บทที่ 1439 สังหารจอมเทพ
นรกเพลิงโลกันตร์
จอมเทพเสียหลิงกำลังเตรียมจะลอบเข้าไปดูสถานการณ์ของทายาทเนตรเทพเจ้าทั้งสามและเผ่าพันธุ์มังกรล้างโลกา
“พลังจอมเทพ?”
ทันใดนั้น สีหน้าจอมเทพเสียหลิงอึ้งงัน แหงนศีรษะขึ้นมองไป
พลังจอมเทพที่จู่ๆ ก็ปรากฏออกมาชัดเจนเกินจะเปรียบ
“หรือว่าตำหนักเทพยักษ์จะมีจอมเทพถือกำเนิดขึ้น?”
จอมเทพเสียหลิงตื่นตะลึง
ถ้าเป็นเช่นนั้น ตำหนักเทพยักษ์ก็ควรจะซ่อนจอมเทพผู้นี้เอาไว้เป็นไม้ตาย จากนั้นค่อยเผยกายหลังศึกใหญ่ แล้วโจมตีอย่างฉับพลันถึงจะถูกไม่ใช่มาหยิ่งผยองโอ้อวดพลังเช่นนี้
“ใคร?” จอมเทพเสียหลิงพลันสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง เขาหมุนตัวไปด้านหลังทันที
“จอมเทพเสียหลิง เจ้าใจกล้าเสียจริง กล้าเข้ามาที่นี่คนเดียว!”
ร่างมนุษย์โปร่งแสงสีดำปรากฏกายขึ้นกลางอากาศช้าๆ
“จอมเทพเทียนฮ่าว!”
ใบหน้าจอมเทพเสียหลิงฉายแววยินดี
เรื่องใหญ่น้อยของตำหนักวิญญาณบรรพกาล จอมเทพเทียนฮ่าวคอยจัดการแทบทั้งหมด ส่วนพลังของจอมเทพเทียนฮ่าวก็อยู่เหนือกว่าเขา
“ท่านคงสัมผัสพลังจอมเทพที่จู่ๆ ก็ถือกำเนิดขึ้นเมื่อครู่เหมือนกันกระมัง!”
จอมเทพเสียหลิงพึมพำ
“อืม พวกเราไปดูกันเถอะ จะได้หยั่งเชิงตำหนักเทพยักษ์ไปด้วยในคราวเดียว!”
แววตาจอมเทพเทียนฮ่าวเคร่งขรึมลงเล็กน้อย
เขาเพิ่งมาถึงที่นี่ พอจะรู้สถานการณ์ทั้งหมดแล้ว แต่จู่ๆ วันนี้ตำหนักเทพยักษ์ก็มีจอมเทพคนใหม่ถือกำเนิดขึ้น หากได้ข้อมูลบางอย่างมาก่อน พอถึงตอนที่ต้องปะทะกันจริงๆ จะง่ายดายมากขึ้น ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจติดตามจอมเทพเสียหลิง แฝงตัวเข้าไปเพื่อสืบหาความจริง ถึงจะถูกตำหนักเทพยักษ์จับได้ แต่ถ้าพวกเขารีบถอยไป อีกฝ่ายก็น่าจะทำอะไรไม่ได้
……
ภายในชุดคลุมมิติ
หลังจากพลังวิญญาณไปถึงขั้นจอมเทพแล้ว จ้าวเฟิงรีบเก็บงำพลังทันที และใช้พลังที่เพิ่งถือกำเนิดใหม่นี้ประคับประคองระดับพลังฝึกตนเอาไว้
เมื่อพลังวิญญาณไปแตะระดับขั้นนี้ เขาสามารถใช้พลังประเภทต่างๆ ได้เหนือกว่าที่ผ่านมา หลายวันต่อมา จ้าวเฟิงก็จบการปิดด่าน
ตอนนี้ระดับพลังฝึกตนของเขาคงที่อยู่ครึ่งก้าวสู่จอมเทพ พลังทั้งหมดก็พัฒนาขึ้นไปอีกขั้น
ในเวลาเดียวกัน จ้าวเฟิงยังรู้สึกได้ว่าหลังจากที่พลังวิญญาณของตนทะลวงขั้นแล้ว ดวงตาเทพเจ้าก็เหมือนจะต่างไปจากที่ผ่านมา
พรึ่บ! เมื่อออกจากชุดคลุมมิติ เขาก็โคจรดวงตาเทพเจ้าเพื่อสำรวจสถานการณ์ในนรกเพลิงโลกันตร์
“หืม?” จ้าวเฟิงอุทานเสียงเบา
ทันทีที่กระตุ้นดวงตาซ้าย เขาก็พบว่าพลังของดวงตาเทพเจ้าเพิ่มขึ้นมาก เห็นได้ชัดว่าเมื่อ ‘พลังจอมเทพ’ ถือกำเนิดขึ้น ยังส่งผลช่วยกระตุ้นไปพร้อมกัน การเพิ่มพลังเช่นนี้ถึงขั้นทำให้ดวงตาซ้ายของเขารู้สึกปวดตุบๆ
เขารู้สึกได้รางๆ ว่าพลังดั้งเดิมในดวงตาซ้ายไปถึง ‘ขีดจำกัด’ ที่ไม่เคยมีมาก่อน
“จอมเทพตำหนักวิญญาณบรรพกาล!”
จ้าวเฟิงจ้องเพ่งไปที่สองร่างเลือนรางตรงสุดสายตา
ยามนี้ กลุ่มที่จ้าววั่นเป็นผู้นำอยู่ไม่ไกลนัก จ้าวเฟิงจึงรีบสั่งให้จ้าววั่นถอยไป
ถึงพลังของจ้าววั่นจะไม่ธรรมดา และยังมีอาวุธเทพระดับสุดยอด แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสองจอมเทพจากตำหนักวิญญาณบรรพกาล เกรงว่าจะถูกสังหารในไม่ถึงชั่วอึดใจ
พรึ่บ! ในมือจ้าวเฟิงปรากฏป้ายคำสั่งสีเหลืองแผ่นหนึ่ง และใช้มันส่งข่าวออกไป
……
อีกฟากหนึ่ง จอมเทพเสียหลิงและจอมเทพเทียนฮ่าวอำพรางตัวและกลิ่นอาย ก่อนจะเข้าไปใกล้นรกเพลิงโลกันตร์อย่างช้าๆ
“เหมือนมีอะไรไม่ชอบมาพากล!”
สีหน้าจอมเทพเทียนฮ่าวตึงเครียด
ตลอดทางที่ผ่านมา พวกเขากลับไม่เจอการซุ่มโจมตีหรือร่องรอยใดๆ
จอมเทพเสียหลิงผงกศีรษะ จอมเทพทุกคนล้วนมีประสบการณ์โชกโชน สถานการณ์ในตอนนี้มีอะไรไม่ชอบมาพากลจริงๆ แต่ที่นี่คือสนามรบของคนขั้นต่ำกว่าจอมเทพ ด้วยวิชาพรางตัวของพวกเขา เทพโบราณทั่วไปไหนเลยจะรู้สึกได้?
ถึงจอมเทพจะใช้ประสาทสัมผัสเทพจนเจอตัวพวกเขา เช่นนั้นพวกเขาก็ต้องรู้สึกได้ถึงฝ่ายนั้นเช่นกัน
“ถอยกันเถอะ!” จอมเทพเทียนฮ่าวกระวนกระวายใจทันใด
แต่เมื่อเขาเพิ่งเอ่ยจบ กลิ่นอายจอมเทพที่ทรงพลังสองกลุ่มก็ตรงมาจากที่ไม่ไกลนัก ทำให้ทั้งนรกเพลิงโลกันตร์มีหมอกแดงม้วนตลบ
พรึ่บ! พรึ่บ! พรึ่บ!
ร่างเงาสามคนโบยบินเขาไปใกล้จอมเทพเทียนฮ่าวและจอมเทพเสียหลิง
“ในเมื่อก็มาแล้ว ก็ไม่ต้องไปไหนอีก!”
ยอดผู้อาวุโสตะโกนท่าทางน่าเกรงขาม“แย่ล่ะ โดนเจอตัวแล้วจริงๆ ด้วย!”
จอมเทพเสียหลิงหน้าเปลี่ยนสีไปทันที
แต่ในใจเขากลับเต็มไปด้วยความสงสัย เหตุใดตำหนักเทพยักษ์ถึงเจอพวกเขาสองคนได้
“ปฐพีทอง!”
พลังเทพในร่างผู้อาวุโสทะลักออกมา แผ่กฎเกณฑ์ธาตุดินที่ทรงพลังออกมา
วู้ม โครม! ทันใดนั้นฟ้าดินก็สั่นสะเทือน ก่อนจะอับแสงลงไป
แรงดึงดูดมหาศาลกดทับลงบนจอมเทพทั้งสองของตำหนักวิญญาณบรรพกาล ทำให้ร่างพวกเขาหนักอึ้งและเชื่องช้าลง
ครืน! ยอดผู้อาวุโสโบกมือขวา พื้นดินด้านล่างสั่นไหว ภูเขาสูงสีแดงเข้มลูกหนึ่งพุ่งขึ้นมา ตรงดิ่งไปปะทะจอมเทพตำหนักวิญญาณบรรพกาล
“รีบถอยเร็ว!” จอมเทพเทียนฮ่าวแค่นเสียงต่ำ
พวกเขาสองคนเป็นจอมเทพขั้นหนึ่งกันทั้งสิ้น ส่วนพลังของยอดผู้อาวุโสและซินอู๋เหินต่างเป็นชั้นยอดในขั้นที่หนึ่ง อีกทั้งที่นี่ยังเป็นที่มั่นของตำหนักเทพยักษ์ด้วย
ในขณะเดียวกัน พวกเขาสองคนรีบสำแดงกฎเกณฑ์ออกมาตั้งรับแรงกดดันจากยอดผู้อาวุโส
“กรงเล็บปีศาจกระดูกทมิฬ!”
จอมเทพเสียหลิงตะโกนกร้าว เรียกปีศาจโครงกระดูกในชุดดำนับไม่ถ้วนออกมาจากชุดดำของตน
ปีศาจโครงกระดูกที่ร่างเลือนรางยื่นกรงเล็บสองข้างออกมา ก่อนรวมขึ้นเป็นกรงเล็บปีศาจทมิฬขนาดใหญ่ ฟาดลงใส่ภูเขายักษ์สีแดงเข้มจนแหลกลาญ
โครม ตูม!
กรงเล็กปีศาจทมิฬแหลกเป็นธุลีพร้อมกับขุนเขาสีแดงเข้ม ทั้งสองคนต้านการโจมตีเมื่อครู่เอาไว้ได้ และเตรียมจะหนีไป
แต่ยามนี้เอง การโจมตีของซินอู๋เหินก็มาถึง
ตูม!
เห็นเพียงฝ่ามือแสงน้ำวนห้าสีสองสาย โจมตีด้วยเข้ามาโดยหมายมั่นจะทำลายทุกสรรพสิ่ง
ในการโจมตีนั้นแฝงไปด้วยกฎเกณฑ์แห่งไฟ จึงพลันกระตุ้นพลังไฟในธรรมชาติ ทำให้พลังของเขาปะทุขึ้น
“พลังของซินอู๋เหินผู้นี้อยู่เหนือพวกเรามากนัก!”
แววตาจอมเทพเทียนฮ่าวหนักอึ้ง อีกทั้งซินอู๋เหินยังมีกฎเกณฑ์แห่งไฟเสี้ยวหนึ่ง เมื่อต่อสู้ที่นี่จึงเป็นฝ่ายได้เปรียบ
จอมเทพเสียหลิงไม่พูดพร่ำทำเพลง รีบกระตุ้นสร้อยกระดูกขาวบนคอ
นี่เป็นอาวุธเทพเทพประเภทป้องกันระดับสุดยอด ด้านบนมีแสงขยับประกายวิบวับ ก่อนปลดปล่อยกำแพงกระดูกสีเทาอ่อนออกมาขวางด้านหน้าเอาไว้
โครม ตูม ตูม!
การโจมตีของซินอู๋เหินปะทะลงบนการป้องกันจากอาวุธเทพระดับสุดยอดของจอมเทพเสียหลิง
กำแพงกระดูกสีเทาอ่อนพลันเกิดเสียงดัง ‘แกรก’ ขึ้นนับไม่ถ้วน ในที่สุดก็พังทลายลง แต่การโจมตีของซินอู๋เหินเองก็ถูกลงทอนลดลงไปมาก พลานุภาพที่เหลือถูกจอมเทพทั้งสองต้านเอาไว้ได้อย่าง่ายดาย
“กระบี่เทพรวมศูนย์!”
เจตจำนงดวงตากระเพื่อมขึ้นมาในตาซ้ายของจ้าวเฟิง พลังเทพรวมศูนย์ในนั้นเกาะกลุ่มเป็นกระบี่เทพสองเล่มอย่างรวดเร็ว
แต่ตอนนี้เอง ดวงตาซ้ายของเขาเกิดเจ็บแปลบขึ้นมา
ลูกทรงกลมสีเงินมายาในมิติดวงตาเทพเจ้าสั่นระริก เหมือนไปแตะขีดจำกัด จนไม่สามารถแบกรับพลังดั้งเดิมภายในนั้นได้
ฟุ่บ! ฟุ่บ!
กระบี่เทพรวมศูนย์ขนาดเล็กสองเล่มพุ่งออกไปโดยพลัน แบ่งกันตรงไปหาจอมเทพทั้งสองฝั่งศัตรู ในระหว่างที่ลอยไปยังกลืนกินพลังในฟ้าดินมาเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตนเอง
“หืม? พลังแข็งแกร่งนัก!” สีหน้ายอดผู้อาวุโสอึ้งไป ขณะจับจ้องที่กระบี่เทพรวมศูนย์สองเล่มนั้น
“เจ้าเด็กนี่…รีบหลบไป การโจมตีของมันไม่ธรรมดาเลย!”
จอมเทพเทียนฮ่าวรู้จักจ้าวเฟิง หน้าเขาเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย ก่อนจะรีบร้อนเอ่ย
ในสายตาของพวกเขา จ้าวเฟิงเป็นแค่ครึ่งก้าวสู่จอมเทพเท่านั้น บวกกับพวกเขาแน่วแน่แล้วว่าจะหลบหนี จึงไม่ได้ใส่ใจจ้าวเฟิงมากมาตั้งแต่แรก
แต่เมื่อจ้าวเฟิงลงมือโจมตีพวกเขาด้วยวิชาดวงตาที่ทรงพลัง จอมเทพเทียนฮ่าวจึงเห็นความสำคัญของจ้าวเฟิงในที่สุด
เปรี๊ยะ! กระบี่เทพรวมศูนย์สองเล่มรวดเร็วยิ่งนัก ทะลวงผ่านทุกอย่างไปในพริบตา ในนั้นยังมีพลังเสวียนอ้าวเวลาแฝงอยู่ด้วย
“อ๊าก…” จอมเทพเสียหลิงร้องโหยหวน ทรวงอกเป็นรูโบ๋ เลือดสีดำพวยพุ่งออกมา แต่กระบี่เทพรวมศูนย์อีกเล่มกลับบินแฉลบผ่านร่างจอมเทพเทียนฮ่าว
“หืม? เมื่อครู่…” จอมเทพเทียนฮ่าวตื่นตระหนก ลอบปาดเหงื่อเย็น
ภายใต้ผลกระทบจากเสวียนอ้าวเวลาและแรงดึงดูดของยอดผู้อาวุโส ตามหลักการแล้วเขาไม่สามารถหลบหลีกได้เลย แต่การโจมตีจากวิชาดวงตาของจ้าวเฟิงกลับไม่โดนเขา
“พลาดไปหรือ?” ทางฝั่งจ้าวเฟิงขมวดคิ้วน้อยๆ
ในยามนี้ เขาแน่ใจว่าพลังวิญญาณของตนเองไปแตะขั้นจอมเทพแล้ว ทำให้ดวงตาเทพเจ้าแข็งแกร่งมากขึ้น แรงโจมตีของวิชาดวงตาเพิ่มขึ้นสูงมาก สามารถทำร้ายจอมเทพจนบาดเจ็บสาหัสได้ แต่ว่ายามที่ใช้วิชาดวงตา ดวงตาข้างซ้ายก็รู้สึกไม่ค่อยสบาย นี่คงจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความผิดพลาดขึ้น
แต่ในสายตาของซินอู๋เหินและยอดผู้อาวุโส วิชาดวงตาเมื่อครู่ของจ้าวเฟิง พลานุภาพของมันเกินกว่าปกติ ทำให้จอมเทพเสียหลิงบาดเจ็บได้ก็นับว่าไม่ธรรมดามากแล้ว
บางทีนี่อาจจะเป็นอาวุธสังหารของจ้าวเฟิง ควบคุมได้ไม่ง่ายก็เป็นเรื่องปกตินัก
“สังหาร!” “จอมเทพจากตำหนักวิญญาณบรรพกาล สังหารพวกมันเสีย!”
ครึ่งก้าวสู่จอมเทพสามคนจากของตำหนักเทพยักษ์ตามมาทันแล้ว
“พิฆาตนภาคลั่ง!” ขวานยักษ์สีดำปรากฏขึ้นในมือเทพโบราณจวี้หมัว ฟันเงาขวานสีดำใหญ่หลายร้อยจั้งลงมา พลานุภาพรุนแรงอย่างยิ่ง
ครึ่งก้าวสู่จอมเทพอีกสองคนก็พากันใช้วิชาที่แข็งแกร่ง เข้าล้อมโจมตีสองจอมเทพจากตำหนักวิญญาณบรรพกาลไว้
“รีบถอยเร็ว!” จอมเทพเทียนฮ่าวมีสีหน้าร้อนรน
ตอนนี้ครึ่งก้าวสู่จอมเทพจากตำหนักวิญญาณบรรพกาลตามมาสมทบ สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลงไปทุกที
วู้ม วู้ม!
ไม่รู้ว่าจอมเทพเทียนฮ่าวใช้เคล็ดวิชาใด จู่ๆ แสงสีดำหม่นก็ส่องประกายทั่วร่าง จากนั้นพุ่งทะลวงไปด้วยความเร็วสูงยิ่ง ทางฝั่งจอมเทพเสียหลิงเองก็กระตุ้นเคล็ดวิชานี้เพื่อเตรียมจะหนีเช่นกัน
“มิติพันธนาการ!” ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงจับจ้องที่ร่างจอมเทพเสียหลิง ระลอกพลังมิติพลุ่งพล่าน
ฉับพลันนั้น พลังประหลาดที่ทับซ้อนกันกระทบลงบนร่างจอมเทพเสียหลิง
ในวินาทีนี้ ความคิดและการเคลื่อนไหวของเขาเชื่องช้าลง ไม่สามารถใช้วิชาลับหลบหนีไปได้
“ดี!” ฝั่งตำหนักเทพยักษ์เผยสีหน้าดีใจ ร้องอุทานออกมาอย่างอดไม่ได้
“ดัชนีเทพยักษ์!” ซินอู๋เหินกระตุ้นพลังสายเลือดและชี้นิ้วออกมาในทันที
ตุบ! การตอบสนองของจอมเทพเสียหลิงเชื่องช้าลงเมื่อได้รับผลกระทบจากพลังมิติ แรงต้านทานก็อ่อนลง จึงถูกซินอู๋เหินโจมตีจนลอยออกไปไกลหลายลี้
“จอมเทพเสียหลิง…” จอมเทพเทียนฮ่าวหันกลับมาร้องลั่น
ขณะนี้ จอมเทพเสียหลิงถูกคนของตำหนักเทพยักษ์ล้อมเอาไว้ แทบไม่มีโอกาสหนีไปได้อีกแล้ว
ส่วนอาณาจักรเทพของตำหนักเทพยักษ์ก็ส่งผู้แข็งแกร่งขั้นเก้าสุดยอดออกมาอีกกลุ่ม ในเวลานี้ หากจอมเทพเทียนฮ่าววกกลับไปคงมีเคราะห์ร้ายมากกว่าเคราะห์ดี
จอมเทพเทียนฮ่าวกัดฟันกรอด ก่อนจะล่าถอยไปเพียงลำพัง
“จงตายเสีย จอมเทพตำหนักวิญญาณบรรพกาล!”
กลุ่มคนตำหนักเทพยักษ์ปิดทางหนีของจอมเทพเสียหลิงและโจมตีไปเรื่อยๆ
“ไม่…” จอมเทพเสียหลิงสภาพน่าอนาถเกินทน ร้องลั่นอย่างสิ้นหวัง
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับจอมเทพขั้นหนึ่งชั้นยอดอย่างซินอู๋เหินและยอดผู้อาวุโส เขาไม่มีทางหนีไปไหนได้เลย!
“หากตาย ก็ต้องลากพวกเจ้าลงหลุมไปด้วยกัน!”
ใบหน้าจอมเทพเสียหลิงฉายแววเคียดแค้น ก่อนจะเลือกระเบิดตัวตาย
“มันจะระเบิดตัวตาย!”
ในตอนที่จอมเทพเสียหลิงจะระเบิดตัวตาย จ้าวเฟิงร้องเตือนขึ้นทันที
ซินอู๋เหินหน้าเปลี่ยนสี พลันส่งฝ่ามือแสงห้าสีสายหนึ่งออกมากระแทกจอมเทพเสียหลิงจนลอยห่างไปหลายลี้
“แรงกดดันเทพ!” ยอดผู้อาวุโสประสานมือเข้าหากัน กฎเกณฑ์แห่งดินพลุ่งพล่านอยู่ในฝ่ามือ
โครม! กลางอากาศเหนือจอมเทพเสียหลิงปรากฏแผ่นดินสีเหลืองทองที่หนักอึ้งแห่งหนึ่ง แล้วจึงกดทับลงมาด้านล่าง ท่ามกลางแผ่นดินสีเหลืองทองแห่งนี้ จอมเทพเสียหลิงต้องแบกรับแรงกดดันมหาศาล บวกกับอาการบาดเจ็บสาหัส จึงทำให้แรงต้านทานลดลงอย่างมาก
“หนามนรกโลกันตร์!”
ในเวลานี้เอง หนามเพลิงร้อนแรงสีแดงเข้มก็พุ่งออกมาจากใต้ดิน ก่อนจะทะลวงผ่านร่างจอมเทพเสียหลิงไป
“ตายเสีย!”
สุดท้าย ซินอู๋เหินส่งฝ่ามือทรงพลังออกมา ทำลายวิญญาณจอมเทพเสียหลิงจนสูญสลายไป
“ฮ่าๆ จอมเทพตำหนักวิญญาณบรรพกาลตายไปแล้วคนหนึ่ง!”
“ช่างไม่รู้อะไรเสียเลย มีจอมเทพแค่สองคนก็กล้าเข้าใกล้ตำหนักเทพยักษ์!”
รอบบริเวณนั้น คนตำหนักเทพยักษ์ทั้งหลายร้องยินดีกันไม่หยุด
การสู้รบยังไม่ทันจบ จอมเทพของตำหนักวิญญาณบรรพกาลก็ถูกตำหนักเทพยักษ์ร่วมมือกันสังหารลงแล้ว หากเป็นเช่นนี้ พลังของทั้งสองฝ่ายก็จะใกล้เคียงกันอีกครั้ง
“ทั้งหมดนี้ โชคดีที่มีจ้าวเฟิง!”
เทพโบราณจวี้หมัวหน้าแดงก่ำ มองจ้าวเฟิงด้วยแววตาเชื่อมั่น
หากจ้าวเฟิงไม่เจอฝ่ายตรงข้าม และไม่ถูกฝ่ายนั้นจับได้ จากนั้นติดต่อกับจอมเทพตำหนักเทพยักษ์ พวกเขาก็คงยากจะสังหารจอมเทพของอีกฝ่ายได้ ถึงก่อนหน้านี้เทพโบราณจวี้หมัวจะไม่ชอบจ้าวเฟิงมากนัก แต่นั่นเพราะศึกครั้งนี้เกี่ยวโยงกับชีวิตคนจำนวนมาก
ทว่าครั้งนี้ จ้าวเฟิงสร้างคุณงามความดีอีกครั้ง เขาจึงรีบผูกมิตรกับอีกฝ่าย และขอโทษกับการกระทำก่อนหน้านี้ของตน