Skip to content

King of Gods 1438

King Of Gods

บทที่ 1438 พลังจอมเทพ

แต่กลับกลายเป็นว่าสมาชิกของตำหนักเทพยักษ์ที่ออกมาทำศึกด้านนอก พลังของพวกเขาเพิ่มขึ้นอย่างมากจากการกระตุ้นด้วยอันตรายต่างๆ และได้ฝึกปรือฝีมือจากการต่อสู้ บวกกับผลเก็บเกี่ยวที่ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์

“สหายของท่านอู๋เหินไม่ธรรมดาจริงๆ!”

คนระดับสูงที่เพ่งเล็งจ้าวเฟิงก่อนหน้านี้เอ่ยด้วยรอยยิ้ม

อย่างไรเสีย จ้าวเฟิงก็เป็นสหายของเจ้าตำหนัก มีทรัพยากรล้ำค่า แถมยังสร้างผลงานให้กับตำหนักเทพยักษ์พอควร เพราะการชี้นำที่โดดเด่นของจ้าวเฟิง ทำให้หลายวันต่อมา การสำรวจของตำหนักวิญญาณบรรพกาลก็ยังเข้ามาไม่ถึง จำนวนคนก็ลดลงไปเรื่อยๆ

ทำให้คนของตำหนักเทพยักษ์ยินดีกันอย่างยิ่ง พวกเขาถือโอกาสนี้ฝึกปรือฝีมือ ยกระดับพลัง และเตรียมทำสงครามครั้งใหญ่

……

ในชุดคลุมมิติ จ้าวเฟิงยังคงใช้ศิลาวิญญาณฟ้าฝึกฝน

วิ้ง วิ้ง! พลังวิญญาณประหลาดในศิลาวิญญาณฟ้าทะลักเข้าไปในกายวิญญาณของจ้าวเฟิงไม่หยุด

ในตอนนี้ แก่นพลังส่วนมากในศิลาวิญญาณฟ้าถูกจ้าวเฟิงดูดซึมไปแล้ว ส่วนพลังวิญญาณของเขาก็กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

และในเวลานี้เอง จ้าววั่นก็ส่งข่าวเรื่องหนึ่งมาพอดี

ที่แท้หลังจากตำหนักวิญญาณบรรพกาลพ่ายแพ้ติดต่อกัน ฝ่ายตรงข้ามก็เปลี่ยนกลยุทธ์ โดยลดจำนวนกลุ่มลงไป และเพิ่มจำนวนคนในกลุ่มให้มากขึ้น

จนถึงตอนนี้เจอกลุ่มคนแล้วสี่กลุ่ม สามกลุ่มในนั้นมีครึ่งก้าวสู่จอมเทพเป็นผู้นำ

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้ ตำหนักเทพยักษ์ก็จำเป็นต้องส่งกลุ่มคนที่แข็งแกร่งพอๆ กันออกไป มิฉะนั้นก็ไม่อาจต้านทานได้

“พวกเจ้าสามคนแยกกันนำไปคนละกลุ่ม…” จ้าวเฟิงสั่งการออกไป

มังกรทมิฬล้างโลกาที่กำลังฝึกฝนในชุดคลุมมิติพลันลืมตาขึ้น

“เจ้าเพิ่งทะลวงถึงเทพโบราณขั้นเก้าสุดยอด ออกมาขัดเกลาฝีมือหน่อยแล้วกัน!”เสียงวิญญาณของจ้าวเฟิงดังขึ้นในหัวมังกรทมิฬล้างโลกา

“ขอรับ นายท่าน!” เพลิงสีดำลุกโชนขึ้นในดวงตามังกรทมิฬ สำหรับเผ่าพันธุ์มังกรล้างโลกาแล้ว การสังหารและทำลายล้างเป็นสิ่งที่พวกเขาชื่นชอบที่สุด

……

ในนรกเพลิงโลกันตร์ คนของตำหนักเทพยักษ์รวมตัวกันเป็นสามกลุ่ม มีร่างแยกสามร่างของจ้าวเฟิงเป็นผู้นำ

“ในการปะทะกันก่อนหน้านี้ ถึงแม้พวกเราจะเป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่ถ้าหากใช้วิธีแบบนี้ปะทะกับตำหนักวิญญาณบรรพกาล โอกาสชนะจะลดลงไปมาก”

จำนวนคนมากเกินไป ทำให้ยากที่จะซ่อนตัวหรือลอบโจมตี ถ้าหากใช้วิธีนี้ประมือกัน ฝ่ายที่ได้เปรียบคือตำหนักวิญญาณบรรพกาล

“นายท่าน มีกลยุทธ์อะไรหรือไม่?”

สมาชิกไม่น้อยเกิดความฉงนสงสัย

หากจำนวนคนมากจนเกินไป คิดจะจัดการฝ่ายตรงข้ามก็ค่อนข้างลำบาก หากสู้ไม่ได้แล้วคิดจะหนีไปก็ยากลำบากยิ่ง

สรุปโดยรวมก็คือ ในสายตาทุกคนแล้ว หากเป็นเช่นนี้จะส่งผลเสียต่อพวกเขาแทน

“อย่าถามมากความ เริ่มลงมือได้แล้ว!” จ้าวคงนำคนกลุ่มหนึ่งนำไปก่อน

หลังจากเดินทางไประยะหนึ่ง พวกเขาก็เจอกลุ่มของตำหนักวิญญาณบรรพกาลเข้าพอดี

“สังหาร!” จ้าวคงถ่ายทอดคำสั่งทันที

“อะไรนะ? นายท่าน ฝ่ายตรงข้ามมีครึ่งก้าวสู่จอมเทพคนหนึ่ง พลังโดยรวมแข็งแกร่งกว่าพวกเรา!”

เทพโบราณขั้นเก้าสุดยอดผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นทันที

ก่อนหน้านี้เขายังคิดว่าหัวหน้าจ้าวคงอาจจะมีแผนอะไร ผลกลายเป็นว่าเมื่อเผชิญหน้ากับศัตรู ก็จะบุกทะลวงไปหาศัตรูเสียนี่ แต่ตอนนี้พวกเขาไม่มีทางถอยแล้ว จำนวนคนมากจนเกินไป จะหนีก็ไม่สะดวกเท่าไหร่นัก

“หึ พวกขยะตำหนักเทพยักษ์ ตายซะเถอะ!”

ผู้อาวุโสชุดเทาฝั่งตำหนักวิญญาณบรรพกาลหัวเราะเสียงเหี้ยม ก่อนจะนำกลุ่มคนทะยานออกมา

“ให้ข้าลองดูสักหน่อย!” จ้าวคงพลันก้าวออกไปรับมือครึ่งก้าวสู่จอมเทพผู้นั้น

ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ! เขาแทงกระบี่ยาวสีแดงเงินเล่มหนึ่งออกมาติดต่อกัน จนเกิดเป็นตาข่ายกระบี่มายาขึ้นมา

กระบี่นี้เป็นของที่จ้าวเฟิงยึดมาได้จากศึกใหญ่กับเผ่าเปลวทอง มันแฝงไปด้วยเสวียนอ้าวธาตุน้ำและเสวียนอ้าวมิติ จึงมอบให้จ้าวคงไป

“หึ ลูกไม้ตื้นๆ!” ผู้อาวุโสชุดเทาสะบัดมือสองข้าง ฟาดฝ่ามือยักษ์ที่เป็นหมอกดำม้วนตลบ เข้าปะทะกับตาข่ายกระบี่มายาอย่างจัง

“พิฆาตมิติ!” เนตรมิติของจ้าวคงทอประกายวาววับ พลังมิติที่แก่กล้ากระเพื่อมออกมา เนตรมิติของเขาไม่ธรรมดาแม้แต่น้อย ตัวของมันเองก็เกือบเทียบเท่าเนตรปฐมเทพแล้ว และเพราะเหตุนี้ เขาจึงเป็นบุคคลที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาร่างแยกของจ้าวเฟิง

โครม! คมดาบสีขาวอมเงินที่ทับซ้อนกันก่อตัวขึ้นด้านหน้าจ้าวคง คมดาบกะพริบวูบวาบ ก่อนพุ่งทะลวงไปหาผู้อาวุโสชุดเทา

“หืม? พลังมิติแกร่งนัก!” ผู้อาวุโสชุดเทาระบายยิ้มออกมาน้อยๆ

จากพลังฝึกตนของจ้าวคง สามารถโจมตีได้ถึงขนาดนี้ก็ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ แต่ถึงอย่างไรผู้อาวุโสชุดเทาก็เป็นถึงครึ่งก้าวสู่จอมเทพ ความสามารถในแต่ละด้านอยู่เหนือจ้าวคงผู้เป็นเทพโบราณขั้นเก้า

ตูม! พลังเทพมหาศาลระเบิดออกจากร่างเขา แล้วก่อตัวเป็นกำแพงแสงสีดำเข้าขวางการโจมตีของจ้าวคงเอาไว้

ผู้อาวุโสชุดเทาโต้ตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว

ครึ่งก้าวสู่จอมเทพระเบิดพลังทั้งหมดออกมา จ้าวคงทำอะไรไม่ได้ ทำได้แต่เพียงหลบไปเท่านั้น

“นายท่าน สถานการณ์ไม่สู้ดีแล้ว ทำอย่างไรกันดี?”

สีหน้าเทพโบราณขั้นเก้าฉายแววร้อนรน

“เหอะ ที่ไม่สู้ดีน่ะพวกมัน!” จ้าวคงหัวเราะเสียงเย็น

ครืน! เวลานี้เอง กลิ่นอายกดดันที่ทำลายล้างทุกสรรพสิ่งก็บีบเข้ามา

วินาทีนี้ สายเลือดของคนทั้งสองฝั่งสั่นระริกอย่างประหลาด เกิดความยำเกรงขึ้นมาตามสัญชาตญาณ

ฟุ่บ! แสงสีดำสว่างวาบ ร่างชายเกล็ดสีดำปรากฏขึ้นในครรลองสายตาทุกคน

“ฮ่าๆ ฝูงนกฝูงกาพวกนี้ จงหวาดกลัวเพลิงของเผ่าพันธุ์มังกรล้างโลกาเสียเถอะ!”

ในวินาทีที่มังกรทมิฬล้างโลกาปรากฏกายขึ้น ก็ตรงไปสังหารผู้อาวุโสชุดเทาในทันที

“มีกำลังเสริม!” เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ทางฝ่ายตำหนักเทพยักษ์ก็โล่งอก เผยอาการยินดี

“ไม่สิ…พลังสายเลือดกลุ่มนี้ หรือว่าจะเป็นเผ่าพันธุ์มังกรล้างโลกา?”

สีหน้าผู้อาวุโสชุดเทาตื่นกลัว

มังกรล้างโลกาเป็นเผ่าพันธุ์ในตำนานสิบลำดับแรกของรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณทีเดียวเชียว!

“คุกมิติ!” จ้าวคงก็เหมือนเตรียมตัวมาแล้ว ดวงตาสองข้างสาดซัดพลังมิติที่แข็งแกร่งออกมา

ทันใดนั้นเอง!

พลังมิติที่แข็งแกร่งรอบตัวผู้อาวุโสชุดเทาก็เกาะกลุ่มกันเป็นปราการ ขังเขาเอาไว้ภายใน

เมื่ออยู่ภายในนั้น เขายังต้องแบกรับแรงกดดันจากพลังมิติ

“ทำลาย!” พลังเทพในร่างผู้อาวุโสชุดเทาระเบิดปะทุสุดแรง พลังมิติรอบๆ เริ่มปั่นป่วนทีละน้อย ทำท่าจะแตกกระจายออก

ในเวลานี้เอง มังกรทมิฬล้างโลกาก็ดิ่งลงมา

“มังกรวินาศ!” แขนของมังกรทมิฬกลายเป็นมังกรยักษ์สีแดงเข้มตัวหนึ่ง พุ่งออกไปโจมตีทันใด

โครม! ผู้อาวุโสชุดเทาถูกมังกรทมิฬล้างโลกาซัดจนกระเด็น กระอักเลือดในทันที ก่อนจะร่วงลงบนพื้นด้านล่าง

เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ!

จ้าวคงและมังกรทมิฬล้างโลกาพุ่งออกมาในฉับพลัน

ทั้งสองเอาอาวุธเทพระดับสุดยอดออกมาโจมตีผู้อาวุโสชุดเทา จนอีกฝ่ายไม่มีโอกาสเอาคืนได้ ไม่นานก็ตายลงไป

อย่างไรเสีย ผู้อาวุโสชุดเทาก็เป็นเพียงคนระดับทั่วไปในบรรดาครึ่งก้าวสู่จอมเทพ ส่วนมังกรทมิฬล้างโลกามีสายเลือดในตำนานลำดับที่เก้า พลังการโจมตีแกร่งเกินจะเปรียบ สามารถต่อกรคนข้ามขั้นได้ เมื่อรวมกับความช่วยเหลือจากจ้าวคงแล้ว จะสังหารผู้อาวุโสชุดเทาก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

เมื่อครึ่งก้าวสู่จอมเทพตายไป คนที่เหลือของตำหนักวิญญาณบรรพกาลก็ไม่มีกำลังตอบโต้กลับ จนสุดท้าย กลุ่มตำหนักวิญญาณบรรพกาลถูกสังหารไปมากกว่าครึ่ง คนที่เหลืออยู่น้อยนิดแตกกระสานซ่านเซ็นกันไป

……

นรกเพลิงโลกันตร์ ณ ที่มั่นชั่วคราวของตำหนักวิญญาณบรรพกาล

“บัดซบ เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร?” ใบหน้าจอมเทพเสียหลิงชั่วร้าย โมโหโกรธายิ่ง

ตอนนี้ ตำหนักวิญญาณบรรพกาลพ่ายแพ้ให้กับตำหนักเทพยักษ์เสียราบคาบ

อีกทั้งครึ่งก้าวสู่จอมเทพของฝ่ายตรงข้ามยังไม่ทันได้ออกหน้าด้วยซ้ำ นี่ทำให้จอมเทพเสียหลิงขายหน้าอย่างยิ่ง

เทพโบราณของตำหนักวิญญาณบรรพกาลรอบด้านตัวสั่นระริก

“การปะทะกันก่อนนี้ ทายาทเนตรเทพเจ้าทั้งสามทำผลงานดีเยี่ยม เอาชนะกลุ่มคนของฝั่งเราได้หลายต่อหลายครั้ง แถมตอนนี้จู่ๆ ก็มีเผ่าพันธุ์มังกรล้างโลกาตนหนึ่งโผล่ออกมา!”

ครึ่งก้าวสู่จอมเทพผู้หนึ่งรายงานข่าวที่ได้รับมาในช่วงนี้

จากการประมือกันตลอดเวลาที่ผ่านมาของทั้งสองฝ่าย ทายาทเนตรเทพเจ้าทั้งสามและเผ่าพันธุ์มังกรล้างโลกาเพิ่งปรากฏตัวขึ้นเมื่อไม่นานมานี้

เผ่าพันธุ์มังกรล้างโลกา!

เมื่อพูดถึงเผ่าพันธุ์นี้ คนอื่นๆ ที่นั่นพากันเผยสีหน้าหวาดกลัว

“อีกอย่าง พวกมันสี่คนมีอาวุธเทพระดับสุดยอดกันทุกคน!”

อีกคนหนึ่งเอ่ยสำทับ

“อะไรนะ?” จอมเทพเสียหลิงตื่นตระหนกเล็กน้อย

ทายาทเนตรเทพเจ้าสามคนและเผ่าพันธุ์มังกรล้างโลกาที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้น ทำให้จอมเทพเสียหลิงรู้สึกแปลกไม่น้อย ถึงขั้นสงสัยว่ามีขั้วอำนาจใดช่วยตำหนักวิญญาณบรรพกาลอยู่ลับๆ หรือไม่

ตอนนี้ได้ล่วงรู้ว่าฝ่ายตรงข้ามมีอาวุธเทพระดับสุดยอด ก็ยิ่งทำให้เขาปักใจเชื่อเช่นนั้น

แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ ขั้วอำนาจเบื้องหลังตำหนักเทพยักษ์จะยิ่งใหญ่กว่าคนที่หนุนหลังพวกเขาอีกหรือ?

‘ข้าคงต้องลงมือเอง ต้องสืบหาความเป็นมาของคนพวกนี้!’

จอมเทพเสียหลิงครุ่นคิดในใจ

ก่อนนี้ที่เขาไม่ได้ลงมือทำอะไร เพราะคนที่มาที่นี่มีเขาเป็นจอมเทพคนเดียวเท่านั้น ถ้าหากผลีผลามลงมือไป แล้วถูกจอมเทพจากตำหนักเทพยักษ์ลอบโจมตีก็คงจะแย่ แต่ในตอนนี้ เขาตัดสินใจว่าจะลอบไปสืบด้วยตนเอง

หากไปเจอทายาทเนตรเทพเจ้าทั้งสามและเผ่าพันธุ์มังกรล้างโลกาเข้าก็ยิ่งดี สังหารพวกเขาไม่เพียงแต่จะได้ข้อมูลสำคัญมา แต่ยังได้ครอบครองอาวุธเทพระดับสุดยอดด้วย

……

ในชุดคลุมมิติ

แกรก! จู่ๆ ศิลาวิญญาณฟ้าเบื้องหน้าจ้าวเฟิงก็แหลกละเอียดเป็นผุยผง ส่วนความคิดจิตวิญญาณของเขายังอยู่ในสภาวะว่างเปล่าล่องลอย จิตวิญญาณของจ้าวเฟิงขยายตัวไม่หยุด จากนั้นหลุดลอยออกจากร่าง ออกจากมิติภายในชุดคลุม แล้วหลอมรวมเข้ากับโลกที่กว้างใหญ่ไพศาลด้านนอก

วิ้ง แซ่ด แซ่ด!

ฟ้าดินสั่นสะเทือนเบาๆ เสียงเปรี้ยงปร้างดังมาเป็นระยะ

ยามนี้ พลังวิญญาณของจ้าวเฟิงโดดเด่นเหนือสิ่งอื่นใด เหมือนเป็นตัวแทนของทั้งฟ้าดินนี้

ครืน เปรี้ยง เปรี้ยง!

ควันพิษเพลิงในฟ้าดินปั่นป่วนพวยพุ่ง ทำให้ทั้งนรกเพลิงโลกันตร์อันตรายยิ่งขึ้น

คนที่เดินทางอยู่ในนรกเพลิงโลกันตร์หยุดชะงักกันทันที และทุ่มแรงทั้งหมดต้านทานการกัดกร่อนของควันพิษเพลิงเอาไว้

ครืน! พลังที่สะเทือนฟ้าดินทะลวงผ่านปราการพลังทันใด สาดซัดกลิ่นอายกดดันที่ไม่เสื่อมสลายและควบคุมทุกสรรพสิ่งออกมา

ในชั่วขณะนั้นสิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนในรัศมีแสนลี้ วิญญาณของพวกมันเหมือนโดนอัสนีฟาดผ่า เมื่ออยู่ต่อหน้าพลังมหาศาลก็สั่นเทิ้มหวาดกลัว

ภายในอาณาจักรเทพของตำหนักเทพยักษ์

“หืม? พลังจอมเทพ?” ซินอู๋เหินลืมตาขึ้นทันใด

พรึ่บ พรึ่บ~ ครึ่งก้าวสู่จอมเทพกับเทพโบราณทั้งหมดภายในตำหนักรอบๆ ต่างโผบินออกมาด้วยสีหน้าเคร่ง

“หรือว่าตำหนักวิญญาณบรรพกาลมีจอมเทพถือกำเนิดขึ้นแล้ว?”

ใบหน้ายอดผู้อาวุโสฉายแววกังวล

พลังจอมเทพกลุ่มนี้ถือกำเนิดอยู่ภายนอก ย่อมต้องเป็นตำหนักวิญญาณบรรพกาลมีจอมเทพถือกำเนิดขึ้นแน่!

คนที่เหลือก็คิดเช่นนั้น สำหรับเผ่าเทพยักษ์แล้ว เรื่องนี้ส่งผลกระทบมหาศาลอย่างไม่ต้องสงสัย

เดิมทีจำนวนจอมเทพของตำหนักเทพยักษ์ก็มีน้อยกว่าตำหนักวิญญาณบรรพกาล ถ้าตำหนักวิญญาณบรรพกาลมีจอมเทพเพิ่มขึ้นอีกคนหนึ่ง…

“ก็ไม่แน่หรอก!” ซินอู๋เหินพึมพำเสียงต่ำ ในความคิดปรากฏร่างคนผมสีเงินขึ้น

ในตอนนี้เอง พลังจอมเทพที่จู่ๆ ก็ถือกำเนิดขึ้นนี้ค่อยๆ สลายไป

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version