Skip to content

King of Gods 1443

King Of Gods

บทที่ 1443 จอมเทพซิงเซี่ยงออกโรง

“กระบี่อัสนีเทวะรวมศูนย์!”

จ้าวเฟิงฟันคมกระบี่อัสนีเทวะรวมศูนย์ขนาดใหญ่ออกมา ทำลายล้างและกลืนกินสรรพสิ่งระหว่างทางที่ลอยผ่าน ก่อนจะตรงดิ่งไปหาจอมเทพเทียนฮ่าว

“อยากจะสังหารข้า?” จอมเทพเทียนฮ่าวมองเจตนาของจ้าวเฟิงออก จึงหัวเราะเสียงเย็นอย่างอดไม่ได้

ถึงแม้ว่าการโจมตีของจ้าวเฟิงไม่ด้อยไปกว่าเขา แต่รวดเร็วกว่าเขามากนัก แต่อาศัยเพียงเรื่องพวกนี้ก็ยังไม่มากพอที่จะสังหารเขา

วู้ม! ร่างของจอมเทพเทียนฮ่าวพลันกลายเป็นของเหลว เปลี่ยนเป็นสายน้ำไหลกระจาย เตรียมจะหลบหนีและลดแรงโจมตีลงไป

แต่ในตอนที่เขายังทำทุกสิ่งไม่เสร็จสรรพนี้เอง พลังของกฎเกณฑ์เวลาก็ปะทะลงบนร่างเขา

“เป็นไปได้อย่างไร? กฎเกณฑ์เวลา!” จอมเทพเทียนฮ่าวเปลี่ยนสีหน้าทันใด

เสวียนอ้าวเวลาที่จ้าวเฟิงปลดปล่อยออกมาก่อนนี้เป็นแค่ขั้นแปดสุดยอดชัดๆ ทำไมตอนนี้ถึงกลายเป็น ‘กฎเกณฑ์เวลา’ ที่อยู่ในระดับที่สูงกว่าไปเสียได้

ตอนนี้ คมกระบี่อัสนีเทวะรวมศูนย์ที่ทรงพลังกำลังจะมาถึง จอมเทพเทียนฮ่าวจึงรีบโคจรกฎเกณฑ์สายน้ำเพื่อตั้งรับกฎเกณฑ์เวลากลุ่มนี้

เมื่อกฎเกณฑ์เวลาอ่อนกำลังลงไป เขาจึงรีบสำแดงเคล็ดวิชาที่ยังไม่เสร็จสิ้นเมื่อครู่ ร่างกายกลายเป็นสายน้ำกลุ่มใหญ่ ก่อนไหลไปอย่างเชื่องช้า

ฟุ่บ! คมกระบี่อัสนีเทวะสายนั้นทะลวงผ่านสายน้ำที่กำลังสาดกระจาย

ทว่าเมื่อจอมเทพเทียนฮ่าวหนีรอดจากอันตรายได้แล้ว ก็แปลงเป็นกายวิญญาณ และเมื่อมีคุณสมบัติพิเศษจากกายวิญญาณบรรพกาลของเขา ทำให้อาการบาดเจ็บลดลงจนถึงที่สุด แต่ถึงจะเป็นแบบนี้ พลังอัสนีเทวะรวมศูนย์ก็ยังทำให้เขารู้สึกทรมาน

วู้ม! หลังจากร่างกายกลับคืนสู่สภาพปกติแล้ว จอมเทพเทียนฮ่าวรีบบินหนีไปทันที

แต่ในตอนนั้น วิกฤตอันตรายก็มาเยือน

โครม ฉัวะ! กระบี่เทพรวมศูนย์ขนาดเล็กสายหนึ่งพุ่งผ่านอากาศ ทะลุศีรษะของเขาไป

ที่แท้จ้าวเฟิงเตรียมการเอาไว้ก่อนแล้ว เขาจะใช้กระบี่อัสนีเทวะรวมศูนย์บีบให้จอมเทพเทียนฮ่าวใช้เคล็ดวิชาป้องกันพิเศษ รอจนฟื้นกลับสู่สภาพปกติแล้ว ถึงค่อยใช้วิชาดวงตาโจมตีในฉับพลัน จนทำให้ป้องกันไม่ทันกาล

“อ๊าก…” จอมเทพเทียนฮ่าวเผยสีหน้าทรมาน รู้สึกว่าดวงวิญญาณของตนเองเหมือนถูกกระบี่นับไม่ถ้วนพุ่งทะลุผ่าน เจ็บปวดเกินจะเปรียบได้

เมื่อตกอยู่ในอันตรายที่ถึงแก่ชีวิต เขาได้สติขึ้นมาทันที

ฟู่ ฟู่! เขาสะบัดฝ่ามือสองข้าง ปลดปล่อยผืนหมอกแสงสีดำที่ตัดสลับกันไปมา

ในเวลาเดียวกันนั้น จอมเทพเทียนฮ่าวกลายเป็นเงาสีดำโบยบินหนีออกไปอย่างรวดเร็ว

“วงแสงรวมศูนย์!” จ้าวเฟิงใช้เคล็ดวิชาป้องกัน กลุ่มแสงสีเงินเข้มก่อขึ้นปกคลุมรอบกายทันใด จากนั้นจ้าวเฟิงจึงกระตุ้นการป้องกันจากชุดคลุมมิติ ก่อนทะลวงผ่านหมอกแสงสีดำสนิท

ภายใต้การป้องกันจากทั้งชุดคลุมมิติและวงแสงรวมศูนย์ จ้าวเฟิงทะยานผ่านไปได้อย่างปลอดภัย อีกทั้งวงแสงรวมศูนย์ยังดูดรับพลังในนั้นจนเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น

“รวมศูนย์แปรผัน!”

วงแสงรวมศูนย์ที่ดูดรับพลังภายนอก แปรเปลี่ยนเป็นพลังเทพรวมศูนย์ทั้งหมด แล้วจึงหลั่งไหลเข้าไปในกระบี่อัสนีเทวะรวมศูนย์ของจ้าวเฟิง

ขณะนี้ พลานุภาพกระบี่อัสนีเทวะรวมศูนย์ของเขาเพิ่มขึ้นพุ่งพรวดอีกครั้ง

เปรี๊ยะ! จ้าวเฟิงโคจรกฎเกณฑ์เวลา รีบไล่ตามจอมเทพเทียนฮ่าวไปทันที

“ไม่…เจ้าคนนี้ฝึกวิชาอะไรกันแน่? พลังเทพถึงได้พิเศษและแกร่งขนาดนี้!” ยามนี้จอมเทพเทียนฮ่าวหวาดกลัวขึ้นมาบ้างแล้วจริงๆ

“ดีจริงๆ!” คนระดับสูงฝั่งตำหนักเทพยักษ์มองเห็นจอมเทพเทียนฮ่าวถูกจ้าวเฟิงไล่โจมตี ใบหน้าฉายแววตื่นเต้นยินดีกันทันใด

บางคนในนี้เป็นพวกผู้นำระดับสูงที่ไม่ได้ชื่นชอบจ้าวเฟิงมากนัก ใบหน้าต่างแดงเรื่อกันหมด

ทางฝั่งการต่อสู้ของจอมเทพ มู่กู่และจอมเทพอิ๋นอวี้ต่างต่อสู้กันอย่างดุเดือด

“ความสามารถของเจ้านี่ไปถึงระดับไหนกันแน่?”

มู่กู่ปรายตามองที่ไกลๆ ด้วยใบหน้าตื่นตระหนก

ฟุ่บ ฟุ่บ! แสงสว่างมากมายพุ่งกระจาย ดาบขนนกและคมดาบสอดประสานเข้าหากันจนมวลอากาศบิดเบี้ยว

“คมดาบเวลา!” มู่กู่ฟันฝ่ามือกลางอากาศ พลังเวลาที่แข็งแกร่งกลายเป็นคมดาบสีขาวเล่มใหญ่ยักษ์

เปรี๊ยะ!

ดาบแห่งเวลาแห่งนั้นทะลวงไปในอากาศ ตรงไปเบื้องหน้าจอมเทพอิ๋นอวี้

‘เป็นกฎเกณฑ์เวลาที่ทรงพลังนัก!’ จอมเทพอิ๋นอวี้ตื่นตะลึง

เขาจำต้องยอมรับว่ามู่กู่สามารถใช้กฎเกณฑ์เวลาได้เหนือกว่าเขา

“เกราะกำบังปีกเงิน!” จอมเทพอิ๋นอวี้โคจรพลังเวลา และกระตุ้นอาวุธเทพปีกนกบนหลัง

เมื่อจู่ๆ ปีกยักษ์นั้นรวมเข้าหากัน ระหว่างปีกนกทั้งสองสอดประสานกันอย่างสมบูรณ์แบบ จนกลายเป็นเกราะทรงกลม ปกป้องจอมเทพอิ๋นอวี้เอาไว้ภายใน

โครม ตูม! คมดาบเวลาฟันลงมา พลังมหาศาลทำให้เกราะปีกนกสั่นอย่างรุนแรงจนกระเด็นออกไปไกลหลายลี้

‘บัดซบ ทำไมจอมเทพซิงเซี่ยงจึงไม่ลงมือสักที?’ จอมเทพอิ๋นอวี้กลัดกลุ้ม

จอมเทพซิงเซี่ยงเป็นจอมเทพขั้นสอง ถึงจะไม่ชำนาญการต่อสู้นัก แต่ก็สามารถพลิกสถานการณ์ทั้งหมดได้

อีกฟากหนึ่ง

การต่อสู้ระหว่างซินอู๋เหินและเจ้าตำหนักวิญญาณบรรพกาล ฝ่ายแรกยังคงทำได้เพียงป้องกันและสลายพลังเท่านั้น ตอนนี้ดูจะรับมือไม่ค่อยไหวแล้ว

“ครั้งนี้จะสังหารเจ้าให้สิ้นซาก!” เจ้าตำหนักวิญญาณบรรพกาลจ้องเขม็ง

แต่เวลานี้เอง ช่วงเอวของเขาก็เจ็บปวดถึงกระดูก รู้สึกร้อนรุ่มตามมา

“ทำไมอาการบาดเจ็บภายในถึงได้….กำเริบเอาในตอนนี้!”

เจ้าตำหนักวิญญาณบรรพกาลตัวสั่นเทิ้ม ยากจะเชื่อได้

เมื่อห้าล้านปีก่อน เขาเคยประมือกับจอมเทพขั้นสองผู้หนึ่ง ยังไม่รู้ผลแพ้ชนะ

แต่หลังจากนั้น ส่วนเอวของกายวิญญาณเขาก็บาดเจ็บสาหัส ถูกเพลิงพิษกัดกร่อน ถึงแม้เขาจะรักษาอาการบาดเจ็บแล้ว แต่ก็ไม่ฟื้นฟูทั้งหมด ยังเหลือแฝงอยู่ในร่างกาย แต่อาการบาดเจ็บนี้ไม่ได้กำเริบมาหลายล้านปีแล้ว แต่ทำไมจู่ๆ ถึงมาออกอาการเอาตอนนี้

“หรือเพราะผลกระทบจากนรกเพลิงโลกันตร์?”

เจ้าตำหนักวิญญาณบรรพกาลนึกสงสัย

ก่อนหน้านี้ นรกเพลิงโลกันตร์ยังระเบิด ‘เพลิงมหันตภัย’ ที่เลื่องชื่อออกมา

“ไม่ใช่สิ ไม่น่าจะมีแค่นี้…” ดวงตาเจ้าตำหนักวิญญาณบรรพกาลมืดทะมึนเกินจะเปรียบ ถึงแม้การที่อาการกำเริบนี้ดูไปแล้วมีที่มาที่ไป แต่ในฐานะที่เป็นจอมเทพขั้นสอง เขาคาดเดาได้ว่าไม่น่าจะง่ายดายแค่นี้

ในตอนนี้ เจ้าตำหนักวิญญาณบรรพกาลหวนระลึกถึงเรื่องที่ทำให้เขามาช้ากว่ากำหนดถึงครึ่งเดือน

“หรือว่าข้าจะโดนผู้แข็งแกร่งศาสตร์โชคชะตาเล่นงานเข้าแล้ว?”

เจ้าตำหนักเกิดความคิดนี้ขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

ผู้แข็งแกร่งศาสตร์โชคชะตาสังหารคนได้ไร้ร่องรอย ใช้ศาสตร์การทำนายลอบกระตุ้นสรรพสิ่ง ส่งผลกระทบต่อทุกอย่าง!

“หืม? เจ้าตำหนักวิญญาณบรรพกาล…” ซินอู๋เหินพลันสังเกตเห็นอาการผิดปกติของเจ้าเจ้าตำหนักวิญญาณบรรพกาล

ในการปะทะกันครั้งต่อมา เขาพบว่าพลังของเจ้าตำหนักลงลง ขณะต่อสู้ใจก็ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

ซินอู๋เหินค่อยๆ สังเกตเห็นว่าอาการบาดเจ็บของเจ้าตำหนักวิญญาณบรรพกาลกำเริบ กำลังรบก็ได้รับผลกระทบตามไปด้วย

ในยามนี้เอง แรงกดดันจากซินอู๋เหินเพิ่มขึ้นมาก

ถึงขนาดที่ว่าหากสู้กันนาน อาการบาดเจ็บของเจ้าตำหนักวิญญาณบรรพกาลก็จะหนักหนาขึ้นไปอีก ดังนั้นขอแค่ซินอู๋เหินต่อสู้ยืดเยื้อไป ไม่แน่ว่าอาจยังพอมีหวังที่จะชนะ

ในนรกเพลิงโลกันตร์ที่ไกลลิบ จอมเทพซิงเซี่ยงมองเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก

จ้าวเฟิงต่อสู้กับจอมเทพเทียนฮ่าว บีบฝ่ายตรงข้ามจนจนตรอก

ส่วนพลังของจอมเทพอิ๋นอวี้ด้อยกว่ามู่กู่ การสู้แพ้เป็นเรื่องที่จะเกิดไม่ช้าก็เร็ว

เพียงแต่เขาคาดไม่ถึงว่า อาการบาดเจ็บของเจ้าตำหนักวิญญาณบรรพกาลจะกำเริบตอนนี้

“ดูท่าข้าคงต้องลงมือเสียแล้ว!” แววตาจอมเทพซิงเซี่ยงหนักอึ้ง

ถึงแม้ว่าเขาจะหวาดกลัวพลังศาสตร์โชคชะตาลึกลับนั้นขนาดไหน แต่ยามนี้เขาจำเป็นต้องลงมือแล้ว

เขาประสานนิ้วมือสองข้างสำแดงเคล็ดวิชา ตัวอักขระยึกยือส่องแสงสว่างลอยขึ้นมาตัวแล้วตัวเล่า และหลอมรวมเข้าไปในฟ้าดิน

ไกลออกไป จอมเทพอิ๋นอวี้และมู่กู่ที่กำลังต่อสู้กันยังสัมผัสได้

“ดี!” ใบหน้าจอมเทพอิ๋นอวี้ฉายแววยินดี รีบถอยร่นไปทันที

ฟิ้ว วูบ วูบ!

อักขระสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนพลันปรากฏขึ้นกลางอากาศ ค่ายกลมายาเกาะกลุ่มรวมตัวกันในพริบตา

“นี่มันค่ายกลความลับสวรรค์!” มู่กู่หน้าเปลี่ยนสีทันที ล่าถอยไปอย่างรวดเร็ว

แต่ทั้งหมดนี้ช้าไปเสียแล้ว

ภายในค่ายกลความลับสวรรค์สีทองกลางอากาศ จู่ๆ ก็สาดแท่งแสงสีทองนับไม่ถ้วนออกมากระจายตัวอยู่ทั่วภายในค่ายกล

เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ!

ถึงแม้ว่ามู่กู่จะรวดเร็วอย่างยิ่ง แต่ค่ายกลเหมือนมีขีดจำกัดที่แข็งแกร่ง กดกฎเกณฑ์เวลาของเขาไว้ได้

เปรี๊ยะ ฉัวะ! แท่งแสงอักขระทองสองแท่งพุ่งทะลุทรวงอกและบ่าขวาของมู่กู่

เห็นเพียงร่างกายส่วนที่โดนแท่งแสงทะลวงผ่าน คลื่นแสงขาวค่อยๆ ก่อตัวเป็นรูปเป็นร่าง

‘แย่ล่ะ สายเลือดเผ่าแสงโดนข่มเอาไว้แล้ว!’ มู่กู่ในสั่นสะท้าน

ค่ายกลความลับสวรรค์ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นนี้ไม่ได้ส่งผลร้ายใดๆ แต่เมื่อโดนมันเข้าจะถูกกดพลังสายเลือดในร่างกายไว้

พรึ่บ! ค่ายกลเผ่าความลับสวรรค์ค่อยๆ สลายตัวไป

แต่สายเลือดเผ่าแสงส่วนมากของมู่กู่ถูกข่มเอาไว้

“ตายซะ!” จอมเทพอิ๋นอวี้หัวเราะร่วนไม่หยุด และปรี่เข้ามาหามู่กู่อีกครั้ง

เมื่อสายเลือดเผ่าแสงโดนกดข่มเอาไว้ พลังในแต่ละด้านของมู่กู่จึงลดลงตามไปด้วย

“ปีกเงินจู่โจม!” ปีกนกอาวุธเทพระดับสุดยอดด้านหลังจอมเทพอิ๋นอวี้โบกสะบัดติดต่อกัน ก่อนที่ขนนกมายาจะพุ่งทะลวงออกมา

โครม ตูม! มู่กู่ทุ่มพลังทั้งหมดใช้วิชาป้องกัน แล้วต้านทานเอาไว้

พริบตานั้น มู่กู่ตกอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบ ถูกจอมเทพอิ๋นอวี้รุกโจมตี คนอื่นที่เหลือในสนามรบต่างตื่นตะลึง

“นี่มันเรื่องอะไรกัน?” ยอดผู้อาวุโสที่กำลังต่อสู้มีสีหน้านิ่งอึ้ง

ตอนแรกมู่กู่เป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่จู่ๆ ก็มีค่ายกลปรากฏขึ้นกลางอากาศ และเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ทั้งหมด

“ยังมีผู้แข็งแกร่งคนอื่นอยู่แถวนี้!” แววตาซินอู๋เหินเคร่งขรึมลงไป

แต่ดูท่าทางแล้ว ผู้แข็งแกร่งผู้นี้เห็นว่าสถานกาณ์ย่ำแย่ ถึงได้จำใจลงมือ ไม่ได้คิดจะเข้าร่วมศึกหรือว่าเปิดเผยตัวตน

ไม่ต้องเสียเวลาคิด เห็นทีคงเป็นเผ่าความลับสวรรค์แน่!

และในตอนนี้ มู่กู่ถูกจอมเทพอิ๋นอวี้ทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส

“หนี!” ตอนนี้มู่กู่ไม่คิดหน้าคิดหลังให้มากอีกแล้ว หากเขาอยู่ที่นี่ต่อ อาจต้องตายก็เป็นได้

เปรี๊ยะ! ทั่วร่างมู่กู่เปล่งแสงสีขาวลี้ลับเป็นประกาย เขากลายร่างเป็นแสงลึกลับสายหนึ่งบินหนีไปไกลอย่างรวดเร็ว

“ไม่ต้องตาม!” เสียงวิญญาณดังขึ้นในหัวจอมเทพอิ๋นอวี้

“ถ้าหากเจ้าไล่ตามไป ตำหนักวิญญาณบรรพกาลอาจพ่ายแพ้ได้ ยิ่งไปกว่านั้น นั่นก็แค่เผ่าแสงคนหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องใส่ใจมากนัก ตอนนี้เจ้าไปสู้กับจ้าวเฟิงเสีย จับเป็นมันมาให้ได้!”

จอมเทพซิงเซี่ยงถ่ายถอดคำสั่งอีกครั้ง

ก่อนหน้านี้ ยามที่เขาอนุมานสถานการณ์ศึกทั้งหมด เป้าหมายที่จัดการที่สุดก็คือจ้าวเฟิง อีกทั้งผลของการคาดการณ์นี้ยังคลุมเครือยิ่งนัก

บวกกับพลังฝึกตนขั้นครึ่งก้าวสู่จอมเทพของจ้าวเฟิง คิดไม่ถึงว่าจะเล่นงานจอมเทพเทียนฮ่าวจนบาดเจ็บสาหัสได้ ทำให้จอมเทพซิงเซี่ยงสนใจในตัวเขามากขึ้น

หนำซ้ำก่อนนี้เขายังได้ยินมาว่าจ้าวเฟิงมีแมววิเศษตัวหนึ่ง

ในตอนนี้ ถึงแม้เจ้าแมวขโมยตัวน้อยจะไม่ปรากฏกายออกมา แต่จอมเทพซิงเซี่ยงเหมือนจะคาดเดาอะไรได้แล้ว

“ได้!” จอมเทพอิ๋นอวี้หมุนกายบินหนีไปทางด้านหลัง

ตอนนี้เอง จ้าวเฟิงบีบจอมเทพเทียนฮ่าวเสียจนตรอก ในขณะที่กำลังจะสังหารอีกฝ่ายนั้นเอง

ชั่วขณะนั้น เขารู้สึกได้ถึงกลิ่นอายทรงพลังที่กำลังคืบคลานเข้ามาใกล้

“ไม่ดีแล้ว จอมเทพสองคน!” สีหน้าจ้าวเฟิงตื่นกลัว

หนำซ้ำจอมเทพอิ๋นอวี้ผู้นี้เป็นจอมเทพที่ครอบครองสายเลือดเผ่าแสง

“จ้าวเฟิง ระวัง!” ซินอู๋เหินร้องขึ้นทันควัน

“นายท่าน!”

บริเวณด้านล่าง เผ่าพันธุ์บรรพกาลทั้งหลายก็กังวลใจเช่นกัน

ครึ่งก้าวสู่จอมเทพผู้หนึ่งสามารถเอาชนะจอมเทพชั้นยอดได้ ก็นับว่าเป็นปาฏิหาริย์แล้ว แต่หากต้องเผชิญหน้ากับจอมเทพสองคนเล่า?

ท่ามกลางอันตรายร้ายแรงและความกดดัน จ้าวเฟิงสงบนิ่งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ในเวลานี้เอง ดวงตาซ้ายของเขาพลันฉายแววเจ็บปวด

ภายในมิติดวงตาเทพเจ้า ลูกแสงมายาสีเงินสั่นไหวรุนแรง ลวดลายเนตรด้านบนถูกย้อมด้วยสีมายาดุจความฝัน เหลือเพียงแค่จุดสุดท้ายเท่านั้น!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version