บทที่ 1436 มาทันเวลา
ควันพิษร้อนระอุที่หนาทึบตรงใจกลางนรกเพลิงโลกันตร์ ราวคลื่นมหาสมุทรแผ่กระจายเต็มฟ้าดิน จุดหนึ่งของใจกลางเขตต้องห้ามที่อันตราย มีอาณาจักรเทพแห่งหนึ่งซ่อนตัวอยู่
ทิวทัศน์ในอาณาจักรเทพต่างจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง
ภูเขาต้นไม้ที่นี่เต็มไปด้วยกระแสพลังชีวิต บนพื้นดินกว้างใหญ่ไพศาลมีตำหนักเรียบง่ายจำนวนมาก
คนระดับสูงจากตำหนักเทพยักษ์รวมตัวกันอยู่ในโถงตำหนักลับที่ถูกปิดกั้นด้วยค่ายกล
“คนของตำหนักวิญญาณบรรพกาลพบที่ซ่อนตัวของพวกเราแล้ว คาดว่าใกล้จะมาถึงเต็มที!”
ผู้อาวุโสเทพโบราณขั้นเก้าผู้หนึ่งทอดถอนใจ
“พวกเราซ่อนตัวอยู่ที่นี่ ยังถูกพวกเขาเจอตัวอีกหรือ?”
ชายวัยกลางคนร่างกำยำที่มีหัวเป็นวัวกดเสียงต่ำ
ทันทีที่เอ่ยออกมา ผู้นำระดับสูงจำนวนมากที่นี่ก็ยังฉงนสงสัย
“เบื้องหลังของตำหนักวิญญาณบรรพกาลยังมีการสนับสนุนจากขั้วอำนาจลึกลับอีกแห่งหนึ่งด้วย!”
ซินอู๋เหินตรงที่นั่งประธานมีสีหน้าราบเรียบ แววตาหนักอึ้ง
ส่วนเรื่องของเผ่าความลับสวรรค์ จนถึงตอนนี้เขาบอกแค่ยอดผู้อาวุโสเท่านั้น
ถ้าหากให้สมาชิกคนอื่นๆ ของเผ่าเทพยักษ์ล่วงรู้ว่า ตำหนักวิญญาณบรรพกาลและเผ่าความลับสวรรค์ในลำดับที่สามของรายชื่อหมื่นเผ่าพันธ์ติดต่อกัน เกรงว่ากระทั่งความกล้าที่จะต่อต้านพวกเขาก็ยังไม่มี
ยกตัวอย่างเช่น ชายหัววัวร่างกำยำผู้นั้น ตัวเขาเป็นถึงครึ่งก้าวสู่จอมเทพ และเป็นเจ้าสำนักสำนักสี่ดาวระดับสุดยอด เป็นขั้วอำนาจที่ถูกเผ่าเทพยักษ์ชักจูงมาเป็นพวก หากพวกเขารู้เรื่องนี้ก่อน คาดว่าคงจะไม่ช่วยเผ่าเทพยักษ์
“ถูกต้อง เกรงว่าขั้วอำนาจนี้จะไม่ธรรมดา!”
สมาชิกจำนวนมากที่นี่ต่างเห็นด้วย
ขั้วอำนาจเบื้องหลังตำหนักวิญญาณบรรพกาลย่อมไม่ธรรมดาแน่
ตามข้อมูลที่พวกเขาได้มา ตำหนักวิญญาณบรรพกาลช่วงนี้มีเทพโบราณระดับสูงและครึ่งก้าวสู่จอมเทพปรากฏขึ้นใหม่เรื่อยๆ ย่อมต้องเกี่ยวกับขั้วอำนาจเบื้องหลังพวกเขาแน่นอน แต่ขั้วอำนาจลึกลับแห่งนั้นดูเหมือนจะไม่กล้าทำอะไรโจ่งแจ้งเกิน เพียงคอยสนับสนุนทรัพยากรให้กับตำหนักวิญญาณบรรพกาลอยู่เบื้องหลัง
แน่นอนว่านี่ก็เป็นแค่ส่วนที่เผ่าเทพยักษ์สืบมาได้
“ท่านอู๋เหิน ตอนนี้พวกเราจะทำอย่างไรกันดี?”
ชายวัยกลางคนร่างกำยำเอ่ยถาม
คนที่เหลือจับจ้องซินอู๋เหิน อย่างไรเสียเขาก็เป็นเจ้าตำหนักของตำหนักเทพยักษ์ ในตอนนี้ก็มีพลังฝึกตนในขั้นจอมเทพ
ตอนนี้มีสองทางให้พวกเขาเลือกเท่านั้น
หนึ่งคือเฝ้าอยู่ที่นี่ สองคือล่าถอยไป!
“สภาพแวดล้อมของนรกเพลิงโลกันตร์ยากลำบาก อยู่เฝ้าที่นี่น่าจะได้เปรียบมากกว่า!” ซินอู๋เหินเอ่ยเสียงเรียบ
พวกเขาถูกพวกตำหนักวิญญาณบรรพกาลหาเจอแล้ว จะให้ถอยก็หนีไปไหนไม่ได้ไกล อยู่เฝ้าที่นี่ เตรียมตัวให้พร้อม บวกกับมีความได้เปรียบด้านสภาพแวดล้อม บางทีอาจสามารถรับมือกับตำหนักวิญญาณบรรพกาลได้
“อีกอย่าง ข้าได้ขอความช่วยเหลือจากสหายแล้ว ถ้าหากเขาพากำลังคนมาด้วยก็จะร่วมโจมตีพร้อมกับเราได้ และทำให้ตำหนักวิญญาณบรรพกาลรับมือไม่ทัน!”
ซินอู๋เหินเอ่ยสำทับ
อันที่จริง เขาเองก็ไม่แน่ใจเช่นกัน
ตามหลักการแล้ว เผ่าพันธุ์วิญญาณไม่มีทางดั้นด้นมาแต่ไกลเพื่อช่วยตำหนักเทพยักษ์ แต่ที่เขาพูดแบบนี้ก็เพื่อให้สมาชิกของตำหนักเทพยักษ์มีความหวังขึ้นมาบ้าง
“ได้ ตอนนี้พวกเราส่งกลุ่มเทพโบราณไปแฝงตัวอยู่แถวนรกเพลิงโลกันตร์ พยายามขัดขวางและรบกวนคนของตำหนักวิญญาณบรรพกาล!”
ยอดผู้อาวุโสถ่ายทอดคำสั่งลงไปทันที
……
นรกเพลิงโลกันตร์
“กระจายตัวไป ค้นหาที่อยู่แน่ชัดของตำหนักเทพยักษ์ และผนึกที่นั่นเอาไว้เสีย!”
จอมเทพเสียหลิงสั่งเสียงต่ำ
นรกเพลิงโลกันตร์มีอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาล บวกกับมีผลกระทบจากควันพิษเพลิง ประสาทสัมผัสเทพจึงถูกปิดกั้น ทั้งยังไม่สามารถโบยบินไปมาได้
สวบ~
กลุ่มของตำหนักวิญญาณบรรพกาลแบ่งเป็นกลุ่มละสามถึงสี่คน ตรงไปตามแต่ละจุดของนรกเพลิงโลกันตร์
“เผ่าเทพยักษ์ก็เหลือเกินจริงๆ เดิมก็ไม่มีความหวังใดอยู่แล้ว แต่ยังดึงดันจะต่อกรตำหนักวิญญาณบรรพกาล มาหลบอยู่ในเขตแดนต้องห้ามที่อันตรายแบบนี้ ทรมานกันเสียจริง!”
โฉมสะคราญเรือนร่างบอบบางเอ่ยด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์นัก
“ช่วยข้าหาให้ละเอียด หากหาที่ซ่อนของเผ่าเทพยักษ์เจอแล้ว ตำหนักวิญญาณบรรพกาลจะตบรางวัลให้อย่างงาม!”
เทพโบราณขั้นเก้าชุดเขียวที่เป็นผู้นำเอ่ยเสียงต่ำ
แต่ในตอนนี้เอง กลิ่นอายที่หนักอึ้งพลันลอยมากดดัน
ครืน~ เงาร่างสามคนพุ่งทะยานมาจากใต้ดินไกลออกไป
ผู้นำกลุ่มคือเทพโบราณหวาไฉ่ นางพุ่งทะยานมาด้านหน้าสุด ยื่นมือส่งฝ่ามือวายุที่หนาวเหน็บออกมาหลายสาย ส่วนอีกสองคนเป็นผู้ฝึกตนศาสตร์ไฟ จึงปลดปล่อยพลังแท้จริงที่นี่ได้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
“รีบป้องกันเร็ว!” เทพโบราณชุดเขียวตะโกนสั่งทันที
เขาสะบัดมือ พลังเทพสีดำเกาะกลุ่มรวมกันเป็นเกราะป้องกันริ้วลายสีดำอย่างรวดเร็ว อีกสองคนเปลี่ยนสีหน้าเล็กน้อย หยิบเอาอาวุธเทพออกมาสำแดงเคล็ดวิชาป้องกันทันใด
โครม ตูม! ทั้งสามคนร่วมมือกัน ฝืนต้านทานการลอบโจมตีของตำหนักเทพยักษ์ไว้
“สังหาร!” เทพโบราณหวาไฉ่ตะโกนกร้าว กระตุ้นพลังสายเลือดเผ่าเทพยักษ์ทะลวงสังหาร
พลานุภาพการโจมตีของนางเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวโดยพลัน ตรงเข้าทำลายการป้องกันของพวกตำหนักวิญญาณบรรพกาลสามคน
“รีบถอยเร็ว!” เทพโบราณชุดเขียวถ่ายทอดคำสั่งในทันที
ในสถานการณ์เช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าเผ่าเทพยักษ์เป็นฝ่ายได้เปรียบ และเป้าหมายของพวกเขาในครั้งนี้ก็คือค้นหาสถานที่ซ่อนตัวของตำหนักเทพยักษ์ ไม่จำเป็นต้องต่อสู้กับฝ่ายตรงข้าม
“จะหนีไปไหน!” เทพโบราณหวาไฉ่พลิกฝ่ามืองาม ด้านบนปรากฏแผ่นค่ายกลโลหะเก่าแก่อันหนึ่ง
นางกระตุ้นแผ่นค่ายกล ปล่อยพลังของมันออกมา
ฟิ้ว วู้ม! ด้านบนแผ่นค่ายกลมีอักขระเผ่าความลับสวรรค์นับไม่ถ้วนลอยขึ้น ใจกลางภายในสาดซัดพลังเทพที่แก่กล้าออกมาทันที
มองเห็นแต่ลำแสงสีขาวที่เป็นรูปธรรมสิบหกเส้นสายพุ่งออกมาจากภายใน จากนั้นเกาะกลุ่มเป็นมิติปิดผนึกที่พิเศษเฉพาะ กักคนของตำหนักวิญญาณบรรพกาลทั้งสามเอาไว้ภายใน
“แย่ล่ะ นี่คือ ‘แผ่นค่ายกล’ ของเผ่าความลับสวรรค์!”
สีหน้าเทพโบราณชุดเขียวตึงเครียด
แผ่นค่ายกลของเผ่าความลับสวรรค์ ทันทีที่กระตุ้นจะปลดปล่อยค่ายกลความลับสวรรค์อย่างง่ายออกมาในพริบตา
อุปกรณ์ประเภทนี้ มีแค่คนที่รู้เรื่องค่ายกลเท่านั้นถึงใช้ได้
“ของดีนี่ ท่านอู๋เหินได้อุปกรณ์เผ่าความลับสวรรค์พวกนี้มาจาก ‘คลังสมบัติบรรพชน’ ร้ายกาจจริงๆ!”
เทพโบราณสองคนที่ติดตามเทพโบราณหวาไฉ่มา ดวงตาเปล่งประกายแวววับ
ซินอู๋เหินได้สิ่งของที่เผ่าความลับสวรรค์ทิ้งไว้มากมายมาจากอาณาจักรเทพของเผ่าแสง และแบ่งสรรให้กับสมาชิกตำหนักเทพยักษ์ เพื่อเพิ่มพลังแท้จริงของพวกเขา
“สังหาร!” เทพโบราณหวาไฉ่นำอีกสองคนเข้าไปในค่ายกลที่ปิดผนึกทันที
สมาชิกตำหนักวิญญาณบรรพกาลเป็นผู้แข็งแกร่งศาสตร์วิญญาณแทบทั้งหมด แรงกดดันที่แบกรับที่นี่หนักหนายิ่งนัก
ส่วนผู้แข็งแกร่งส่วนมากในตำหนักเทพยักษ์เป็นผู้ฝึกร่างกาย จึงมีแรงต้านทานควันพิษเพลิงที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง อีกทั้งตำหนักเทพยักษ์ซ่อนตัวอยู่ในนี้นานแล้ว ฝึกตนอยู่ในควันพิษเพลิงเสมอ จึงต้านทานได้ค่อนข้างมาก
ในค่ายกลปิดผนึกนี้ ทั้งสองฝ่ายมีกันสามคน พลังฝึกตนไม่แตกต่างกันมาก แต่สถานการณ์กลับเอนเอียงไปทางฝ่ายหนึ่ง ถึงจะพูดเช่นนี้ แต่สามคนจากตำหนักเทพยักษ์จะสังหารฝ่ายตรงข้ามทั้งหมดก็ยุ่งยากไม่น้อย
“สังหารให้ได้สักคนก่อนแล้วค่อยว่ากัน!” เทพโบราณหวาไฉ่ถ่ายทอดคำสั่งทันที ทั้งสามคนร่วมกันโจมตีสตรีนางนั้นก่อน
แต่ในเวลานี้เอง เสียงหัวเราะร่วนก็ดังมา “ฮ่าๆ พวกเหลือเดนตำหนักเทพยักษ์!”
“ไม่ได้การ แยกย้าย!”
เทพโบราณหวาไฉ่รีบเก็บแผ่นค่ายกลความลับสวรรค์แล้วเตรียมถอยหนี ก่อนส่งข้อความขอความช่วยเหลือออกไป
แต่กลิ่นอายที่กดดันก็บีบคั้นเข้ามาในฉับพลัน
ในกลุ่มควันหนาสีแดง ค่อยๆ ปรากฏผู้อาวุโสอัปลักษณ์ที่ผอมแห้งหนังติดกระดูก
“น่ากลัวเหลือเกิน…” สองคนในกลุ่มเทพโบราณหวาไฉ่ตัวสั่นเทิ้มด้วยความหวาดกลัว จนก้าวเท้าไม่ออกแม้ครึ่งก้าว
“ครึ่งก้าวสู่จอมเทพ!”
สีหน้าเทพโบราณหวาไฉ่เปลี่ยนไปในฉับพลัน ฉายแววลนลานออกมา
“ผู้อาวุโส จับพวกมันเอาไว้ ก็สืบหาที่ซ่อนตัวของตำหนักเทพยักษ์ได้แล้ว!”
เทพโบราณชุดเขียวระบายยิ้มน้อยๆ “แน่นอนอยู่แล้ว!”
ผู้อาวุโสอัปลักษณ์ยิ้มเจ้าเล่ห์
แต่ทันใดนั้นเอง จู่ๆ เสียงเรียบเรื่อยก็แว่วมา “ในที่สุดก็เจอแล้ว!”
พรึ่บ! ชายหนุ่มผมเงินทะลวงผ่านควันพิษเพลิงอย่างรวดเร็ว จนมาปรากฏตัวหน้ากลุ่มคน
คนผู้นี้ย่อมต้องเป็นจ้าวเฟิง มู่กู่ส่งเขาไปที่นรกเพลิงโลกันตร์ ค้นหาตำแหน่งของเผ่าเทพยักษ์อยู่นานก็ยังหาไม่เจอ
จนเมื่อครู่ เขาถึงมองเห็นเทพโบราณหวาไฉ่
“ใครกัน?”
ผู้อาวุโสอัปลักษณ์ผู้นั้นตัวสั่น หมุนกายไปมองจ้าวเฟิง
ในฐานะที่เขาเป็นครึ่งก้าวสู่จอมเทพจากตำหนักวิญญาณบรรพกาล ชำนาญศาสตร์วิญญาณ พลังประสาทสัมผัสจึงโดดเด่นมาก
แต่เมื่อครู่เขากลับไม่เห็นว่ารอบๆ มีคนอื่นอยู่ด้วย
“ครึ่งก้าวสู่จอมเทพ?” แววตาผู้อาวุโสอัปลักษณ์จ้องเขม็ง
ฝ่ายตรงข้ามเป็นครึ่งก้าวสู่จอมเทพ อีกทั้งมีอุปสรรคที่เกิดจากควันพิษเพลิง เขาไม่สังเกตเจอก่อนก็พอจะสมเหตุสมผลอยู่
“จ้าวเฟิง!” เทพโบราณหวาไฉ่เผยสีหน้ายินดี ก่อนจะร้องเรียก
เห็นได้ชัดว่าสมาชิกอีกสองคนของตำหนักวิญญาณบรรพกาลมาเข้าร่วมในภายหลัง ไม่ได้รู้จักกับจ้าวเฟิง ใบหน้าพวกเขาฉายแววงุนงง แต่เทพโบราณชุดเขียวหรี่ตาลง ร่างกายสั่นเทิ้ม
“คนผู้นั้นมาปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างไรกัน?!” เทพโบราณชุดเขียวหวาดกลัว
ในตอนแรก เขาติดตามจอมเทพเสียหลิงไปไล่ล่าเผ่าเทพยักษ์ ได้เห็นจ้าวเฟิงและซินอู๋เหินร่วมมือกันเอาชนะจอมเทพเสียหลิงด้วยตาตนเอง
ตอนนั้นพลังที่จ้าวเฟิงปลดปล่อยออกมาอยู่เหนือครึ่งก้าวสู่จอมเทพทั่วไป
หากเขาจำไม่ผิดละก็ ยามนั้นจ้าวเฟิงเป็นแค่เทพโบราณขั้นเก้า แต่ตอนนี้อีกฝ่ายเป็นถึงครึ่งก้าวสู่จอมเทพแล้ว
“เจ้ากำลังกลัวอะไร? ต่อให้มันเป็นครึ่งก้าวสู่จอมเทพ แต่พวกเรามีกันถึงหกคน!”
โฉมงามนางนั้นเอ่ยอย่างดูถูก
ผู้อาวุโสอัปลักษณ์ก็มีท่าทีไม่เข้าใจ
“เขาคือจ้าวเฟิงคนที่ร่วมมือกับซินอู๋เหินเอาชนะจอมเทพเสียหลิงในตอนนั้น!”
ผู้อาวุโสชุดเขียวบอกสิ่งที่ตนเองรู้ออกมา
ทันทีที่เอ่ย หญิงสาวโฉมงามและผู้อาวุโสอัปลักษณ์สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย
สามารถรับมือกับจอมเทพได้ อย่างน้อยๆ จะต้องเป็นบุคคลที่เก่งกาจในบรรดาครึ่งก้าวสู่จอมเทพ มิฉะนั้นถึงจะร่วมมือกับซินอู๋เหิน ก็ยากจะเอาชนะจอมเทพเสียหลิงได้
เพียงแค่สิ่งนี้ก็ทำให้ผู้อาวุโสอัปลักษณ์หวาดระแวงแล้ว แต่ถ้าเขาล่วงรู้ว่ายามนั้นจ้าวเฟิงเป็นแค่เทพโบราณขั้นเก้า เกรงว่าตอนนี้คงหนีไปแล้ว
“จ้าวเฟิง พวกเรารีบไปเถอะ เกรงว่าจะยิ่งดึงดูดคนจากตำหนักวิญญาณบรรพกาลให้มาที่นี่มากขึ้น!”
เทพโบราณหวาไฉ่มองจ้าวเฟิงด้วยแววตาขอร้อง
เป้าหมายเดิมของพวกนางคือมาเพื่อลอบโจมตีศัตรู พยายามทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บสาหัส ไม่สู้ยืดเยื้อ ทันทีที่พลังของทั้งสองฝ่ายไม่ต่างกันมากก็รีบถอนกำลังในทันที
“ได้!”
ตอนที่จ้าวเฟิงมาเห็นคนจากตำหนักวิญญาณบรรพกาลไม่น้อยทีเดียว แต่เขาเข้าไปในนรกเพลิงโลกันตร์โดยไม่มีใครรู้เรื่องอะไร และไม่ถูกใครจับได้
“คิดจะหนีคงไม่ง่ายดายอย่างนั้น!” ผู้อาวุโสอัปลักษณ์แค่นเสียงเย็น
เขาสะบัดมือปล่อยหมอกปีศาจสีเทาออกมา มีอสูรวิญญาณที่แกร่งกล้าตัวหนึ่งอยู่ภายในหมอกปีศาจ
แต่ตอนนั้นเอง จู่ๆ รอบด้านก็มีพลังประหลาดตรงเข้ามา ทันใดนั้นทุกอย่างในฟ้าดินก็เชื่องช้าลงเกินจะเปรียบ กระทั่งอสูรวิญญาณที่พุ่งออกมาก็ช้าลงไปเช่นกัน
“นี่…เป็นไปได้อย่างไรกัน?”
ผู้อาวุโสอัปลักษณ์ร่างกายสั่นเทิ้ม เมื่อจ้าวเฟิงยื่นมือเข้ามายุ่ง เขาถึงสังเกตเห็นความแข็งแกร่งและน่าสะพรึงกลัวของฝ่ายตรงข้าม แต่ร่างกายถูกพันธนาการจากเสวียนอ้าวเวลา ทำให้เขาหนีไปไม่ได้
สวบ! จ้าวเฟิงเข้าใกล้ผู้อาวุโสอัปลักษณ์อย่างรวดเร็ว และฟาดฝ่ามือออกมา
พลังเทพรวมศูนย์ที่แก่กล้าพุ่งออกมา ก่อนจะตรงเข้าไปในร่างผู้อาวุโสใบหน้าอัปลักษณ์ วินาทีต่อมา ร่างของผู้อาวุโสอัปลักษณ์ก็บิดเบี้ยวแหลกละเอียด ถูกหลุมดำขุ่นข้นที่ไร้ก้นบึ้งกลืนกินเข้าไป
‘วิชาพลังฟ้าประสานหนึ่ง’ ไปแตะขั้นที่ห้า พลังเทพรวมศูนย์เพิ่มขึ้นมาก ส่วนเสวียนอ้าวเวลาของจ้าวเฟิงก็มีพัฒนาการเพิ่มมากขึ้น จนใกล้ถึงขั้นที่แปดสุดยอด เช่นผู้อาวุโสอัปลักษณ์ที่เป็นแค่ครึ่งก้าวสู่จอมเทพทั่วไป เขาไม่มีแรงจะตอบโต้แม้แต่น้อย
“ผู้อาวุโส…” คนจากตำหนักวิญญาณบรรพกาลที่เหลือเห็นครึ่งก้าวสู่จอมเทพผู้หนึ่งตายลงไปกับตา เหงื่อเย็นก็ไหลโซมร่าง ความหวาดกลัวเข้าเกาะกุมหัวใจ แต่พลังฝึกตนของพวกเขาต่ำเกินไป จนเคลื่อนไหวไม่ได้เมื่อตกอยู่ภายใต้เสวียนอ้าวเวลาของจ้าวเฟิง
โครม ฟุ่บ! พลังเทพรวมศูนย์ในมือจ้าวเฟิงรวมตัวกันเป็นกระบี่เทพขนาดใหญ่เล่มหนึ่ง เมื่อฟาดฟันลง ทั้งห้าคนก็สลายหายไป!
“หนีเร็ว พาข้าไปที่เผ่าเทพยักษ์!” หลังจากจัดการเรื่องทั้งหมดเสร็จแล้ว จ้าวเฟิงกดเสียงต่ำเอ่ย
ส่วนเทพโบราณสองคนและเทพโบราณหวาไฉ่ ใบหน้าฉายแววตื่นตะลึง