บทที่ 1472 แผนของสำนักวายุลมกรด
ถังไป๋ก็คิดไม่ถึงว่าสำนักวายุลมกรดและหอหงส์เพลิงที่ราวกับน้ำและไฟจะร่วมมือกันจัดการกลุ่มของเขา
“บัดซบ เป็นอย่างนี้เองงั้นรึ!” จอมเทพขวงเจี้ยนกัดฟันกรอดด้วยความโมโห
ตอนนี้ เขาเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้คนของหอหงส์เพลิงไม่ได้ทำร้ายเขาที่แท้พวกเขาคิดจะล่อสมาชิกกลุ่มถังไป๋ออกมาทั้งหมด จากนั้นก็จัดการในทีเดียว!
“สถานการณ์ไม่ดีแล้ว!” จ้าวเฟิงส่ายหน้า
สถานการณ์ในตอนนี้ไม่ดีต่อพวกเขามาก
“ทั้งหมดนี้เป็นพวกเจ้าที่รนหาที่เอง!” ผู้อาวุโสชุดคลุมไฟของหอหงส์เพลิงมีสายตาเย็นชา
หากไม่ใช่การปรากฏตัวขึ้นของถังไป๋ สำนักวายุลมกรดและหอหงส์เพลิงอาจจะลงมือชิงเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนไปนานแล้ว แต่พลังของสองขั้วอำนาจไม่ต่างกันมาก หากสู้กันจนเลยเถิด กลุ่มของถังไป๋ก็จะชุบมือเปิบได้ผลประโยชน์ไปทั้งหมด เห็นทีข่าวที่เศษเสี้ยวอาวุธนรกเพลิงปรากฏตัวขึ้นจะแพร่ไปทั่วแล้ว
ก่อนหน้านี้ขั้วอำนาจทั้งสองตัดสินใจร่วมมือกันชั่วคราวเพื่อตีกลุ่มของถังไป๋ให้แตกพ่ายก่อน จากนั้นค่อยลงมือชิงเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนอย่างรวดเร็ว
“ลงมือ นอกจากถังไป๋แล้ว คนอื่นสังหารให้สิ้น!” เจ้าสำนักวายุลมกรดคำรามเสียงต่ำ
ฟุ่บ ฟุ่บ~ จอมเทพอีกสี่คนที่ตามเขามาถึงที่นี่พุ่งออกไปทันที
“พวกเจ้าก็บุกไปด้วย!” เจ้าหอหงส์เพลิงยืนบัญชาอยู่ที่เดิม
จอมเทพจวี้หลิงรีบนำจอมเทพสองคนทะยานออกไปโจมตี
“หืม? จอมเทพขั้นสองสองคนไม่คิดลงมือเอง?” สายตาจ้าวเฟิงเหลือบมองเจ้าหอหงส์เพลิงและเจ้าสำนักวายุลมกรด
เมื่อคิดให้ละเอียดแล้วเขาก็เข้าใจ
ถึงแม้ขั้วอำนาจทั้งสองจะร่วมมือกันชั่วคราว แต่ความแค้นของพวกเขาหยั่งลึกนัก ไม่ได้เชื่อใจกันไปเสียทั้งหมด และการต่อสู้ของจอมเทพก็วุ่นวายเกินไป หากฝั่งหนึ่งลอบโจมตี อีกฝั่งหนึ่งก็อันตราย
นอกจากนั้น การโจมตีกลับก่อนตายของจอมเทพ ต่อให้เป็นจอมเทพขั้นสองก็ไม่กล้าประมาท หนำซ้ำต่อไปยังต้องชิงเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชน ดังนั้นผู้นำของขั้วอำนาจทั้งสองจึงไม่บุ่มบ่ามลงมือ อีกทั้งถึงพวกเขาไม่ลงมือ ดูจากภายนอกก็ยังสามารถบดขยี้กลุ่มของถังไป๋ได้
ฝั่งสำนักวายุลมกรดมีจอมเทพสี่คน จอมเทพขั้นหนึ่งสองคน ขั้นหนึ่งสุดยอดสองคนส่วนหอหงส์เพลิงมีจอมเทพสามคน จอมเทพจวี้หลิงเป็นจอมเทพขั้นสอง และยังมีสตรีชุดแดงที่เป็นขั้นหนึ่งสุดยอดอีกคนหนึ่ง
“ถังไป๋ ข้าจะเล่นเป็นเพื่อนเจ้า!” จอมเทพจวี้หลิงหัวเราะลั่น บดขยี้ไปยังถังไป๋พร้อมด้วยพลังฟ้าดินที่หนักหน่วงเป็นอย่างยิ่ง
ภารกิจของเขาคือตรึงกำลังถังไป๋เอาไว้ ให้คนอื่นที่เหลือสังหารสมาชิกของกลุ่มถังไป๋ ถึงตอนนั้นถังไป๋ตบมือข้างเดียวไม่ดัง ก็จะไม่เป็นภัยคุกคามอะไรต่อสองขั้วอำนาจแล้ว
สีหน้าของถังไป๋โกรธแค้น กลิ่นอายสายเลือดแข็งแกร่งแผ่ระลอกออกมาจากในกายเทพ
วู้ม! ร่างของเขาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีขาว ส่องประกายแสงน้อยๆ ปลดปล่อยพลังประหลาดที่ผนึกทุกสรรพสิ่งออกมาชั้นหนึ่ง
ครืน ฟุ่บ ฟุ่บ!
พัดในมือของเขาสะบัดไป คลื่นแสงสีขาวระยิบระยับโจมตีไปข้างหน้าทุกแห่งหนจุดที่ถูกถังไป๋โจมตี พลังลดลงทันใด
“ถอย!” ถังไป๋แอบส่งกระแสจิตบอกสมาชิกของเขา
อีกฝ่ายยังมีจอมเทพขั้นสองที่ยังไม่ได้ลงมือ ทุกคนยังมีโอกาสมีชีวิตรอดต่อไป
อีกด้านหนึ่ง
จอมเทพหกคนบดขยี้มายังจอมเทพขวงเจี้ยนและพวกจ้าวเฟิง การโจมตีกระจายเต็มทั่วฟ้า โจมตีมาราวกับฟ้าดินจะถล่ม
“สังหาร!” เพลิงโทสะของจอมเทพขวงเจี้ยนคุกรุ่น กระบี่ยาวสีทองในมือแผ่จิตกระบี่ทรงพลังที่สะเทือนฟ้าดิน
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!
แสงพิฆาตสีทองนับไม่ถ้วนพุ่งมาอย่างรวดเร็ว ฟันจนทะเลเพลิงที่โหมซัดแหว่งเป็นรอยนับไม่ถ้วน สมาชิกที่เหลือของกลุ่มถังไป๋ต่างลงมือเช่นกัน
ชายตัวโตเกราะดำคือผู้แข็งแกร่งที่ฝึกกาย มีพลังน่าพรั่นพรึง ส่วนกลวิชาของสตรีชราชุดม่วงไปทางด้านวิญญาณ
จ้าวเฟิงตวัดกระบี่เทพรวมศูนย์ในมือ ทลายการโจมตีที่ตรงมาอย่างง่ายดาย ถึงแม้ทุกคนจะโกรธแค้นมาก แต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่ต้องสู้จนตัวตาย อีกฝ่ายมีจำนวนคนมาก อีกทั้งจอมเทพขั้นสองยังไม่ได้ลงมือ
ทุกคนสู้ไปพลางถอยไปพลาง ในระหว่างนี้มีคนได้รับบาดเจ็บอยู่ตลอดเวลา
“ไร้ประโยชน์!” เจ้าหอหงส์เพลิงแค่นเสียงเหยียดหยาม
ขั้วอำนาจสองฝั่งเพียงแค่ใช้กำลังบางส่วน ก็สามารถจัดการกลุ่มของถังไป๋ได้
ส่วนเขาจับตามองเจ้าสำนักวายุลมกรดก็พอ เขารู้จักเจ้าสำนักวายุลมกรดดี คนคนนี้เจ้าเล่ห์เพทุบาย จะต้องป้องกันเอาไว้
สนามต่อสู้ที่วุ่นวายของจอมเทพค่อยๆ ห่างออกไปจากจอมเทพขั้นสองทั้งสอง
‘ฝั่งศัตรูมีเจ็ดคน ในนั้นคนที่แข็งแกร่งที่สุดคือจอมเทพจวี้หลิง คนที่เหลือไม่ต้องเป็นกังวล แต่ประเด็นคือจอมเทพสองคนนั้นยังจับตามองดูอยู่!’ จ้าวเฟิงวิเคราะห์สถานการณ์ในตอนนี้ด้วยสายตาเคร่งเครียด
หากเขาสำแดงพลังก็จะสามารถพลิกสถานการณ์ได้ แต่หากสถานการณ์เกิดการเปลี่ยนแปลง จอมเทพสองคนนั้นก็อาจลงมือ
‘ไม่สนแล้ว ต่อให้เป็นจอมเทพขั้นสองก็ทำอะไรข้าไม่ได้!’ จิตสังหารในดวงตาของจ้าวเฟิงทะลักล้น หากเขาไม่เผยพลังออกมา ฝั่งถังไป๋ก็แทบไม่มีโอกาสชนะเลย
อีกทั้งคนที่แย่งชิงเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนในครั้งนี้มีเยอะมาก และยังมีขั้วอำนาจอื่นอีก มีกระทั่งคนของแดนศักดิ์สิทธิ์อื่นกำลังไล่ตามมา ความหวังที่จ้าวเฟิงจะได้เศษเสี้ยวนรกเพลิงมาก็ยิ่งน้อย มิสู้สังหารจอมเทพบางคน สินสงครามของจอมเทพก็เป็นทรัพย์สินมหาศาลอยู่เหมือนกัน อีกทั้งถึงตอนนั้น เขาล่อผู้ดูแลสูงสุดของขั้วอำนาจห้าดาวทั้งสองไป พวกถังไป๋ก็หลุดพ้นปัญหาไปได้ จ้าวเฟิงก็ไม่ติดค้างอะไรกับพวกเขา
“ฆ่า!” กระบี่เทพรวมศูนย์ในมือของจ้าวเฟิงพลันขยายใหญ่ขึ้น ประกายอัสนีเทวะที่น่าหวาดกลัวเอ่อขึ้นเหนือกระบี่
ฟุ่บ! เขาพุ่งโจมตีไปยังชายวัยกลางคนชุดครามของสำนักวายุลมกรด
จอมเทพฝั่งศัตรู จ้าวเฟิงรู้จักเพียงแค่สองคน นั่นก็คือชายวัยกลางคนชุดครามของสำนักวายุลมกรดและจอมเทพจวี้หลิงของหอหงส์เพลิง
“จ้าวหวาง อย่า!” ชายตัวโตเกราะดำตะโกนทันใด
หากไม่นับจอมเทพจวี้หลิง อีกฝ่ายมีจอมเทพหกคน จ้าวเฟิงพุ่งเข้าไปเป็นการรนหาที่ตายชัดๆ
“อยากฆ่าข้าถึงเพียงนี้เชียว!” ชายวัยกลางคนหัวเราะชั่วร้าย ดาบแสงสีเขียวในมือฟันเงาดาบลมสีเขียวออกไปถี่ยิบ
“รนหาที่ตาย!” สตรีชุดแดงและสมาชิกคนอื่นรีบซัดพลังไฟไปที่จ้าวเฟิง
ฟิ้ว! จ้าวเฟิงกระตุ้นกฎเกณฑ์เวลาและเสวียนอ้าวมิติ ร่างกะพริบแล้วหายวับไป
ขณะเดียวกัน สีของวงแสงรวมศูนย์รอบกายเขาเข้มขึ้น ก่อเป็นหลุมกลมมืดทะมึนหลุมหนึ่ง รอบด้านแผ่กระจายพลังบิดเบี้ยวและกัดกินที่แข็งแกร่งออกมา
ครืน ตูม บึ้ม!
จ้าวเฟิงเร็วเป็นอย่างมาก หลบหลีกการโจมตีส่วนใหญ่ไปได้ การโจมตีอีกส่วนหนึ่งถูกหลุมดำรวมศูนย์สกัดกั้นไว้
“ร้ายกาจยิ่งนัก!” แววตาของชายตัวโตเกราะดำอึ้งตะลึง!
เสี้ยวขณะนี้ ความเร็วที่จ้าวเฟิงสำแดงออกมา แม้กระทั่งจอมเทพขวงเจี้ยนก็ยังสู้ไม่ได้ อีกทั้งเคล็ดวิชาป้องกันของจ้าวเฟิงยังแข็งแกร่งมากด้วย
“บุก!” แววตาจอมเทพขวงเจี้ยนฉายประกายเหี้ยมโหด อานุภาพกระบี่ในมือพลันเพิ่มขึ้น ก่อนจะฟันฝนกระบี่แสงทองคมกริบออกไป
หลายคนที่เหลือเห็นจ้าวเฟิงแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ ก็ดึงพลังไฟบางส่วนมาแล้วตรงไปสังหารเช่นกัน
“บัดซบ เป็นไอ้เด็กนั่นอีกแล้วรึ!” จอมเทพจวี้หลิงมองไปยังจ้าวเฟิง สบถด่าอย่างอดไม่ได้
ในตอนนั้นที่ประมือกับจ้าวเฟิง เขาก็รู้แล้วว่าพลังของจ้าวเฟิงไม่ธรรมดา แต่ว่าโดยทั่วไปแล้ว ฝั่งของพวกเขาไม่มีทางแพ้ ถึงแม้เขาจะไม่ใช่คู่มือของถังไป๋ แต่ภารกิจของเขาก็แค่ตรึงกำลังของถังไป๋เอาไว้เท่านั้น
“สังหาร!” สองมือจ้าวเฟิงถือกระบี่ฟันออกไป
เห็นกระบี่พลังมหาศาลใกล้จะฟาดฟันลงมาเต็มที ชายวัยกลางคนชุดครามสีหน้าเปลี่ยนไปทันใด เขาเตรียมจะหลบ แต่กลับพบว่าความคิดและการเคลื่อนไหวของตนเชื่องช้ายิ่งนัก
ชายวัยกลางคนชุดครามหลบการโจมตีกระบวนท่านี้ไม่ได้แล้ว!
“ผู้เยาว์ เจ้ากำเริบเกินไปแล้ว!”
แต่ฝั่งชายวัยกลางคนชุดครามมีจอมเทพเยอะ พวกเขารีบลงมือสกัดกั้นการโจมตีกระบวนท่านี้แทนทันที
ในขณะเดียวกัน พวกจอมเทพขวงเจี้ยนก็โจมตีมา
สตรีชุดแดงและจอมเทพคนอื่นรีบเข้ารับมือคนที่เหลือ
“ตาย!” ตาซ้ายของจ้าวเฟิงเพ่งไปยังร่างของชายกลางคนชุดคราม
วูบ! เจตจำนงดวงตาแผ่ระลอกคลื่น กระบี่เทพรวมศูนย์ขนาดเล็กพุ่งออกมา
ชายกลางคนชุดครามที่แต่เดิมคิดว่าพ้นอันตรายแล้ว จู่ๆ พลันรู้สึกถึงอันตรายแห่งความตาย
“แย่แล้ว!” ชายกลางคนชุดครามรีบสำแดงเคล็ดวิชาลับป้องกันวิญญาณ ระฆังใบใหญ่สีดำพลันปรากฏขึ้นรอบกายเขาทันใด
ครืน บึ้ม! กระบี่รวมศูนย์แทงเข้าในระฆังใบใหญ่สีดำแล้วทะลวงผ่านออกไป
“ไม่…เป็นไปไม่ได้!” สายตาของชายชุดครามฉายแววไม่คาดคิด สั่นเทิ้มไปทั่วทั้งร่าง
ฉึก! กระบี่เทพรวมศูนย์ที่พุ่งทะลุระฆังสีดำแทงเข้าไปในวิญญาณของเขา พลังรวมศูนย์ที่แข็งแกร่งโจมตีเข้าไป เสี้ยวขณะต่อมา วิญญาณของเขาแหลกสลาย กระจายหายไปในท้องฟ้า!
“ตายแล้วรึ?” สตรีชุดแดงฝั่งศัตรูอึ้งตะลึง
เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียว จ้าวเฟิงก็สังหารจอมเทพขั้นหนึ่งลงได้ เขาทำได้อย่างไรกัน?
“ดี!” ชายตัวโตเกราะดำอดดีใจขึ้นไม่ได้
จ้าวเฟิงสังหารคนได้หนึ่งคน ความกดดันของเขาก็ลดลงไปมาก
“สังหาร!” หลังจากสังหารไปคนหนึ่งแล้ว จ้าวเฟิงก็ไม่ได้หยุดพัก โจมตีไปยังจอมเทพอีกคนหนึ่งต่อ
วิชาที่เขาเชี่ยวชาญมากที่สุดคือวิชาดวงตา ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยแสดงฝีมือด้านนี้ออกมา ด้วยเหตุนี้เมื่อลงมือก็โจมตีเสียจนรับมือไม่ทัน ด้วยพลังวิญญาณขั้นหนึ่งสุดยอดของจ้าวเฟิง เคล็ดวิชาลับป้องกันของชายกลางคนชุดครามคนนั้นไร้ความหมาย และถูกสังหารลงในเสี้ยววินาที
วู้ม! พลังกฎเกณฑ์เวลาปกคลุมไปบนร่างของจอมเทพขั้นหนึ่งคนหนึ่งของหอหงส์เพลิง
“แย่แล้ว!” จอมเทพคนนี้สัมผัสได้ถึงสิ่งผิดปกติ จึงร้องขอความช่วยเหลือจากคนอื่น
แต่ตอนนี้มีเพียงแค่จอมเทพคนหนึ่งที่มาช่วยได้เท่านั้น
ขวับ! จ้าวเฟิงอ้อมจอมเทพคนนี้ไปอย่างรวดเร็ว ทั้งยังฟันประกายกระบี่รวมศูนย์ออกไปหลายสาย ทำให้อีกฝ่ายทำอะไรไม่ถูก
“ไม่…” จอมเทพหอหงส์เพลิงสัมผัสได้ถึงภยันตรายรุนแรงจึงเผาผลาญพลังเทพ รอบกายมีเงามายาของอาณาจักรเทพอันกว้างใหญ่ปรากฏขึ้น แต่ไม่ว่าเขาจะทำเช่นไร จ้าวเฟิงก็ยังคงพุ่งเข้าไป กระบี่อัสนีเทวะกวัดแกว่งอย่างบ้าคลั่ง
ครืน บึ้ม! เงามายาอาณาจักรเทพแตกสลาย รอยแผลดำมืดที่ยากจะลบเลือนปรากฏอยู่บนร่างจอมเทพหอหงส์เพลิงหลายรอย แต่ทว่าการโจมตีของจ้าวเฟิงไม่หยุดลงเลยแม้แต่น้อย ประกายกระบี่รวมศูนย์พวยพุ่งไปอย่างมืดฟ้ามัวดิน ข้างในยังแฝงไว้ด้วยเพลิงดวงตาอัสนีเทวะ
ครืน บึ้ม! จอมเทพหอหงส์เพลิงคนนี้ถูกการโจมตีโหมกระหน่ำของจ้าวเฟิงสังหารลงทันที
สังหารจอมเทพไปแล้วอีกคนหนึ่ง!
อีกด้าน สีหน้าของจอมเทพจวี้หลิงตื่นตะลึง จากนั้นจึงร้องอย่างตกใจ “เป็นไปได้อย่างไร? พลังของเจ้านี่แข็งแกร่งกว่าตอนแรกไม่น้อยเลย!”
“มันมีกฎเกณฑ์เวลา จอมเทพขั้นหนึ่งทั่วไปอยู่ในเงื้อมมือมันแล้วไม่สามารถต้านทานได้เลย!” สตรีชุดแดงรู้สึกไร้เรี่ยวแรง
“เยี่ยม สหายจ้าว ข้ามองเจ้าไม่ผิดจริงๆ!” ถังไป๋ดีใจอย่างคาดไม่ถึง
จอมเทพขวงเจี้ยนและพวกสตรีชราชุดม่วงในกลุ่มของถังไป๋ก็ตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง
ก่อนหน้านี้พวกเขามองจ้าวเฟิงเป็นจอมเทพขั้นหนึ่งทั่วไป สุดท้ายในการต่อสู้ จ้าวเฟิงกลับทำให้พวกเขาต้องตกใจครั้งใหญ่
จอมเทพขวงเจี้ยนผู้แข็งแกร่งอันดับสองของกลุ่มก่อนหน้านี้ก็ยังเทียบจ้าวเฟิงไม่ติด
จากที่ไกลลิบ สีหน้าผู้ดูแลสูงสุดของหอหงส์เพลิงและสำนักวายุลมกรดเปลี่ยนไปเล็กน้อย
จ้าวเฟิงสังหารจอมเทพของสำนักวายุลมกรดและหอหงส์เพลิงไปติดๆ กันแล้ว
“คนคนนี้แข็งแกร่งถึงเพียงนี้เชียวรึ!” แววตาของเจ้าสำนักวายุลมกรดลุ่มลึกดุจน้ำนิ่ง สบถด่าในใจ ‘ไอ้ตัวไร้ประโยชน์นั่น ทำให้ข้าสูญเสียกำลังเสริมเช่นนี้ไป!’
คนที่เจ้าสำนักวายุลมกรดสบถด่าในใจ ย่อมเป็นชายวัยกลางคนชุดครามที่ตายไปแล้วคนนั้น
“เจ้าคนนี้พลังไม่ธรรมดา ฝั่งของพวกเราตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ!”
เจ้าหอหงส์เพลิงกำหมัดแน่น เปลวเพลิงบนชุดคลุมไฟลุกโชติช่วง เตรียมตัวลงมือ
แต่ในตอนนี้เอง เจ้าหอหงส์เพลิงได้รับข่าวฉบับหนึ่ง สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที โมโหเกินบรรยาย เปลวไฟในฟ้าดินลุกไหววูบ
“บัดซบ…กล้าหลอกข้างั้นรึ!” เจ้าหอหงส์เพลิงจ้องไปยังเจ้าสำนักวายุลมกรด เพลิงโทสะในใจคุกรุ่น
ข่าวที่เขาเพิ่งได้รับรายงานว่า คนของสำนักวายุลมกรดล่อให้เศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนปรากฏขึ้นที่ใจกลางมหาสมุทรเพลิงสวรรค์แล้ว!
เงื่อนไขที่สำนักวายุลมกรดเสนอให้ตอนจับมือกันชั่วคราว ตอนนั้นเขาก็รู้สึกไม่ค่อยชอบมาพากลแล้ว แต่พวกถังไป๋สังหารผู้เฒ่าสีชาดของหอหงส์เพลิง ดังนั้นเขาจึงตอบตกลง
ตลอดทางเขาคอยระวังเจ้าสำนักวายุลมกรดมาโดยตลอด กลับคาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะซ้อนแผน