกขั้นออกมาได้…หลุมดำรวมศูนย์!”
จ้าวเฟิงตั้งตารอคอยอยู่บ้าง
หลุมดำรวมศูนย์แข็งแกร่งกว่าวงแสงรวมศูนย์มากกว่าขั้นหนึ่ง อาจถึงขั้นเรียกได้ว่าเป็นกลยุทธ์ขั้นจอมเทพด้วยซ้ำไป หากปลดปล่อยออกมา จะกลายเป็นหลุมดำรวมศูนย์ที่กลืนกินสรรพสิ่งนับหมื่น โจมตีและป้องกันไปพร้อมๆ กัน!
ในตอนนี้ จ้าวเฟิงเพียงคุ้นเคยบ้างเท่านั้น แต่ไม่อาจเริ่มฝึกฝนได้
หนึ่งเดือนต่อมา เขาไปยังที่พักของผู้อาวุโสที่สองอีกครั้ง เหมือนว่าผู้อาวุโสที่สองจะรออยู่นานแล้ว เขาเปิดประตูต้อนรับทันที
“จ้าวเฟิง ในที่สุดเจ้าก็มา ไม่รู้ว่าเจ้าศึกษาคำสาปมรณะไปถึงไหนแล้ว?”
ผู้อาวุโสที่สองยิ้มพลางเอ่ย
“ขอรับ ก็ก้าวหน้าไปบ้าง ดังนั้นผู้เยาว์จึงรีบมา!” จ้าวเฟิงเอ่ยอย่างเคร่งขรึม
จากนั้นทั้งสองจึงมาที่ห้องลับแห่งหนึ่ง จ้าวเฟิงเบิกดวงตาเทพเจ้า ก่อนจะเริ่มสำรวจคำสาปมรณะในร่างผู้อาวุโสที่สอง ครั้งนี้เขาไม่ได้รีบร้อนทำลายพลังของคำสาปมรณะในทันที แต่สำรวจอย่างละเอียดก่อน
ความน่ากลัวของคำสาปมรณะ จ้าวเฟิงรู้ซึ้งดี
ตอนนี้ระดับขั้นของเขาสูงส่งมากพอ เมื่อมีพลังเช่นนี้อยู่ตรงหน้า เขาย่อมอยากทำความเข้าใจและศึกษาให้ดี เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ตกอยู่ใต้คำสาปในภายหน้า
“หืม? ลักษณะของคำสาปมรณะพิเศษมาก คล้ายคลึงกับพลัง ‘แปรฝันให้เป็นจริง’ ของข้าอยู่เหมือนกัน!”
หลังจากสำรวจไปครู่หนึ่ง จู่ๆ จ้าวเฟิงก็ค้นพบเรื่องนี้
พลังแปรฝันให้เป็นจริงของดวงตาเทพเจ้าพิเศษมหัศจรรย์ มันไม่โจมตีกายเนื้อ และก็ไม่ได้โจมตีวิญญาณ แต่เหมือนเป็นพลังความคิดประเภทหนึ่งมากกว่า
ดังนั้นคนทั่วไปจึงยากจะเข้าใจ และยิ่งไม่สามารถไปรบกวนได้
คำสาปมรณะคล้ายคลึงกับมันบางส่วน แต่ทว่าเมื่อเปรียบกับพลัง ‘แปรฝันให้เป็นจริง’ ของดวงตาเทพเจ้าแล้ว ก็ต่ำกว่าอย่างเห็นได้ชัด
“จ้าวเฟิง สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง?” ผู้อาวุโสที่สองถามอย่างอดไม่ได้
คราวก่อนจ้าวเฟิงกำจัดคำสาปมรณะส่วนเล็กๆ บนร่างเขาได้อย่างรวดเร็วนัก แต่ครั้งนี้ผ่านไประยะหนึ่งกลับไม่มีผลใดๆ
“ไม่ต้องรีบร้อน!” จ้าวเฟิงพึมพำเสียงต่ำ หลังจากที่สังเกตไปครู่หนึ่ง จึงใช้พลังดั้งเดิมกำจัดคำสาปมรณะส่วนเล็กๆ บนร่างผู้อาวุโสที่สองอีกครั้ง จากนั้นเขาจึงจากไปด้วยใบหน้าอิดโรย
“จ้าวเฟิง คำสาปมรณะบนร่างข้าทำให้เจ้าต้องลำบากแล้ว นี่คือน้ำใจของข้า เจ้ารับไว้เถอะนะ!”
ผู้อาวุโสที่สองเอามิติเก็บของออกมา
จ้าวเฟิงรับไปอย่างไม่เกรงใจ และดำดิ่งประสาทสัมผัสเทพลงไปด้านในนั้น
“มีผลึกเทพเยอะมากเหลือเกิน น่าจะมีอย่างน้อยๆ สองแสนชิ้น!”
จ้าวเฟิงอึ้งไป
ผลึกเทพระดับสูงหนึ่งชิ้น เทียบเท่าได้กับผลึกเทพระดับต่ำหนึ่งหมื่นชิ้น แต่ตอนนี้ผู้อาวุโสที่สองมอบผลึกเทพระดับสูงสองแสนชิ้นให้เขา ต้องรู้เอาไว้ว่า ถึงจะเป็นทรัพย์สินของเทพโบราณขั้นที่เก้า ผลึกเทพอาจจะไม่ถึงแสนชิ้นด้วยซ้ำ
แน่นอนว่า หากวัดด้วยทรัพย์สินของจ้าวเฟิง ย่อมไม่จำเป็นต้องใส่ใจผลึกเทพสองแสนชิ้นพวกนี้
นอกจากผลึกเทพระดับสูงสองแสนชิ้น ยังมีอาวุธเทพระดับสุดยอดที่คุณภาพไม่เลวกับทรัพยากรฝึกเสวียนอ้าวประเภทต่างๆ
ผู้อาวุโสที่สองรู้ว่าจ้าวเฟิงกำลังฝึกฝน ‘วิชาพลังฟ้าประสานหนึ่ง’ ทรัพยากรสำหรับฝึกฝนเสวียนอ้าวทั้งหมดที่เขายกให้จึงเกี่ยวข้องกับเสวียนอ้าวต่างๆ มากมาย
“จริงด้วย ‘ลานแลกเปลี่ยนซื้อขายอาณาจักรเทพ’ ในปีหน้า เจ้าสนใจจะไปหรือไม่?”
ผู้อาวุโสที่สองถามอีกครั้ง
“ลานแลกเปลี่ยนซื้อขายอาณาจักรเทพ?”
จ้าวเฟิงจำได้ว่าก่อนนี้ผู้อาวุโสที่สองเคยพูดกับเขามาก่อน แต่ตอนนั้นเขามีเรื่องอื่นต้องทำ จึงไม่ได้สนใจถามไถ่อะไรมากนัก
เมื่อเห็นท่าทางงุนงงสงสัยของจ้าวเฟิง ผู้อาวุโสที่สองถึงได้นึกออกว่าจ้าวเฟิงเพิ่งจะทะลวงถึงขั้นโบราณมาไม่กี่สิบปี อาจไม่เข้าใจเรื่องลานแลกเปลี่ยนซื้อขายอาณาจักรเทพ
“ลานแลกเปลี่ยนซื้อขายอาณาจักรเทพ เป็นถึงสถานที่แลกเปลี่ยนระดับสูงของขั้วอำนาจที่ทำการค้าขายในดินแดนเทพรกร้าง มีเพียงเทพโบราณเท่านั้นที่มีคุณสมบัติจะเข้าไป!”
ผู้อาวุโสที่สองอธิบายให้จ้าวเฟิงฟัง
ดินแดนเทพรกร้างกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต จำนวนของขั้วอำนาจที่ทำกิจการค้าขายจึงมีมากมายอย่างยิ่ง แต่ฝ่ายจัดงานแลกเปลี่ยนซื้อขายอาณาจักรเทพ เป็นถึงขั้วอำนาจค้าขายลำดับหนึ่งของดินแดนเทพรกร้าง ไม่อาจมองข้ามพลังและเบื้องลึกเบื้องหลังได้ หนำซ้ำจะเข้าไปในลานแลกเปลี่ยนซื้อขายอาณาจักรเทพได้ต้องเป็นเทพโบราณ
“ลานแลกเปลี่ยนซื้อขายอาณาจักรเทพ เป็นงานประมูลที่จัดขึ้นในทุกยี่สิบปี ว่ากันว่างานประมูลครั้งนี้ยิ่งใหญ่มาก มีสมบัติที่หายสาบสูญไปตั้งแต่ยุคบรรพกาลจำนวนไม่น้อย ของล้ำค่าที่ช่วยให้ทะลวงขั้นจอมเทพก็มีปรากฏ ในนั้นยังมีสมบัติพิเศษของเผ่าที่แข็งแกร่งในยุคบรรพกาล ได้ยินมาว่าคราวนี้มีเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนด้วย!”
ผู้อาวุโสที่สองเอ่ยอย่างกระตือรือร้น
“สมบัติที่ช่วยให้ทะลวงขั้นจอมเทพ อะไรนะ? เศษเสี้ยวอาวุธบรรพชน?”
ใบหน้าจ้าวเฟิงฉายแววยินดี ก่อนจะตกใจจนหน้าถอดสี เดิมทีตัวเขาเองก็มีเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชน ย่อมรับรู้ความล้ำค่าของสิ่งของชิ้นนี้
งานประมูลในลานแลกเปลี่ยนซื้อขายอาณาจักรเทพครั้งนี้ มีเสี้ยวอาวุธบรรพชนปรากฏขึ้นด้วยหรือ?
“ถูกต้องแล้ว ลานแลกเปลี่ยนซื้อขายอาณาจักรเทพแห่งนี้ เป็นที่แลกเปลี่ยนระดับสูงของพื้นที่ส่วนกลางในดินแดนเทพรกร้าง แต่เพราะการปรากฏตัวของเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชน ผู้แข็งแกร่งขั้นจอมเทพของเขตพื้นที่อื่นๆ จึงต่างเร่งงรุดเดินทางมา…”
ผู้อาวุโสที่สองเองก็ตื่นเต้นและรอคอยเล็กน้อย
อาวุธระดับสูงที่สุดของดินแดนเทพรกร้างไม่ใช่อาวุธเทพระดับสุดยอด แต่เป็น อาวุธบรรพชนชั้นสูง แต่อาวุธบรรพชนก็เป็นแค่ตำนานเท่านั้น ความล้ำค่าหายากของมันเทียบเท่าได้กับแปดเนตรเทพเจ้าและราชาเทพเลยด้วยซ้ำ
เศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนน่าจะมีให้เห็นจริงเล็กน้อย
หากจอมเทพได้ครอบครองเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชน ก็แทบสามารถเอาชนะคนระดับขั้นเดียวกันได้ ในภายหน้าจะเป็นผู้โดดเด่นในบรรดาจอมเทพ
“ดี ถึงตอนนั้นไปดูสักหน่อยแล้วกัน!”
จ้าวเฟิงพลันสนใจลานแลกเปลี่ยนซื้อขายอาณาจักรเทพจากปากผู้อาวุโสที่สองขึ้นมายิ่งไปกว่านั้น การรบก่อนหน้านี้ทำให้เขาได้สิ่งของไร้ประโยชน์มามากเกินไป
ตอนที่เข้าไปในลานแลกเปลี่ยนซื้อขาย จะสามารถขายของทั้งหมดหรือไม่ก็ประมูลขายไป เช่นเดียวกัน ลานแลกเปลี่ยนซื้อขายระดับสูงเช่นนี้ คาดว่าสมบัติประเภทใดๆ ก็มีทั้งนั้น ถึงตอนนั้นจ้าวเฟิงซื้อสิ่งของที่ตนเองต้องการได้เช่นกัน
อีกอย่างจ้าวเฟิงเองก็กำลังกังวลใจเรื่องจะทะลวงขั้นจอมเทพในภายหน้า
ตั้งแต่เทพโบราณไปจนถึงจอมเทพ ยากกว่าจากเทพแท้จริงไปถึงเทพโบราณร้อยเท่าพันเท่า
ครึ่งก้าวสู่จอมเทพบางส่วนถึงขั้นสะสมบำเพ็ญเพียรหลายล้านปีเพื่อทะลวงขั้นจอมเทพ แต่กลับเผชิญกับความล้มเหลว อีกทั้งหากทะลวงขั้นจอมเทพไม่สำเร็จ จะส่งผลเสียต่อรากฐานเทพในร่างและทำลายมันลง นี่เป็นเรื่องที่พบเจอได้เป็นปกติ
หากดีหน่อย อาจทำลายรากฐานเทพชั้นหนึ่งไปเท่านั้น แต่หากหนักหนาสักหน่อย รากฐานเทพทั้งเก้าชั้นก็คงแหลกสลายไปจนหมด เท่ากับทำให้ทุกอย่างย้อนกลับคืนจุดเริ่มต้น
หลังจากรู้เรื่องทั้งหมดนี้ จ้าวเฟิงให้ความสำคัญเป็นที่สุด
แต่เมื่อครู่ ผู้อาวุโสที่สองก็พูดเองว่างานประมูลของลานแลกเปลี่ยนซื้อขายอาณาจักรเทพในปีหน้า จะมีสมบัติที่ช่วยทะลวงขั้นจอมเทพ จ้าวเฟิงจะพลาดโอกาสนี้ไปได้อย่างไรกัน
เวลาต่อมา ทุกครั้งที่ผ่านไปช่วงหนึ่ง เขาก็จะมาช่วยผู้อาวุโสที่สองทำลายคำสาปมรณะ
แปดเดือนต่อมา พลังคำสาปมรณะในร่างผู้อาวุโสที่สองเหลือเพียงแค่ห้าส่วนเท่านั้น ด้วยพลังระดับจอมเทพของเขา จึงกดคำสาปมรณะที่เหลือเอาไว้ได้อย่างสบายมาก ถ้าหากจ้าวเฟิงมีเวลา ค่อยๆ ทำลายพลังทั้งหมดนี้ไปก็ย่อมได้
“จ้าวเฟิง เรียกว่าเจ้าเป็นผู้มีพระคุณใหญ่หลวงของข้าเลยเชียว ฮ่าๆ!”
ผู้อาวุโสที่สองหัวเราะร่วน
ถ้าหากจ้าวเฟิงไม่ได้เอาชนะจอมเทพหั่วอวิ๋นในสนามรบก่อนนี้ ผู้อาวุโสที่สองเป็นไปได้มากว่าอาจถูกอีกฝ่ายสังหารไปแล้ว และครั้งนี้ จ้าวเฟิงจัดการทำลายคำสาปมรณะบางส่วนในร่างเขา เรียกได้ว่าช่วยชีวิตเขาเอาไว้อีกครั้ง
“มิได้ มิได้!” จ้าวเฟิงเอ่ยอย่างเกรงอกเกรงใจ
เขาช่วยชีวิตผู้อาวุโสที่สองถึงสองครั้งติดต่อกัน จึงทำให้อีกฝ่ายซาบซึ้งน้ำใจอย่างยิ่ง เท่ากับว่าติดหนี้บุญคุณ หนี้บุญคุณของจอมเทพ ไม่แน่ว่าในช่วงเวลาสำคัญอาจมีประโยชน์อยู่บ้าง
ส่วนเรื่องที่จ้าวเฟิงช่วยเขาทำลายคำสาปมรณะ ผู้นำระดับสูงของเผ่าพันธุ์วิญญาณก็ต้องรักษาความลับเอาไว้แน่
หนึ่งปีที่ผ่านมานี้ จ้าวเฟิงเดินทางไปมาหาสู่กับผู้อาวุโสที่สองอย่างสนิทสนม
นี่ก็ทำให้เขากลายเป็นคนสำคัญลำดับหนึ่งรองจากจอมเทพทั้งสามในเผ่าพันธุ์วิญญาณ
“จ้าวเฟิง ยังเหลือเวลาอีกหลายเดือนกว่างานประมูลลานแลกเปลี่ยนซื้อขายอาณาจักรเทพจะจัดขึ้น เจ้าต้องเตรียมผลึกเทพไว้ส่วนหนึ่ง เดี๋ยวพอถึงตอนนั้นเจ้าพลาดของที่เจ้าต้องการ อาจต้องเสียดายไปตลอดชีวิต!”
ผู้อาวุโสที่สองเอ่ยสัพยอก
ขอแค่เข้าไปในลานแลกเปลี่ยนซื้อขายอาณาจักรเทพ ต่อให้เป็นคนที่ร่ำรวย ก็ยังรู้สึกว่าผลึกเทพไม่เพียงพอ
หลายเดือนต่อมา จ้าวเฟิงเตรียมเดินทางไปยังลานแลกเปลี่ยนซื้อขายอาณาจักรเทพพร้อมกับผู้อาวุโสที่สอง
ผู้ที่เดินทางไปพร้อมกันยังมีจ้าวหยูเฟย และเทพโบราณอาวุโสส่วนหนึ่งของเผ่าพันธุ์วิญญาณ
ครึ่งเดือนต่อมา ทุกคนเดินทางมาถึงแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิต
ทางเข้าลานแลกเปลี่ยนซื้อขายอาณาจักรเทพ มีอยู่ในทุกแดนศักดิ์สิทธิ์ของแต่ละเขตพื้นที่
“ค่าเข้างาน ผลึกเทพระดับสูงหมื่นชิ้น!” คนต้อนรับของลานแลกเปลี่ยนซื้อขายอาณาจักรเทพระบายยิ้มเป็นมิตร
ผลึกเทพระดับสูงหมื่นชิ้น! จ้าวเฟิงสูดลมหายใจลึก
คุณสมบัติที่จะเข้าไปในลานแลกเปลี่ยนซื้อขายคือต้องมีพลังฝึกตนในขั้นเทพโบราณ แต่ทรัพย์สินทั้งหมดของเทพโบราณขั้นเจ็ดทั่วไปบางส่วน อาจไม่มีผลึกเทพระดับสูงหมื่นชิ้นด้วยซ้ำ