บทที่ 1441 เคลื่อนพลโจมตี
ค่ายกลเผ่าความลับสวรรค์นี้อยู่ในการคาดเดาของจอมเทพซิงเซี่ยงเช่นกัน ถึงจะมีค่ายกลแห่งนี้ ตำหนักเทพยักษ์ก็ยังไม่อาจรับมือกับตำหนักวิญญาณบรรพกาลที่ทรงพลังได้อยู่ดี ดังนั้นเขาจึงไม่กังวลแม้แต่น้อย
“สังหาร!” ผู้แข็งแกร่งฝ่ายตำหนักวิญญาณบรรพกาลไม่ได้แปลกใจอะไรมากมาย ยังตรงดิ่งไปปลิดชีพเช่นเดิม
โครม ตูม เปรี้ยง!
ฉับพลันนั้น แสงหม่นแผ่กระจายไปทั่ว พุ่งทะลวงไปที่ค่ายกลความลับสวรรค์ของตำหนักเทพยักษ์
แต่ในเวลานี้เอง ดวงตาของรูปสลักทั้งสี่รอบค่ายกลความลับสวรรค์เปล่งประกายวิบวับ เหมือนมีชีวิตขึ้นมาอย่างนั้น
ในค่ายกลความลับสวรรค์ เทพโบราณหลายสิบคนควบคุมค่ายกล และควบคุมรูปสลักทั้งสี่ให้ตอบโต้กลับ
เมื่อรวมกำลังคนจำนวนมากแล้ว ทำให้พลังของรูปสลักทุกตัวอยู่เหนือครึ่งก้าวสู่จอมเทพทั่วไปขั้นหนึ่ง
คนจำนวนมากของตำหนักเทพยักษ์โจมตีโต้กลับพร้อมค่ายกลความลับสวรรค์
โครม ตูม! ทั้งสองฝ่ายปะทะเข้าหากันอย่างรุนแรง พลานุภาพที่ทรงพลังทำให้นรกเพลิงโลกันตร์สั่นไหวเบาๆ ควันพิษเพลิงมากมายในอากาศเต้นระเร่า
แต่ผู้แข็งแกร่งในระดับสูงจากตำหนักวิญญาณบรรพกาลมีมากจนเกินไป โจมตีตำหนักเทพยักษ์จนถอยร่น ส่วนพลานุภาพที่เหลือก็ระเบิดลงบนค่ายกลความลับสวรรค์
“ป้องกัน!” ปรมาจารย์ค่ายกลหลายคนควบคุมค่ายกลความลับสวรรค์ให้เปลี่ยนมาป้องกันแทน
ตูม! อาวุธในมือรูปสลักทั้งสี่รอบด้านปะทะใส่กันอย่างรุนแรง ชั้นนอกของค่ายกลเกิดเป็นปราการพลังที่แข็งแกร่งประเภทป้องกันชั้นหนึ่ง
และในเวลานี้เอง จู่ๆ จอมเทพทั้งสามฝั่งตำหนักวิญญาณบรรพกาลก็ลงมือ
ถึงกำลังรบขั้นกลางและสูงของพวกตนจะได้เปรียบมากขนาดไหน ถ้าหากไม่สังหารจอมเทพของตำหนักเทพยักษ์ก็ยังคงยากจะได้ชัย
“บุก!” สีหน้าซินอู๋เหินเคร่งขรึม ขณะตะโกนเสียงต่ำ
ทันใดนั้น ซินอู๋เหิน ยอดผู้อาวุโส เทพโบราณจวี้หมัว และจ้าวเฟิงในค่ายกล ต่างก็พุ่งทะยานออกมาอย่างพร้อมเพรียง
ตำหนักวิญญาณบรรพกาลมีจอมเทพสามคน ตำหนักเทพยักษ์จะต้องตรึงกำลังจอมเทพทั้งสามเอาไว้ให้ได้ ถึงจะมีโอกาสได้ชัยชนะ แต่ตำหนักเทพยักษ์มีจอมเทพเพียงสองคนเท่านั้น จึงจำเป็นต้องใช้ครึ่งก้าวสู่จอมเทพรับมือกับจอมเทพแทน
จ้าวเฟิงและจอมเทพจวี้หมัวเป็นผู้แข็งแกร่งที่สูงส่งที่สุดในบรรดาครึ่งก้าวสู่จอมเทพของตำหนักเทพยักษ์ จึงต้องแบกรับหน้าที่อันหนักหนาสาหัสนี้
“จ้าวเฟิง พวกเราร่วมมือกันรับมือจอมเทพเทียนฮ่าว คนผู้นี้ขึ้นชื่อว่าจัดการยากนัก!”
จอมเทพจวี้หมัวเอ่ยด้วยสีหน้าตึงเครียด
เขาเองก็คาดไม่ถึงเช่นกันว่าตนเองจะประมือกับจอมเทพ แต่เพื่อการดำรงอยู่ของตำหนักเทพยักษ์ เขาเลยทำได้เพียงตัดใจออกไปสู้
“ได้!” จ้าวเฟิงผงกศีรษะ
พลังของจอมเทพสามคนจากตำหนักวิญญาณบรรพกาลค่อนข้างแข็งแกร่ง หนึ่งในนั้นคือเจ้าตำหนักซึ่งเป็นจอมเทพขั้นสอง ส่วนผู้อาวุโสร่างเตี้ยเป็นจอมเทพขั้นหนึ่งระดับสุดยอด
พลังของจอมเทพเทียนฮ่าวเองก็ไร้เทียมทาน แข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าจอมเทพหั่วอวิ๋นที่จ้าวเฟิงต่อกรด้วยก่อนนี้
“ฮ่าๆ คิดไม่ถึงเลยว่าตำหนักเทพยักษ์จะส่งครึ่งก้าวสู่จอมเทพสองคนมารับมือข้า!”
จอมเทพเทียนฮ่าวอดหัวเราะเสียงดังไม่ได้
แต่ในใจเขาสงสัยอย่างยิ่ง ไม่ใช่ว่าตำหนักเทพยักษ์มีจอมเทพที่เพิ่งถือกำเนิดใหม่หรอกหรือ? ทำไมจึงไม่ปรากฏกายเล่า
แต่เขาเองก็คร้านจะสนใจ เพราะในเวลานี้มีคนที่เขาอยากจะสังหารที่สุดอยู่เบื้องหน้า นั่นก็คือ จ้าวเฟิง การตายของจอมเทพเสียหลิงก่อนหน้านี้ จ้าวเฟิงอาจเป็นหนึ่งในสาเหตุหลัก
ทางฝั่งซินอู๋เหินก็ตรงไปหาเจ้าตำหนักวิญญาณบรรพกาลด้วยตนเอง
“หึ ไม่รู้จักประมาณตน!” เจ้าตำหนักวิญญาณบรรพกาลหัวเราะเยาะอย่างอดไม่ได้
หากเป็นช่วงชีวิตก่อน แล้วสู้รบตัวต่อตัวกัน เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของซินอู๋เหินแน่ ทว่าตอนนี้ซินอู๋เหินยังไม่ประสบความสำเร็จเหมือนในชีวิตก่อน
“ฝ่ามือห้าธาตุทลาย!” ซินอู๋เหินไม่กล้ารั้งรอ ฝ่ายตรงข้ามเป็นถึงจอมเทพขั้นสอง ต้องทุ่มพลังทั้งหมดเพื่อต่อสู้
วู้ม โครม! น้ำวนพลังเทพห้ากลุ่มปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของเขา
หลังจากฟาดฝ่ามือออกไป ก็ก่อให้เกิดฝ่ามือแสงน้ำวนห้าสีขนาดยักษ์ขึ้น กฎเกณฑ์แห่งไฟเสี้ยวหนึ่งในนั้นดูดซึมพลังธาตุไฟในฟ้าดินมาเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตนเองอย่างรวดเร็ว
“ทำลาย!” เจ้าตำหนักวิญญาณบรรพกาลตะโกนกร้าว ฝ่ามือสองข้างระเบิดออกไปทันใด แท่งแสงสีดำหม่นกลุ่มหนึ่งพลันก่อร่างขึ้น และพุ่งทะลวงออกมา
พลังที่น่ากลัวด้านบนนั้นกระเทือนฟ้าดิน กลืนกินทำลายทุกสิ่งในทุกที่ที่พาดผ่าน
โครม ตูม! พลังมหาศาลทั้งสองกลุ่มปะทะเข้าหากันโดยพลัน แต่ไม่นานเท่าไหร่นัก การโจมตีของซินอู๋เหินก็ถูกแท่งแสงสีดำทำลายจนเป็นผุยผง
ใบหน้าซินอู๋เหินเคร่งขรึมยิ่งนัก เขาใช้ทุกวิชา ป้องกันไว้สุดแรง
“ฮ่าๆ ในวันนี้ข้าเจ้าตำหนักจะสังหารเจ้าด้วยตนเอง!”
เจ้าตำหนักวิญญาณบรรพกาลหัวเราะเสียงดัง ก่อนปรากฏกายขึ้นมา
เปรี้ยง ตูม! จอมเทพชั้นยอดของขั้วอำนาจทั้งสองเข้าปะทะกันอย่างดุเดือด ระลอกพลังที่น่ากลัวเขย่าฟ้าดิน
ถึงแม้ว่าซินอู๋เหินจะด้อยกว่าเจ้าตำหนักวิญญาณบรรพกาลขั้นหนึ่ง แต่อยู่ที่นี่เขาได้เปรียบด้านลักษณะพื้นที่ บวกกับที่ตัวเขาเองก็ชำนาญการป้องกันและทำลาย ยามนี้ยังรับมือไหว แต่ทว่า เมื่อเผชิญหน้ากับจอมเทพขั้นสองไปเรื่อยๆ โอกาสที่ซินอู๋เหินจะพ่ายก็เพิ่มขึ้นทุกที
อีกฟากหนึ่ง ‘จอมเทพกุ่ยอู๋’ จากตำหนักวิญญาณบรรพกาลและยอดผู้อาวุโสเผ่าเทพยักษ์ซึ่งเป็นศัตรูคู่อาฆาตกัน กลับต่อสู้กันอย่างสูสี
สรุปได้ว่า สนามรบของคนขั้นจอมเทพ ตำหนักเทพยักษ์ยังพอจะรับมือไหวในตอนนี้
ทว่า…ศึกของคนขั้นจอมเทพลงไป ตำหนักเทพยักษ์กลับตกอยู่ในสถานการณ์ล่อแหลมในทุกด้าน
“สังหาร!” “รีบทำลายค่ายกลเร็ว!”
ผู้แข็งแกร่งระดับสูงฝั่งตำหนักวิญญาณบรรพกาลกระจายตัวอยู่รอบค่ายกลความลับสวรรค์ และลงมือโจมตีอย่างบ้าคลั่ง
หากจะพูดเรื่องจำนวนของครึ่งก้าวสู่จอมเทพ ตำหนักวิญญาณบรรพกาลก็มีมากกว่าตำหนักเทพยักษ์มากนัก ไม่ต้องพูดถึงคนที่เป็นจอมเทพขั้นแปดและเก้าที่อีกฝ่ายได้เปรียบกว่าเลย
ในตอนนี้เอง คนตำหนักเทพยักษ์ทำได้เพียงแค่ป้องกันจากด้านในค่ายกลความลับสวรรค์
ค่ายกลแห่งนี้ปรากฏคลื่นลูกใหญ่กระเพื่อมออกมาไม่หยุด เหมือนอาจจะแตกสลายได้ทุกเวลา
“ฮ่าๆ!” กลางอากาศ จอมเทพสามคนจากตำหนักวิญญาณบรรพกาลหัวเราะร่วน
ต่อให้ตำหนักเทพยักษ์ได้เปรียบด้านพื้นที่ และยังใช้ค่ายกลความลับสวรรค์ แต่สถานการณ์ก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงเพราะเรื่องนี้
“จ้าวเฟิง เจ้าเองก็โง่งมเสียจริง ไม่อยู่ที่เผ่าพันธุ์วิญญาณดีๆ แต่กลับวิ่งมารนหาที่ตายถึงที่นี่!”
จอมเทพเทียนฮ่าวถากถางไม่หยุด
ต่อให้จ้าวเฟิงจะมีสถานะสูงส่งอย่างยิ่งในเผ่าพันธุ์วิญญาณ แต่เขาเข้าร่วมสงครามของขั้วอำนาจห้าดาวในเขตแดนอื่น ถึงจะตายไป ตำหนักวิญญาณบรรพกาลก็ไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบอะไรมาก
ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ!
จอมเทพเทียนฮ่าวกำดาบสั้นสีดำที่ไร้รูปร่าง กวัดแกว่งกระบี่ฟันระลอกน้ำดำมืดออกมาหลายสาย ระลอกน้ำนั้นแฝงไปด้วยเสวียนอ้าวเงาและกฎเกณฑ์สายน้ำ ตรงดิ่งไปโจมตีจ้าวเฟิงและเทพโบราณจวี้หมัว
“แย่ล่ะ!” เทพโบราณจวี้หมัวหลบไม่ทัน ร่างถูกระลอกน้ำทมิฬสายหนึ่งฟันผ่าน ทิ้งบาดแผลขนาดใหญ่ไว้
หนำซ้ำการโจมตีของจอมเทพเทียนฮ่าวยังทำร้ายวิญญาณอย่างรุนแรง จอมเทพจวี้หมัวรู้สึกได้ว่ากายวิญญาณของตนเองเหมือนถูกคลื่นสมุทรถาโถมให้จมลง
“ผู้แข็งแกร่งขั้นจอมเทพไม่ธรรมดาเลยจริงๆ!”
สีหน้าจอมเทพจวี้หมัวย่ำแย่อย่างยิ่ง
หากเป็นจอมเทพทั่วไป เขาร่วมมือกับจ้าวเฟิง บางทีอาจจะยังพอรับมือไหวแต่พลังของจอมเทพเทียนฮ่าวแข็งแกร่งยิ่งนัก ขึ้นชื่อเรื่องต่อสู้พัวพัน
ส่วนจ้าวเฟิงสบายกว่าเล็กน้อย
วูบ! จ้าวเฟิงคลุมชุดคลุมมิติเอาไว้ ก่อนจะทะลวงผ่านอากาศอย่างรวดเร็ว บวกกับมีความสามารถในการมองทะลุผ่านของดวงตาเทพเจ้า จึงหลบหลีกทุกการโจมตีได้
“บัดซบ เจ้านี่มีชุดคลุมมิติที่เป็นอาวุธเทพระดับสุดยอด!”
จอมเทพเทียนฮ่าวจ้องชุดคลุมตัวยาวสีเงินบนร่างจ้าวเฟิง
ชุดคลุมมิติเป็นอาวุธเทพที่ยอดเยี่ยมอย่างมากในบรรดาอาวุธเทพระดับสุดยอด ทั้งสามารถป้องกัน เพิ่มความเร็วและช่วยเหลือได้ในหนึ่งเดียว
หนำซ้ำยังหายากยิ่ง เสวียนอ้าวมิติของจ้าวเฟิงก็ทรงพลังมาก เมื่อใช้กับชุดคลุมมิติแล้ว ความเร็วไม่ด้อยไปกว่าจอมเทพทั่วไป
“อสูรมังกรปฐพี!”
จอมเทพเทียนฮ่าวสะบัดแขนเสื้อคลุมครั้งหนึ่ง ‘อสูรวิญญาณ’ สีดำสนิทคล้ายมังกรและปลาก็โผทะยานออกมา
“ริ้วมังกรสังหาร!” พลังเทพในร่างจอมเทพเทียนฮ่าวทะลักล้น ปลดปล่อยพลังมหาศาลออกมาหลายครั้ง
ส่วนอสูรมังกรปฐพีตัวนั้นก็โผบินออกมา สำแดงเคล็ดวิชาที่แข็งแกร่ง ร่วมมือจู่โจมกับจอมเทพเทียนฮ่าว
ครืน! อสูรมังกรปฐพีตัวนั้นขยายใหญ่ พายุน้ำสีดำลูกยักษ์พุ่งไปโจมตีจ้าวเฟิงและเทพโบราณจวี้หมัว
“รีบถอย แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!” เทพโบราณจวี้หมัวเปลี่ยนสีหน้าทันควัน
ยามนี้จอมเทพเทียนฮ่าวใช้พลังทั้งหมด ร่างกายและวิญญาณของเขาสั่นระริกด้วยความหวาดกลัว เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีที่น่ากลัวแบบนี้ เขาคงตายในเสี้ยววินาทีเดียว
โครม เปรี๊ยะ! พายุวารีทมิฬลูกหนึ่งพุ่งออกมา หมุนกวาดไปทั้งฟ้าดิน
เทพโบราณจวี้หมัวรีบหนีออกจากอาณาเขตการโจมตี แน่นอนว่าเป้าหมายการโจมตีของจอมเทพเทียนฮ่าวก็คือจ้าวเฟิง มิฉะนั้นเทพโบราณจวี้หมัวคงไม่อาจหนีไปได้ง่ายๆ เช่นนี้
“ตายซะเถอะ จ้าวเฟิง!” จอมเทพเทียนฮ่าวตะโกนเสียงต่ำ
พายุทมิฬลูกนั้นถูกควบคุมโดยอสูรมังกร ไล่ตามจ้าวเฟิงไปอย่างไม่ลดละ เหมือนว่าจะกลืนกินอีกฝ่ายเสียให้ได้
แต่เสวียนอ้าวมิติของจ้าวเฟิงแตะขั้นที่แปดสุดยอด จึงมีสามารถส่งผลต่อการโจมตีของอสูรวิญญาณที่ด้านหลัง และในเวลาเดียวกันก็ยังเพิ่มความเร็วให้ด้วย
“สถานการณ์ไม่ค่อยดีแล้ว!” ขณะที่จ้าวเฟิงหลบการโจมตีของจอมเทพเทียนฮ่าว ก็สำรวจสถานการณ์ศึกโดยรวมด้วย
การรบของพวกจอมเทพ ตำหนักเทพยักษ์เป็นฝ่ายเสียเปรียบ ส่วนการรบของขั้นต่ำกว่าจอมเทพ ตำหนักเทพยักษ์แทบจะพ่ายแพ้อยู่แล้ว ค่ายกลความลับสวรรค์อาจจะถูกตำหนักวิญญาณบรรพกาลทำลายลงได้ทุกเวลา
“ต่อให้ข้าเรียกร่างแยกกับเสี่ยวเฮยออกมา ก็ยากจะพลิกสถานการณ์ได้!”
จ้าวเฟิงอดส่ายศีรษะไม่ได้
ถึงแม้ซินอู๋เหินจะได้ทรัพยากรไปเป็นจำนวนมาก แต่ตำหนักวิญญาณบรรพกาลกัดไม่ปล่อย ทำให้ตำหนักเทพยักษ์ไม่มีโอกาสได้หายใจหายคอหรือพัฒนาตนเอง
หากไม่ทำเช่นนี้ก็คงจะไม่ได้เปรียบ
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ได้แต่ทำอย่างนี้แล้ว!”
สีหน้าจ้าวเฟิงเคร่งขรึม จิตสำนึกบางส่วนหลอมรวมเข้าไปในลูกกลมมายาสีเงินของมิติเนตรเทพเจ้า
“เจ้านี่ สู้กับขายังกล้าแบ่งจิต…” จอมเทพเทียนฮ่าวเห็นท่าทีไม่ใส่ใจของจ้าวเฟิง ก็โกรธเกรี้ยวอย่างยิ่ง
แต่เวลานั้นเอง จู่ๆ จ้าวเฟิงก็หยุดลง รอบด้านปรากฏระลอกคลื่นมิติขึ้น
ทันใดนั้น ร่างของหลายคนก็ทะยานออกมา
“นั่นพวกมัน!”
แววตาจอมเทพเทียนฮ่าวเปล่งประกาย
เหล่าคนที่โผล่ออกมาก็คือทายาทเนตรเทพเจ้าทั้งสามและผู้แข็งแกร่งจากเผ่าพันธุ์มังกรล้างโลกา
“ที่แท้พวกมันเป็นคนของเจ้า แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น พวกเจ้าก็ไม่มีโอกาสชนะอยู่ดี…”
จอมเทพเทียนฮ่าวเอ่ยพลางหัวเราะเสียงเย็น
ผู้ช่วยพวกนี้ของจ้าวเฟิงเป็นเทพโบราณขั้นเก้าทั้งสิ้น ไม่มีผลอะไรต่อการต่อสู้แต่จอมเทพเทียนฮ่าวยังไม่ทันพูดจบก็ต้องนิ่งอึ้ง ทำท่าฉงนสงสัย
ฟิ้ว! ฟิ้ว!
ระลอกมิติข้างตัวจ้าวเฟิงไม่ได้หยุดหมุน แต่ยังมีเงาร่างขนาดใหญ่อีกหลายร่างกระโจนออกมา
นั่นก็คือกิเลนสีแดงขนาดยักษ์หลายต่อหลายตัว
กิเลนเพลิงโลหิตเกือบสิบตัวกระโจนออกมา พลังฝึกตนของพวกมันอยู่ในขั้นแปดและเก้าโดยประมาณ พวกมันพร้อมใจกันรองคำราม ทำให้อุณหภูมิในนรกเพลิงโลกันตร์เพิ่มสูงขึ้น
แต่ทว่ายังไม่จบเพียงเท่านี้
หลังจากที่กิเลนเพลิงโลหิตออกมาแล้ว ยังมีเผ่าพันธุ์บรรพกาลอีกจำนวนมากทะยานออกมาจากกลางอากาศ
จ้าววั่นอยู่ในห้วงฝันบรรพกาล มีรากฐานเป็นเผ่าพันธุ์กิเลนเพลิงโลหิต สู้รบปรบมือมาเป็นเวลานาน จนขยายพื้นที่ไปได้ไม่น้อย เพิ่มผู้แข็งแกร่งจากเผ่าพันธุ์อื่นมาได้มากโขอยู่
“นี่…” จอมเทพเทียนฮ่าวตะลึงพรึงเพริด
ในขณะนี้ ข้างกายจ้าวเฟิงมีทัพของพวกเผ่าพันธุ์บรรพกาลปรากฏขึ้น
“นี่มันเรื่องอะไรกัน?” จอมเทพอีกหลายคนของอีกฝั่งก็ตื่นตะลึงกับเหตุการณ์ตรงหน้า
เหตุใดจู่ๆ ก็มีผู้แข็งแกร่งจำนวนมากปรากฏกายขึ้นในที่แห่งนี้
“นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?” เทพโบราณจวี้หมัวนิ่งค้างราวรูปปั้น ตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก
เขาอยู่ไม่ไกลจากจ้าวเฟิงนัก ย่อมมองออกว่าเผ่าพันธุ์บรรพกาลพวกนี้ จ้าวเฟิงเป็นคนเรียกออกมาทั้งสิ้น!
ส่วนขั้วอำนาจทั้งสองฝ่ายที่กำลังสู้รบกันอย่างดุเดือดด้านล่าง ต่างหยุดทุกอย่างแล้วแหงนศีรษะมองขอบฟ้า
“นายท่าน ผู้อาวุโสของเผ่ากำลังอยู่ในช่วงเวลาสำคัญระหว่างการปิดด่านฝึก!”
กิเลนเพลิงโลหิตขั้นเก้าสุดยอดผู้หนึ่งรีบรายงานต่อจ้าวเฟิง
“สังหาร!” จ้าวเฟิงสั่งสั้นๆ
ครั้งนี้ เขาใช้กำลังรบระดับสูงแทบทั้งหมดที่ตนเองมี รวมทั้งร่างแยก พาหนะ และกำลังในห้วงฝันบรรพกาล
“ฆ่า!”
เผ่าพันธุ์บรรพกาลทั้งหมดตะโกนเสียงดังเลื่อนลั่น ก่อนจะพุ่งไปที่สนามรบด้านล่างทันที
“ไม่ดีแล้ว ศัตรู!”
“เป็นไปไม่ได้ ทำไมตำหนักเทพยักษ์ถึงมีกำลังเสริมมากมายขนาดนี้!” ทางฝั่งตำหนักวิญญาณบรรพกาลตกอยู่ในความวุ่นวายทันที
ส่วนในค่ายกลความลับสวรรค์ สมาชิกทั้งหมดของตำหนักเทพยักษ์อุทานด้วยความตกใจ ราวกับเห็นทางรอดท่ามกลางวิกฤต โต้ฝ่ายตรงข้ามกลับทันที
กลางอากาศ
“เทพโบราณจวี้หมัว ท่านถอยก่อนเถอะ ยกจอมเทพเทียนฮ่าวให้ข้า!”
จ้าวเฟิงพึมพำ แววตาตั้งอกตั้งใจ จากนั้นปลดปล่อยจิตสังหารที่ไร้รูปร่างออกมาจิตสังหารกลุ่มนี้ ต้องเคยฆ่าคนมานับไม่ถ้วนถึงจะมีได้!
ฟิ้ว! พลังเทพรวมศูนย์ของจ้าวเฟิงแผ่พวยพุ่ง รวมตัวกันเป็นกระบี่เทพรวมศูนย์เล่มใหญ่เล่มหนึ่ง แล้วจึงแผ่กระจายแรงดูดทรงอานุภาพออกมากลืนกินพลังทั้งหมดรอบบริเวณ