บทที่ 1442 สถานการณ์ผันเปลี่ยน
ทันใดนั้น เผ่าพันธุ์บรรพกาลจำนวนมากที่จู่ๆ ก็โผล่ออกมาต่างกรูไปที่สนามรบของคนระดับกลางและสูง ผลัดกันเข้าโจมตีร่วมมือกับสมาชิกของตำหนักเทพยักษ์
ขณะนั้น พวกเทพโบราณจากตำหนักวิญญาณบรรพกาลกถูกรุกโจมตีจนตั้งรับไม่ทัน จิตใจกระวนกระวาย การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ทำให้จอมเทพจากตำหนักเทพบรรพกาลมีสีหน้าหนักอึ้ง สภาพย่ำแย่อย่างยิ่ง
ส่วนพวกซินอู๋เหินและยอดผู้อาวุโสตื่นเต้นยินดี ทั้งตำหนักเทพยักษ์ฮึกเหิมขึ้นมาก
“เทพโบราณจวี้หมัว ท่านถอยไป ยกจอมเทพเทียนฮ่าวให้ข้าจัดการ!”
จ้าวเฟิงพึมพำเสียงต่ำ
วู้ม! พลังเทพรวมศูนย์แผ่พวยพุ่งจากมือเขา รวมตัวกันเป็นกระบี่เทพรวมศูนย์เล่มใหญ่เล่มหนึ่ง แล้วจึงแผ่กระจายแรงดูดทรงอานุภาพออกมากลืนกินพลังทั้งหมดรอบบริเวณ
เทพโบราณจวี้หมัวสัมผัสได้ถึงระลอกพลังเทพในมือจ้าวเฟิง ใจเต้นกระตุกพร้อมถอยร่นไป
เสวียนอ้าวมิติในพลังเทพรวมศูนย์สูงถึงขั้นที่เก้า เสวียนอ้าวเวลาแตะขั้นแปดสุดยอด และยังมีเสวียนอ้าวอื่นๆ ที่อยู่ในขั้นสูงเช่นกัน
ทำให้พลังเทพรวมศูนย์ของจ้าวเฟิงแข็งแกร่งเกินจะเปรียบ เทียบเท่าได้กับพลังเทพของคนในขั้นจอมเทพ
“เจ้าหนุ่ม เจ้าประเมินตัวเองสูงเกินไปแล้ว!”
ใบหน้าจอมเทพเทียนฮ่าวฉายแววโกรธเกรี้ยว
คิดไม่ถึงว่าจ้าวเฟิงจะให้เทพโบราณจวี้หมัวถอยไป แล้วรับมือกับเขาเพียงลำพัง นี่เป็นการดูหมิ่นและท้าทายเขาชัดๆ
จะต้องรู้ว่า ช่วงนี้พลังของจอมเทพเทียนฮ่าวมีพัฒนาการไม่น้อย สามารถจัดการจอมเทพทั่วไปได้อย่างสบายๆ แต่ครึ่งก้าวสู่จอมเทพอย่างจ้าวเฟิงกลับกล้าต่อสู้กับเขาโดยลำพัง ช่างเป็นเรื่องน่าขันนัก
“สังหารมัน!” จอมเทพเทียนฮ่าวตะโกนสั่ง อสูรวิญญาณของเขาหอบพายุวารีทมิฬพุ่งไปโจมตีจ้าวเฟิง
“กระบี่เทพรวมศูนย์ สังหาร!” จ้าวเฟิงไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย สองมือกุมกระบี่ฟันลงไป
โครม ตูม ตูม!
กระบี่ยักษ์สีเงินเข้มขุ่นข้น ฟันลงบนพายุวารีทมิฬ คลื่นแสงสีดำนับไม่ถ้วนแผ่กระจาย
ตอนแรก มือทั้งสองของจ้าวเฟิงสั่นน้อยๆ ในเวลาเดียวกันยังมีพลังวิญญาณที่ไร้รูปร่างกระทบเข้ามา แต่วิญญาณของเขาแข็งแกร่งดั่งหินผา จึงไม่ได้รับผลกระทบใดๆ พลังจากภายนอกทั้งหมดก็อันตรธานหายไปราวก้อนหินจมลงมหาสมุทร
กระบี่เทพรวมศูนย์ยังดูดรับพลังในพายุวารีทมิฬ จนอานุภาพของมันเพิ่มมากขึ้นทีละน้อย
“ขาดสะบั้น!” พลังเทพในร่างจ้าวเฟิงทะลักล้นออก กระบี่ฟันฉับลงไป
ในตอนนั้น พลานุภาพกระบี่เทพรวมศูนย์ของเขาอยู่เหนือการโจมตีจากอสูรวิญญาณของจอมเทพเทียนฮ่าว
พลังที่แก่กล้ากลุ่มนี้ กระทั่งอสูรมังกรปฐพีในพายุวารีทมิฬยังรู้สึกไม่ชอบมาพากล ต้องบินหนีไปก่อน
โครม ตูม! เพียงกระบี่เดียว พายุวารีทมิฬก็แหลกสลาย
“เป็นไปไม่ได้!” สีหน้าจอมเทพเทียนฮ่าวชะงักค้าง ส่ายศีรษะทันใด ด้วยพลังของเขา การโจมตีที่ปลดปล่อยออกไป ทำไมจ้าวเฟิงถึงทำลายลงได้
ฟุ่บ! เมื่อทำลายการโจมตีของจอมเทพเทียนฮ่าวลงแล้ว จ้าวเฟิงโฉบเข้าไปใกล้
“มังกรอหังการ!” จอมเทพเทียนฮ่าวมีสีหน้าไม่สู้ดียิ่ง กำดาบสั้นสีดำในมือ พร้อมปลดปล่อยระลอกพลังเทพที่น่าพรั่นพรึง
เวลาเดียวกันนั้นเอง อสูรมังกรปฐพีก็กลับมาอยู่เคียงข้างเขา ก่อนจะหลอมรวมเข้าสู่อาวุธเทพในมือ
ครืน! จอมเทพเทียนฮ่าวกวัดแกว่งดาบสั้น เกิดเป็นมังกรแสงสีดำสนิทตัวหนึ่งจู่โจมออกมา พลานุภาพทรงพลัง เขย่าขวัญผู้คน ก่อนนี้จอมเทพเทียนฮ่าวไม่ใส่ใจครึ่งก้าวสู่จอมเทพสองคนนี้ แต่คราวนี้เขาทุ่มสุดตัว
“กระบี่อัสนีเทวะรวมศูนย์!” เมื่อเผชิญหน้ากับจอมเทพเทียนฮ่าว จ้าวเฟิงก็ไม่อาจเก็บงำพลังเอาไว้อีกแล้ว
วิ้ง แซ่ด แซ่ด!
บนกระบี่สีเงินเข้มเล่มใหญ่พลันปรากฏสายฟ้านับไม่ถ้วนโหมซัดขึ้นมา กระจายตัวอัดแน่นอยู่บนนั้น
“พิฆาต!” กระบี่อัสนีเทวะรวมศูนย์ในมือจ้าวเฟิง ส่งแสงกระบี่อัสนีเทวะรวมศูนย์สายหนึ่งออกมา ฟันฉับลงบนระลอกมังกรทมิฬ
โครม ตูม!
เมื่อระลอกมังกรทมิฬตัวนั้นถูกจ้าวเฟิงลงกระบี่ พลังอัสนีเทวะรวมศูนย์ที่ไร้จุดสิ้นสุดก็ไหลบ่าลงมาทำลายล้างและกลืนกินพลังอื่นๆ ไป
ระลอกมังกรทมิฬหยุดชะงัก พลังของมันอ่อลงทันใด
เปรี๊ยะ! จ้าวเฟิงบินโฉบมาด้านข้าง และพุ่งไปหาจอมเทพเทียนฮ่าวทันที
“เป็นการโจมตีด้วยพลังเทพที่แข็งแกร่งนัก!”
แววตาจอมเทพเทียนฮ่าวอึ้งตะลึง ตื่นตะหนกเหลือประมาณ ต้องบอกว่าก่อนหน้านี้เขายังเก็บงำพลังเอาไว้ หากจ้าวเฟิงยังสามารถทำลายการโจมตีของเขา ก็นับว่ายังพออภัยให้ได้ แต่เมื่อครู่เขาโจมตีจนสุดพลังแล้ว ก็ยังถูกจ้าวเฟิงต้านทานเอาไว้ได้
เมื่อมองเห็นกระบี่อัสนีเทวะรวมศูนย์ของจ้าวเฟิงกำลังจะฟาดฟันลงมา จอมเทพเทียนฮ่าวรีบข้ามมิติหลบหนีไป สถานการณ์เมื่อครู่ทำให้เห็นว่าการโจมตีพลังเทพของจ้าวเฟิงไม่ด้อยไปกว่าเขาเลย
ไม่น่าเชื่อเลยว่า การโจมตีด้วยพลังเทพของครึ่งก้าวสู่จอมเทพผู้หนึ่งจะสามารถรับมือกับบุคคลชั้นยอดในระดับจอมเทพขั้นหนึ่งได้
“เจ้าต้องการจะสังหารข้ามิใช่หรือ? ทำไมจะหนีไปแล้วเล่า?” น้ำเสีงเย็นชาของจ้าวเฟิงดังขึ้นจากด้านหลัง
เสวียนอ้าวมิติอยู่ขั้นเก้า เสวียนอ้าวเวลาอยู่ขั้นแปดสุดยอด บวกกับชุดคลุมมิติ จึงทำให้จ้าวเฟิงรวดเร็วกว่าจอมเทพเทียนฮ่าวเล็กน้อย เมื่อสัมผัสได้ว่าจ้าวเฟิงเข้ามาใกล้เรื่อยๆ จอมเทพเทียนฮ่าวก็ลนลาน
ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ!
แสงกระบี่อัสนีเทวะรวมศูนย์มากมายฟันลงที่ด้านหลัง
ร่างจอมเทพเทียนฮ่าวเหมือนกลายเป็นคลื่นน้ำนับไม่ถ้วน บิดเบี้ยวกระจายตัวออก หลบการโจมตีของจ้าวเฟิงไป
ภาพเหตุการณ์นี้ย่อมตกอยู่ในครรลองสายตาของสมาชิกคนอื่นๆ ด้วย
“เยี่ยมมาก สหายจ้าว!” ซินอู๋เหินตื่นเต้นในใจ
จากพลังที่จ้าวเฟิงปลดปล่อยออกมานั้น เขาคาดเดาว่าพลังจอมเทพที่ปรากฏขึ้นก่อนหน้านี้จะต้องเป็นจ้าวเฟิงแน่นอน
“ทำไมเขาถึงแข็งแกร่งขนาดนี้ได้?” ผู้อาวุโสตำหนักเทพยักษ์เองก็ตะลึงอย่างยิ่ง
เมื่อมองไปอีกฝั่ง สีหน้าจอมเทพสองคนจากตำหนักวิญญาณบรรพกาลเคร่งขรึมนัก
จอมเทพตำหนักวิญญาณบรรพกาลกลับถูกครึ่งก้าวสู่จอมเทพผู้หนึ่งไล่โจมตี ถึงท้ายที่สุดตำหนักวิญญาณบรรพกาลเป็นฝ่ายได้ชัยชนะ ก็เป็นแค่เรื่องชวนขันเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น ตำหนักวิญญาณบรรพกาลจะได้ชัยชนะหรือไม่ ก็ยังเป็นเรื่องที่ยังไม่มีใครรู้
ในสนามรบของคนในระดับกลางและสูง เพราะการเข้าร่วมอย่างกะทันหันของเผ่าพันธุ์บรรพกาลเหล่านั้น ตำหนักวิญญาณบรรพกาลจึงเสียหายอย่างหนัก
ในกลุ่มนั้นมีเผ่าพันธุ์กิเลนเพลิงโลหิตที่ชำนาญเสวียนอ้าวแห่งไฟ เมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมที่ร้อนระอุแบบนี้ พลังเลยเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
ไม่ผิด ในขณะนี้การต่อสู้ของคนระดับกลางและสูง ตำหนักเทพยักษ์เป็นฝ่ายได้เปรียบกว่า
โครม ตูม ตูม!
ขณะนั้นเอง จู่ๆ ฟ้าดินทั้งหมดก็สั่นสะเทือน อุณหภูมิรอบด้านพุ่งสูงขึ้น
“นี่มันเรื่องอะไรกัน?” เทพโบราณจวี้หมัวตัวสั่นเทิ้ม
วู้ม ครืน ครืน!
และในยามนี้เอง ผืนดินด้านล่างแตกเป็นเสี่ยง หินหลอมเหลวร้อนระอุมากมายทะลักขึ้นมา ควันพิษร้อนๆ แผ่กระจายเต็มพื้นที่
“อ๊าก…” ทันใดนั้น เทพโบราณขั้นเจ็ดผู้หนึ่งของตำหนักวิญญาณบรรพกาลถูกเพลิงพิษโจมตีหัวใจ ดวงตาสองข้างแดงก่ำ กรีดร้องโหยหวน
ทางฝั่งตำหนักเทพยักษ์ที่อยู่ในค่ายกลความลับสวรรค์กลับไม่ได้รับผลกระทบใดๆ
“นี่คือ ‘เพลิงมหันตภัย’ ที่นานทีจะเกิดขึ้นสักครั้งในนรกเพลิงโลกันตร์!”
“ว่ากันว่าในตอนที่เกิด ‘เพลิงมหันตภัย’ ขึ้นที่นี่ ต่อให้เป็นเทพโบราณขั้นแปดก็ยังได้รับผลกระทบด้วย ส่วนเทพโบราณขั้นเจ็ด หากไม่ระวังโดนเพลิงพิษเข้า ก็อาจจะตายลงไปได้”
จอมเทพกุ่ยอู๋มีสีหน้าตึงเครียดเล็กน้อย
อันที่จริง ศึกระหว่างตำหนักวิญญาณบรรพกาลและตำหนักเทพยักษ์ ผลแพ้ชนะก็ไม่ได้ชัดเจนมากนัก แต่ในวินาทีที่เกิดเพลิงมหันตภัยขึ้น ผลกระทบที่ตำหนักวิญญาณบรรพกาลได้รับหนักหนามากกว่า สถานการณ์การรบจึงเกิดการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง
“ฟ้าดินเมตตาตำหนักเทพยักษ์เราแล้ว!”
ใบหน้ายอดผู้อาวุโสแดงก่ำ ตื้นตันใจเหลือประมาณ
ห่างออกไปไกลลิบ จอมเทพซิงเซี่ยงและชายผมขาวแววตาเป็นประกาย ขณะเหลียวมองรอบตัว
“นี่มันพลังศาสตร์ชีวิต!”
จอมเทพซิงเซี่ยงพึมพำอย่างตกใจ
ในตอนนี้ เขาเผชิญหน้ากับพลังศาสตร์โชคชะตาที่คอยรังควานเขาไม่หยุดอีกครั้ง
ถูกต้องแล้ว มหันตภัยที่จู่ๆ ก็เกิดขึ้นในแดนต้องห้าม เกิดขึ้นเพราะการกระตุ้นของพลังศาสตร์โชคชะตาที่แข็งแกร่งนี้เอง คนปกติทั่วไปยากจะสังเกตเห็น แต่เขากลับรู้สึกได้อย่างชัดเจน
เมื่อนึกถึงพลังศาสตร์โชคชะตากลุ่มนี้ สีหน้าจอมเทพซิงเซี่ยงก็ดำคล้ำลงไป
พลังกลุ่มนี้แข็งแกร่งยิ่งกว่าเขา เขาถึงขั้นสงสัยว่าสิ่งที่เข้าขัดขวางตอนเพิ่งเข้ามาในอาณาจักรเทพของเผ่าแสง น่าจะเป็นผลกระทบจากพลังศาสตร์โชคชะตาดังกล่าว
เมื่อนึกถึงตรงนี้ จอมเทพซิงเซี่ยงก็รู้สึกหวาดระแวงขึ้นมา
เขาผู้ลึกซึ้งในศาสตร์ทำนาย ย่อมต้องเข้าใจจุดที่แข็งแกร่งของพลังกลุ่มนี้
“จอมเทพอิ๋นอวี้ (ปีกเงิน) สถานการณ์ตำหนักวิญญาณบรรพกาลท่าไม่ดีนัก เจ้าลงมือเถอะ!”
จอมเทพซิงเซี่ยงเข้าประเด็น
“ฮี่ๆ ข้าอดรนทนไม่ไหวแล้ว!”
แววตาชายผมขาวผู้นั้นเปล่งประกายวิบวับ ระลอกแสงสีขาวสุกสกาวที่ดูประหลาดผุดขึ้นบนร่าง
เปรี๊ยะ! ประกายแสงขยับแวววับ จอมเทพอิ๋นอวี้หายตัวไป แล้วมาปรากฏขึ้นบนสนามต่อสู้
“นั่นใครกัน?” ซินอู๋เหินและผู้อาวุโสตื่นตะลึง
เหตุใดตอนนี้จู่ๆ ก็ปรากฏกลิ่นอายของจอมเทพที่แก่กล้าขึ้นที่นี่!
“ฮี่ๆ พวกเจ้านี่จริงๆ เลย จนถึงตอนนี้ยังไจัดการตำหนักเทพยักษ์ไม่ได้ แถมยังต้องให้ข้าลงมืออีก!”
จอมเทพอิ๋นอวี้กวาดตามองจอมเทพทั้งสามจากตำหนักเทพโบราณ และเอ่ยเชิงเยาะเย้ย ทันทีที่เอ่ยออกมา คนอื่นในตำหนักเทพยักษ์หน้าเปลี่ยนสี ใจหายวาบ
คิดไม่ถึงว่าตำหนักวิญญาณบรรพกาลจะยังมีผู้แข็งแกร่งขั้นจอมเทพอยู่อีก!
“ขอให้ท่านลงมือจบเรื่องทั้งหมดนี้ด้วย!”
เจ้าตำหนักวิญญาณบรรพกาลเอ่ยด้วยใบหน้าเย็นชาทันใด
“ย่อมเป็นไปตามนั้น!” จอมเทพอิ๋นอวี้หัวเราะเสียงเย็นเยือก
ทันใดนั้น ทั่วร่างเขาเปล่งแสงขาวสุกสกาว ร่างค่อยๆ เปล่งประกายขึ้นน้อยๆ ดูไปแล้วเหมือนมีระลอกแสงนับไม่ถ้วนปะทุออกจากในร่าง
ในเวลาเดียวกัน กลิ่นอายบรรพกาลทรงอานุภาพกลุ่มนั้นก็สลายไปทันที
ผู้แข็งแกร่งขั้นต่ำกว่าจอมเทพใกล้ๆ นั้นตื่นตระหนกราวถูกโจมตีอย่างรุนแรง
“เผ่าพันธุ์แห่งแสง!” ซินอู๋เหินร้องอุทาน
เขาคาดคิดไม่ถึงเลยว่าคนจากตำหนักวิญญาณบรรพกาลพวกนี้จะเป็นคนจากเผ่าแสง!
“สังหารเจ้าก่อนแล้วกัน!”
จอมเทพอิ๋นอวี้ทอดสายตามองผู้อาวุโสตำหนักเทพยักษ์ และบินโฉบไปหาอีกฝ่าย
แต่ในขณะนั้นเอง จู่ๆ ก็ปรากฏระลอกพลังมิติที่แก่กล้าขึ้นในจุดที่ไม่ไกลจากผู้อาวุโสนัก
วูบ! อุโมงค์มืดขนาดเล็กแห่งหนึ่ง ภายในเปล่งแสงสว่างเป็นประกายออกมา
“เผ่าแสง?” ผู้อาวุโสที่ทั้งร่างเปล่งแสงสุกสกาวพลันปรากฏขึ้นเบื้องหน้าจอมเทพอิ๋นอวี้และจ้องเขาเขม็ง
“มู่กู่!” ซินอู๋เหินทอดถอนใจ
ในวินาทีที่จอมเทพอิ๋นอวี้ปรากฏตัวขึ้น เขาใช้ตราเทพติดต่อมู่กู่ ไม่นึกเลยว่าอีกฝ่ายจะมาเร็วขนาดนี้
ส่วนยอดผู้อาวุโสเหมือนกับรู้เรื่องมู่กู่อยู่แล้ว จึงไม่ได้มีท่าทีประหลาดใจมากนัก แต่คนอื่นๆ กลับแข็งค้างเป็นท่อนไม้
การเปลี่ยนแปลงของศึกนี้กะทันหันจริงๆ การต่อสู้ของสองขั้วอำนาจ กลับมีสองผู้แข็งแกร่งเผ่าแสงยื่นมือเข้ามายุ่งด้วย
“ผู้แข็งแกร่งจากเผ่าแสง?” จอมเทพอิ๋นอวี้ตะลึงไปเล็กน้อย
เขาคาดไม่ถึงว่า ในตอนที่ตนยื่นมือเข้ามายุ่ง ผู้แข็งแกร่งเผ่าแสงผู้หนึ่งจะเผยตัวออกมา
ไกลออกไป จอมเทพซิงเซี่ยงเหมือนจะคาดคิดไว้ก่อน “ว่าแล้วเชียว เผ่าพันธุ์แห่งแสง ในอาณาจักรเทพยังมีผู้รอดชีวิตอยู่…”
“ข้าจะเป็นตัวแทนของเผ่าแสงสังหารเจ้า!” ใบหน้ามู่กู่เย็นชา
จากประสาทสัมผัสของเขา จอมเทพอิ๋นอวี้เบื้องหน้าเขาไม่ใช่เผ่าแสงแม้แต่น้อย เขาจะต้องเป็นหนูทดลองของเผ่าความลับสวรรค์แน่
เปรี๊ยะ! เขาโบกมือทั้งสองข้าง ส่งคมแสงมิติสองสายออกมา จากนั้นทุกอย่างก็เชื่องช้าลงไป
“เหอะ!” จอมเทพอิ๋นอวี้บันดาลโทสะ
ในตอนที่เขาลงมือ คิดไม่ถึงว่าจู่ๆ จะมีเผ่าแสงตัวจริงโผล่มา เรื่องนี้ทำให้เขาหงุดหงิดเกินจะเปรียบ
“ปีกเงินจู่โจม!” ปีกสีเงินคู่หนึ่งเผยขึ้นด้านหลังจอมเทพอิ๋นอวี้ในฉับพลัน เหมือนจะเป็นอาวุธเทพระดับสุดยอดชิ้นหนึ่ง
เปรี๊ยะ! เมื่อปีกทั้งสองโบกสะบัด แสงดาบขนาดเล็กที่โปร่งแสงจำนวนมากก็พุ่งออกมา
ในตอนที่การโจมตียังไม่ปะทะเข้ามา แสงสองกลุ่มก็บิดเบี้ยวเข้าหากัน ทำให้ฟ้าดินบิดโค้ง เชื่องช้าเกินจะเปรียบ
โครม ตูม!
การประมือระหว่างเผ่าแสงทั้งสองเป็นไปอย่างเชื่องช้า มองไปแล้วแปลกประหลาดอย่างยิ่ง แต่สุดท้ายมู่กู่ก็ยังเป็นฝ่ายได้ชัยชนะไป นี่ไม่ใช่เพียงเพราะเขาเป็นเผ่าแสงที่แท้จริง แต่ยังเป็นเพราะพลังฝึกตนในยามสุดยอดอยู่เหนือตอนนี้มาก ประสบการณ์การต่อสู้และสำนึกรู้ยังอยู่เหนือกว่าจอมเทพอิ๋นอวี้
“ที่แท้ก็เป็นเผ่าแสงตัวปลอม…เช่นนั้นแล้ว เป็นไปได้มากว่าเผ่าความลับสวรรค์อาจจะอยู่แถวนี้ด้วย!”
ถึงแม้จอมเทพอิ๋นอวี้ถูกมู่กู่ขัดขวางเอาไว้ แต่จ้าวเฟิงกลับรู้สึกได้ถึงอันตรายอีกกลุ่มหนึ่ง
“ต้องรีบสังหารจอมเทพเทียนฮ่าวให้เร็วที่สุด!” ความตึงเครียดพาดผ่านดวงตาจ้าวเฟิง
ขอแค่สังหารจอมเทพเทียนฮ่าวได้ เขาก็จะสามารถไปช่วยมู่กู่หรือไม่ก็ซินอู๋เหินได้เร็วขึ้น และเพิ่มข้อได้เปรียบให้ตนเองมากขึ้นด้วย
ฟิ้ว! พลานุภาพกระบี่อัสนีเทวะรวมศูนย์ในมือจ้าวเฟิงปะทุขึ้นอีกครั้ง ส่วนระลอกพลังดวงตาที่ทรงอานุภาพก็ทะลักออกจากดวงตาซ้ายของเขา